บ่อน้ำแร่บ่อนี้ถึงกับมีน้ำที่ทะลักขึ้นมาดังบุ๋มบุ๋ม โดยที่น้ำดังกล่าวมีความใสอย่างยิ่ง อีกทั้งมีไอน้ำที่แผ่ปกคลุมหนาทึบ มันเป็นบ่อน้ำร้อนบ่อหนึ่ง มองดูบ่อน้ำร้อนลักษณะเช่นนี้แล้ว ทำให้ผู้คนล้วนแล้วแต่บังเกิดอารมณ์อยากจะลงไปแช่สักครั้ง
แต่ทว่า บ่อน้ำร้อนนี้ไม่ได้มีไว้ให้ใครมาแช่มาอาบน้ำกัน ภายในบ่อน้ำร้อนกลับจะมีดอกไม้ประหลาดขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง และไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร ดอกไม้ประหลาดนี้มีกลีบดอกที่เล็กมาก กลีบดอกที่มีขนาดเล็กเรียวยาวม้วนพับไว้ และรองรับเกสรดอกไม้ที่มีอยู่อย่างหนาแน่น
เมื่อเทียบกับกลีบดอกแล้ว เกสรของดอกไม้ดูจะขึ้นงอกงามเกินไปแล้ว มองเห็นเกสรแต่สายที่มีขนาดเล็กและยาว ลักษณะของมันล้วนแล้วแต่ห้อยลงไปเบื้องล่าง มองดูแล้วคล้ายเป็นน้ำตกขนาดเล็กอย่างนั้น
ด้วยดอกไม้ประหลาดต้นหนึ่งที่เจริญเติบโตอยู่ในบ่อน้ำร้อนที่ส่งเสียงบุ๋มบุ๋มนี้แหละ เวลามองจากระยะห่างไกล ยังเข้าใจว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่กำลังพวยพุ่งเป็นน้ำบ่อขึ้นมาอย่างนั้น โดยที่ดอกไม้ประหลาดต้นนี้ก็คล้ายดั่งเป็นน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมา แลดูอลังการยิ่งนัก
เมื่อมองดูให้ละเอียดอีกครั้งก็จะพบว่า ดูเหมือนดอกไม้ประหลาดต้นนี้คล้ายมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง เหมือนส่วนหัวของมันกึ่งห้อยลง พร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
ด้านข้างของบึงที่แปลกประหลาดแห่งนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินริมบึงนั่น ผู้หญิงคนนี้ใช้มือทั้งสองข้างเท้าคาง มองดูดอกไม้ดอกนั้นที่อยู่กลางบึงเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนั้น
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวครามทั้งชุด รูปโฉมแลดูเหมือนเป็นภาพมายาอย่างน่าอัศจรรย์ ยากจะคาดเดาได้ ดวงตาคู่นั้นของนางบ่มฟักคุณสมบัติกายที่มีความเฉลียวฉลาดงดงามเอาไว้ นางมีรูปโฉมที่สวยสดงดงามดั่งหลุดพ้นจากจารีตประเพณีทั่วไป แม้จะไม่ใช่นางฟ้าจากสวรรค์ แต่กลับให้ความรู้สึกถึงความคล่องแคล่วว่องไวกับผู้คน โดยเฉพาะหากนางก้าวเดินอยู่ท่ามกลางร่องน้ำใหญ่หรือหุบเขาลึกด้วยกระโปรงยาวที่ลากพื้น ทันใดนั้น ทำให้ผู้คนที่พบเห็นนางเสมือนหนึ่งได้มองเห็นเทพธิดาที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาอย่างนั้น
“ต้น ‘บุปผาเดือดเหมันต์อัคคี’ นับว่าพบเห็นได้ยาก” หลี่ชิเย่นั่งลงบนก้อนหินที่อยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นไปตามอารมณ์ และมองตามสายตาของผู้หญิงคนนั้นไปยังดอกไม้ประหลาดที่อยู่กลางบึงนั่น
“อืมม…” จิตใจของผู้หญิงคนนี้เหมือนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยังคงไม่ได้มองดูหลี่ชิเย่สักแวบหนึ่ง ตอบรับตามอารมณ์ออกมาคำหนึ่งเท่านั้น
หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด มองดูดอกไม้ประหลาดต้นนั้น แล้วกล่าวว่า “ดอกไม้นี้ยากที่จะเจริญเติบโต มันกำเนิดท่ามกลางบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมา เมือไหร่ที่มันไปจากบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้น หากคิดจะเคลื่อนย้ายดอกไม้ต้นนี้ จะต้องอาศัยพลังอภินิหารย้ายเอาบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาไปด้วยกัน”
“ถูกต้อง ผู้อาวุโสของหุบเขาผู้หนึ่งเป็นผู้ย้ายบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้มาปลูกที่นี้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว” ผู้หญิงคนนี้พยักหน้าทีหนึ่ง ยังคงมีจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาของนางยังคงไม่ได้ละจากต้นไม้ประหลาดต้นนั้นเลยแม้แต่น้อย
“มันไม่สบายแล้ว” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาตามอารมณ์
