ทุกชั่วโมงนาทีสามารถได้ข่าวมีผู้ได้รับสมบัติล้ำค่าในเงินทองตกพื้น ขณเดียวกันก็สามารถได้ข่าวมีผู้ที่ต้องตายอยู่ในพื้นที่วิเศษทุกชั่วโมงนาทีเช่นกัน
แม้จะกล่าวว่า โอกาสและความเสี่ยงนั้นอยู่คู่กัน ต่อให้พื้นที่วิเศษปรากฎสิ่งที่มีความดุร้ายน่ากลัวยิ่งไปกว่านี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความโลภที่อยู่ในใจของทุกๆ คน ยังคงมีผู้ที่มายังเงินทองตกพื้นไม่ขาดสาย
“ศิษย์น้อยของเขาหนานเจียงซานคนหนึ่ง อาศัยเหรียญแท้จริงระดับสาวกแท้จริงชั้นหกสามร้อยเหรียญได้หนังสัตว์วิเศษที่สามารถสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ นับว่าร่ำรวยได้ลาภก้อนโต สัตว์ที่สื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้นะเนี่ย มันคือสัตว์เทพที่อยู่ในตำนาน ขนและหนังของมฟันสามารสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ เมื่อได้ขนและหนังของมันมาไว้ในครอบครอง อนาคตย่อมมีแต่ความสุกใส” ผู้บำเพ็ญตนเฒ่าผู้หนึ่งได้ปล่อยข่าวที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ออกมา
“เหรียญแท้จริงระดับสาวกแท้จริงชั้นหกสามร้อยเหรียญก็สามารถได้หนังสัตว์วิเศษที่สามารถสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้!” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข่าวลักษณะเช่นนี้ และพุ่งเป้าไปค้นหาพื้นที่ที่เป็นทุ่งกว้างว่างเปล่ากันอย่างบ้าคลั่ง
ตึง ตึง ตึง…เสียงเหรียญตกสู่พื้นดินดังขึ้นเป็นระลอก เสียงที่ไพเราะลักษณะเช่นนี้ดังก้องไปทั่วพื้นที่ที่เป็นหุบเขาและท้องทุ่ง เรียกได้ว่าเสียงลักษณะเช่นนี้ได้กลายเป็นเสียงดนตรีในเงินทองตกพื้นไปแล้ว
ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิคนหนึ่งได้โปรยเหรียญจำนวนมากลงบนพื้น มองเห็นเหรียญที่ถูกเทราดลงมา พลันที่ตกถึงพื้นก็หลอมละลายหายไปทันที
“พี่หวู อย่าทำต่อไปอีกเลย ท่านได้ทุ่มเหรียญลงไปถึงสามล้านเหรียญแล้วนะ ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง” ข้างกายของชายหนุ่มผู้นี้มีสหายหลายคนที่คอยพูดเตือนเขา
“ไม่ กว่าจะได้พื้นที่ทุ่งกว้างว่างเปล่าเช่นนี้มาได้ผืนหนึ่ง แล้วจะให้ละทิ้งได้อย่างไรกันเล่า ขอทุ่มอีกสักสองล้าน” เวลานี้ชายหนุ่มผู้นี้กล่าวพลางได้ทุ่มเหรียญลงไปอีกเป็นจำนวนมาก
เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นเหรียญงสองล้านที่ทุ่มลงไปได้ละลายหายไปในทันที
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกในเวลานี้เอง ทั่งทั้งหุบเขาปรากฏรอยแยกเป็นริ้วๆ ขึ้นมา
“มาแล้ว มาแล้ว สมบัติล้ำค่าที่สะเทือนฟ้ามาแล้ว คราวนี้ข้าจะต้องฝืนลิขิตสวรรค์แล้ว” มองเห็นหุบเขาที่เริ่มแตกร้าว ทำให้ศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งรีบทำท่าถูมือไปมา
สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นเสียงหนี่ง ในที่สุดทั่วทั้งหุบเขาได้แตกและแยกออกโดยสิ้นเชิง มองเห็นสิ่งของสิ่งหนึ่งที่โผล่ออกมาจากใต้พื้นดิน
ศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้รีบวิ่งเข้าไปและคว้าเอาสิ่งนี้มาอยู่ในมือ แต่ว่า เมื่อมองดูของที่อยู่ในมือแล้ว รอยยิ้มบนหน้าของเขาพลันชงักงัน
“แม่งเอ๊ย นี่จะมาล้อกันเล่นหรือไร? ข้าสู้อุตส่าห์เสียเหรียญไปถึงห้าล้าน กลับให้แร่เงินบริสุทธิ์ที่มีมูลค่าเพียงสิบเหรียญ! ทั้งยังเป็นแร่ที่หยาบๆ อีกด้วย ทำบ้าอะไรของเจ้า! ศิษย์สำนักเจ้าลัทธิด่าสาดเสียเทเสียออกมา นำเอาหินแร่เงินบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง
“ทำบ้าอะไรของเจ้า รีบชดใช้เงินห้าล้านคืนให้กับข้า รีบคืนมาเดี๋ยวนี้” เขาใช้เท้ากระทืบลงบนหินเร่เงินบริสุทธิ์ที่อยู่บนพื้นอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างไร
“พี่หวู๋ ช่างเถอะ เมื่ออยากเดิมพันด้วยก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ จะอย่างไรเสียที่ตรงนี้คือพื้นที่ทุ่งกว้างว่างเปล่า มีความเป็นไปได้ที่ท่านอาศัยเหรียญเหรียญเดียวแล้วได้โชคก้อนใหญ่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ท่านทุ่มไปสิบล้าน อย่าว่าแต่ไม่ได้สมบัติล้ำค่าเลย แม้แต่ชีวิตก็อาจจะต้องพ่วงเข้าไปด้วย เวลานี้แค่กลับบ้านมือเปล่าเท่านั้น แต่คนก็ปลอดภัยไม่เป็นอะไร ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ” พรรคพวกจึงหัวเราะและพูดปลอบใจเขาเมื่อเห็นเขาสบถออกมายกใหญ่
……
เทียบกับผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ดีใจและทุ่มเงินสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว ระดับบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์แล้ว พวกเขาเหล่านั้นมีประสบการณ์มากเพียบพร้อมด้วยความสุขุมรอบคอบอย่างยิ่ง ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งพาศิษย์ของตนเดินทะลุผ่านป่าไม้แห่งแล้วแห่งเล่า สุดท้ายมองเห็นต้นไม้โบราณต้นหนึ่งแล้วจึงรีบโค้งคำนับและก้มลงกราบกับพื้น
จากนั้น ล้วงหยิบเอาเหรียญเต็มถุงออกมาถุงหนึ่งด้วยท่าทีที่เคารพอย่างยิ่ง แล้วเทลงไปในรูของต้นไม้เบาๆ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น มองเห็นเหรียญที่เทลงไปในรูต้นไม้หลอมละลายไปทันที
“ท่านยายผอซู่ ท่านยายผอซู่ โปรดบอกข้าเถอะ ที่ไหนมีทุ่งกว้างว่างเปล่าที่ดีๆ ข้าขอแค่ภาพโบราณสักภาพหนึ่งไม่กล้าขอมาก” บรรพบุรุษผู้นี้อธิฐานพึมพำขึ้นมา
พวกศิษย์ทั้งหลายมองเห็นแล้วต่างรู้สึกว่าเหลือเชื่อ อาจารย์ของพวกเขาคือระดับเทพแท้จริงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มาวันนี้ถึงกับอธิฐานต่อต้นไม้แก่ต้นหนึ่ง ถ้าหากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง พวกเขาคงไม่อยากจะเชื่อ
ช่าาา ช่าาา ช่าาาเสียงใบไม้ดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้มองเห็นต้นไม้แก่ต้นนี้ค่อยๆ ยื่นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งออกมาและชี้ไปยังทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ
ต้นไม้แก่ต้นนี้พลันคล้ายคนที่ชี้ทางอย่างนั้น สร้างความตระหนกให้กับศิษย์บางคนยิ่งนัก ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวิธีนี้ก็ใช้ได้ผล
“ขอบคุณท่านยายผอซู่” บรรพบุรุษผู้นี้ได้แสดงคารวะแล้วคารวะเล่าอีก จากนั้นนำศิษย์ของตนออกเดินทาง
“นั่นคือต้นไม้อะไรรึ?” หลังจากออกเดินทางแล้ว จึงมีศิษย์เอ่ยถามอาจารย์ของตนด้วยความแปลกใจ
“เรียกต้นยายผอซู่ เป็นต้นไม้ที่มีอยู่เฉพาะในเงินทองตกพื้นชนิดหนึ่ง และพบเห็นได้ยาก ขอเพียงเจ้าให้เงิน มันก็สามารถชี้นำทางให้กับเจ้า”
“นับว่าเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ต้องใช้เงิน” ผู้เป็นศิษย์ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ว่า “เส้นทางที่ต้นยายผอซู่ชี้นั้นมีความแม่นยำรึ? พวกเราสามารถค้นพบทุ่งกว้างว่างเปล่าผืนหนึ่งที่ทำให้พวกเราร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอนได้จริงรึ?”
“ไม่แน่เสมอไป” ระดับบรรพบุรุษส่ายหน้าและกล่าวว่า “ต้นยายผอซู่ไม่แน่เสมอไปว่าจะชี้นำทางได้ถูกต้องให้กับเจ้า และไม่แน่เสมอไปว่าสามารถชี้ไปยังทุ่งกว้างว่างเปล่าที่เจ้าต้องการ แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดก็ยังดีกว่าเจ้าเดินหาสะเปะสะปะเองดีกว่ากันเยอะ อีกทั้งเส้นทางที่ต้นยายผอซู่ชี้นำให้นั้นจะมีอันตรายต่ำกว่าทุ่งกว้างว่างเปล่าที่เจ้าหาเองมากกว่ามากทีเดียว”
ที่แท้เป็นเช่นนี้…ศิษย์อีกผู้หนึ่งจึงได้จึงคิดได้ทันทีเมื่อได้ฟังคำจากอาจารย์ของตน ถึงกับพูดขึ้นว่า “เงินทองตกพื้นนับว่าเป็นสถานที่แปลกจริงๆ นั่งเรือต้องเสียเงิน ถามทางต้องเสียเงิน ถามราคาก็ต้องเสียเงิน ไม่ว่าอะไรก็ต้องเสียเงิน ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า แม้แต่ต้นไม้ก็ต้องการเงิน พวกมันจะเอาเงินไปทำอะไร?”
“ก็บอกแล้วว่าเงินทองตกพื้น ขอเพียงเจ้ามีเงินก็สามารถไปได้ทั่วหล้า” บรรพบุรุษกล่าวว่า “เพียงแต่ผู้คนจำนวนมากไม่อาจบรรลุถึงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นเอง ถ้าหากเจ้าสามารถบรรลุได้ก็ดี ไม่แน่นักเจ้าเอาเหรียญแท้จริงไปให้กับคางคกตัวหนึ่ง มันก็สามารถนำมาซึ่งโชคและวาสนาให้กับเจ้า แน่นอน มันขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า”
บรรดาศิษย์ของเขาต่างหัวเราะเจื่อนๆ พวกเขาได้มาถึงสถานที่ที่เห็นเงินแล้วตาลุกวาวแล้วล่ะ แม้แต่คางคกก็ยังต้องการเงิน นี่มันคือสถานที่ที่เหลือเชื่อจริงๆ
…..
ในเงินทองตกพื้น ไม่เพียงแต่ทุ่งกว้างว่างเปล่าที่มีอันตราย ที่ทางการก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ในสถานที่เงินทองตกพื้นแห่งนี้กลับยังมีร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ซึ่งน่ากลัวอย่างยิ่งหลงเหลืออยู่
ณ ที่ราบสูงรกร้างแห่งหนึ่ง มองเห็นอารามขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นหลังหนึ่ง ด้วยอารามขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ตั้งตระหง่านอยู่เช่นนั้นสามารถมองเห็นได้จากระยะห่างไกล ยิ่งไปกว่านั้นอารามแห่งนี้ยังเปล่งรัศมีสีทองจางๆ ออกมา
ดังนั้น อารามขนาดใหญ่โตมโหฬารจึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมาก เมื่อมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มองเห็นอารามลักษณะเช่นนี้แต่ไกลแล้ว ทำให้ใจเต้นตูมตามขึ้นมาทันที
“อารามทองคำลักษณะเช่นนี้ต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่นอน” มียอดฝีมือที่ดวงตาทั้งสองเปล่งเป็นประกาย คิดจะบุกเข้าไป
“อย่าเข้าไป” ผู้อาวุโสดึงตัวเขาเอาไว้ทันที มองดูอารามหลังนี้ด้วยท่าทางหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไปแล้วเท่ากับไปรนหาที่ตาย”
“เพราะอะไร?” ผู้เป็นศิษย์มองอูอารามหลังนี้ด้วยความไม่เข้าใจ
“นี่คือซากโบราณสถาน” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยท่าทางที่หนักแน่นจริงจังว่า “ตามตำนานเล่าว่า มันคือพื้นที่วิเศษที่ถูกยอดฝีมือผู้หนึ่งอาศัยวิธีการเรียกหาเจ้าที่เรียกให้มันปรากฎออกมาราวแปดหมื่นปีก่อน แต่ว่า เขากลับไม่ได้สิ่งของที่อยู่ภายใน ภายหลังมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าไป ปรากฏว่าล้วนแล้วแต่ต้องตายอยู่ในนั้น”
“เรียกหาเจ้าที่?” ผู้เป็นศิษย์เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อที่ใหม่ขนาดนี้
“มันคือการเรียกเอาพื้นที่นั้นๆ ออกมาทั้งหมด” ผู้อาวุโสผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าโยนเหรียญแท้จริงเหรียญหนึ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ให้เหรียญแท้จริงเหรียญนั้นของเจ้าวนเป็นวงกลมสักรอบ เจ้าต้องการขีดวงให้มีขนาดพื้นที่ใหญ่โตเท่าไรก็ได้ เป็นต้นว่า เจ้าต้องการขีดวงเป็นพื้นที่ขนาดพันลี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เหรียญแท้จริงของเจ้าก็จะยึดถือขนาดพื้นที่พันลี้เป็นเกณฑ์วิ่งหมุนเป็นวง พื้นที่ที่อยู่ภายในวงกลมทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเจ้า จากนั้นเงินทองตกพื้นก็จะสำแดงราคาขึ้นมา ซึ่งจะเป็นราคาที่สูงลิบลิ่ว ขอเพียงเจ้าสามารถจ่ายตามราคานี้ได้ พื้นที่แห่งนั้นก็จะเป็นของเจ้า อีกทั้งสิ่งที่โผล่ขึ้นมาในพื้นที่แห่งนี้รับประกันได้ว่าต้องเป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุด และฝืนลิขิตสวรรค์ระดับพิเศษ แน่นอนที่สุด เจ้าจะเอาไปได้หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ฝีมือของเจ้าแล้ว”
หลังจากฟังคำจากผู้อาวุโสแล้วผู้เป็นศิษย์จึงได้เข้าใจ พวกเขาที่ซื้อพื้นที่วิเศษอะไรนั่นเป็นเพียงการทะเลาะวิวาทกันเล็กๆ เท่านั้น ต้องเรียกหาเจ้าที่นั่นแหละเล่นใหญ่ เป็นการซื้อพื้นที่นี้เอาไว้โดยตรง
“ในครั้งนั้น บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งหยางได้ทำการเรียกเจ้าที่อยู่ที่ตรงนี้ หลังจากที่ทุ่มเงินมหาศาลแล้ว เรียกเอาที่ราบสูงแห่งนี้ขึ้นมา เสียดาย เขาไม่สามารถมีชีวิตได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไป ต้องเดิมพันด้วยชีวิตของตนลงไปด้วย” ผู้อาวุโสชี้ไปที่อารามขนาดยักษ์และกล่าวว่า “เห็นหรือยัง ที่ตรงนั้นมีมารร้ายอยู่ตนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร ภายหลังมีระดับเทพแท้จริงจำนวนมากที่เข้าไป แต่ว่าล้วนแล้วแต่ถูกมันฆ่าตายสิ้น”
ผู้เป็นศิษย์ผู้นี้จ้องมองไปและเห็นเงามืดขนาดใหญ่โตอยู่ภายในอารามหลังนั้นจริงๆ มันครอบงำวิหารใหญ่เอาไว้ทั้งหลัง เหมือนว่าใครก็ตามหากเข้าไปก็ต้องถูกมันฉีกร่างจนตายอย่างนั้น
“เรียกหาเจ้าที่แตกต่างกับการซื้อพื้นที่วิเศษของพวกเรา หลังจากพื้นที่วิเศษผืนหนึ่งถูกซื้อไปแล้ว ภายหลังมันยังคงกลับไปอยู่ในสภาพเดิม เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่า การเรียกหาเจ้าที่จะแตกต่าง เมื่อไรที่เจ้ามีการเรียกหาเจ้าที่ออกมาแล้วมันจะไม่สามารถกลับไปได้อีก ดังนั้น สถานที่ที่หลงเหลืออยู่หลังจากได้มีการเรียกเจ้าที่ออกมาแล้วจึงถูกผู้คนเรียกว่าซากโบราณสถาน” ผู้อาวุโสผู้นี้กล่าวว่า “โดยทั่วไปมีเพียงระดับราชันแท้จริง หรือระดับอมตะที่กล้าเรียกหาเจ้าที่เล่นแบบนี้ ส่วนคนอื่นๆ ต่อให้เจ้ามีเงินมากพอที่จะเรียกหาเจ้าที่ก็เป็นการรนหาที่ตาย”
ผู้เป็นศิษย์ผู้นี้มองดูเงามืดที่อยู่ภายในอารามถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
……
ณ ข้างๆ ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ถึงกับมีทะเลแห่งหนึ่ง มองเห็นทะเลแห่งนี้แตกละเอียด บริเวณกลางทะเลถูกทำลายจนทะลุ กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์ ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้น้ำทะเลทั้งหมดมีความรุนแรงอย่างยิ่ง เหมือนว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามหากเข้าไปก็จะถูกฉีกจนขาดกระจุย
หลังจากที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ และมองจากระยะห่างไกลล้วนแล้วแต่รู้สึกขนลุก
“ทะเลกำแหง…” ได้มีระดับบรรพบุรุษที่เห็นทะเลแห่งนี้แล้วถึงกับลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
ยอดฝีมือที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เพราะอะไรจึงมีชื่อว่าทะเลกำแหง?”
“เนื่องจากผู้เฒ่ากำแหงเป็นผู้เรียกออกมา” บรรพบุรุษผู้นี้กล่าวว่า “ตามตำนานเล่าว่า ในครั้งนั้นผู้เฒ่ากำแหงแห่งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงได้มาเรียกหาเจ้าที่ตรงนี้ ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปจำนวนหนึ่ง เรียกเอาทะเลแห่งนี้ออกมา ตามตำนานเล่าว่า ในครั้งนั้นทะเลแห่งนี้ได้ปรากฎวังวันเลือดที่น่ากลัวยิ่งขึ้นมา แต่ ผู้เฒ่ากำแหงได้บุกเข้าไปด้วยความโกรธ จัดการกวาดวังวนเลือดนี้จนราบคาบโดยตรง ทำลายทะเลนี้จนแตกละเอียด และนำเอาสมบัติวิเศษที่ทรงพลังยิ่งจากบริเวณส่วนลึกของทะเลไปได้ชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้น สถานที่ตรงนี้ถูกชนรุ่นหลังเรียกว่าทะเลกำแหง”
“ผู้เฒ่ากำแหงยอดเยี่ยมโดยแท้จริง มิน่าเล่าถึงได้ก่อตั้งสำนักสืบทอดขึ้นที่แดนลัทธิเซียน” แม้แต่ยอดฝีมือหลังจากได้ฟังเรื่องราวตำนานนี้แล้วถึงกับลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
……………………………………………….