ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ต้นไม้แก่คือสมุนไพรเซียนที่มีเพียงหนึ่งเดียวนิรันดร์กาล ขอเพียงมันไปนั่งอยู่ตรงไหนก็ตาม ก็สามารถดึงดูดให้หนอนไฟเหมันต์พยายามเบียดเสียดเข้ามาในพื้นที่เล็กๆ นั่น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ที่ดึงดูดให้หนอนไฟเหมันต์เบียดเสียดกันเข้ามานั้นหาใช่หญ้าเหยี่ยวแดง แต่เป็นต้นไม้แก่
“หนอนไฟเหมันต์ เป็นหนอนไฟเหมันต์จริงๆ แม่ข้ารอดแล้ว รอดแล้ว!” มือทั้งสองของซ่งหวี่เฮ่าอุ้มหนอนไฟเหมันต์กว่าพันตัวที่คล้ายดั่งเป็นลูกบอลไฟลูกหนึ่ง เขาตื่นเต้นจนตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง ตื่นเต้นจนหางตาชุ่มไปด้วยน้ำตา
ไม่ง่ายนักกว่าซ่งหวี่เฮ่าจะได้สติกลับมา เขาได้เลือกหนอนไฟเหมันต์ออกมาหลายตัวจากหนอนไฟเหมันต์ที่มีอยู่นับพันตัว ที่เหลือทั้งหมดล้วนแล้วแต่อุ้มไปยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “คุณ คุณชายท่านนี้ ข้า ข้าขอหนอนไฟเหมันต์หกตัวจากท่านเพื่อต่อชีวิตให้ ให้มารดาของข้า นอก นอกเหนือจากนั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของท่าน”
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองดูหนอนไฟเหมันต์สักครั้งด้วยซ้ำ และกล่าวว่า “ถือเสียว่าข้าประทานให้แก่เจ้าก็แล้วกัน ของแบบนี้ข้าเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“อย่าง อย่าง อย่างนี้จะได้อย่างไร มัน มันล้ำค่าเกินไปแล้ว” ซ่งหวี่เฮ่าเวลานี้ไม่อาจเรียกสติกลับมา ถึงกับพูดจาติดอ่าง
“ข้าบอกให้เจ้าเอาไปก็เอาไป ใยต้องพูดให้มากความ” หลี่ชิเย่พูดสั่งการออกไป
ในเวลานี้ ซ่งหวี่เฮ่าตื่นตะลึงอยู่ตรงนั้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว ทั้งตื่นตกใจและดีใจมาได้กะทันหันเหลือเกิน กระทั่งกล่าวได้ว่าความตื่นตระหนกตกใจระคนกับดีใจเช่นนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
การที่เขาเสี่ยงอันตรายมาที่ดินแดนต้นกำเนิดไฟเพื่อตามหาหนอนไฟเหมันต์ก็เพื่อต่อชีวิตให้กับมารดาของเขา กล่าวสำหรับเขาแล้ว สามารถได้หนอนไฟเหมันต์ไม่กี่ตัวเขาก็พึงพอใจเป็นที่สุดแล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่กลับประทานหนอนไฟเหมันต์รวดเดียวนับพันตัว สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้จะคิดถึง
คนอื่นๆ ก็มองหลี่ชิเย่ด้วยความรู้สึกไม่น่าเป็นไปได้ ไม่อาจไม่บอกว่านี่เป็นการมือเติบอย่างยิ่ง เนื่องจากเดิมทีหนอนไฟเหมันต์ค่อนข้างจะล้ำค่าอยู่แล้ว เวลานี้หนอนไฟเหมันต์นับพันตัวมันคือลาภก้อนใหญ่เลยทีเดียว ขณะที่หลี่ชิเย่ประทานให้ไปตามอารมณ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยได้พบหน้ากันมาก่อนเลย มันช่างเป็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวพียงใด เป็นความมือเติบที่น่ากลัวเพียงใด เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเลยจริงๆ
“บุญคุณอันใหญ่หลวงของคุณชาย หวี่เฮ่ายินดีเป็นวัวเป็นม้าให้กับคุณชาย” หลังจากได้สติกลับมาแล้ว ซ่งหวี่เฮ่าตื่นเต้นจนน้ำตาไหลหยดลงมา และเสียงปุดังขึ้นเมื่อเขาได้คุกเข่าลง และโขกศีรษะเสียงดังให้กับหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่ยอมรับการคารวะเต็มรูปแบบอย่างไม่สะทกสะท้านจากซ่งหวี่เฮ่า สุดท้ายโบกมือและกล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
หลังจากที่ซ่งหวี่เฮ่าลุกขึ้นมาแล้วก็ยืนด้วยท่าทีนอบน้อมอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ ภายในใจของเขาถือว่าหลี่ชิเย่มีบุญคุณต่อเขาดั่งขุนเขา!
