ตูม ตูม ตูมฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงดังตูมตามไม่ขาดสาย เวลานี้มองเห็นแสงสีเขียวดันจนประกายความมืดต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ แสงสีเขียวสามารถครองความได้เปรียบภายในระยะเวลาอันสั้น ได้บีบจนกลับไปถึงริมเส้นเขตของแคว้นว่านโซ่วแล้ว
“บูชาด้วยเลือด…” เมื่อว่านโซ่วเหล่าจวินเห็นสถานการณ์ไม่สู้จะดีนัก ไม่มีทางเลือกกัดฟันทุ่มลงไปสุดตัว
“บูชาด้วยเลือด…” ยี่สิบห้าบัณฑิตคำรามเสียงยาวออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของว่านโซ่วเหล่าจวิน พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น เดิมทีประกายยิ่งใหญ่ที่พวยพุ่งออกมาจากแคว้นว่านโซ่วพลันแปรเปลี่ยนเป็นประกายเลือดในทันที ได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้น เลือดสดๆ พวยพุ่งขึ้นมา
อ๊ากก…เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องฟ้าดิน ทุกๆ ที่ของแคว้นว่านโซ่วล้วนแล้วแต่มีเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ภายในแคว้นว่านโซ่วมีศิษย์จำนวนครึ่งหนึ่งได้กลายเป็นหมอกเลือดไปในทันที เดิมทีบรรดาศิษย์เหล่านี้อาศัยพลังของตนไปขับเคลื่อนพลังยิ่งใหญ่ของแคว้น แต่พริบตาเดียวนั่นเอง พลังยิ่งใหญ่พลันริดรอนเอาชีวิตของพวกเขาไปด้วย ทำการแยกลมปราณ แยกเอาชีวิตของพวกเขาออกมา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง มีศิษย์จำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของแคว้นว่านโซ่วที่ถูกบูชายันต์เลือดไป ซึ่งมีจำนวนศิษย์มากถึงนับสิบล้านคน มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใดที่ศิษย์จำนวนมากมายถูกบูชาด้วยเลือดในฉับพลันทันที
ชีวิต ฐานเต๋า เลือดเนื้อของพวกเขาได้กลายเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดในทันที และถูกนำเข้าไปอยู่ในวงล้อยักษ์หลุมดำนั่น
ตูม ตูม ตูมวงล้อยักษ์หลุมดำหมุนอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับการบูชาด้วยเลือดแล้ว ตัววงล้อยักษ์ทั้งล้อปรากฎประกายเลือดขึ้นมา เสมือนดั่งกลับกลายเป็นมารไปแล้วอย่างนั้น และมีพลังเพิ่มขึ้นมากมายในทันที
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว วงล้อยักษ์หลุมดำได้ดูดกลืนเอาพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก และลำแสงแห่งความมืดพลันขยายพองตัวขึ้นอีกเท่าตัว และอานุภาพได้เพิ่มขึ้นมากมายในฉับพลันทันที
ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงดังปะทะกันซึ่งหน้าดังสนั่นขึ้นมา ทำเอาฟ้าดินแหลกละเอียด มองเห็นลำแสงแห่งความมืดถึงกับต้านแสงสีเขียวเอาไว้ และสามารถหยุดถอยหลังได้ทันที โดยมีการยันของแสงสีเขียวเอาไว้อย่างนั้น
“โหดเกินไปแล้วกระมัง…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองดูภาพนี้ด้วยความหวาดผวาจนขนลุกซู่ ทำการบูชาด้วยเลือดของศิษย์ในสแคว้นของตนไปครึ่งหนึ่ง ช่างเป็นวิธีการทีโหดเหี้ยมกระใด มันคือจำนวนนับสิบล้านเลยเชียวนะ มันคือการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ดีๆ นี่เอง
โอ้แม่เจ้า…บรรดาเจ้าสำนักของสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วพลันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นในทันที
การที่พวกของว่านโซ่วเหล่าจวินสามารถลงมือต่อศิษย์ภายในแคว้นของตนเองได้ อนาคตหากพวกเขาได้ครองอำนาจจริงๆ ก็สามารถลงมือกับสำนักต่างๆ ได้เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นสำนักที่หันไปพึ่งพาพวกเขาแล้วก็ตาม พวกเขาก็ลงมือได้เช่นกัน ซึ่งเหี้ยมโหดมากเหลือเกิน