“ท่านรู้ด้วยหรือ…” หลังจากคำพูดตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ที่พูดออกมา ผู้หญิงคนนี้พลันหันหน้ากลับมาและจ้องมองดูหลี่ชิเย่ นางที่เดิมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพลันมีนัยน์ตาทั้งสองที่เป็นประกายขึ้นมา
“แค่มองดูก็รู้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“ท่านเองก็มีความรู้ด้านวิชายาสมุนไพรรึ?” ผู้หญิงคนนี้รู้สึกสนใจขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่แล้ว รีบเอ่ยถามขึ้นมา
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ละสายตากลับมา มองดูผู้หญิงคนนี้ ยิ้มกล่าวว่า “พอรู้อยู่บ้าง บางครั้งอ่านประเภทเรื่องแปลกและบทสนทนาจิปาถะมาบ้าง ดังนั้นจึงพอรู้ทุกอย่างอยู่บ้าง”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นับว่าถ่อมตนมากทีเดียว ในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนที่รู้ดีด้านวิชายาสมุนไพรและการปรุงกลั่นยาเม็ดมากไปกว่าเขา? เขาเป็นผู้ที่ศึกษาทางด้านนี้มายุคแล้วยุคเล่า
“เจ้าชอบวิชายาสมุนไพรน่ะสิ” หลี่ชิเย่มองดูผู้หญิงคนนี้เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“ถูกต้อง” ผู้หญิงคนนี้กล่าวตอบ และพูดขึ้นด้วยความสนใจว่า “ข้าเรียนรู้ด้านวิชายาสมุนไพรมาแต่เด็ก และได้รับการมอบหมายจากผู้อาวุโสให้เป็นผู้ดูแลบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้ มันเจริญงอกงามได้ดีตลอดมา แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรมันเกิดป่วยขึ้นมา ข้าได้ตรวจวินิจฉัยและรักษามัน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ไม่รู้ว่ามันป่วยด้วยโรคอะไร”
ครั้นผู้หญิงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วดูเหมือนมีความรู้สึกที่ตนเองประสบความพ่ายแพ้ เนื่องจากวิชาความรู้ด้านยาสมุนไพรของนางนั้นลึกล้ำยิ่งนัก แต่กลับต้องถูกบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้ทำให้ต้องกลัดกลุ้ม นางได้ค้นหาตำรามามากมาย ยังคงไม่สามารถค้นพบโรคที่เกี่ยวกับบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้
“มันไม่ได้ป่วย” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ กล่าวด้วยท่าทีไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า “ไม่ใช่ป่วยแล้วคืออะไร ช่วงเวลาที่ผ่านมามันก็ป่วยเหี่ยวเฉาเช่นนี้ตลอดมา พลังชีวิตลดลงไปมาก เสมือนดั่งใกล้จะตายอย่างนั้น”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวของมัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ใจของเจ้าโน้มเอียงไปทางด้านนั้นก่อนแต่ต้นจึงเข้าใจว่ามันป่วย ดังนั้น จึงไม่สามารถค้นพบปัญหาที่แท้จริง”
“ถ้าหากไม่ใช่ป่วย แล้วมันคืออะไร?” ผู้หญิงคนนี้รู้สึกไม่ค่อยยอมรับ ฝีมือด้านวิชายาสมุนไพรและสมุนไพรของนางยากจะหาผู้ใดเทียมได้ในหุบเขาอมตะ อย่างน้อยที่สุดในกลุ่มคนรุ่นใหม่จะเป็นเช่นนี้ กระทั่งกล่าวได้ว่าทั่งทั้งแดนลัทธิพรรษก็ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียมกับนางได้
เวลานี้หลี่ชิเย่ปฏิเสธคำวินิจฉัยของตนในทันที ย่อมทำให้ภายในใจของนางต้องไม่ยอมรับอยู่บ้าง อุปนิสัยของผู้หญิงคนนี้อ่อนโยนและใจกว้าง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ด้วยฐานะเช่นนี้ของนางหากไม่เสียงดังกับหลี่ชิเย่ ก็ต้องโต้เถียงกับหลี่ชิเย่แน่นอน
“ปัญหาอยู่ที่บ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมานั่น” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“ปัญหาอยู่ที่บ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมา?” ผู้หญิงคนนี้ถึงกับตะลึง และกล่าวว่า “มัน มันเป็นไปได้อย่างไร บ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาเป็นเช่นนี้ตลอดมาไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง มันจะมีปัญหาอะไรได้?”
“ตัวของบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาเองไม่ได้มีปัญหา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “บ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมามีแขกมาเยือนใหม่ ซึ่งก็คือเพื่อนบ้านใหม่ของบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ และกล่าวว่า “ต้น ต้นบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีต้นนี้ข้าเป็นคนดูแลมาโดยตลอด ไม่เคยพบเห็นสิ่งใดบุกรุกเข้าไป”
“จะมีหรือไม่เจ้าจะรู้ได้อย่างรวดเร็ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าไปเอาหนังไป๋ซู่ผี รากหูสือเกิน ดินเลียดปิงต้งถู่…ทั้งหมดมาบดเป็นผง นำไปโปรยลงในบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาก็จะได้รับคำตอบเอง”
“เรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?” ผู้หญิงนั้นมีท่าทีลังเลเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ นางไม่เคยได้ยินตำรับยาเช่นนี้มาก่อน สมควรทราบว่านางคือปรมาจารย์ด้านวิชายาสมุนไพร มีความรู้ถึงสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้เป็นอย่างดี
“ทดลองดูก็รู้แล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญด้านวิชายาสมุนไพร เจ้าเองก็ต้องรู้ว่าตำรับยาขนานนี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาอยู่แล้ว”
หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ได้ไตร่ตรองนิดหนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดของหลี่ชิเย่ก็มีเหตุผล เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ว่า ตำรับยาขนานนี้แม้โปรยลงไปในบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาก็ไม่ส่งผลเสียแต่อย่างใด
“เช่นนั้นข้าจะลองดู” ผู้หญิงคนนี้บอกจะทำก็ทำเลย ไปเตรียมสมุนไพรทันที
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้ได้นำเอาสมุนไพรกลับมา ในหุบเขาอมตะมีคลังยาที่ใหญ่ที่สุดในแดนลัทธิพรรษ มีสมุนไพรทุกชนิดในหล้า และสมุนไพรที่หลี่ชิเย่ต้องการนั้นไม่นับว่าเป็นของล้ำค่า การที่จะจัดหาตำรับยานี้ให้ครบจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากแต่อย่างใด
ผู้หญิงคนนี้ได้นำเอาสมุนไพรเหล่านี้มาบดเป็นผงทั้งหมด จากนั้นทำการโปรยหว่านลงไปในทุกๆ จุดของบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมา
หลังจากที่ผงสมุนไพรทั้งหมดถูกโปรยหว่านลงไปในบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาแล้ว ปรากฎว่าบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น ยังคงเงียบสงบยิ่งนัก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อผู้หญิงคนนี้เห็นว่าบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จึงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่อมยิ้ม และกล่าวว่า “อย่าใจร้อน ต้องมีความอดทน รอสักครู่ผลก็จะออกมาแล้ว”
หลี่ชิเย่พูดขาดคำไม่นาน ก็ได้ยินเสียงบุ๋ม บุ๋ม บุ๋มดังขึ้น ในเวลานี้บ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาได้ปรากฎฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นระลอก จากนั้นตามติดด้วยแมลงขนาดเล็กแต่ละตัวที่ลอยขึ้นเหนือน้ำ
แมลงขนาดเล็กเหล่านี้ดูไปแล้วเหมือนหนอน แต่ก็ดูเหมือนเป็นพยาติตัวตืด ลำตัวของมันทั้งเล็กและยาว ขณะที่พวกมันลอยขึ้นเหนือผิวน้ำนั้นล้วนแล้วแต่หงายท้อง คล้ายดั่งถูกพิษจนตัวตายอย่างนั้น
ภายในระยะเวลาอันสั้น ในบ่อน้ำแร่น้ำแข็งแมกมาปรากฎสิ่งนี้หงายท้องอยู่เต็มไปหมด มีแต่พยาธิเหล่านี้ลอยฟ่องอยู่เต็มไปหมด เห็นแล้วทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนก โดยเฉพาะบางตัวยังไม่ตายสนิท เมื่อลอยขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วยังมีการดิ้นกระดุ๊กกระดิก มองเห็นลำตัวที่ยาวและมีขนาดเล็กที่เหมือนชักกระตุกแล้ว ทำให้บังเกิดเป็นขนลุกขนพองขึ้นมา ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
เมื่อผู้หญิงคนนี้มองเห็นพยาธิตัวตืดเหล่านี้ที่กำลังชักกระตุกก็ให้รู้สึกขนหัวลุกเหมือนกัน เอ่ยถามขึ้นมาว่า “นี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“เป็นหนอนขี้เถ้าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “หลังจากที่หนอนขี้เถ้าโตเต็มที่แล้วก็จะมีการวางไข่โดยฝังเอาไว้ในแมกมา ไข่ของพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ในแมกมาเป็นพันล้านปี อยู่มาวันหนึ่งมันฟักตัวออกมา เมื่อพวกมันฟักตัวออกมาก็จะดูดเอาพลังแก่นฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งก็คือเหตุผลว่าเพราะอะไรบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีจึงดูเหมือนป่วยอย่างนั้น”
“สิ่ง สิ่งนี้ข้าเคยได้ยิน” เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว ผู้หญิงคนนี้พลันนึกออกอย่างฉับพลัน เข้าใจได้ในทันที
ผู้หญิงคนนี้ก็เคยได้ยินชื่อของหนอนขี้เถ้ามาก่อนแต่ไม่เคยได้เห็นของจริง และนางนึกไม่ถึงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นที่ตรงนี้ มิน่าเล่า นางจึงไม่สามารถวินิจฉัยโรคให้กับบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีตลอดมา
เมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ได้โค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม พูดขึ้นมาด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณที่ชี้แนะ ทำให้น้องได้เรียนรู้มาบทหนึ่ง ได้รับประโยชน์มากมาย น้องชื่อฉินซาวเย่า วันหน้ายังต้องขอคำชี้แนะอีกมาก”
ฉินซาวเย่ามีท่าทีที่ดึงดูดผู้คน มีพลังศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งที่อธิบายไม่ถูก ยามที่นางแสดงคารวะนั้น ทั้งสุภาพเยือกเย็น แต่ก็แฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความซุกซนอยู่หลายส่วน ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
“หลี่ชิเย่“ หลี่ชิเย่ก็ยิ้มและแจ้งชื่อของตนออกมา
“ข้ารู้ว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่” ฉินซาวเย่าเม้มปากหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ในหุบเขาร้อยบุปผามีเพียงศิษย์พี่ใหญ่คนหนึ่งที่เป็นผู้ชายอาศัยอยู่ที่นี้ ไม่นึกเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่จะเป็นปรมาจารย์ด้านยาสมุนไพร มิน่าเล่าอาจารย์ถึงได้เลือกศิษย์พี่ใหญ่ ดูท่าวันหน้าน้องยังต้องขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่ให้มากนะ”
ท่าทางเม้มปากหัวเราะเบาๆ ของฉินซาวเย่านั้น เรียกได้ว่าได้เผยความสง่างามที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำออกมาจนสิ้น
“เล็กน้อยเท่านั้นเอง บอกได้แค่ว่ารู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มไปตามอารมณ์
“ศิษย์พี่ใหญ่พูดเช่นนี้ น้องก็อับอายแย่เลย” ฉินซาวเย่าถึงกับหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “หากแม้ศิษย์พี่ใหญ่รู้แค่งูๆ ปลาๆ ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วน้องยังเรียนรู้ไม่ได้กระทั่งผิวเผินด้วยซ้ำ”
หลี่ชิเย่แค่หัวเราะทีหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรมากความ
ฉินซาวเย่ามองไปที่หลี่ชิเย่และกล่าวว่า “ได้วันก่อนก็เคยได้ยินศิษย์พี่พูดถึงศิษย์พี่ใหญ่ เพียงแต่ได้ยินมาว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังกักตน น้องจึงไม่กล้าไปรบกวน วันนี้พลันได้พบเจอศิษย์พี่ใหญ่เป็นครั้งแรก ก็ช่วยคลายความกังวลในใจของน้องลงได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลย”
………………………….