เมื่อหวูเลี่ยนมองเห็นพวกของซ่งหวี่เฮ่าสามารถขุดหนอนไฟเหมันต์ได้มากมายถึงเพียงนี้ ทำให้หน้าของเขาดูไม่จืดถึงขีดสุด กระทั่งถึงเวลานี้พวกเขายังขุดหาหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้เลยสักตัว ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่ขุดไปตามอารมณ์กลับได้หนอนไฟเหมันต์มานับพันตัว เกมการพนันนัดนี้ใครแพ้ใครชนะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ชัดเจนเป็นที่สุดแล้ว
“เวลานี้ สมควรแทะดินโคลนบริเวณนี้ให้เกลี้ยงแล้วสิ?” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จ้องมองดูหวูเลี่ยนและกล่าวท่าทีเอ้อระเหยขึ้นมา
หวูเลี่ยนเวลานี้ดูอารมณ์ฉุนเฉียวและผะอืดผะอม และสุดจะทนได้ เขาส่งเสียงฮึและกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “การขุดของพวกเรายังไม่เสร็จสิ้น จะรีบไปทำไม!”
“ได้ คนอย่างข้าเป็นคนที่มีความอดทนเต็มเปี่ยม ข้าจะรออีกหน่อย แต่อย่าลืมแทะดินโคลนที่นี่ให้เกลี้ยงนะ หาไม่แล้ว ต่อให้ต้องยัดข้าก็ต้องยัดเจ้าจนเต็มปาก” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว
“เร็ว รีบขุดลึกลงไปสามพันฟุต ต้องขุดเอาหนอนไฟเหมันต์ขึ้นมาให้ได้!” สีหน้าของหวูเลี่ยนนั้นดูไม่จืดยิ่ง สั่งการเสียงดังกับศิษย์ตระกูลหวูที่ทำหน้าที่ขุดเหล่านั้น
เวลานี้ทุกคนต่างดูออกว่า แพ้ชนะได้เฉลยแล้ว หลี่ชิเย่พวกเขาแค่ขุดไปตามอารมณ์ก็ได้หนอนไฟเหมันต์มานับพันตัว เกรงว่าต่อให้พวกของหวูเลี่ยนขุดลึกลงไปใต้พื้นดินสามพันฟุตจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขุดหนอนไฟเหมันต์ขนาดนี้ได้อีกแล้ว มันเป็นเพียงหวูเลี่ยนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้นเอง
แม้ว่าศิษย์ตระกูลหวูจะพยายามขุดอย่างเต็มกำลัง แต่ยังคงขุดหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้สักตัว กระทั่งเงาหนอนไฟเหมันต์ก็ไม่ได้เห็น ยิ่งเป็นเช่นนี้ สีหน้าของหวูเลี่ยนยิ่งดูไม่จืดมากยิ่งขึ้น
“แพ้ชนะปรากฏแล้ว” มีผู้ที่มองเห็นหวูเลี่ยนยังไม่ยอมแพ้ มีคนกระซิบออกมาเบาๆ
“นั่นสิ แพ้ก็แพ้สิ แต่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ยังจะพนันอะไรอีก ทำแคว้นว่านโซ่วเสียหน้าไปสิ้น” ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างไม่พอใจต่อการกระทำของหวูเลี่ยนเมื่อครู่ ดังนั้น ยิ่งอดที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเบาๆ
เวลานี้ สีหน้าของหวูเลี่ยนแดงก่ำ ดูสุดจะทนต่อไปได้ เพราะทำให้เขาหาทางลงไม่ได้
“ควรได้เวลาแล้วกระมัง เวลานี้ใช่ถึงคราวที่พวกเจ้าต้องแทะดินโคลนได้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและจ้องมองดูพวกของหวูเลี่ยน
เวลานี้ศิษย์ตระกูลหวูได้ทำการขุดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาตรงบริเวณนี้ ดินที่ขุดมาได้เพียงพอที่จะกองสุมเป็นภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง
“ใครบอกถึงเวลาแล้ว?” หวูเลี่ยนร้องกล่าวเสียงดังว่า “พวกเราไม่ได้มีข้อตกลงว่าขุดนานแค่ไหนจึงจะสิ้นสุด ขุดหนึ่งวันก็ได้ ขุดหนึ่งปีก็ได้ ขุดหนึ่งร้อยปีก็ไม่มีปัญหา ดังนั้น การเดิมพันของพวกเรายังไม่สิ้นสุด จนกว่าจะขุดหนอนไฟเหมันต์จนเจอ”
ในเวลานี้ หวูเลี่ยนได้เล่นแง่ขึ้นมาตรงๆ เสียแล้ว
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกดูแคลนกับการเล่นแง่ของหวูเลี่ยน กระทั่งรู้สึกดูแคลนและเยาะเย้ยต่อหวูเลี่ยน เพียงแต่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง
“ทำไม? ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ก็พูดมาตรงๆ สิ เดิมพันเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็ยังเล่นแง่ แค่นักเลงหัวไม้น้อยๆ ก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ของแคว้นว่านโซ่ว นี่มันเป็นการทำเสียหน้าของแคว้นว่านโซ่วโดยแท้ การที่แคว้นว่านโซ่วมีศิษย์เช่นนี้ นับว่าเสียหน้าจนถึงที่สุดแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา สีหน้าของหวูเลี่ยนพลันดูไม่จืดจนถึงขีดสุด จากนั้นได้ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ และกล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้าเหยียดหยามข้าได้ แต่จะมาเหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วของพวกเราไม่ได้ การเหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วของพวกเราก็คือไม่ขออยู่ร่วมโลกกับแคว้นว่านโซ่วของพวกเรา!”
ทุกคนต่างก็รู้ว่าการที่หวูเลี่ยนพูดเช่นนี้เป็นการถือโอกาสอาละวาด แค่ต้องการตั้งข้อหาให้กับหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง และเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน
เวลานี้ทุกคนถึงกับมองไปที่หลี่ชิเย่ ในขณะนี้คนที่ฉลาดก็ต้องรู้ว่าทำอะไรแค่พอประมาณแล้วก็หยุดอยู่ตรงนั้น หากปล่อยให้หวูเลี่ยนกล่าวโทษว่าดูหมิ่นเหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วล่ะก็ เท่ากับทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
จะอย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นศัตรูโดยง่ายดายกับแคว้นว่านโซ่วอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแคว้นว่านโซ่วนับเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ใครเป็นศัตรูกับเขาก็จะไม่มีจุดจบที่ดีทั้งสิ้น
“เหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วแล้วจะเป็นอย่างไร?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “การที่แคว้นว่านโซ่วมีสวะอย่างเจ้าก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมสักเท่าไรกัน”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาซ่งหวี่เฮ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับตื่นตระหนกยิ่งนัก เมื่อเขาได้สติกลับมาจึงรีบกระตุกแขนเสื้อของหลี่ชิเย่ ส่งสัญญาณว่าอย่าได้หาเรื่องใส่ตัว
“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย!” สายตาของหวูเลี่ยนพลันไม่เป็นมิตร เผยให้เห็นถึงแววตาที่น่าเกลียดน่ากลัวและโหดเหี้ยมออกมา กล่าวเย็นชาและน่าเกรงขามว่า “กล้าเหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วของพวกเรา ฆ่าไม่มีละเว้น!”
หวูเลี่ยนอยากจะให้มีเรื่องอะไรที่มาเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนจะแย่อยู่แล้วเมื่อแพ้พนัน เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับไม่รู้จักคำว่าตาย พูดจาสามหาวไม่รู้จักอาย เหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วของพวกเขา ไหนเลยเขาจะไม่รีบคว้าโอกาสดีนี้เอาไว้ ถือโอกาสจัดการกับหลี่ชิเย่เสีย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นอกจากสามารถทำให้ทุกคนลืมเรื่องเมื่อสักครู่แล้ว ยังสามารถจัดการเก็บหลี่ชิเย่เสียอย่างสง่าผ่าเผย เรียกได้ว่ายิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว
“อาศัยพวกอ่อนอย่างพวกเจ้าน่ะหรือ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและขี้คร้านจะมองดูพวกเขาอีก
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างส่ายหน้าเงียบๆ การที่หลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ออกจะไม่เป็นการฉลาดเอาเสียเลย มิเท่ากับทำให้หวูเลี่ยนได้ข้ออ้าง เดิมทีเขาอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเท่ากับเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางอันตรายแล้ว
