ในเวลานี้ศีรษะของซี๋วจื้อเจี๋ยลอยขึ้นสูง มองเห็นเลือดสดๆ ที่พวยพุ่งขึ้นมา
พริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ถือโอกาสฟันฉับเข้าให้ตามอารมณ์ ได้ยินเสียงดังจึ๊ดศพที่เดิมปราศจากศีรษะถูกหลี่ชิเย่ผ่าครึ่งออกเป็นสองซีกในกระบี่เดียว เสียงช่าาาดังขึ้น ทั้งเลือดทั้งเครื่องในร่วงลงมากองเต็มพื้น
ขณะที่ศีรษะของซี๋วจื้อเจี๋ยกลิ้งไปไกลแล้ว ยังสามารถมองเห็นภาพนี้ได้ เขาอ้าปากกว้างอยากจะร้องเสียงแหลมออกมา แต่เพิ่งจะรู้ว่าร้องออกมาไม่ได้ เพราะเวลานี้เขาได้ถูกหลี่ชิเย่สังหารไปในกระบี่เดียวเสียแล้ว
กระบี่แรกสังหารพันคน กระบี่ที่สองสังหารจิ้งจอกเงิน เวลานี้ทั่วทั้งฟ้าดินกลับกลายเป็นเงียบสงัดยิ่งนัก กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปทั่วเขาฟันหลอ ทุกคนต่างหนาวสะท้านในใจเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
ครั้นผู้คนจำนวนมากได้สติกลับมา ขณะมองดูหลี่ชิเย่นั้น สายตาของทุกคนพลันเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
เวลานี้คนหนุ่มตรงหน้าที่ดูธรรมดาผู้นี้ หาใช่ชายหนุ่มที่ธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นยมทูตองค์หนึ่ง เป็นคนโหดที่น่ากลัวปราศจากขอบเขต ถ้าเขาลงมือเมื่อไร ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องเกิดทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์
คนโหดอันดับหนึ่ง…หลังจากครู่ใหญ่ผ่านไป จึงมีผู้ที่รับรู้ถึงฉายาเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ บางทีอาจมีผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ แล้ว ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมยิ่งไปกว่าอาศัยฉายานี้มาเปรียบเปรยตัวเขา
เจ้าแห่งแดนอุดรมีสีหน้าที่ซีดเผือดไปทันที ร่างสั่นเทาไปทั้งร่างเมื่อมองเห็นบุตรชายของตนถูกสังหาร นาทีนี้แม้เขาคิดจะช่วยก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว
“เจ้าเดรัจฉานน้อย แดนอุดรของข้าไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า ไม่ตายไม่เลิกรา!” เวลานี้เจ้าแห่งแดนอุดรคำรามเสียงดังด้วยความโกรธดังก้องไปทั่วฟ้าดิน เพลิงแห่งความโกรธเสมือนดั่งภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นมาอย่างนั้น ต้องการไหลท่วมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก กล่าวสำหรับเจ้าแห่งแดนอุดรแล้ว เขายินดีทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้กับบุตรชายของตนที่ตายไป!
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะสงเคราะห์เจ้า ด้วยการทำลายล้างแดนอุดรของพวกเจ้าเสีย” สำหรับคำพูดที่โกรธแค้นยิ่งนักของเจ้าแห่งแดนอุดรนั้น หลี่ชิเย่มีปฏิกิริยาที่รียบเฉยมาก ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“เหล่าผู้กล้าแดนอุดร แก้แค้นให้กับนายน้อย!” เวลานี้เจ้าแดนอุดรคำรามเสียงดัง หยิบดาบราชันของบุตรชายที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา เสียงตึงดังขึ้น ประกายดาบราชันหมื่นจ้างพลันล็อคหลี่ชิเย่ที่เป็นเป้าหมายเอาไว้
เสียงตูม…ดังสนั่น ทันใดนั้นเอง ยอดฝีมือทั้งหมดของแดนอุดรได้รวมตัวเข้าด้วยกัน เสมือนหนึ่งเป็นน้ำหลากเหล็กกล้าที่ยากจะต่อกร พลันไปรวมตัวอยู่ด้านหลังเจ้าแดนอุดรในเสี้ยววินาที พวกเขาคล้ายดั่งเป็นพยัคฆ์ดุร้ายตัวหนึ่งที่ยึดครองพื้นที่อยู่ตรงนั้น จ้องตาเป็นมันพร้อมกระโจนเข้าสังหารได้ทุกเวลา หมายฉีกเนื้อของหลี่ชิเย่ให้แหลกละเอียด
ย่อมไม่ต้องสงสัย แดนอุดรมีอิทธิพลสูงยิ่งในหอศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงเขาส่งเสียงขึ้นมาคำหนึ่งก็จะมีสำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนติดตามพวกเขา
ครั้นแดนอุดรรวบรวมกำลังไพร่พลได้เป็นจำนวนมาก ปณิธานการฆ่าดั่งคลื่นยักษ์ ปณิธานการสู้รบที่น่ากลัวดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง สามารถทำลายศัตรูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ทั้งหมด
“ไร้สมอง!” ต่อให้เจ้าแห่งแดนอุดรจะรวบรวมไพร่พลกองทัพได้เป็นหมื่น หลี่ชิเย่ยังคงมองดูแวบหนึ่งด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้นำมาใส่ใจแม้แต่น้อย
“พี่ท่าน กองกำลังซั่งของข้าจะช่วยเหลือเจ้าอีกแรง ร่วมมือกันขจัดเจ้าอัปลักษณ์นี่เสีย” เวลานี้เสียงตวาดทุ้มต่ำดังขึ้น ติดตามด้วยเสียงตูม ตูม ตูมที่เป็นเสียงกองทัพนับพันนับหมื่นที่ควบม้าวิ่งฮ้อเข้ามา เวลานี้มองเห็นค่ายตระกูลเฉินมีกองทัพอาชาที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรวิ่งออกมา ฉัพพลันก็บุกเข้าไปยังค่ายของแดนอุดร ทำการล้อมหน้าล้อมหลังหลี่ชิเย่เอาไว้ร่วมกับเจ้าแห่งแดนอุดร กระทั่งน้ำยังเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้
ผู้ที่ส่งกองทัพเข้ามาช่วยกะทันหันคือตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่ง ผู้ที่ยกทัพนับหมื่นมาด้วยตนเองก็คือเฉินไท่เหอ เจ้าบ้านตระกูลเฉินนั่นเอง ย่อมไม่ต้องสงสัย ในเวลานี้ภายในของตระกูลเฉินได้มีการตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยมูลค่าเท่าไรก็จะต้องสังหารหลี่ชิเย่ให้จงได้
ความจริงแล้ว ในขณะนี้ไม่เพียงแต่กองกำลังซั่งที่คิดเช่นนี้ ด้านหอศักดิ์สิทธิ์ก็คิดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะมีชาติกำเนิดมาจากจวนหวังหรือไม่ก็ตาม ก็ส่งผลกระทบและคุกคามต่อพวกเขามากมายเหลือเกิน ขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่ กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์อย่าหวังจะคิดช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์ได้เลย ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อไรที่หลี่ชิเย่ปีกกล้าขาแข็งแล้วล่ะก็ กระทั่งอาจทำให้กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไม่มีที่ยืนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็เป็นได้
ดังนั้น เวลานี้ไม่เพียงแต่เฉินเหอไท่กและเจ้าแห่งแดนอุดรที่ตัดสินใจเช่นนี้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนเท่าไรเพื่อสังหารหลี่ชิเย่เสีย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของกองกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็คิดเช่นนี้
จะกล่าวว่าเป็นการแก้แค้นให้กับบรรดาศิษย์ที่ตายไปก็ดี เพื่อกำจัดสิ่งคุกคามในอนาคตก็ช่าง พวกเขาก็จำเป็นต้องสังหารหลี่ชิเย่เสีย มิฉะนั้นล่ะก็ กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะไม่มีวันสงบสุขได้เลย!
เวลานี้ ยอดฝีมือของกองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์ได้ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้จนน้ำยังกระเด็นเล็ดรอดไปไม่ได้ ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายการฆ่า ปกคลุมไปทั่วทั้งเขาฟันหลอ เรียกว่าศึกยิ่งใหญ่พร้อมระเบิดขึ้นทุกเวลา
เวลานี้หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทียืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาเพียงหัวเราะทีหนึ่ง ถือโอกาสโยนกระบี่เหล็กในมือทิ้งไป ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอย่างนั้น
แม้ว่าในขณะนี้หลี่ชิเย่จะตกอยู่ในวงล้อมของกองทัพนับหมื่นนับพัน เขาก็ยังคงเอ้อระเหยไม่สะทกสะท้าน เหมือนว่าเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น ไม่ได้เห็นกองทัพนับหมื่นนับพันตรงหน้าอยู่ในสายตาเลย
นาทีนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ กองกำลังซั่งร่วมมือกับหอศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
“ไม่นึกเลยว่ากองกำลังซั่งกับหอศักดิ์สิทธิ์ถึงกับมีวันที่ได้ร่วมมือกัน อีกทั้งเป็นเพียงเพราะผู้เยาว์คนหนึ่ง” ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับพึมพำออกมา
แม้ว่าหอศักดิ์สิทธิ์กับกองกำลังซั่งต่างก็เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่ และต่างก็อยู่ในราชสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นกัน แต่ทว่า พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้มาตลอด กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นศัตรูกัน ระหว่างพวกเขาไม่เคยหยุดไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แย่งชิงในทางลับ หรือว่าต่อสู้กันแบบเปิดเผย
โดยเฉพาะหลังจากที่กษัตริย์ได้สวรรคตแล้ว การต่อสู้แย่งชิงระหว่างหอศักดิ์สิทธิ์กับกองกำลังซั่งยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น กระทั่งปรากฏการกระทบกระทั่งขึ้นในบางจุด
แต่ทว่ามาวันนี้หอศักดิ์สิทธิ์กับกองกำลังซั่งกลับร่วมมือกันอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังเป็นนำทัพใหญ่เข้าให้การช่วยเหลือเจ้าแห่งแดนอุดรด้วยตนเองของเฉินไท่เหอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากต่างนึกไม่ถึง
แม้จะกล่าวว่าระหว่างกองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์จะมีความแค้นต่อกันอยู่ไม่น้อย ระหว่างพวกเขามีบุญคุณความแค้นอยู่มากมาย แต่ว่าเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นเฉินไท่เหอหรือว่าเจ้าแห่งแดนอุดร พวกเขาต่างเอาบุญคุณความแค้นที่ผ่านมากองเอาไว้ข้างๆ ก่อน ทั้งสองฝ่ายต่างยกกำลังออกมาทั้งหมดเพื่อจัดการกับหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
“ยิ่งคนมากยิ่งคึกครื้น” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มออกมาอย่างตามอารมณ์ยิ่งนัก มองดูกองทัพนับหมื่นนับพันที่ล้อมตัวเองเอาไว้ ยิ้มกล่าวว่า “เพียงแต่พวกสวะต่อให้มีจำนวนมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ แค่มารนหาที่ตายเท่านั้นเอง”
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นภาพของหลี่ชิเย่ที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองทัพนับหมื่นนับพันแล้ว ยังคงพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน แม้แต่บางคนที่มองหลี่ชิเย่อย่างไม่สบอารมณ์ แต่ด้วยความกล้าหาญของหลี่ชิเย่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจมีได้ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาเมื่อต้องเผชิญกับกองทัพอันเกรียงไกรของเฉินเหอไท่กับเจ้าแห่งแดนอุดรแล้ว เกรงว่าขาทั้งสองข้างของพวกเขาก็ต้องสั่นเทาไม่หยุด
“เจ้าเดรัจฉานน้อย วันนี้แดนอุดรของข้าจะต้องป่นและโปรยกระดูกของเจ้าอย่างแน่นอน!” เวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าแห่งแดนอุดรพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธ และส่งประกายเลือดออกมา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระทั่งเรียกได้ว่าเขาแทบอยากจะบุกเข้าไปกินเนื้อของหลี่ชิเย่สดๆ และดื่มเลือดของหลี่ชิเย่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“คนไร้สมองไม่คู่ควรเป็นเจ้าบ้าน” หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจกับความแค้นของเจ้าแห่งแดนอุดร เพียงหัวเราะทีหนึ่งและกล่าวเฉยเมยว่า “แดนอุดรพวกเจ้าถูกลิขิตแล้วว่าต้องล่มสลาย!”
