“ไม่มีคนอยู่?” ดวงตาทั้งสองของเผิงฉู่จวินพลันดูเข้มน่ากลัว เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมาเมื่อได้ฟังรายงานจากศิษย์ของตน กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “ดูท่าเขาคงกลัวตายหลบหนีไปก่อนแล้ว ฮึ ถึงจะหนีไปได้แต่ก็หนีไปไม่ได้ตลอด จับพวกมันมัดเอาไว้!”
หลังจากที่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งถูกเผิงฉู่จวินจับเป็นแล้ว เพียงครู่เดียวพวกเขาทั้งสองก็ถูกคุมตัวไปยังค่ายของบ้านตระกูลเผิง
บ้านตระกูลเผิงก็ได้ยึดพื้นที่ด้านนอกเขาฟันหลอผืนใหญ่ผืนหนึ่งเอาไว้ และศิษย์จำนวนนับพันคนของบ้านตระกูลเผิงก็ได้ตั้งค่ายของตนขึ้นที่นี่ โดยมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดน่าเกรงขาม ศิษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เผยปณิธานการฆ่าออกมา ทำให้ผู้คนถึงกับต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
มาคราวนี้ เรียกได้ว่าขนกองกำลังที่เกรียงไกรที่สุดมาทั้งหมด เผิงฉู่จวินในฐานะเจ้าบ้านได้เลือกเอาศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด กองทัพที่แกร่งที่สุด ทั้งหมดนำมารวมเอาไว้อยู่ที่ตรงนี้
การที่บ้านตระกูลเผิงได้เกณฑ์เอากองทัพจำนวนมากขนาดนี้มายังเขาฟันหลอนั้น นอกจากเผิงฉู่จวินต้องการทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อแก้แค้นให้กับบุตรชายที่ตายไปแล้ว ขณะเดียวกัน การนำเอากองทัพที่เกรียงไกรทั้งหมดของบ้านตระกูลเผิงมาที่นี่ก็เพื่อเสริมกำลังให้กับกองกำลังซั่งให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้น
เขาฟันหลอคราวนี้เรียกได้ว่ามีสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพราะเกี่ยวพันถึงสถานการณ์โดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กระทั่งกล่าวได้ว่า สิ่งที่จะปะทุขึ้นในเขาฟันหลอครั้งนี้จะส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อชะตาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เปลี่ยนแปลงสถานภาพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เกรงว่าเหตุการณ์รุนแรงในเขาฟันหลอครั้งนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีการเปลี่ยนแผ่นดิน และจะให้กำเนิดกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นมา
บ้านตระกูลเผิงในฐานะที่เป็นสายแยกของกองกำลังซั่ง พวกเขาขึ้นตรงอยู่กับกองกำลังซั่ง มาคราวนี้ท่ามกลางการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน บ้านตระกูลเผิงของพวกเขาจะต้องออกแรง อีกทั้งยังต้องออกแรงเต็มที่ ดังนั้นหากอนาคตกองกำลังซั่งได้กุมอำนาจล่ะก็ บ้านตระกูลเผิงของพวกเขาจึงจะมีโอกาสได้รับการโปรดปรานมากเป็นพิเศษ ได้รับผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น การที่บ้านตระกูลเผิงยกพลมาชนิดเรียกว่ามากันหมดทั้งตระกูล เพื่อแก้แค้นให้กับบุตรชายของตน เพื่อช่วยกองกำลังซั่งช่วงชิงอำนาจ เรียกได้ว่าเผิงฉู่จวินได้วางเดิมพันด้วยบ้านตระกูลเผิงทั้งตระกูล
ศิษย์นับพันคนของบ้านตระกูลเผิงยึดพื้นที่ว่างไปผืนหนึ่งไปแต่ผู้เดียว มีการวางเวรยามเข้มงวด ทำให้สำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากต่างไม่กล้าไปยุ่งกับบ้านตระกูลเผิงพวกเขา ใครๆ ก็ดูออกว่า บ้านตระกูลเผิงในเวลานี้ก็เปรียบเสมือนดั่งภูเขาไฟลูกหนึ่งที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกเวลา เวลานี้หากไปแหย่รังแตนเช่นนี้เข้าเท่ากับเป็นการหาเรื่องให้กับตนเอง
หลังจากที่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งถูกคุมตัวกลับไปยังค่ายของบ้านตระกูลเผิงแล้ว พวกเขาทั้งสองถูกพันธนาการเอาไว้ด้านนอกประตูค่ายทหาร ขนาบซ้ายขวาสองข้างด้วยเพชฌฆาตที่ทำการลับมีดเสียคมกริบเตรียมความพร้อมไว้ ย่อมไม่เป็นที่สงสัย บ้านตระกูลเผิงต้องการประหารพวกเขาทั้งสองต่อหน้าธารกำนัล เป็นการเสริมสร้างอำนาจบารมีให้กับบ้านตระกูลเผิงของพวกเขา
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงของเขาฟันหลอต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อมองเห็นหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งทั้งสองคนถูกจับมัดเอาไว้ด้านหน้าค่ายทหาร ทุกคนต่างรู้ว่าทั้งหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ติดตามของหลี่ชิเย่ ย่อมไม่ต้องสงสัย มาคราวนี้เผิงฉู่จวินต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู เขาไม่เพียงต้องการสังหารหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งเท่านั้น ยิ่งต้องการสังหารหลี่ชิเย่เสีย ซึ่งนอกจากทำไปเพื่อแก้แค้นให้กับบุตรชายที่ตายไป ยังต้องการสร้างอำนาจบารมีของบ้านตระกูลเผิงขึ้นมาใหม่
เผิงฉู่จวินต้องการให้ทุกๆ สำนักและผู้บำเพ็ญตนทุกคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้รับรู้ว่า บ้านตระกูลเผิงของพวกเขาใช่ว่าใครจะมาหาเรื่องได้ง่ายดาย ใครก็ตามหาญกล้าเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลเผิงพวกเขา ต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน
“เจ้าหลี่ชิเย่คนนั้นเล่า?” มีผู้ที่เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อมองเห็นหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งทั้งสองคนถูกพันธนาการไว้ด้านหน้าค่ายทหาร
วันนั้นหลี่ชิเย่ได้สังหารเผิงเวยจิ่นที่โรงเตี้ยม เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้กันทั่ว เวลานี้ทุกคนจึงไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อเผิงฉู่จวินต้องการแก้แค้นให้กับบุตรของตน
“แหะเกรงว่าคงหนีไปแล้วมั้ง” มีศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณหัวเราะน่าครั่นคร้ามออกมาและกล่าวว่า “ยามที่บ้านตระกูลเผิงเล่นไม้แข็งเกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่ไม่เกรงกลัว ในปัจจุบันมีสักกี่คนที่ยินดีสู้รบกับบ้านตระกูลเผิงจนถึงที่สุดเล่า”
“แต่ว่า คนแซ่หลี่คนนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่กลัวมีเรื่องมีราว กล้าล่วงเกินได้ทุกคน” แต่ก็มีคนที่พูดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา รู้สึกว่าหลี่ชิเย่ไม่น่าจะหลบหนีไปจึงจะถูก
ศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณหัวเราะเยาะทีหนึ่งและกล่าวว่า “เรื่องนี้คงพูดยาก คนบางคนดูไปแล้วยโสยิ่งนัก แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็กลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง นี่มันเท่ากับเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลเผิงทั้งหมดเลยนะ บ้านตระกูลเผิงมียอดฝีมือเป็นหมื่น ยิ่งกว่านั้นยังมีระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ต่อให้หลี่ชิเย่กล้าแข็งมากกว่านี้ อาศัยตัวเขาลำพังคนเดียวสามารถเอาชนะบ้านตระกูลเผิงทั้งหมดได้รึ? ตามความเห็นของข้า เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ฟังคำจากศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้แล้ว ก็มีคนคล้อยตามว่ามีเหตุผล แม้ว่าหลี่ชิเย่จะยโสเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือดาวรุ่งคนหรือสองคนและไม่ได้ใส่ใจ แต่ทว่าหากจะต้องเป็นศัตรูกับตระกูลทั้งตระกูลล่ะก็ ไม่แน่ว่าจะมีความกล้าหาญเช่นนั้นแล้ว
เวลานี้ เผิงฉู่จวินยืนอยู่ภายในค่ายทหารด้วยสีหน้าที่เย็นชา ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าออกมาให้เห็น เสียงที่เย็นชาและน่าครั่นคร้ามของเขาดังขึ้น กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าหนูตระกูลหลี่ ต่อให้เจ้าสามารถหลบหนีไปได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถหนีไปได้ชั่วชีวิต วันนี้หากเจ้าไม่ออกมารับความตาย ต่อให้เจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงก็ต้องตามฆ่าเจ้า ให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
เสียงของเผิงฉู่จวินดังก้องไปทั่วเขาฟันหลอ เสียงนั้นดังสะท้อนก้องอยู่ในร่องเขา ส่งไปได้ในระยะที่ไกลมาก ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เผิงฉู่จวินต้องการพูดเช่นนี้ให้หลี่ชิเย่ได้ยิน
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วต่างมองตากันและกัน เมื่อเสียงของเผิงฉู่จวินดังก้องไปทั่วเขาฟันหลอ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองดูไปทั่ว ดูว่าหลี่ชิเย่จะปรากฏตัวออกมาหรือไม่
สำหรับสีหน้าของจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย และองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยต่างมองเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกยิ้มเยาะ กล่าวสำหรับซี๋วจื้อเจี๋ยแล้วการที่มีคนต้องการตายแทนนั้น นับเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
กล่าวสำหรับเฉินซูเหว่ยแล้ว เขายิ่งต้องการให้เผิงฉู่จวินประสบผลสำเร็จ หากว่าสามารถจับเป็นหลี่ชิเย่ได้ยิ่งดี เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว หลี่ชิเย่ก็จะกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กองกำลังซั่งของพวกเขาจะเอาชนะจวนหวังได้!
หลี่ชิเย่ปราศจากซุ่มเสียงใดๆ ปล่อยให้เสียงของเผิงฉู่จวินดังก้องไปทั่วเขาฟันหลอตามอารมณ์ โดยไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้ปรากฏตัวออกมา จะอย่างไรเสียการที่เผิงฉู่จวินส่งเสียงท้าทายซึ่งหน้าเช่นนี้ ใช่ว่าใครก็สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้
“ฮึ ดูท่าเจ้าคนแซ่หลี่นั้นคงกลัวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านั้นพูดเสียงแข็งขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อะไร ที่สุดแล้วยังคงต้องเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง” มีศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณกล่าวเยาะเย้ยออกมา
“นั่นน่ะสิ สองวันก่อนหน้ายังคุยโม้เสียใหญ่โต เมื่อถึงเวลาจริงๆ แล้วหนีเร็วกว่าทุกคนเลย” ผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดมาจากกองกำลังซั่งก็หัวเราะเยาะและกล่าวดูเคลนขึ้นมา
ท่ามกลางเขาฟันหลอแห่งนี้ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่มีชาติกำเนิดมาจากกองกำลังซั่ง และหรือมีสายสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องกับกองกำลังซั่ง ขณะที่บ้านตระกูลเผิงก็คือส่วนหนึ่งของกองกำลังซั่ง บรรดาผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ย่อมต้องยืนอยู่ข้างฝ่ายของบ้านตระกูลเผิงอยู่แล้ว และพูดแทนให้กับบ้านตระกูลเผิง
“ดี เจ้าหนูตระกูลหลี่ ข้านี่แหละจะดูว่าเจ้าจะหลบซ่อนตัวไปได้นานเท่าไร!” เวลานี้ท่าทีของเผิงฉู่จวินดูเย็นชาและน่าครั่นคร้าม และกล่าวว่า “รอให้ข้าจับคนข้างกายของเจ้าเชือดเป็นๆ ทีละคนๆ ดูว่าเจ้ายังจะทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ต่อไปได้อีกหรือไม่!”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรุ้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดของเผิงฉู่จวินแล้ว พวกเขาต่างจ้องมองไปที่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้ง รู้ว่าพวกเขาต้องโชคร้ายเสียแล้ว
แต่ทว่า หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้ปรากฏตัว เหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดของเผิงฉู่จวินอย่างนั้น
“เจ้าหนูตระกูลหลี่ ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่บริเวณนี้ ข้าจะนับถึงห้า หากเจ้ายังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าก็จะจัดการเฉือนเนื้อคนข้างกายของเจ้าออกมาทีละชิ้นๆ” เวลานี้เผิงฉู่จวินส่งเสียงดังบีบบังคับหลี่ชิเย่ออกมา
เวลานี้เผิงฉู่จวินต้องการอาศัยหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งบีบให้หลี่ชิเย่ปรากฏตัวออกมา ในสายตาของเขามองว่า หลี่ชิเย่ต้องหลบหนีไปด้วยความกลัวตาย ดังนั้น เขาจึงจะจัดการเชือดหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งเป็นๆ ต่อหน้าผู้คนทุกคน เว้นแต่หลี่ชิเย่จะไม่สนใจต่อความเป็นความตายของคนข้างกาย มิฉะนั้นล่ะก็ จะต้องปรากฎตัวออกมาแน่นอน
จากการที่เผิงฉู่จวินสะบัดมือที่หนึ่ง เพชฌฆาตที่ยืนอยู่ข้างกายหยางเซิ่นผิงก้าวไปข้างหน้า แค่วกกเสียงเสื้อของหยางเซิ่นผิงถูกฉีกขาด เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงออกมา
“แหะ แหะ แหะเจ้าคนแซ่หยาง บ้านตระกูลเผิงพวกเราจะเฉือนเนื้อของเจ้าออกมาทีละชิ้นๆ วางใจเถอะ ฝีมือข้าน่ะยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ข้าจะเฉือนชิ้นเล็กๆ ออกมาทีละชิ้นๆ เมื่อเฉือนเนื้อเจ้าออกหมดทั้งตัวยังเพียงพอให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสามวันสามคืน” เพชฌฆาตผู้นี้กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