ตูม ตูม ตูม…ในขณะที่ผุ้คนจำนวนไม่น้อยถูกวิธีการอันเหี้ยมโหดทำเอาจนตกใจเซ่อไปเลยนั้นเอง ทันใดนั้นปรากฎเสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นที่ลงมาจากท้องฟ้า เสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละค้นเหล่านี้พลันปักลงบริเวณที่เป็นชายแดนของแคว้นว่านโซ่ว แคว้นว่านโซ่วที่มีดินแดนขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ เรียกได้ว่า บนท้องฟ้าได้ปรากฎเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ปักลงมาเป็นสิบล้านต้นในชั่วพริบตาเลยทีเดียว พลันทำการตรึงชายแดนของแคว้นว่านโซ่วเอาไว้
“นั่นมันคืออะไร…” ทุกคนต่างรู้สึกนิ่งอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นเสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นที่ปักตรึงชายแดนของแคว้นว่านโซ่วเอาไว้ทั้งหมดทันที ไม่รู้ว่าพวกเสาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาจากไหนกัน
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น จังหวะที่เสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นที่ปักลงมาทำการพันธนาการพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเอาไว้ ทำให้พลังที่ไหลไปยังวงล้อยักษ์หลุมดำถูกบั่นทอนลงเหลืออ่อนที่สุด
ตูม…ตูม…ตุม…เสียงแตกละเอียดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการที่เสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นที่โผล่ขึ้นมาจากฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่ว และทำการฉีกพลังยิ่งใหญ่ของแคว้นว่านโซ่วจนขาดกระจุย ภายในระยะเวลาอันสั้น ภายในเขตขามของแคว้นว่านโซ่วปรากฏพลังยิ่งใหญ่แต่ละแห่งที่แตกละเอียดไป
จากการที่พลังยิ่งใหญ่แตกละเอียดได้ยินเสียงดังปุ ปุ ปุเหมือนกระสุนด้าน พลังที่ไหลเข้าหาวงล้อยักษ์หลุมดำถูกตัดขาดจนอ่อนลงไปมากทีเดียว
อีกทั้งร่างเงาแต่ละร่างที่เหินฟ้ามุ่งไหน้าไปยังดินแดนของแคว้นว่านโซ่ว ทุกๆ ที่ที่พวกเขาผ่านไปก็จะมีเสาศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกหาให้ผุดขึ้นมา ฉีกขาดฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่ว
“เป็น เป็นนักพรตฉางเซินกับพวกบรรพบุรุษทั้งหลาย…” มีระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่เปิดเนตรฟ้าขึ้นมองดู เห็นผู้ที่บุกโจมตีแคว้นว่านโซ่วเหล่านั้นถึงกับเป็นนักพรตฉางเซินกับเหล่าบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าพวกของนักพรตฉางเซินโผล่ขึ้นมากะทันหันมาจากไหนกัน เข้าโจมตีแคว้นว่านโซ่วจนตั้งตัวไม่ทันในเสี้ยววินาที
“จะอย่างไรเสีย แคว้นว่านโซ่วก็ตั้งอยู่บนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ หุบเขาอมตะที่เป็นผู้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะยังคงมีวิธีการที่จะควบคุมรากฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่วได้” ระดับบรรพบุรุษถึงกับพึมพำขึ้นมา เมื่อมองเห็นพวกของนักพรตฉางเซินได้เรียกเสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นออกมา ทำการฉีกฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่วจนขาดกระจุย
ทุกคนต่างเข้าใจได้เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว แม้จะกล่าวว่าฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่วจะผ่านการปลุกเสกจากราชันแท้จริง และปรัชญาเมธีของพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งระดับการพึ่งพาฐานเต๋าที่มีต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะน้อยลงมากแล้ว
แต่จะอย่างไรก็ตามมันยังคงตั้งอยู่บนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ จะอย่างไรเสียก็ไม่สามารถหนีรอดไปจากฐานรากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ภายใต้พลังของปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ หุบเขาอมตะยังคงมีโอกาสฉีกฐานเต๋าของแคว้นว่านโซ่วจนขาดกระจุยได้
ทันใดนั้นเอง แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า เพราะอะไรตลอดเวลาที่ผ่านมาหุบเขาอมตะจึงทำตัวค่อมต่ำเช่นนี้ และปกครองโดยไม่ต้องตรากฎหมายไปปกครองประชาชน โดยไม่ไปก้าวก่ายการพัฒนาใดๆ ของแคว้นเจ้าลัทธิ ปล่อยแคว้นเจ้าลัทธิแต่ละแคว้นได้ขยายตัวอย่างอิสระ เหมือนว่าไม่มีกำลังพอที่จะไปต่อกรได้อย่างนั้น
ความจริงแล้วหุบเขาอมตะไม่เคยต้องเกรงกลัวต่อการขยายอำนาจของแคว้นเจ้าลัทธิอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขานั่นแหละคือผู้ที่ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่แท้จริง พวกเขามีแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ครอบครองพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ต่อให้แคว้นเจ้าลัทธินั้นๆ สามารถสร้างฐานเต๋าของตนให้แน่นหนามากกว่านี้ หากวันไหนคิดจะแทนที่หุบเขาอมตะ หุบเขาอมตะก็มีศักยภาพพอที่จะฉีกฐานรากของเจ้าจนขาด นี่แหละคือความมั่นใจสูงสุดต่อการปกครองโดยไม่ต้องตรากฎหมายไปปกครองประชาชนของหุบเขาอมตะตลอดเวลาที่ผ่านมา เนื่องจากเขาไม่กลัวแคว้นเจ้าลัทธิใดๆ จะทรยศพวกเขาอยู่แล้ว
“อย่าได้ทำกำเริบเสิบสาน…” ว่านโซ่วเหล่าจวินถึงกับโกรธจัด เมื่อมองเห็นพวกของนักพรตฉางเซินที่เสกเรียกเอาเสาศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นขึ้นมาพลาง รุกมาทางแคว้นว่านโซ่วพลาง
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะห่างกันด้วยระยะทางที่ไกลกันมาก แต่ว่านโซ่วเหล่าจวินได้ลงมือแล้ว ภายใต้การโจมตี ทางช้างเผือกร่วงหล่นลงมา ตะวันจันทราอับแสง หนึ่งหมัดที่หาที่สุดไม่ได้พุ่งโจมตลงมา
เสียงปัง…ดังสนั่น ภายใต้หนึ่งหมัดทำให้ผืนแผ่นดินนับพันลี้ของแคว้นว่านโซ่วแตกละเอียด เรียกได้ว่าเป็นหมัดที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ อย่างไรก็ตามกลับไม่สามารถสังหารพวกของนักพรตฉางเซินได้
มองเห็นนักพรตฉางเซิน กับเหล่าบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะร่วมกันถืออาวุธอยู่ชิ้นหนึ่ง อาวุธชิ้นนี้ได้พวยพุ่งอานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่ไร้เทียมทานออกมา มันคล้ายดั่งเป็นม่านฟ้าที่ปกคลุมไปทั่ว ไม่มีสิ่งใดทำลายมันได้
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษ อาวุธปฐมบรรพบุรุษเซียนโอสถ…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้ตกใจจนกระโดดตัวลอย เมื่อได้มองเห็นการสำแดงอานุภาพปฐมบรรพบุรุษของอาวุธชิ้นนี้แล้ว
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษ…” ภาพนี้ได้ทำให้สีหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวิเปลี่ยนไปมากทีเดียว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเทียบเทียมได้ และเป็นสิ่งที่แคว้นว่านโซ่วของพวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงได้ เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง พวกเขาเป็นเพียงสำนักที่สืบทอดมาจากราชันแท้จริงเท่านั้นเอง
แต่หุบเขาอมตะนั้นต่างกัน พวกเขาเป็นสำนักที่สืบทอดมาจากปฐมบรรพบุรุษ แม้ว่าหุบเขาอมตะไม่เคยนำอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกแสดงต่อผู้คน แต่เป็นไปได้ที่จะมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…ระหว่างที่สีหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวินเปลี่ยนไปมากนั้น หุบเขาอมตะที่อยู่ไกลถึงเส้นขอบฟ้าพลันปรากฎประตูหนึ่งเปิดออก ภายในประตูปรากฏประกายเซียนที่วูบวาบ พวยพุ่งพลังปฐมบรรพบุรุษออกมา เสมือนดั่งปฐมบรรพบุรุษที่นั่งเข้าฌานอยู่ตรงนั้น
“นี่มัน…” จะอย่างไรเสียว่านโซ่วเหล่าจวินก็คือระดับอมตะ พลันสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงหันหลังมองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของหุบเขาอมตะ
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นภายในประตูดังกล่าวได้แขวนคันธนูขนาดยักษ์เอาไว้ โดยที่คันธนูยักษ์ดังกล่าวได้เปล่งกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ออกมา นาทีนี้เอง ภายในประตูปรากฎร่างเงาที่สูงใหญ่ถือคันธนูดังกล่าวและน้าวสายเต็มที่
“แย่แล้ว…” สีหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวินกลายเป็นหวาดผวาอย่างยิ่ง คิดจะหลบซ่อนตัวแต่ก็สายไปเสียแล้ว หนึ่งธนูที่ถูกยิงออกมาเข่นฆ่าเทพสังหารราชัน พลันก้าวข้ามทุกสิ่งมาถึง
แม้ว่าแคว้นว่านโซ่วอยู่ห่างจากหุบเขาอมตะเป็นล้านล้านลี้ แต่ธนูดอกนี้พลันถูกยิ่งมาอยู่ตรงหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวิน หนึ่งธนูที่ถึงแก่ชีวิตมาได้รวดเร็วมาก ไม่สามารถหลบหนีพ้นได้อยู่แล้ว
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับเลือดสดๆ ที่ประเด็นขึ้นสูง หนึ่งธนูพลันยิงทะลุคอหอยของว่านโซ่วเหล่าจวิน ทำให้ว่านโซ่วเหล่าจวินล้มลงทันที ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกโพลง ไม่นึกไม่ฝันว่าตนเองจะถูกลอบโจมตีจนเสียชีวิต ตัวเขาเป็นถึงระดับอมตะนะเนี่ย ต้องมาถูกคนอื่นอาศัยธนูที่ลอบยิงมาจากข้างหลังสังหารไปได้
“เป็นเจ้า…” สุดท้าย ว่านโซ่วเหล่าจวินได้เอ่ยสองคำนี้ออกมา เขาจดจำร่างเงาสูงใหญ่ที่ในมือถือคันธนูอยู่ภายในประตูนั้นได้แล้ว แต่ว่า ทุกอย่างก็สายเกินไป
สุดท้าย ร่างของว่านโซ่วเหล่าจวินได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสูง ได้ยินเสียงดังปังกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง
ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเงียบสงัด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง หุบเขาอมตะได้ทำลายพลังยิ่งใหญ่ของแคว้นว่านโซ่ว สังหารว่านโซ่วเหล่าจวินได้ วิธีการเช่นนี้เรียกได้ว่าทำการได้เข้มงวดและรวดเร็ว เคร่งครัดยุติธรรมโดยไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด
“บัดซบ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเยาะและด่าว่าเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว “ข้าทำงานหนักอยู่ตรงนี้ พวกเจ้ากลับปรากฎตัวออกมาแย่งความโดดเด่นของข้าไป ยังไม่รีบหนีไป ไม่อย่างนั้นล่ะก็ข้าจะถล่มพวกเจ้าให้ตาย”
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา พริบตาเดียวนี้เองแสงสีเขียวดูจะทรงพลังยิ่งขึ้น เดิมทีวงล้อยักษ์หลุมดำก็ได้ถูกลดทอนกำลังลงไปแล้ว และแสงสีเขียวได้บีบจนความมืดมิดต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เวลานี้เมื่อแสงสีเขียวทรงพลังยิ่งขึ้น ได้อาศัยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งเข้าโจมตีต่อเขตพระราชฐานของแคว้นว่านโซ่ว
“ถอย…” ขณะที่พวกของนักพรตฉางเซินยังไม่ทันบุกไปถึงเขตพระราชวังของแคว้นว่านโซ่ว ครั้นมองเห็นแสงสีเขียวที่พุ่งมาด้วยท่าทีที่ทำลายฟ้าดินแล้ว นางถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก นำพาเหล่าบรรพบุรุษล่าถอยไปในทันที
“ไม่…” ยี่สิบห้าบัณฑิตถึงกับหวาดผวาเมื่อเห็นแสงสีเขียวที่พุ่งเข้ามา ยอดฝีมือและเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายที่อยู่ในพระราชวังต่างมีสีหน้าที่ขาวซีดและร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงสีเขียวอาศัยท่าทีที่ทำลายฟ้าดินพุ่งโจมตีเข้าไปในพระราชวังของแคว้นว่านโซ่ว ทันใด้นั้น ไม่เพียงวงล้อยักษ์หลุมดำถูกยิงถล่มจนแหลกละเอียด พราชาชวังของแคว้นว่านโซ่วก็ถูกยิงทำลายจนแหลกละเอียด บนพื้นดินเหลือไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่ที่น่ากลัวมาก พราชวังของแคว้นว่านโซ่วถูกยิงทำลายจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป หายสาบสูญไปโดยพลัน
เวลานี้ ภายในผืนแผ่นดินของแคว้นว่านโซ่ว พระราชวังหายไป เหลือไว้เพียงหลุมขนาดยักษ์ที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ เวลานี้ต่อให้แคว้นว่านโซ่วยังคงอยู่ แต่ทว่า พระราชวังถูกทำลายถือว่าคงเหลือเพียงชื่อเท่านั้นเอง
…………………………………………………