ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2225 จากกันชั่วคราว

ตอนที่ 2225 จากกันชั่วคราว
“องค์หญิง…” กองทัพอาชาทัพนี้วิ่งห้อตรงไปกระทั่งด้านหน้าของหวู่ปิงหนิง คุกเข่าลงกับพื้นและส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
หวู่ปิงหนิงถึงกับขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นกองทัพอาชานี้แล้ว และกล่าวว่า “แม่ทัพหวู่ เหตุใดพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
“ทูลองค์หญิง พวกกระหม่อมมารับเสด็จองค์หญิงกลับราชสำนัก” แม่ทัพที่เป็นหัวหน้ารีบกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อมต่อหวู่ปิงหนิง
หวู่ปิงหนิงถึงกับมีสีหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมา เป็นความจริงที่ว่าหลังจากนางติดตามหลี่ชิเย่มาถึงดินแดนต้นกำเนิดไฟแล้วได้มีการส่งข่าวให้กับจูเซียงหวู่ถิง นางเพียงแจ้งต่อบรรพบุรุษของตนเองว่าได้ออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างปลอดภัยแล้ว นางไม่นึกเลยว่ากองทัพของจูเซียงหวู่ถิงจะรุดมาถึงได้รวดเร็วปานนี้
หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เพื่อสงบจิตใจของตนเองเอาไว้ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แม่ทัพหวู่ ถึงเวลาอันสมควรที่จะกลับไปแล้ว ข้าก็จะกลับไปเอง ไม่จำเป็นต้องให้แม่ทัพหวู่ต้องลำบาก”
แม่ทัพที่คุกเข่าอยู่คิดจะปริปากพูดอะไรออกไป แต่ก็หยุดลงเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
“ปิงเอ๋อร์ ข้างนอกอันตราย กลับไปพักผ่อนที่ราชสำนักก่อนเถอะ” ในเวลานี้เสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งดังขึ้น เห็นศิษย์ที่หามที่นั่งที่นุ่มนิ่มเข้ามา โดยมีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้น ผู้เฒ่าผู้นี้อยู่ในระดับชั้นบรรพบุรุษ สีหน้าของเขาขาวซีด ดูหน้าตาแย่มาก แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงส่งประกายออกมาทุกทิศทุกทาง
“ท่านบรรพบุรุษ…” หวู่ปิงหนิงถึงกับตระหนกเมื่อมองเห็นบรรพบุรุษผู้นี้ บรรพบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็คือบรรพบุรุษที่เคยเข้าร่วมโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อนหน้านั่นเอง
“ได้ยินว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจึงมารับเจ้าเป็นการเฉพาะ” เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้เห็นว่าหวู่ปิงหนิงปลอดภัยดีถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก
ครั้งนั้น แม้ว่าจะรอดชีวิตกลับมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาได้ แต่ได้รับบาดเจ็บที่สาหัสมาก ความจริงแล้วไม่เพียงแต่ตัวเขาที่ได้รับบาดเจ็บ ระดับบรรพบุรุษคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเงื้อมมือของหลี่ชิเย่ หลังจากบรรดาเหล่าบรรพบุรุษกลับไปแล้วต่างรีบเร่งกักตนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่จะเกิดขึ้น
แต่เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้ได้ยินว่าหวู่ปิงหนิงกลับมาแล้ว เขายังคงออกจากการกักตนมาต้อนรับการกลับมาของหวู่ปิงหนิง จะอย่างไรเสียการที่เหล่าบรรพบุรุษเช่นพวกเขาสามารถมีชีวิตกลับออกมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้นั้น นับว่าหวู่ปิงหนิงมีผลงานยิ่งใหญ่ ดังนั้น บรรพบุรุษผู้นี้ยังคงต้องการมาต้อนรับหวู่ปิงหนิงด้วยตนเองแม้ว่ายังบาดเจ็บอยู่ก็ตาม
สีหน้าของหวู่ปิงหนิงเปลี่ยนไป ที่สมควรจะเกิดยังคงต้องเกิด นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “รบกวนท่านบรรพบุรุษ ให้บรรพบุรุษต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะข้า ปิงหนิงละอายใจยิ่งนัก เพียงแต่ข้ามีธุระอยู่ วันหน้าค่อยกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ”
