ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2180 เทพแท้จริง

ตอนที่ 2180 เทพแท้จริง
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียดยิ่งนัก ยามที่กลิ่นคาวเลือดวนเวียนอยู่บริเวณปลายจมูกนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา มองดูแต่ละศพที่นอนเกลื่อนพื้นอยู่ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกสั่นเทิ้มขึ้นมา
ภาพนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวเท่าไรที่ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ในใจเมื่อได้เห็นภาพนี้ ความหวาดกลัวลามอยู่ในใจไปทั่ว ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องสั่นเทา เวลานี้ไม่ว่าใครก็ตาม แววตาที่มองไปยังหลี่ชิเย่ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่ามีผู้คนเท่าไรที่แววตาทั้งสองเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
โดยเฉพาะเมื่อได้มองเห็น ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ กระทั่งมือขนาดใหญ่ของเทพแท้จริงยังถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ หากไม่เป็นเพราะเทพแท้จริงหดมือกลับได้รวดเร็วล่ะก็ เกรงว่าฝ่ามือข้างนี้ของเทพแท้จริงคงถูกฟันจนขาด ภาพที่น่ากลัวเช่นนี้นับว่าใครก็ตามก็ต้องสะท้านภายในใจ
บรรยากาศในเวลานี้ตึงเครียดจนถึงขีดสุด ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง กระทั่งบางคนถูกทำให้ตกใจจนสั่นเทาไม่หยุด
ภายในระยะเวลาอันสั้น หลี่ชิเย่ได้ลงมือสังหารยอดฝีมือหลายพันคนของกองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์ไป สุดท้าย แม้แต่เฉินไท่เหอ และเจ้าแห่งแดนอุดรที่มีอาวุธราชันในมือยังถูกสังหาร แม้แต่เทพแท้จริงก็ช่วยชีวิตพวกเขาไม่ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น
“เคล็ดกระบี่เทพกำแหง…” เวลานี้ แม้แต่บุคคลระดับบรรพบุรุษยังต้องหวั่นไหวและพึมพำออกมา
ผู้คนจำนวนเท่าไรในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่เคยได้ยินชื่อของ ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ มันเป็นสัญลักษณ์ของเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ในความคิดของผู้คนจำนวนมากสิ่งนี้คือเคล็ดกระบี่ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
แต่ทว่า ในส่วนของรายละเอียดที่ว่า ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ทรงพลังและแข็งแกร่งเช่นใดนั้น ในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่มีรายละเอียดที่เป็นความหมายโดยรวม ต่างมีความคลุมเครือในเรื่องนี้เป็นอันมาก รู้เพียงแค่ว่ามันแข็งแกร่งมากๆ เท่านั้นเอง
การลงมือของหลี่ชิเย่ในวันนี้ ได้สำแดงความปราศจากผู้ต่อกรของ ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ได้อย่างหมดจดต่อหน้าทุกๆ คน ทำให้ทุกคนได้ตระหนักอย่างแท้จริง ในฐานะที่เป็นเคล็ดกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ นับได้ว่าสูงส่งที่สุดแล้ว เกรงว่าคงไม่มีเคล็ดวิชาใดๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถเทียบเคียงกับมันได้อีก
เวลานี้ มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกใจเต้นตูมตามเช่นใด เมื่อมีการเอ่ยถึง ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ กล่าวสำหรับศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว หากชาตินี้สามารถฝึก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ล่ะก็ คงไม่มีความปรารถนาที่ร้องขอมากไปกว่านี้อีกแล้ว
กำเริบเสิบสาน…ในขณะที่ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจอยู่นั้น จังหวะที่เลือดสดๆ ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดินนั้น ปรากฏเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ทันใดนั้นอานุภาพเทพแท้จริงได้อาละวาดไปทั่ว กลิ่นอายเทพแท้จริงดั่งพายุฝนฟ้าคะนองที่ปกคลุมไปทั่วเขาฟันหลอทั้งหมด อีกทั้งเทพแท้จริงที่ปะทุกลิ่นอายเช่นนี้ไม่ได้มีเทพแท้จริงเพียงคนเดียวเท่านั้น
ย่อมไม่ต้องสงสัย ในขณะนี้บรรดาเทพแท้จริงที่นั่งบัญชาการอยู่ภายในค่ายของหอศักดิ์สิทธิ์ และกองกำลังซั่งล้วนแล้วแต่โกรธแค้นขึ้นมาแล้ว พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่า ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ของหลี่ชิเย่จะทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมได้ถึงเพียงนี้ แม้ว่าพวกเขาคิดจะลงมือช่วยเหลือเฉินไท่เหอกับเจ้าแห่งแดนอุดรก็สายเกินไปแล้ว ขนาดพวกเขาลงมือช่วยเหลือแล้วก็ยังไม่สำเร็จ กระทั่งเกือบถูก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ของหลี่ชิเย่ฟันมือขาด
เมื่อถูกผู้เยาว์คนหนึ่งทำให้ต้องบาดเจ็ดสาหัสเพียงนี้ ถูกคุกคามโดยผู้เยาว์คนหนึ่งเช่นนี้ กล่าวสำหรับบรรดาบรรพบุรุษแล้ว นับว่าเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง แล้วจะไม่ให้พวกเขาต้องโกรธจนคลั่งได้อย่างไร
การที่เทพแท้จริงโกรธจัด กลิ่นอายที่รุนแรงพุ่งปะทะเข้ามาทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุถการณ์ถึงกับยืนได้ไม่มั่นคง ภายใต้อานุภาพที่น่ากลัวพุ่งเข้ามาปะทะเช่นนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกพลังที่เข้ามาปะทะจนตัวลอยออกไป สร้างความตกใจให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทา
“มีอะไรกำเริบเสิบสานหรือไม่กำเริบเสิบสาน ฆ่าก็ฆ่า มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับการฆ่าเป็ดฆ่าไก่ไม่กี่ตัว?” สำหรับการโกรธจนแทบคลั่งของเทพแท้จริงนั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย กล่าวออกไปตามอารมณ์ว่า “พวกเจ้าอย่าทำเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในกระดอง ได้แต่หลบซ่อนตัวแล้วเห่าอยู่ในนั้น มามะ มาพวกเจ้าออกมาเลย ยืดคอให้ยาวและล้างให้สะอาด ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าออกทีละคนๆ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ คำพูดที่ดูแคลนต่อเทพแท้จริงเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เท่ากับไม่เห็นเทพแท้จริงอยู่ในสายตาเลย กระทั่งมองว่าเทพแท้จริงเป็นเพียงนายหมูนายหมาที่สามารถสังหารได้ตามอำเภอใจ
ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนแล้วแต่ได้เคยพบเคยเห็นคนที่อันธพาล และดุร้ายเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน และเป็นความจริงที่มีเพียงคนเช่นนี้ที่คู่ควรกับฉายา ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’
ตูม…เสียงดังสนั่น เพียงชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ภายในค่ายของหอศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้หลี่ชิเย่มากที่สุดได้ระเบิดขึ้นมา มองเห็นเพียงกระโจมที่ระเบิดจนปลิวกระจัดกระจายไปในพริบตา แหลกละเอียดจนกลายเป็นผุยผง กลิ่นอายเทพแท้จริงที่บ้าคลั่งเสมือนดั่งคลื่นยักษ์ที่น่ากลัวโหมสาดซัดออกมา
ในขณะนี้ มองเห็นบริเวณค่ายแห่งนี้มีคนก้าวเดินออกมาสามคน ขณะที่ทั้งสามคนก้าวเท้าออกมาได้ยินเสียงตูมดังสนั่น แม้แต่พื้นดินก็ยังสั่นไหวโคลงเคลงทีหนึ่ง
ทั้งสามคนที่ก้าวออกมานั้นเป็นผู้เฒ่าทั้งสามคน ทั่วทั้งตัวของพวกเขาปรากฏประกายที่วูบวาบ พลังน่าเกรงขามพลุ่งพล่าน ยามที่สายตาของพวกเขากวาดมองเข้ามา เหมือนดั่งเป็นสายฟ้าที่แวบผ่านไป ทำให้ผู้คนบังเกิดความเคารพยำเกรงขึ้นในใจ
ตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์…ระดับผู้อาวุโสของสำนักแห่งหนึ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ภาพของผู้เฒ่าทั้งสามที่ก้าวเดินออกมา และกล่าวว่า “แม้แต่เทพฟ้าคะนองที่เป็นผู้นำตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็มาด้วย คราวนี้นับว่าเทพแท้จริงของหอศักดิ์สิทธิ์ยกขบวนมาทั้งหมดเลยนะเนี่ย”