“เจ้าคนทรยศและชั่วร้าย อาศัยคำพูดนี้ของเจ้าก็สมควรตายหมื่นครั้ง!” ไหนเลยที่หวูเลี่ยนจะยอมละทิ้งโอกาสนี้ไป เผยท่าทางที่น่าเกลียดน่ากลัวออกมา ร้องเสียงดังออกมาว่า “ลุย ดีที่สุดคือจับเป็น คุณชายอย่างข้าจะให้มันตายทั้งเป็น ให้มันรู้ว่าโทษของการเหยียดหยามแคว้นว่านโซ่วของพวกเราจะมีจุดจบเช่นใด”
เมื่อหวูเลี่ยนสั่งการออกไป บรรดาศิษย์ตระกูลหวูที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างโยนเครื่องมือที่อยู่ในมือทิ้งไป ทยอยกันล้อมวงเข้าหาหลี่ชิเย่ ดาบและกระบี่ถูกชักออกจากฝัก ดวงตาทั้งสองเผยแววตาที่เหี้ยมโหดออกมา
“เจ้าหนู ตายเสียเถอะ” ในขณะนี้บรรดาศิษย์ตระกูลหวูเหล่านี้ส่งเสียงตวาดขึ้นมา ทั้งดาบและกระบี่ล้วนแล้วแต่ฟันเข้าใส่ตัวของหลี่ชิเย่อย่างโหดเหี้ยม ท่าทางเหมือนต้องการละบายความคับแค้นใจทั้งหมดเมื่อครู่ลงบนตัวของหลี่ชิเย่ และสับร่างของหลี่ชิเย่ให้เละอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูสักแวบด้วยซ้ำ แค่มือที่สะบัดออกไป ได้ยินเสียงดังปังบรรดาศิษย์ตระกูลหวูไม่สามารถรับได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว ทั้งหมดถูกพลังกระแทกจนปลิวออกไป
“อาศัยมืออ่อนหัดเช่นพวกเจ้าก็หาญกล้าทำโอ้อวดต่อหน้าข้ารึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเสียงดังและเดินเข้าหาหวูเลี่ยน
“เจ้าหนู ตายเสียเถอะ!” หวูเลี่ยนเองก็รู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้ามาหาตน คำรามเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับเสกเอาเตาขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกมา ได้ยินเสียงดังตูมเห็นเพียงเตานี้ได้เทเปลวไฟที่ร้อนแรงลงมาไม่ขาดสาย โดยที่เปลวไฟทั้งหมดล้วนแล้วแต่พุ่งเข้าใส่หลี่ชิเย่ หวังจะเผาหลี่ชิเย่ให้ตาย
หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาเมื่อต้องเผชิญกับเปลวไฟที่รุนแรงและไม่ขาดสาย เพียงชี้นิ้วออกไปตามอารมณ์ ก็ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เตาไฟแตกละเอียดไปทั้งใบ และเปลวไฟที่เทราดลงมาก็ดับมอดไปโดยพลัน
เมื่อหวูเลี่ยนเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี และรู้ว่าเจอะเจอเข้ากับยอดฝีมือเสียแล้ว คราวนี้เจอเข้ากับของแข็งแล้วจึงหันหลังหลบหนีทันที
แต่ทว่าเขาเพิ่งหันหลังเพื่อจะวิ่งหนี พลันถูกจับตัวหิ้วขึ้นมาเหมือนดั่งเป็นลูกไก่ตัวหนึ่ง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่สามารถสยบหวูเลี่ยนลงได้อย่างง่ายดาย พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่ถึงกับมีศักยภาพถึงเพียงนี้ ด้วยท่าทางที่ธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปของหลี่ชิเย่ดูไปแล้วไม่เหมือนเป็นยอดฝีมืออะไรสักนิด ดูไปแล้วน่าจะเป็นผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่าเวลานี้เขาสามารถสยบหวูเลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ด้วยกำลังเช่นนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จะอย่างไรเสีย หวูเลี่ยนในฐานะที่เป็นนายน้อยของตระกูลหวู แม้ว่าจะยโสชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ อวดดีและโง่เขลา แต่ยังคงมีความสามารถพอตัวอยู่
“ดินโคลนที่นี่ยังไม่ได้กินให้หมดก็คิดหนีแล้ว ไม่ง่ายดายนัก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าว
“เจ้า เจ้า เจ้าหนู เจ้า เจ้ากล้าแตะต้องนายน้อยอย่างข้าแม้เพียงขุมขน ตระกูลหวูของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้อย่างเด็ดขาด แคว้นว่านโซ่วของพวกเราต้องสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!” เวลานี้หวูเลี่ยนกระดิกตัวไม่ได้ ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ร้องเสียงดังออกมาด้วยท่าทีแข็งนอกอ่อนใน
…………………………