หลี่ชิเย่มองหน้าคุณชายผิงเฉิงทีหนึ่ง ยิ้มนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่สนใจ”
“พี่น้อง ไม่สิ พี่ใหญ่ กระบี่ไม้ไผ่ของข้าคือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ พลันที่สำแดงกระบี่นี้ออกไป รับรองว่าท่านจะต้องเกรียงไกรไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน รับรองว่าท่านต้องปราศจากผู้ต่อกร” คุณชายผิงเฉิงไม่ยอมเลิก ยังคงโฆษณากระบี่ไม้ไผ่ของตนกับหลี่ชิเย่ต่อไป โดยกล่าวว่า “กระบี่ไม้ไผ่ผิงเฉิงคือสัญลักษณ์ของเจ้าถิ่น มีไว้หนึ่งเล่มก็จะมีทรัพย์สมบัติมากมาย มีสิบเล่มก็จะร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของถิ่นๆ หนึ่ง มีร้อยเล่มร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในหมื่นแคว้น…”
ในเวลานี้ คุณชายผิงเฉิงคุยโตโอ้อวดขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังมีความพยายามที่สูงมาก
ท่าทางลักษณะเช่นนี้ทำเอาบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ในฐานะที่เป็นสามคุณชายแห่งแดนลัทธิพรรษ สุดยอดอัจฉริยะบุคคล ไม่เห็นว่าคุณชายผิงเฉิงจะขาดสนกับเงินเพียงเท่านั้น แต่ทว่า เขากลับชื่นชอบที่จะนำกระบี่ไม้ไผ่ของตนไปเที่ยวโฆษณาให้กับใครต่อใคร
“คุณชาย ข้าซื้อเล่มหนึ่ง” มีผู้บำเพ็ญตนสาวสวยผู้หนึ่งที่อยู่ข้างๆ ถูกความพยายามของคุณชายผิงเฉิงทำให้เกิดความสนใจ จึงขอซื้อกระบี่ไม้ไผ่เล่มหนึ่งจากคุณชายผิงเฉิงทันที
“ว้าว เทพธิดาผู้นี้ตาถึง” คุณชายผิงเฉิงหัวเราะเสียงดัง ด้วยรอยยิ้มอันสดใสทำให้ภาพรวมของคุณชายผิงเฉิงมีเสน่ห์ที่บอกไม่ถูก เขายิ้มกล่าวว่า “เทพธิดาสามารถอุดหนุนข้าเล่มหนึ่งก็คือวาสนาระหว่างท่านกับข้า วันหน้าหากเทพธิดามาที่เมืองผิงเฉิงของข้า ข้าจะต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างเต็มที่ เป็นผู้นำชมเมืองให้กับเทพธิดา นำพาเทพธิดาชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองผิงเฉิงพวกเรา”
“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขอขอบคุณนะ” ผู้บำเพ็ญตนหญิงที่งดงามผู้นี้ก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มออกมา จะอย่างไรเสียคุณชายผิงเฉิงหาใช่เป็นพ่อค้าทั่วๆ ไป เขาคือหนึ่งในสามคุณชายที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค เป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง สามารถได้รับคำพูดที่เพราะๆ เช่นนี้จากเขา กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนหญิงงดงามผู้นี้แล้วคือการเสพสุขประเภทหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” คุณชายผิงเฉิงยิ้มกล่าวว่า “เทพธิดามีสายตาที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เฉกเช่นเทพธิดาอย่างท่าน ควรจะใช้กระบี่สองมือ ด้วยกระบี่ไม้ไผ่สองเล่มในมือ ซ้ายขวาหมุนเวียนสลับกันไป เกรียงไกรไปแปดทิศ ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า…”
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญตนหญิงงดงามผู้นี้ได้ซื้อกระบี่ไม้ไปแล้วเล่มหนึ่ง คุณชายผิงเฉิงจึ่งรีบเร่งยุยงให้นางซื้อเล่มที่สองทันที
“ข้าก็ได้ซื้อแล้วเล่มหนึ่ง ยังไม่พออีกหรือเนี่ย” ผู้บำเพ็ญตนหญิงงดงามผู้นี้ถึงกับแสดงท่าทีแสร้งไม่พอใจ และกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคืองนิดๆ
“เสียมารยาท เสียมารยาทแล้ว เป็นความบุ่มบ่ามมากเกินไปของผิงเฉิงโดยแท้ ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พลันที่ข้าได้พบกับเทพธิดาก็คือวาสนา วันหน้าหากเทพธิดายังมีความต้องการอีกสามารถมาหาข้าได้ที่เมืองผิงเฉิง” คุณชายผิงเฉิงกล่าวยอมรับผิดทันที ด้วยท่าทีและจริงใจ ด้วยรอยยิ้มที่สดใสของเขานั้นเป็นการง่ายที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจ
“เอาเถอะ ข้าซื้ออีกหนึ่งเล่ม” ผู้บำเพ็ญตนหญิงงดงามผู้นี้เปลี่ยนจากท่าทีที่ไม่พอใจกลับกลายเป็นรู้สึกยินดี ถูกคุณชายผิงเฉิงทำให้รู้สึกเห็นใจ