“แน่จริงก็เข้ามาเลย มีฝีมืออะไรก็สำแดงบนตัวปู่ของเจ้าให้เต็มที่ หากปู่ของเจ้าขมวดคิ้วนิดหนึ่งก็จะไม่แซ่หยาง!” ในฐานะระดับบรรพบุรุษของสำนักกระบี่ยักษ์ เวลานี้หยางเซิ่นผิงนับว่ามีความเข้มแข็งเต็มเปี่ยมและไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา ไม่ทำให้สำนักกระบี่ยักษ์พวกเขาต้องเสื่อมเสีย
“ดี ดี ดี ดูว่าเจ้าจะเข้มแข็งไปได้นานแค่ไหน” เพชฌฆาตของบ้านตระกูลเผิงหัวเราะและกล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา
“หนึ่ง สอง สาม…” เวลานี้ เผิงฉู่จวินได้นับอย่างช้าๆ ทุกๆ คำที่เปล่งเสียงออกมาจากปากของเขาดูช่างเย็นชา ช่างเต็มไปด้วยกลั่นอายการฆ่าฟันอะไรอย่างนั้น เปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่าที่น่าครั่นคร้าม
“ห้า…” ในที่สุด เผิงฉู่จวินได้นับเลขถึงสุดท้ายแล้ว แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้ปรากฏตัว ยังคงปราศจากร่องรอยใดๆ
เมื่อเผิงฉู่จวินนับไปถึง ‘ห้า’ แล้ว ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างส่ายหน้า
“ติดตามเจ้านายเช่นนี้นับว่าโชคร้ายสามชาติ ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาแท้ๆ กลับไม่กล้าออกมารับผิดชอบ ปล่อยให้คนข้างกายต้องมารับเคราะห์แทน” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสได้พูดขึ้นมาพร้อมกับส่ายหน้า
“ถุยไอ้ขี้ขลาดตาขาวเท่านั้น ตอนพูดโอ้อวดเสียไม่มี สุดท้ายแล้วมันก็แค่เต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง” ศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณกล่าวด้วยความดูแคลนออกมา
เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกว่าหยางเซิ่นผิงสองคนนี้โชคร้ายสุดๆ ถึงได้ติดตามนายเช่นนี้ได้
“ดี ในเมื่อเจ้าไม่ยอมปรากฏตัว ถ้าเช่นนั้นก็เชือดคนข้างกายของเจ้าก่อน!” ดวงตาทั้งสองของเผิงฉู่จวินดูเข้มน่ากลัว เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวยิ่งออกมา มือของเขาทำท่าสะบัดออกไป สั่งให้เพชฌฆาตลงมือ
“แหะเจ้าคนแซ่หยาง อย่าหาว่าข้าโหดร้ายทารุณเลย บอกได้แต่เพียงเจ้าติดตามนายผิดคนแล้ว ไปติดตามคนขึ้ขลาดตาขาวเข้าให้” เพชฌฆาตกล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา กล่าวพลางทำทีลับมีดที่อยู่ในมือ
“ช่างคึกครื้นเหลือเกิน” ในขณะที่เพชฌฆาตกำลังจะลงมือ เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นหลี่ชิเย่เดินออกมาจากถ้ำหิน
“หลี่ชิเย่ปรากฏตัวแล้ว…” ไม่รู้ว่าเสียงใครที่ตะโกนดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ก้าวออกมาจากถ้ำหินนั่น
หลังจากการปรากฏตัวของหลี่ชิเย่ ดวงตาทั้งสองของเผิงฉู่จวินเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่าสยองขวัญออกมา
กระทั่งซี๋วจื้อเจี๋ย และเฉินซูเหว่ยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างส่งสัญญาณด้วยสายตากับคนข้างกายของตน วันนี้พวกเขาจะต้องจับตัวหลี่ชิเย่ให้จงได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย เนื่องจากพวกเขาจะต้องเอาชนะจวนหวังให้ได้ ซึ่งหลี่ชิเย่ก็คือหนึ่งในกุญแจดอกสำคัญ!
“ข้าเพิ่งไปจากเพียงชั่วครู่ก็มีคนมาหาเรื่องถึงบนหัวข้าเลยเชียว” หลี่ชิเย่หัวเราะและก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียว พลันหยุดยืนอยู่ด้านนอกที่ตั้งค่ายของบ้านตระกูลเผิงแล้ว
ตึง ตึง ตึงศิษย์อันเกรียงไกรของบ้านตระกูลเผิงพลันบุกเข้ามาพร้อมด้วยดาบและกระบี่ในมือครบครัน ตั้งเป็นแนวรบขวางหน้าหลี่ชิเย่เอาไว้ พร้อมเข้าสังหารหลี่ชิเย่ทุกเมื่อ
………………………………