“เกรงว่าจะไม่เหมาะสม” เมื่อบรรพบุรุษได้ฟังความจากหวู่ปิงหนิงแล้วจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะขาดเจ้าแม้เพียงวันหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้ายังคงติดตามข้ารีบเร่งกลับไปเถอะ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น”
คำพูดของบรรพบุรุษทำให้หวู่ปิงหนิงต้องนิ่งเงียบทันที ในใจของนางไม่คิดจะกลับไปที่จูเซียงหวู่ถิงอยู่แล้ว กลับไปเมื่อไรก็จะมีแต่ความกลัดกลุ้มที่ไม่สามามรถขจัดทิ้งไปได้
“ทำไม คิดจะมาชิงตัวรึ?” จังหวะที่หวู่ปิงหนิงอยู่ระหว่างนิ่งเงียบนั้น หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ก้าวเดินออกมา กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากคิดจะแย่งคนล่ะก็ ต้องถามข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย”
ศิษย์คนอื่นๆ ของจูเซียงหวู่ถิงย่อมไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ของจูเซียงหวู่ถิงรู้จักหลี่ชิเย่อยู่แล้ว วันนั้นเกือบจะตายด้วยเงื้อมมือของหลี่ชิเย่
“เป็นเจ้า…” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ถึงกับตื่นตระหนกยิ่งเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ สีหน้าที่เดิมขาวซีดอยู่แล้วพลันกลายเป็นซีดเผือด เมื่อพบกับศัตรูตัวฉกรรจ์สะบัดมือออกไป
ตึง ตึง ตึงฉับพลันนั้นเอง ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดต่างชักอาวุธออกจากฝัก เข้าสู่สถานการณ์พร้อมรบ และทำการล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ ไม่อาจไม่ยอมรับว่าศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลำดับต้นๆ
“ต้องการสู้กันสักรอบหนึ่งรึ?” หลี่ชิเย่มองดูยอดฝีมือจูเซียงหวู่ถิงที่ล้อมตนเองเอาไว้ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ข้าพร้อมน้อมรับทุกเวลา”
ในเวลานี้ ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งและอันธพาลของหลี่ชิเย่มาแล้ว และเห็นวิธีการที่โหดเหี้ยมของหลี่ชิเย่มาก่อน ขอเพียงหลี่ชิเย่โหดขึ้นมา เวลาที่เขาฆ่าคนนั้นเรียกว่าไม่มีการกะพริบตาอย่างเด็ดขาด
สุดท้าย ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สะบัดมือทีหนึ่งให้ศิษย์ในสำนักถอยออกไป เขารู้ดีว่าศิษย์ธรรมดา และยอดฝีมือทั่วๆ ไปนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว ต่อให้มีจำนวนมากกว่านี้ก็เป็นการรนหาที่ตายอยู่ดี
“ท่าน ข้าไม่ได้มีความหมายอื่นใด จูเซียงหวู่ถิงของพวกเราเพียงต้องการรับศิษย์ของพวกเรากลับไปเท่านั้น ข้าเชื่อว่าท่านเองก็เป็นผู้ที่รักษาคำมั่นสัญญา” สุดท้าย ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ในเวลานี้ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ก็เข้าใจ หากจะใช้กำลังกับหลี่ชิเย่ในขณะนี้เกรงว่าจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ และหากลงมือกันจริงๆ แล้ว พวกเขาไม่มีวิธีการใดที่จะเอาชนะได้
“เรื่องแบบนี้ข้าไม่ขัดขวาง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ถ้าหากนางคิดจะกลับไป สามารถกลับไปได้ทุกเมื่อ แต่หากนางไม่ต้องการจะกลับไป ใครคิดจะฝืนบังคับนาง ก็ต้องถามข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดไม่ออก เขารู้สึกเหมือนขี่หลังเสือในทันที ได้แต่จ้องมองไปที่หวู่ปิงหนิง
เวลานี้หากพวกเขาจะใช้ไม้แข็งเพื่อแย่งชิงตัวจากหลี่ชิเย่ล่ะก็ เกรงว่าการต่อสู้อย่างดุเดือดคงยากจะหลีกเลี่ยงได้
“ข้าจะกลับไป” สุดท้าย หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างหนักแน่นต่อระดับบรรพบุรุษว่า “ข้าจะติดตามท่านบรรพบุรุษกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็แล้วกัน!”
ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พลันรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของหวู่ปิงหนิง จิตใจที่เป็นกังวลจึงได้ฝ่อนคลายลง
“นังหนู ถ้าหากเจ้าไม่อยากกลับไปก็ไม่จำเป็นต้องกลับไป ขอเพียงมีข้าอยู่ ไม่มีใครสามารถบังคับให้เจ้ากระทำเรื่องใดๆ ได้” หลี่ชิเย่ขยี้ผมของหวู่ปิงหนิงเบาๆ
“ข้ารู้” หวู่ปิงหนิงสู้สายตาของหลี่ชิเย่อย่างไม่สะทกสะท้าน พยักกหน้าอย่างหนักแน่น และกล่าวว่า “การหลีกหนีไม่ใช่วิธี ข้าจะไปแก้ไขมันเอง”
กล่าวสำหรับ หวู่ปิงหนิงแล้ว สิ่งที่จะเกิดอย่างไรเสียก็ต้องเกิด ถึงนางจะหลีกหนีก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น นางจึงตัดสินใจกลับไปยังจูเซียงหวู่ถิงให้รู้แล้วรู้รอดไป เพื่อไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
“ก็ดี เช่นนั้นก็ไปเถอะ” หลี่ชิเย่ขยี้ผมของนางและกล่าวว่า “พวกเราจะได้พบกันในเร็ววัน ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าปรากฎอยู่ทุกที่” กล่าวพลาง นิ้วของเขาจิ้มไปที่หน้าผากของหวู่ปิงหนิง
ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง บริเวณหน้าผากของหวู่ปิงหนิงปรากฎประกายคลื่นที่กระเพื่อมและเปล่งประกายออกมา นี่เป็นการฝากตราประทับลงบนตัวหวู่ปิงหนิงของหลี่ชิเย่ ขอเพียงหวู่ปิงหนิงต้องการหรือประสบกับอันตราย เฉกเช่นหลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เขาปรากฏอยู่ทุกที่!
หวู่ปิงหนิงจ้องมองหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง เวลานี้นางอดที่จะเกาะกุมมือใหญ่ของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น ภายในใจเปี่ยมด้วยความไม่อยากไปจากเต็มอก นางถึงกับกุมมือขนาดใหญ่ที่หยาบกร้านของหลี่ชิเย่ไว้แน่น นางเองไม่รู้ว่าจากกันคราวนี้จะได้พบกันอีกเมื่อใด
“ข้าต้องไปแล้ว” สุดท้าย หวู่ปิงหนิงกัดฟันหันหลังจากไป และเดินเข้าไปท่ามกลางกองทัพของจูเซียงหวู่ถิงทันที
สุดท้ายหวู่ปิงหนิงกระโดดขึ้นหลังม้าศึกแล้วควบออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมา ศิษย์จำนวนมากภายในกองทัพรีบเร่งควบม้าติดตามกันไป
ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงจึงหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองเห็นหวู่ปิงหนิงควบม้าออกไป เขาได้สติคืนกลับมาจึงแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเราเคยเข้าใจผิดกับท่านต่างๆ นานา วันนี้ถือว่าได้ทำความเข้าใจกันแล้ว วันหน้าหากท่านมีเวลา ยินดีต้อนรับท่านมาร่วมดื่มสุรากันเล็กๆ น้อยๆ ที่จูเซียงหวู่ถิงของพวกเรา”
แน่นอนที่สุด คำพูดที่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดออกมาเป็นเพียงภาษาดอกไม้ตามมารยาทเท่านั้นเอง
“ข้ากลับหวังว่ามีสักวันไปที่จูเซียงหวู่ถิง แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าควรจะอธิฐานให้ข้าไปเพื่อดื่มสุราเล็กๆ น้อยๆ นั่น แต่หากข้าไปเพื่อเข่นฆ่าครั้งใหญ่ล่ะก็ ข้าเชื่อว่าจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าไม่มีใครสามารถหยุดข้าเอาไว้ได้!” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเมินเฉย
คำพูดคำนี้พลันทำให้สีหน้าของระดับบรรพบุรุษผู้นี้เปลี่ยนไป เขาเองไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรสำหรับคำพูดที่ดุดันอันธพาลเช่นนี้ เขาไม่สามารถพูดคำพูดที่นักเลงออกมาได้ เนื่องจากอยู่ต่อหน้าคนโหดเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำพูดนักเลงเช่นนใดก็ดูจะอ่อนแอและไร้ซึ่งกำลังทั้งสิ้น