“เทพฟ้าคะนองจากตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์!” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นเทพแท้จริงทั้งสามคนนี้ ต่อให้ไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาทั้งสามมาก่อน ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของพวกเขามาแล้ว
ตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์คือผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของหอศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งในธาตุแท้ภายในที่ทรงพลังมากที่สุดของหอศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นระดับจอมเทพขั้นสูง พวกเขาไม่เพียงมีฐานะสูงส่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกำลังกล้าแข็ง ในบรรดาตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์สามคน เทพฟ้าคะนองแข็งแกร่งที่สุด
พลันที่ตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก้าวออกมา กลิ่นอายเทพแท้จริงบนตัวของพวกเขาได้ปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสมือนดั่งพายุฝนที่กระหน่ำไปทั่วเทือกเขาเขาฟันหลอ ภายใต้กลิ่นอายเทพแท้จริงเช่นนี้ ทำให้สิงสาราสัตว์และนกต่างๆ ก็ถูกทำให้ตกใจจนสั่นเทา ตัวสั่นงันงกหมอบคลานอยู่กับพื้น
“ผู้เยาว์ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ถ่ายทอด ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ให้กับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะมาจากสำนักใดก็ตาม วันนี้เจ้าจะต้องตาย!” เวลานี้ เทพฟ้าคะนองผู้เป็นผู้นำของตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์ และกล่าวว่า “อาศัยพวกเจ้าที่เป็นเทพแท้จริงทั้งสามรึ ไม่พอให้ข้าอุดร่องฟันเสียด้วยซ้ำ คนอื่นๆ ออกมาด้วยก็แล้วกัน”
เสียงตูม…ดังสนั่น พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ กระโจมของกองกำลังซั่งก็เกิดระเบิดขึ้นมาจนแหลกละเอียดโดยพลัน ปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ยิ่งนักก้าวเดินออกมาสี่คน
ขณะที่ร่างเงาสูงใหญ่ทั้งสี่ก้าวเดินออกมานั้น ฉับพลัน กลิ่นอายเทพแท้จริงดุจดั่งกระแสน้ำที่ไหลเข้าท่วมฟ้าดินจนจมมิด ภายใต้กลิ่นอายเทพแท้จริงที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่หายใจไม่สะดวก ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างรู้สึกเหมือนมีมือขนาดยักษ์มาบีบคอของตนอย่างนั้น ทำให้รู้สึกขาดอากาศหายใจ
สี่ปราชญ์กองกำลังซั่ง…ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณผู้หนึ่งถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ทั้งสี่นี้ก้าวเดินออกมา ไม่นึกเลยว่าที่ตรงนี้ถึงกับมีเทพแท้จริงซ่อนตัวมากมายถึงเพียงนี้
“แม้แต่ปราชญ์ภูผาพิโรธก็มาด้วย เขาไม่ได้ปรากฏตัวมานานมากแล้ว หรือจะมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินจริงรึ?” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้ถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อได้เห็นร่างเงาสูงใหญ่คนแรกจากร่างเงาทั้งสี่
สี่ปราชญ์กองกำลังซั่งคือเทพแท้จริงทั้งสี่ของกองกำลังซั่ง และก็คือระดับบรรพยบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของกองกำลังซั่ง ในบรรดาเทพแท้จริงทั้งสี่นั้น มีอยู่สามคนเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง อีกหนึ่งเป็นเทพแท้จริงขั้นกลาง
ในบรรดาสี่ปราชญ์กองกำลังซั่ง มีปราชญ์ภูผาพิโรธเป็นผู้มีกำลังกล้าแข็งที่สุด ในขณะที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม เคยเกรียงไกรไปทั่วหล้า มีชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นอย่างยิ่ง
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เทพแท้จริงทั้งเจ็ดก็มาถึง ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกหายใจไม่ออก โดยเฉพาะภายใต้การสยบของอานุภาพเทพแท้จริง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ขาทั้งสองต้องสั่นเทา กระทั่งยืนได้ไม่มั่นคง
“เกรงว่าขณะกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ยังไม่ยิ่งใหญ่เพียงนี้” หัวหน้าพรรคๆ หนึ่งถึงกับเหม่อลอยและพึมพำออกมา
โดยปรกติแล้ว เทพแท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงน้อยครั้งที่จะปรากฏตัว เว้นแต่สำนักหรือตระกูลขุนนางโบราณของพวกเขามีเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น และหรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเกิดเหตุใหญ่ พวกเขาจึงจะปรากฏตัว
แต่ว่า เวลานี้ตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ สี่ปราชญ์กองกำลังซั่ง รวมเป็นเจ็ดเทพแท้จริง ทั้งหมดต่างมาชุมนุมอยู่ ณ เขาฟันหลอ อีกทั้งพวกเขาใช่ว่าจะเพิ่งมาถึง ความจริงก็คือพวกเขาได้มาอยู่ที่เขาฟันหลอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขามาที่เขาฟันหลอด้วยมีแผนการอยู่แล้ว หาใช่เป็นเพราะหลี่ชิเย่สังหารเจ้าแห่งแดนอุดร และเฉินไท่เหอแล้วพวกเขาจึงได้เร่งรุดมาที่นี่
หากจะกล่าวว่า เพื่อโสมโลหิตต้นหนึ่งแล้ว ทำให้เทพแท้จริงทั้งเจ็ดต้องมาด้วยตนเอง เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อในเหตุผลข้อนี้
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่โดยเฉพาะยอดฝีมือรุ่นอาวุโส ขณะมองดูตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ และสี่ปราชญ์กองกำลังซั่ง พวกเขารู้ว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกรงว่าจะต้องมีการผลัดแผ่นดินเสียแล้ว
“กษัตริย์องค์ใหม่จะถูกเลือกขึ้นมาแล้วรึ? กษัตริย์องค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์แล้วรึ?” ผู้อาวุโสของสำนักหนึ่งพึมพำออกมา
นอกเหนือจากการถือกำเนิดขึ้นของกษัตริย์องค์ใหม่แล้ว ทุกคนยังคิดไม่ออกว่ายังจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เทพแท้จริงทั้งเจ็ดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่มาด้วยตนเองเช่นนี้
“ผู้เยาว์สมควรตาย!” เวลานี้ปราชญ์ภูผาพิโรธที่เป็นผู้นำของสี่ปราชญ์กองกำลังซั่งจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา ปณิธานฆ่าจากประกายตาของเขาดุจเข็มเงินอย่างนั้น สามารถทิ่มแทงผิวหนังของผู้คนจนรู้สึกเจ็บปวดได้
การมาที่เขาฟันหลอของตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ และสี่ปราชญ์กองกำลังซั่งมีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้ว ในฐานะที่พวกเขาเป็นไพ่ตายของหอศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังซั่ง หากไม่ถึงยามคับขันพวกเขาจะไม่ลงมือหรือปรากฏตัวอย่างเด็ดขาด เนื่องจากค่ายฉู่และจวนหวังต่างก็ไม่ได้ลงมือ
แต่ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ทำการเข่นฆ่ายอดฝีมือของพวกเขาไปหลายพันคน แม้แต่เฉินไท่เหอ และเจ้าแห่งแดนอุดรก็ถูกหลี่ชิเย่สังหารไปด้วย จึงบีบให้พวกเขาต้องปรากฏตัวออกมา หากพวกเขายังคงไม่ลงมืออีกต่อไป เกรงว่าหลี่ชิเย่คงจัดการสังหารสิ้นยอดฝีมือ และศิษย์ทั้งหมดของหอศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังซั่งแล้ว
“แค่เทพแท้จริงขั้นสูงเท่านั้นเอง ไหนเลยคู่ควรจะกล่าวถึง แม้แต่ขั้นขึ้นสู่สวรรค์ยังไม่ใช่ แค่สวะเท่านั้น” แม้ต้องเผชิญกับการคุกคามของปราชญ์ภูผาพิโรธ หลี่ชิเย่กลับไม่ใส่ใจยิ้มกล่าวตามอารมณ์ว่า “ไม่สามารถก้าวถึงขั้นอมตะ มันก็แค่มดปลวกบนเส้นทางเทพแท้จริงเท่านั้น!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาทุกคนตะลึงงัน แม้ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า เมื่อผู้บำเพ็ญตนก้าวไปถึงระดับเทพแท้จริงขั้นสูงแล้ว ถือว่าก้าวไปถึงบริเวณคอขวดบนเส้นทางสายนี้แล้ว
ครั้นระดับเทพแท้จริงก้าวไปถึงขั้นสูงสมบูรณ์แล้ว ไม่ก็คือก้าวขึ้นสู่สวรรค์ เพื่อก้าวเดินไปบนเส้นทางความเป็นเทพต่อไป ไม่ก็บรรลุสัจธรรม ก้าวบนเส้นทางความเป็นราชัน
…………………………………………
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท