เรื่องแปลกประหลาดแบบไหนก็ตามล้วนแล้วแต่มีอยู่ในเงินทองตกพื้น ทุกเวลานาทีล้วนแล้วแต่มีคนที่
ร่ำรวย ได้โชคลาภก้อนใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่โชคร้ายสุดๆ กระทั่งเดิมพันเอาชีวิตพ่วงเข้าไปด้วย
แต่ทว่า สองวันที่ผ่านมากลับมีเรื่องที่น่าสนใจแพร่กระจายอยู่ในเงินทองตกพื้น กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนจำนวนไม่น้อย
“บริเวณด้านล่างของหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่งทางด้านทิศตะวันออก มีเจ้าทึ่มอยู่คนหนึ่ง” สองวันมานี้จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เอ่ยถึงเรื่องนี้
“เจ้าทึ่ม ทึ่มแบบไหนกัน?” มีผู้ที่อยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องนี้
“เจ้าทึ่มคนนั้นใช้เงินป้อนมด เขารั้งอยู่ที่ตรงนั้นมาหลายวันแล้ว เรียกได้ว่าโง่จนเกินเยียวยา” ผู้บำเพ็ญตนผู้นั้นกล่าวและหัวเราะขึ้นมา
เนื่องเพราะมีผู้คนพูดคุยถึงเรื่องนี้นี่เอง เรื่องที่มีเจ้าทึ่มคนหนึ่งใช้เงินป้อนมดได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเงินทองตกพื้นภายในระยะเวลาอันสั้น
เรื่องที่น่าสนใจเช่นนี้ได้ดึงดูดให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยเดินทางไปดู ทุกคนต่างต้องการดูว่าเจ้าทึ่มคนนี้กำลังทำอะไรกันแน่
ผู้คนจำนวนไม่น้อยไปถึงสถานที่ที่ทุกคนกล่าวถึงนั่น มองเห็นที่ตรงนั้นเป็นหน้าผาสูงชันจริงๆ และบริเวณใต้หน้าผาที่สูงชันมีชายหนุ่มนั่งยองๆ อยู่คนหนึ่งจริง ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมยาวแลดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ภาพโดยรวมของเขาดูไปแล้วก็เป็นประเภทที่ธรรมดาจนไม่รู้ว่าจะธรรมดาอย่างไรแล้ว โยนลงไปบนถนนใหญ่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ
เวลานี้ เจ้าทึ่มจากปากของทุกคนถือถุงจักรวาลใบหนึ่งอยู่ในมือ ไม่รู้ว่าภายในถุงนั้นของเขาได้บรรจุเงินเอาไว้จำนวนเท่าไร
เขานั่งยองๆ ในลักษณะเช่นนี้แหละ มองดูมดที่เป็นแถวบนพื้น สายตาของทุกคนมองตามไป มดที่เรียงเป็นแถวเหล่านี้มุดออกมาจากซอกหินแห่งหนึ่งที่อยู่ใต้หน้าผาที่สูงชันนี้แหละ
มดทุกตัวที่เข้าแถวเดินมาถึงเท้าของชายหนุ่มผู้นี้ ชายหนุ่มผู้นี้ก็จะหยิบเหรียญส่งให้กับมดไปเหรียญหนึ่ง มดทุกตัวคาบเหรียญดังกล่าวหันหลังจากไปทันทีและมุดเข้าไปยังซอกหินใต้หน้าผาที่สูงชัน เพียงชั่วครู่มดแต่ละตัวก็ออกมาจากซองหินอีกครั้ง
เพียงแต่การออกมาคราวนี้ ในปากของมดทุกตัวก็จะคาบเอาเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่งที่แลดูคล้ายเม็ดทรายแต่ก็ไม่เหมือนเม็ดทรายออกมา
เมื่อมดแต่ละตัวคาบเอาสิ่งที่คล้ายเม็ดทรายเหล่านี้มาวางไว้บริเวณปลายเท้าของชายหนุ่มแล้ว ชายหนุ่มก็จะหยิบเหรียญให้กับมดแต่ละตัวทันที จากนั้นมดก็จะคาบเอาเหรียญดังกล่าวเดินกลับเข้าไปในซอกหิน หมุนวนเช่นนี้เรื่องไป
ทุกคนมองดูเม็ดทรายที่อยู่ปลายเท้าของชายหนุ่มผู้นั้นโดยละเอียด เห็นเม็ดทรายเหล่านั้นเหมือนเป็นหินผลึกขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวสาร ทุกๆ เม็ดล้วนแล้วแต่มีขอบมุม บอกได้เพียงเม็ดทรายลักษณะเช่นนี้เมื่ออยู่ในมือจะส่งแสงระยิบระยับ นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษอีก
แต่ว่า ชายหนุ่มผู้นี้กลับสนใจมากเป็นพิเศษ เขาหยิบเอาเหรียญแต่ละเหรียญออกมาเพื่อแลกเปลี่ยนเม็ดทรายเหล่านี้ก็มดเหล่านี้นั่นแหละ ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
“นี่ต้องการทำอะไรกันแน่?” ทุกคนต่างดูไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้นี้ต้องการทำอะไรกันแน่
กระทั่งมีผู้ที่อยากรู้อยากเห็นเลียนแบบท่าทางของเขาด้วยการเอาเม็ดทรายมานิดหนึ่ง กระทั่งมีระดับบรรพบุรุษที่ครุ่นคิดและพิจารณาอย่างละเอียดในเม็ดทรายเหล่านี้ แต่ก็มองไม่ออกว่ามีอะไรที่เป็นพิเศษ
“นี่เป็นเพียงผลึกทรายเท่านั้นเอง” ระดับบรรพบุรุษกระทั่งอาศัยเนตรฟ้าของต้นไปตรวจสอบเม็ดทรายเหล่านี้ สุดท้ายแล้วพูดได้แต่เพียงว่า “เม็ดทรายเหล่านี้ก็แค่มีแร่ผลึกมากนิดหนึ่งเท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
แม้แต่ระดับบรรพบุรุษยังยืนยันว่าทรายประเภทนี้ไม่ได้มีประโยชน์อันใด ยิ่งทำให้ทุกคนไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้นี้ต้องการเอาไปทำอะไรกันแน่
“เขามาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้วล่ะ?” บางคนอดที่จะถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้นั่งอยู่ตรงนั้นใช้เหรียญแลกเม็ดทรายกับมดเหล่านั้น
“หลายวันแล้วล่ะ” ผู้บำเพ็ญตนที่เดินทางผ่านมาส่ายหัวและกล่าวว่า “เขาใช้เหรียญไปหลายถุงแล้วล่ะ และทรายที่เก็บรวบรวมมาได้ก็เท่ากับภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง บรรจุถุงไปได้หลายถุงแล้ว”
“นี่ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” มีผู้ที่อดถามชายหนุ่มออกไปไม่ได้
“เล่นๆ เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มผู้นี้ยิ้มเฉยเมยแต่ไม่ได้หยุดมือ ยังคงเอาเหรียญยื่นให้กับมดเหล่านั้นทีละเหรียญๆ ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลก มดเหล่านี้ดูจะขยันขันแข็งเป็นอย่างยิ่ง ขนเอาเหรียญทีละเหรียญๆ กลับไปยังรังของตนไม่หยุดหย่อน
เอิกกคำพูดของชายหนุ่มพลันทำให้ผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องอึ้ง เสียเหรียญไปหลายถุงถึงกับบอกว่าแค่เล่นๆ เท่านั้นเอง
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ กับคนหนุ่มสมัยนี้” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ถึงกับส่ายหน้าและเดินจากไป
“บ้าเอ๊ย ถ้าหากเจ้าเอาไปซื้อพื้นที่ทุ่งกว้างว่างเปล่ายังเข้าใจได้ จะอย่างไรเสียเงินที่ทุ่มลงไปยังสามารถพบกับโชคชิ้นใหญ่อะไรนั่น” มีผู้บำเพ็ญตนถึงกับส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้ากลับเอาเงินมาป้อนให้กับมด นับว่าป่วยโดยแท้”
“เจ้าเซ่อซ่าไปแล้วกระมัง” มีผู้บำเพ็ญตนที่เหลือบมองชายหนุ่มผู้นี้แล้วกล่าวว่า “เจ้าเอาเงินมากมายมาป้อนให้กับมดมิสู้เอาไปเดิมพันในทุ่งกว้างว่างเปล่า”
“ข้ามีเงินเยอะ ข้าเป็นคนเอาแต่ใจตัว” ชายหนุ่มผู้นี้พูดเฉยเมย
พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมาทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่พูดอะไรไม่ออก ก็คนเค้ามีเงินและเป็นคนเอาแต่ใจ และชื่นชอบที่จะป้อนมดแบบนี้แหละ ทำให้ทุกคนจนปัญญา
“เอาเถอะ เจ้ามีเงินมาก และก็โง่ด้วย” สุดท้าย ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และส่ายหน้าเดินจากไป
แต่ว่า ชายหนุ่มที่หลายวันมานี้ถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะว่าเป็นเจ้าทึ่มที่เอาเงินป้อนให้กับมดนั้น แม้ว่าทุกคนต่างไม่รู้ว่าเขามีชื่อว่าอะไร แต่กลับรู้ว่าที่เงินทองตกพื้นแห่งนี้ได้มีเจ้าหนูมดที่ทึ่มและมีเงินมากเพิ่มมาคนหนึ่ง
แน่นอนที่สุด คนที่ถูกผู้คนเรียกว่าเป็นเจ้าหนูมดที่ทึ่มและมีเงินมากคนนั้นก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง เขาไม่ใส่ใจทุกคนเรียกเขาว่าเป็นเจ้าหนูมดที่มีเงินมากและโง่ ได้แต่ใช้เวลาอยู่ที่ตรงนั้นทุกวัน อาศัยเหรียญแต่ละเหรียญแลกเอาเม็ดทรายทีละเม็ดๆ จากมดเหล่านั้น
หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่ตรงนี้ทีหนึ่งหลายวัน ทั้งยังใช้เงินแลกกับมดทุกเวลาโดยไม่มีหยุด ด้วยความที่เจ้าหนูมดที่ทึ่มและมีเงินมากมีชื่อเสียงโด่งดังมากเหลือเกิน ดังนั้น ทำให้ผู้ที่มายังเงินทองตกพื้นต่างต้องการมาเห็นสักครั้ง เวลานี้หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงของเงินทองตกพื้นไปแล้ว
ในขณะนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับรู้ถึงชื่อเสียงของเขาคนนี้ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาอมตะ แต่กลับรู้จักเขาในนามของเจ้าหนูมดแล้ว
หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่ตรงนี้ทีหนึ่งเป็นเวลาหลายวัน และได้ใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก แลกกับทรายผลึกแต่ละถุงมา ภาพเช่นนี้ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนต่างส่ายหน้าเป็นการใหญ่ มีคนที่พูดออกมาด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรมว่า “โลกนี้ช่างไม่ยุคติธรรมเสียเลย คนโง่กลับมีเงินมากถึงเพียงนี้ ถ้าหากข้ามีเงินมากเช่นนี้ล่ะก็ ข้าจะต้องเอาไปเดิมพันในทุ่งกว้างว่างเปล่าแน่นอน ไม่แน่นักอาจได้โชคก้อนใหญ่รวยเละไปแล้ว”
สุดท้าย หลี่ชิเย่ในฐานะเจ้าหนูที่ทึ่มและมีเงินมากที่ผู้อื่นเอ่ยถึงก็เลิกราแล้ว เขาผิวปากทีหนึ่งและเก็บเม็ดทรายผลึกบนพื้นขึ้นมาทั้งหมด ยิ้มเฉยเมยตบพื้นทีหนึ่งหัวเราะกล่าวว่า “เอาล่ะ พรรคพวกตัวน้อยทั้งหลายได้เวลาสิ้นสุดกันแล้ว ข้าควรไปได้แล้ว”
ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเพราะเจ้าหนูมดที่ทึ่มและมีเงินมากอย่างหลี่ชิเย่คนนี้ได้ทุ่มเทเงินมากเกินไปหรืออย่างไร แม้แต่เหล่ามดที่กำลังเดินกลับรังต่างหันกลับมาจ้องมองหลี่ชิเย่ขณะจากไป เหมือนว่าไม่อยากจากอย่างนั้น
แน่นอนที่สุด ใครใช้ให้หลี่ชิเย่มีเงินมากมายขนาดนั้น ภายในระยะเวลาอันสั่นเพียงไม่กี่วัน เขาถูกมดเหล่านี้ขนเอาเงินไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองด้วยความอิจฉา กระทั่งมีผู้ที่คิดจะปล้นเอาเงินจากเจ้าทึ่มที่มีเงินมากคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่ทว่า ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดว่าอย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ถือว่าได้มาเป็นกอบเป็นกำ กล่าวสำหรับเขาแล้วเม็ดทรายผลึกจำนวนมากเช่นนี้เพียงพอแล้ว ส่วนที่ว่าคนโง่แต่มีเงินมากอะไรทำนองนั้น หลี่ชิเย่เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากหน้าผาสูงชันแล้ว ได้มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ สุดท้ายมาถึงด้านหน้าของแม่น้ำสายหนึ่ง
“ว้าวเจ้าหนูมดที่ทึ่มและมีเงินมากก็มาด้วยแล้ว” หลี่ชิเย่ยังไม่ทันเดินไปถึงริมแม่น้ำก็มีผู้ที่จดจำผู้มีชื่อเสียงเช่นเขาได้แล้ว
คำพูดลักษณะเช่นนี้นำมาซึ่งเสียงหัวเราะของผู้คนจำนวนไม่น้อย แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยพบเห็นหน้าหลี่ชิเย่มาก่อน แต่ก็เคยได้เยินชื่อของผู้มีชื่อเสียงเช่นเขา เจ้าทึ่มที่ใช้เงินป้อนมดคนนั้น หลายวันมานี้ผู้คนจำนวนมากในเงินทองตกพื้นล้วนแล้วแต่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน
“เฮ่อ เจ้ามีเงินมากมายเช่นนี้ ต้องการไปเดิมพันที่ทุ่งกว้างว่างเปล่าหรือไม่ หรือเรียกหาเจ้าที่อะไรทำนองนั้น” และมีผู้ที่ยุยงต่อหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น เดินไปยังทะเลที่อยู่ตรงหน้า และยืนอยู่ริมทะเลมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป
มันคือแม่น้ำที่มีความกว้างอย่างยิ่งสายหนึ่ง ทอดสายตามองออกไป เห็นน้ำในแม่น้ำที่สุดลูกหูลูกตา น้ำในแม่น้ำลักษณะเช่นนี้เหมือนหนึ่งมองไม่เห็นที่สิ้นสุดอย่างนั้น
“คิดจะข้ามไปทางเหนือจำเป็นต้องข้ามทะเลสายนี้นะเนี่ย” เวลานี้ผู้ที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำไม่ได้มีเพียงหลี่ชิเย่ มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำและมองไปยังที่ห่างไกล
“พวกเราเหาะข้ามไปรึ?” มีผู้บำเพ็ญตนถามสหายร่วมทางที่อยู่ข้างๆ
“ไม่ ที่ตรงนี้เหาะข้ามไปไม่ได้ ได้แต่เสียเงิน” สหายร่วมทางที่มาด้วยส่ายหน้าและกล่าวว่า “สามารถข้ามไปได้โดยอาศัยนั่งปลาทอง นั่งเต่าทะเล และนั่งเรือยักษ์ข้ามไปได้”
“พวกเราคนมาก นั่งเรือยักษ์ข้ามไปกันเถอะ” ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้มองดูสหายร่วมทางที่อยู่ข้างกายกว่าสิบคนแล้วเอ่ยขึ้นมาทันที
“พูดล้อเล่นไปได้ เรือยักษ์นั้นราคาสุดจะแพงเลยนะ เรือยักษ์ลำหนึ่งต้องใช้เหรียญระดับวีรบุรุษถึงแปดหมื่นเหรียญเชียวนะ” สหายร่วมทางผู้นี้ส่ายหน้า
“บัดซบ ไม่ล่ะมั้ง นี่มันบ้าเงินจนสติฟั่นเฟือนแล้วรึ? เรียกเรือยักษ์ลำหนึ่งถึงกับแพงมหาโหดขนาดนี้” ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ถูกทำให้ตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินราคาเช่นนี้
“อย่าลืมไปสิ ที่นี่คือเงินทองตกพื้น ไม่ว่าอะไรก็ต้องใช้เงิน อีกทั้งยังเป็นราคาที่โหดจนไม่รู้จะโหดอย่างไรแล้ว” สหายร่วมทางได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“ถ้าเช่นนั้นอะไรถูกที่สุด? พวกเรานั่งประเภทที่ถูกที่สุดข้ามไปก็แล้วกัน” ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ก็จนด้วยเกล้า จะอย่างไรเสียพวกเขาก็ใช่จะเป็นพวกที่มีเงิน สามารถประหยัดได้ก็ต้องประหยัด
“ปลาทองถูกที่สุด แค่สามพันเหรียญระดับปัญญาแท้จริง” สหายร่วมทางผู้นี้กล่าวขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็นั่งปลาทองข้ามไปก็แล้วกัน” ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้กล่าวว่า “พวกเรายังต้องไปจุดธูปที่อารามอีก ประหยัดหน่อยก็ดี”
“ไม่ พวกเราจะโดยสารเต่าทะเลข้ามไป” สหายร่วมทางผู้นี้ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ปลาทองไม่ปลอดภัยพอ หากประสบกับอันตรายก็ต้องตายอยู่ในทะเล”
สุดท้ายแล้วผู้บำเพ็ญตนกลุ่มนี้ได้หารือกัน และต่างทยอยกันตกลงจะโดยสารเต่าทะเลข้ามไป
ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น มองเห็นพวกเขาโปรยเหรียญลงไปกำใหญ่ ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังซ่าาาขึ้นมา ใต้ทะเลถึงกับปรากฏเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาตัวหนึ่ง เมื่อเหรียญตกลงไปยังกระดองเต่าก็ละลายหายไปทันที
“ไปกันแล้ว” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มนี้ทยอยกันกระโดดขึ้นบนหลังของเต่าทะเล จุพวกเขาทั้งหมดได้อย่างเต็มกลืน จากนั้นเต่าทะเลได้บรรทุกพวกเขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังฝั่งตรงข้าม
มีผู้ที่โปรยเงินเหรียญสามพัน และได้ยินเสียงน้ำดังซ่าาา ปรากฏเป็นปลาทองที่มีสีทองเรืองรองกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ และเหรียญได้ตกเข้าไปในปากของมันละลายหายไปทันที
ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ไม่พูดให้มากความนั่งบนหลังปลาทองมุ่งหน้าไปฝั่งตรงข้ามทันที
…………………..