“คนอย่างข้าก็ใช่ว่าจะชื่นชอบการฆ่าฟันเสมอ” หลี่ชิเย่มองดูระดับบรรพบุรุษที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปมากนั่น กล่าวเอ้อระเหยว่า “ข้าแค่ต้องการบอกเจ้าว่า นังหนูคนนี้ของเจ้าเวลานี้อยู่ในความคุ้มครองของข้า เรื่องบ้าบอภายในจูเซียงหวู่ถิงพวกเจ้าข้าขี้คร้านจะไปสนใจ แต่ว่า วันนี้นังหนูคนนี้ติดตามเจ้ากลับไป จงจดจำคำพูดของข้าให้มั่น นังหนูไปจากข้างกายข้าในสภาพที่สมบูรณ์ ข้าต้องการให้นางกลับมาในสภาพที่สมบูรณ์เช่นกัน ถ้าหากมีบุบสลายหรือได้รับความไม่เป็นธรรมล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า หากข้าโกรธขึ้นมาล่ะก็ ฟ้าดินร้องไห้ เทพและภูตผีโหยหวน! พวกเจ้าคิดดูเอาเองก็แล้วกัน”
สีหน้าของบรรดาศิษย์และยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยข้างกายระดับบรรพบุรุษผู้นี้เปลี่ยนไปมากทีเดียว กับการข่มขู่อย่างซึ่งหน้าเช่นนี้ ต่างอดที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธไม่ได้ จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาเคยถูกใครข่มขู่ตั้งแต่เมื่อไรกัน แน่นอนที่สุด บรรดาศิษย์และยอดฝีมือเหล่านี้ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของหลี่ชิเย่
บรรพบุรุษผู้นี้ไม่ได้แสดงความโกรธเมื่อต้องเผชิญกับคำขู่เช่นนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “คำพูดของท่านพวกเราจะจดจำเอาไว้”
“เช่นนั้นก็ไสหัวไปให้พ้น ถือโอกาสที่ข้ายังไม่เปลี่ยนใจ มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่ว่าใครก็อย่าหวังได้ไปจากที่นี่” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทางที่อยู่เหนือผู้คน
ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ก็ไม่กล้าบ่นอะไรออกมา สุดท้ายได้แต่ก้มหัวแสดงความเคารพต่อหลี่ชิเย่ ไปจากสถานที่ตรงนี้อย่างรวดเร็วภายใต้การหามของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย
ครั้นทุกคนได้ไปจากแล้ว สายตาของหลี่ชิเย่มองไปยังสถานที่ที่ไกลมากๆ มองเห็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก สุดท้ายทอดถอนใจออกมาเบาๆ
แน่นอน กล่าวสำหรับเขาแล้ว ความกลัดกลุ้มแค่นั้นของหวู่ปิงหนิงไม่นับเป็นอะไรได้ ขอเพียงเขาลงมือก็สามารถกวาดล้างสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ความกลัดกลุ้มที่ว่าก็จะคลี่คลายไปในทันที
เพียงแต่ขึ้นอยู่ที่ว่าหวู่ปิงหนิงยินดีใช้กำลังตัดสินปัญหาหรือไม่ ต้องดูว่านางยินดีที่จะผิดใจกับผู้อาวุโสของสำนักของนางแล้ว
สุดท้าย หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ มุ่งหน้าไปยังหุบเขาอมตะ
การไปหุบเขาอมตะของหลี่ชิเย่ในครั้งนี้มีเป้าหมายอยู่แล้ว หาได้เหมือนเช่นที่พูดเล่นกับหวู่ปิงหนิงอย่างนั้นว่า ไปเพราะศิษย์สาวที่งดงามของหุบเขาอมตะ
การไปหุบเขาอมตะในครั้งนี้เป็นเพราะที่หุบเขาอมตะมีสิ่งที่เขาต้องการ ครั้งนั้นเซียนโอสถกล้าอาศัยคำว่า ‘อมตะ’ มาตั้งเป็นชื่อ ซึ่งลึกๆ ในนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพราะยาเม็ดอายุวัฒนะที่เซียนโอสถปรุงกลั่นนั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เบื้องหลังคำว่า ‘อมตะ’ ของชื่อหุบเขาอมตะนั้นยังมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เบื้องหลังยังมีความลับที่ลึกล้ำยิ่งกว่า
การไปหุบเขาอมตะครั้งนี้ของหลี่ชิเย่ก็ไปด้วยความลับที่อยู่เบื้องหลังคำว่า ‘อมตะ’ นี้ นี่แหละคือสิ่งที่เขาหมายปอง มิฉะนั้นล่ะก็ ลำพังอาศัยเพียงแค่ยาเม็ดอายุวัฒนะของหุบเขาอมตะยังไม่เข้าตาของเขา
………
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท