มู่หย่าหลันมองหน้าหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง จากนั้นได้พยักหน้ากับหวงฉวนเวย และกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รบกวนพี่หวงแล้วล่ะ”
เมื่อเปรียบเทียบกับหลี่ชิเย่แล้ว มู่หย่าหลันยังคงเชื่อมั่นในวิชาพิษของหวงฉวนเวยมากกว่า จะอย่างไรเสียนางไม่รู้อะไรกับหลี่ชิเย่ที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เพิ่งจะโผล่หน้าออกมา นางเองก็ไม่กล้าเสี่ยง
“เช่นนั้นก็ดี ข้าลงมือแล้วนะ” หวงฉวนเวยถึงกับยิ้มด้วยความลำพอง จ้องมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง ท่าทีอวดบารมี
เวลานี้ หวงฉวนเวยได้นำเอาย่ามพิษของตนออกมา และกล่าวต่อผู้อาวุโสหยางว่า “ผู้อาวุโส อาจจะเจ็บปวดอยู่บ้าง ต้องอดทนนิดหนึ่ง”
“หลานวางใจเถอะ ตาเฒ่าอย่างข้ายังทนต่อความลำบากได้อยู่แล้ว” ผู้อาวุโสหยางรีบเอ่ยขึ้นมา
หวงฉวนเวยหยิบยาครีมออกมาขวดหนึ่งป้ายลงบนบาดแผลของผู้อาวุโสหยาง ผู้อาวุโสหยางรู้สึกได้ทันทีถึงความเย็นสายหนึ่ง ความเจ็บปวดที่ปวดแสบปวดร้อนเป็นระลอกก่อนหน้านั้นพลันหายไป
“ยาของหลานเป็นยาวิเศษนะเนี่ย ช่วงเวลาที่ผ่านมาถูกพิษที่รุนแรงนี้ทรมานจนแทบจะทนไม่ไหว เวลานี้เมื่อได้ทายาวิเศษของหลานแล้ว ความเจ็บปวดหายไปสิ้น” ผู้อาวุโสหยางก็รู้สึกแปลกใจ
“นี่คือยาครีมหยกนิลร้อยพิษที่ข้าปรุงกลั่นขึ้นมาเอง หากเป็นยาพิษอื่นๆ ขอเพียงทายาครีมนี้ของข้าก็จะสลายได้ทันที่” หวงฉวนเวยกล่าวขึ้น
“พี่หวงถึงกับปรุงกลั่นครีมหยกนิลร้อยพิษได้รึ?” มู่หย่าหลันเองก็รู้สึกตกใจกับสิ่งนี้
เนื่องจากครีมหยกนิลร้อยพิษชนิดนี้ได้สาบสูญไปนานแล้ว ตำราที่หุบเขาอมตะมีอยู่ก็เป็นเพียงฉบับที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น เนื่องจากศิษย์ของหุบเขาอมตะในแต่ละยุคที่ผ่านมาก็ไม่ชำนาญเรื่องพิษ ดังนั้น จึงมีผู้ที่ได้ศึกษาพินิจพิเคราะห์น้อยมาก
“ถูกต้อง ข้าได้สืบค้นตำราโบราณมาทั้งหมด สุดท้าย จึงสามารถเสริมวิธีการปรุงกลั่นยาครีมหยกนิลร้อยพิษในครั้งนั้นจนครบถ้วนบริบูรณ์ ทำให้ข้าสามารถปรุงกลั่นครีมหยกนิลร้อยพิษมาได้กล่องหนึ่ง สามารถแก้สารพัดพิษได้” เมื่อหวงฉวนเวยมองเห็นท่าทีที่แสดงความตกใจของมู่หย่าหลันแล้ว รู้สึกในใจเป็นสุขยิ่งนัก ความฟุ้งเฟื้อภายในใจพลันรู้สึกอิ่มเอมยิ่งนัก
“วิชาพิษของพี่หวงนับว่าเป็นหนึ่งในหล้าโดยแท้” มู่หย่าหลันถึงกับกล่าวชื่นชมเบาๆ
“ไม่หรอก ที่ไหนได้ เทียบกับฝีมือแพทย์ของศิษย์น้องแล้ว นับว่าด้อยกว่ากันมากทีเดียว” ได้รับคำกล่าวชื่นชมจากมู่หย่าหลัน พลันทำให้หวงฉวนเวยรู้สึกตัวเบาหวิว มีจิตใจที่ชื่นมื่น
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ฝีมือด้านวิชาพิษของหวงฉวนเวยนับว่ายอดเยี่ยม มือของเขาไม่ได้ว่างเลย หยิบเอาเข็มเงินแต่ละเข็มปักลงไปตามชีพจรสำคัญของผู้อาวุโสหยางแต่ละแห่ง
“ขึ้นมา…” ในเวลานี้เอง หวงฉวนเวยร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา เข็มเงินของเขาเปล่งเป็นประกายขึ้นมา ภายใต้การขับเคลื่อนจากพลังที่แข็งแกร่งของเขา มองเห็นร่างกายของผู้อาวุโสหยางปรากฏเป็นเส้นสีดำขึ้นมาทั่วร่าง ซึ่งก็คือพิษรุนแรงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วร่างของผู้อาวุโสหยาง
เวลานี้ร่างกายของผู้อาวุโสหยางกระตุกไปทั่วทั้งร่าง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเขาได้รับความเจ็บปวดมากจากขั้นตอนนี้ แต่ทว่าเขาก็รับกับมันได้ในที่สุดโดยไม่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแม้แต่แอะเดียว
ภายใต้การขับพิษด้วยพลังแข็งแกร่งของหวงฉวนเวย เส้นสีดำแต่ละเส้นได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าอก ครั้นพิษที่หลงเหลือทั้งหมดเหล่านี้ถูกบีบให้ไปอยู่บริเวณหน้าอกแล้ว หวงฉวนเวยลงมือปานสายฟ้าแลบ เข็มเงินแต่ละเล่มได้ปักลงบนหน้าอกด้วยความแม่นยำ เข็มเงินแต่ละเล่มพลันจัดการล็อกเอาพิษเหล่านี้อยู่บนตำแหน่งบริเวณหน้าอกในพริบตาเดียว
ในเวลานี้ ยาครีมหยกนิลร้อยพิษที่หวงฉวนเวยได้ทาเอาไว้ที่บริเวณบาดแผลก็บังเกิดผล บาดแผลเริ่มกลายเป็นสีขาว และมีไอน้ำขึ้นมาเป็นสาย กำลังขจัดพิษที่อยู่บริเวณบาดแผล
ขณะนี้ ร่างกายของผู้อาวุโสหยางเปียกไปหมดทั้งตัว แต่กลับมีความรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าพิษที่ตอกตึงอยู่ภายในร่างกายถูกถอนไปแล้วอย่างนั้น
“วิชาพิษของหลานนับว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในหล้า นับถือ นับถือ พิษรุนแรงของข้าถูกขับออกไปอย่างง่ายดาย” ผู้อาวุโสหยางกล่าวด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในเวลานี้ความรู้สึกของเขาเหมือนว่าพิษร้ายแรงที่อยู่ภายในร่างกายถูกถอนไป
“ไม่ขนาดนั้นหรอก นี่เพียงแค่ถอนเอาพิษที่แฝงตัวอยู่ภายในร่างกายออกมาเท่านั้นเอง หากจะขจัดพิษของผู้อาวุโสยังต้องใช้ยาวิเศษอื่นๆ อีก” หวงฉวนเวยกล่าวถ่อมตนขึ้นมา แต่ท่าทางอดที่จะมีความลำพองใจอยู่สามส่วน
“การลงมือของหลานต้องยาถึงโรคหายอย่างแน่นอน” ท่าทางของผู้อาวุโสหยางยิ้มแก้มปริ พิษรุนแรงนี้ได้ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นอยู่แล้วว่าพิษรุนแรงกำลังจะได้รับการขจัดไป แล้วจะไม่ให้เขาต้องรู้สึกดีใจได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส อดทนอีกนิดหนึ่ง ขั้นตอนต่อไปเกรงว่าจะต้องเจ็บปวดมาก” เวลานี้หวงฉวนเวยได้หยิบเอายาออกมาขวดหนึ่ง
“ยาขวดนี้ของเจ้าใส่ลงไปล่ะก็ เกรงว่าจะเป็นการเอาชีวิตของเขา” จังหวะที่หวงฉวนเวยกำลังจะลงมือ หลี่ชิเย่ที่อยู่ข้างๆ ได้เอ่ยเตือนสติเขา
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้สายตาของพวกหวงฉวนเวยที่จับจ้องเข้ามา แม้แต่มู่หย่าหลันก็จ้องมองตัวเขามากขึ้นเช่นกัน
“ฮึ พูดจาไร้ยางอาย ยาของข้าคือยาที่ใช้สำหรับแก้พิษร้ายแรงให้กับเขา ไหนเลยจะเอาชีวิตของเขา เจ้าอย่าใส่ความคนอื่น” หวงฉวนเวยพลันมีสีหน้าที่น่าเกรงขาม แววตาน่ากลัว ยกตนข่มท่าน
“หลานหวงทำเพื่อช่วยชีวิตข้า ไหนเลยจะเอาชีวิตข้า อย่าได้พูดพล่อยๆ” เวลานี้ผู้อาวุโสหยางก็ไม่พอใจขึ้นมาแล้ว ถ้าหากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่คือศิษยลำดับที่หนึ่งที่ว่าล่ะก็ เขาคงออกปากตำหนินานแล้ว
“หมอไร้ฝีมือทำร้ายคนเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?” มู่หย่าหลันจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ทันทีและเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ใช้ยาให้ถูกกับโรค มิฉะนั้นล่ะก็คือคร่าชีวิตคน” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์
“ฮึ อะไรที่เรียกว่าใช้ยาให้ถูกกับโรค?” หวงฉวนเวยพลันบังเกิดความไม่พอใจขึ้นมา ตวาดเสียงทุ้มต่ำว่า “พิษร้ายแรงที่ผู้อาวุโสหยางได้รับคือเหาก้ามปูผีซึ่งเป็นพิษประเภทร้อน สิ่งมีพิษชนิดนี้กำเนิดอยู่แถบบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ พิษนั้นแฝงไว้ซึ่งเพลิงแก่น สามารถเผาผลาญชีพจร ยาขวดนี้ของข้ามีส่วนผสมของบัวหิมะร้อยปี เกล็ดน้ำแข็งจมน้ำที่เป็นยาคลายพิษชั้นดีที่มีฤทธิ์เยือกเย็นต่างๆ ยาขนานนี้ของข้าจะสร้างความสมดุลกับพิษร้ายแรงของเหาก้ามปูผีได้พอดี ถ้าหากสิ่งนี้ไม่เป็นการใช้ยาให้ถูกกับโรค จะต้องทำอย่างไรจึงเป็นการใช้ยาให้ถูกกับโรค!”
“คำพูดของพี่หวงนับว่ามีเหตุผลยิ่ง” มู่หย่าหลันก็พยักหน้าทีหนึ่ง จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ศิษย์พี่มีความเห็นเช่นใด?”
“นั่นสิ หลานรัก ตาเฒ่าเชื่อในวิชาพิษของท่าน ไม่จำเป็นต้องไปฟังใครเขาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ขอให้หลานลงมือเถอะ” ผู้อาวุโสหยางรู้สึกไม่พอใจต่อหลี่ชิเย่อย่างยิ่ง
“ในเมื่อผู้อาวุโสหยางเห็นด้วยแล้ว เช่นนั้นเชิญพี่หวงลงมือเถอะ” มู่หย่าหลันก็อดที่จะกล่าวกับหลี่ชิเย่ว่า “ศิษย์พี่ก็อย่าได้รบกวนการรักษาและการช่วยชีวิตคน”
มู่หย่าหลันไม่ได้คิดร้ายต่อหลี่ชิเย่อะไรนัก เพียงแต่นางคาดหวังให้หวงฉวนเวยได้ช่วยคนอย่างมีสมาธิ ไม่มีใครมารบกวนเขา
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ขี้คร้านจะพูดอะไร ส่วนฟ่านเมี่ยวเจินที่ก่อนหน้าแนะนำหลี่ชิเย่อย่างแข็งขันกลับไม่พูดอะไร ท่าทางเหมือนกำลังดูของสนุกๆ อย่างนั้น
“ผู้อาวุโส ข้าจะลงมือแล้ว” เวลานี้หวงฉวนเวยคำรามเสียงทุ้มต่ำ ท่าทางดูเข้มงวดจริงจัง
“หลานลงมือได้เลย” ผู้อาวุโสหยางก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว
หวงฉวนเวยเปิดฝาขวด แล้วโรยยาวิเศษที่อยู่ในขวดลงบนบาดแผลบริเวณหน้าอกของผู้อาวุโสหยางจนทั่ว เมื่อยาวิเศษถูกโรยลงไปนั้น พลันเกิดเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ปรากฎควันดำลอยขึ้นเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังลุกไหม้ขึ้นอย่างนั้น
ผู้อาวุโสหยางพลันส่งเสียงออกมาคำหนึ่ง หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เวลานี้เหงื่อเย็นของเขาผุดขึ้นมาไม่หยุด ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ขณะที่ขั้นตอนสลายพิษร้ายแรงนั้นสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เขายังคงกัดฟันอดทนโดยไม่ส่งเสียงร้องออกมา นับว่าเป็นคนจริงคนหนึ่ง
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังไม่ขาดสาย หวงฉวนเวยได้ทำการโรยยาวิเศษดังกล่างลงไปบนบาดแผลครั้งแล้วครั้งเล่า สีม่วงดำบนบาดแผลดูจะจางลงทุกที สุดท้าย สีม่วงดำทั้งหมดก็หายไปจนสิ้น ยาวิเศษของหวงฉวนเวยได้จัดการขจัดพิษร้ายแรงบนตัวของผู้อาวุโสหยางจนหมดสิ้นแล้ว
ในที่สุด บาดแผลได้ไหลออกมาเป็นเลือดสีแดง หวงฉวนเวยจึงได้เก็บยาวิเศษขึ้น พยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ รออีกครู่เดียวผู้อาวุโสก็ลุกขึ้นลงจากเตียงได้แล้ว”
เวลานี้เองผู้อาวุโสหยางก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆ ทีหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้สติกลับมา รู้สึกสบายไปทั้งตัว เป็นความผ่อนคลายที่ไม่เคยมีมาก่อน
“หลานคือหมอที่สามารถรักษาคนไข้ที่ใกล้ตายให้หายเป็นปรกติได้ บุญคุณที่ช่วยชีวิต ตาเฒ่าขอขอบคุณอย่างยิ่ง” หลังจากที่ผู้อาวุโสหยางพบว่าพิษของตนถูกขับออกไปหมดแล้ว จึงดีใจและลุกขึ้นมาแสดงคารวะแบบจีน
“วันนี้ วิชาพิษของพี่หวงทำให้น้องได้เห็นเป็นบุญตา” มู่หย่าหลันก็กล่าวชื่นชมว่า “เมื่อพิษร้ายของผู้อาวุโสถูกขจัด ข้าก็วางใจแล้วล่ะ”
“สามารถช่วยแบ่งเบาให้กับศิษย์น้องนับเป็นเกียรติของข้า” หวงฉวนเวยรีบกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ
มู่หย่าหลันพยักหน้า และถอนหายใจออกมา หลายวันมานี้นางจนปัญญากับอาการบาดเจ็บจากการได้รับพิษของผู้อาวุโสหยางตลอดมา เวลานี้พิษของผู้อาวุโสหยางถูกถอนแล้ว นับว่านางได้หมดห่วงไปเรื่องหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ยังจะมีอะไรชี้แนะหรือไม่เล่า?” หวงฉวนเวยเหลือบมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง หลังจากถอนพิษให้กับผู้อาวุโสหยางได้แล้ว เขายิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งไม่มองศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลี่ชิเย่ในฐานะศิษย์อันดับหนึ่งอยู่ในสายตา
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น สำหรับคำพูดที่ข่มแหงผู้คนนั่น
“วิชาพิษเป็นวิชาที่อัศจรรย์และลึกล้ำแขนงหนึ่ง ใช่ว่าคนที่สติปัญญาน้อยนิดก็สามารถเชี่ยวชาญได้” หวงฉวนเวยเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่พูดอะไร เข้าใจว่าคงกลัวตนเอง จึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “ใต้หล้าในยุคปัจจุบัน หากพูดถึงเรื่องของวิชาพิษแล้ว จะมีสักกี่คนที่สามารถเทียบเคียงกับราชาพิษอย่างข้าได้ การกล่าววาจาสามหาวเป็นการอวดอ้างตนต่อหน้าผู้รู้ ไม่เจียมตนเสียเลย”
คำพูดของหวงฉวนเวยแทบจะเป็นการชี้หน้าด่าแล้ว แต่ยากนักที่หลี่ชิเย่จะมีอารมณ์ดีเช่นนี้ ไม่ใด้แสดงความโกรธ เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเรียบเฉย
“อ๊ากก…” ขณะที่หวงฉวนเวยเพิ่งจะพูดขาดคำ ผู้อาวุโสหยางร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา ทันใดนั้นเขาล้มลงบนเตียง และชักกระตุกไปทั้งตัว
“อ๊ากก…” ผู้อาวุโสหยางถึงกับร้องน่าเวทนาขึ้นมา เมื่อครู่ขณะถอนพิษได้รับความเจ็บปวดเป็นอันมากเขาก็ยังกัดฟันทนไม่ส่งเสียงออกมาสักคำ เวลานี้กลับส่งเสียงน่าเวทนาออกมาไม่ขาด ย่อมสามารถประเมินได้ว่ามันเจ็บปวดเพียงใดแล้ว
“ผู้อาวุโส…” การที่ผู้อาวุโสหยางล้มลงบนเตียงกะทันหัน ทำเอาพวกของมู่หย่าหลันตกใจสุดขีด
ผู้อาวุโสหยางที่ล้มตัวลงบนเตียงชักกระตุกไม่หยุด สีหน้าขาวซีด ภายในระยะเวลาอันสั้น บนตัวของเขาปรากฎเป็นไอหมอกขึ้นมา ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ทั่วทั้งตัวของเขาแผ่กระจายความเย็นออกมาสายหนึ่ง พลันที่เข้าใกล้ความเย็นสายนี้ก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นทันที
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้…” หวงฉวนเวยที่ก่อนหน้านั้นยังภาคภูมิใจตนเองอยู่เลยถึงกับงงงัน เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง มู่หย่าหลันลงมือรวดเร็วปานสายฟ้า ได้จี้สกัดจุดสำคัญทั้งหมดบนตัวของเขา และในเสี้ยววินาทีนี้เอง นางได้ป้อนยาเม็ดรักษ์ใจเม็ดหนึ่งเข้าปาก รักษาชีพจรและชะตาแท้ของเขาเอาไว้
“ช่วย ช่วย ช่วยข้าด้วย…” หลังจากได้รับการลงมือช่วยเหลือจากมู่หย่าหลันแล้ว นับว่าผู้อาวุโสหยางได้สติกลับมาแล้ว แต่ก็หายใจรวยริน หลังจากพูดจบแล้วก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก ร่างกายของเขาชักกระตุกเป็นระลอก อีกทั้งไอเย็นดูจะรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
……………………………