“แดนอุดรจะล่มสลายหรือไม่ไม่รู้ แต่ว่าวันนี้เจ้าอย่าหวังมีชีวิตรอดไปจากที่ตรงนี้!” เวลานี้เฉินไท่เหอกล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่า เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่สูญเสียบุตรแล้ว ความแค้นระหว่างเฉินไท่เหอกับหลี่ชิเย่ดูจะเบาบางกว่ากัน แต่นาทีนี้เขากลับร่วมแรงร่วมใจกับแดนอุดร ต้องการสังหารหลี่ชิเย่เสียแม้จะแลกด้วยค่าตอบแทนใดก็ยอม
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่มองดูกองทัพอันเกรียงไกรตรงหน้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ต่อให้คนมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าแค่มารนหาที่ตายเท่านั้นเอง เอาเถอะ ในเมื่อพวกไร้สมองเช่นพวกเจ้าก็ไม่ง่ายนักที่จะรวมตัวกันเช่นนี้ได้ เช่นนั้นแล้วข้าก็จะจัดการพวกเจ้าเสียทีเดียว จะได้ไม่ต้องให้ข้าไปจัดการทีละคนๆ ต่อไปจะไม่ต้องเอ่ยถึงหอศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังซั่งอีก หลังจากทำลายล้างพวกเจ้าแล้ว”
“ฮึ…” สำหรับคำพูดที่ยโสอวดดีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ภายในค่ายของแดนอุดรปรากฎเสียงฮึแสดงความไม่พอใจขึ้นมา ในเวลานี้เองอานุภาพเทพแท้จริงพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง เหมือนต้องการฉีกท้องฟ้าอย่างนั้น อานุภาพเทพแท้จริงดุดันยิ่งนัก เสมือนดั่งสัตว์ดุร้ายที่ออกจากกรงอย่างนั้น อานุภาพที่ดุดันของเทพแท้จริงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความโกรธ
ย่อมไม่ต้องสงสัย แดนอุดรก็มีเทพแท้จริงนั่งบัญชาการอยู่เช่นกัน อีกทั้ง เกรงว่าเทพแท้จริงของแดนอุดรก็ถูกคำพูดที่โอหังของหลี่ชิเย่ทำให้โกรธเสียแล้ว
“หอศักดิ์สิทธิ์ก็มีเทพแท้จริงอยู่” บางคนรู้สึกสั่นเทาในใจเมื่อรับรู้ถึงอานุภาพของเทพแท้จริง และพึมพำออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทพแท้จริงโกรธขึ้นมายิ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นเทาในใจ ยังไม่ทันที่เทพแท้จริงลงมือ ลำพังแค่เขาโกรธขึ้นมาก็ทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทาแล้ว หากเทพแท้จริงลงมือจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าบางคนต้องถูกสยบโดยตรงจนคุกเข่าหมอบกัยพื้นลุกใม่ไหว
“เทพแท้จริงของกองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มาที่นี่ เพราะอะไรกันแน่?” ระดับผู้อาวุโสของสำนักบางคนรู้สึกสะท้านในใจและเอ่ยขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังซั่งก็ดี หอศักดิ์สิทธิ์ก็ช่าง กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว เทพแท้จริงนั้นมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง ปรกติแล้วน้อยครั้งที่เทพแท้จริงจะปรากฏตัว พวกเขาเก็บตัวไม่ออกมา เวลานี้ทั้งหอศักดิ์สิทธิ์และแดนอุดรต่างก็มีระดับเทพแท้จริงมาที่เขาฟันหลอ เพียงเพื่อต้องการโสมโลหิตต้นหนึ่งอย่างนั้นรึ?
ถ้าหากเพียงแค่ต้องการโสมโลหิตต้นหนึ่งล่ะก็ เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องให้เทพแท้จริงลงมือด้วยตนเอง ขอเพียงสั่งการออกไป ไม่ทราบว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ยินดีทำงานให้พวกเขา
“เทพแท้จริงเท่านั้นเอง” สำหรับความโกรธของเทพแท้จริงนั้น หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์อย่างยิ่งว่า “มีหน้ามาวางก้ามต่อหน้าข้า เอาเถอะ รอให้ข้าจัดการกับพวกมีชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้เสียก่อน แล้วค่อยฆ่าพวกเจ้าก็ยังไม่สาย หากจะบอกว่าฆ่าเทพนับว่าเป็นการยกย่องพวกเจ้าจริงๆ”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ทุกคนต้องส่งเสียงจิ๊ดจ๊ะออกมา คำพูดเช่นนี้โอหังเหลือเกิน
ฆ่าเทพ ใครกล้าพูดพล่อยๆ เช่นนี้ อย่าว่าแต่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณหนึ่งก็ไม่กล้าบอกว่าจะฆ่าเทพง่ายดายเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
……………………………………………………