“เทพธิดานับเป็นลูกค้ารายใหญ่ของข้าโดยแท้จริงนะเนี่ย มิน่าเล่าวันนี้ข้าตื่นเช้ามาก็ได้ยินเสียงนกสาลิกาดงร้องเจื้อยแจ้ว ที่แท้คือข้าจะได้พานพบกับเทพธิดาที่ทั้งงดงามทั้งจิตใจดีนะเนี่ย เฮ่อ สามารถพานพบกับเทพธิดาเช่นนี้นับว่าเป็นบุญวาสนาของข้าโดยแท้ ข้าน้อยขอบคุณเทพธิดาที่ให้ความอนุเคราะห์ต่อการค้าของข้า คราวหน้าหากมีการค้าการขายก็อย่าลืมข้าน้อยนะ” คุณชายผิงเฉิงเอาคำพูดที่ไม่จริงจังพูดเสียเหมือนจริงจังมาก
“ท่านนี้ช่างจำนรรจานัก” ผู้บำเพ็ญตนหญิงงดงามผู้นี้แสร้งทำเหมือนไม่พอใจ นางถูกคุณชายผิงเฉิงกระเซ้าเย้าแหย่จนหัวเราะออกมา
“ผิงเฉิง เจ้ากำลังขายกระบี่หรือจีบหญิงกันเล่า?” มีผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่สนิทกับคุณชายผิงเฉิงถึงกับส่ายหัวและยิ้มกล่าวขึ้นมา
“ผู้อาวุโสสือใส่ร้ายข้าแล้วล่ะ” คุณชายผิงเฉิงทำท่าจริงจังขึ้นมาทันที และกล่าวว่า “ผิงเฉิงขายกระบี่ ขณะเดียวกันก็ยินดีคบหาสหายทั่วหล้า ภายในใจไม่ได้มีความคิดที่สกปรกแต่ย่างใด”
ทุกคนถึงกับหัวเราะขึ้นมา และส่ายหน้า เมื่อมองเห็นท่าทีที่จริงจังของคุณชายผิงเฉิง เนื่องจากคุณชายผิงเฉิงเป็นเช่นนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
แน่นอน ใช่ว่าคุณชายผิงเฉิงต้องการจีบสาวสวยอะไรทำนองนั้น นิสัยของเขาเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ถ้าหากเขาต้องการดึงดูดความสนใจจริงๆ ล่ะก็ อาศัยชื่อเสียงของคุณชายผิงเฉิง อาศัยหน้าตาที่ดูดีของเขา นับว่ามีผู้บำเพ็ญตนสาวจำนวนไม่น้อยพร้อมที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาจริงๆ
หลี่ชิเย่แค่หัวเราะทีหนึ่งเท่านั้นเอง ถือโอกาสโยนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้น เหรียญหนึ่งกำใหญ่ที่ถูกหว่านลงไป ปรากฏเสียงที่ไพเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น
ได้ยินเสียงดังช่าาา มองเห็นใต้ทะเลปรากฏช้างเชือกหนึ่งโผล่ขึ้นมา ช้างเชือกนี้แตกต่างจากช้างทั่วไปธรรมดา โดยที่ช้างเชือกนี้สามารถกลืนและพ่นคายเป็นหมอกควัน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งสายหนึ่งออกมา ทั้งลำตัวยังมีแสงระยิบระยับ มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ติดตัวมาด้วย ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นช้างที่ไม่ธรรมดาเชือกหนึ่ง
หลังจากที่ช้างตัวนี้โผล่ขึ้นมาแล้ว ก็รับเอาเงินที่หลี่ชิเย่ได้หว่านโปรยออกไปเอาไว้ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องการทุกหลี่ชิเย่ข้ามแม่น้ำแล้ว
“คชสารหอมข้ามทะเลนะเนี่ย” ยอมฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองกันตาค้างลิ้นจุกปาก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวก็ลงมือด้วยราคาที่แพงลิบลิ่วเช่นนี้
“นี่ออกจะเป็นการใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายมากเกินไปแล้วกระมัง แค่เพียงคนเดียวเท่านั้นก็เรียกคชสารหอมมา เป็นการเสพสุขที่ฟุ่มเฟือยเหลือเกิน ผู้สืบทอดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ไม่เห็นจะเสพสุขได้ถึงเพียงนี้” ผู้บำเพ็ญตนถึงกับกล่าวขึ้นมาด้วยความอิจฉาริษยา
“เชอะ เจ้าจะไปรู้อะไร เขามันคนโง่ ไม่ใช่สิ เขามีเงินเยอะ” ข้างกายของเขามีผู้บำเพ็ญตนพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา “เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่รู้จักกระทั่งเจ้าหนูมดกระมัง ก็คนเขาเงินมาก เขาสามารถเอาเงินออกมาป้อนมดได้จำนวนมากมาย แค่นั่งคชสารหอมบ้างนับเป็นอะไรไปได้”
ที่เงินทองตกพื้นยังมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ แต่ฉายาว่าเจ้าหนูมดมีคนมากมายที่รู้จัก
ครั้นได้ฟังคำของผู้บำเพ็ญตนผู้นี้แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีเหตุผล ขนาดเอาเหรียญมาป้อนให้กับมดหลี่ชิเย่ยังไม่ได้กะพริบตาด้วยซ้ำ เวลานี้หากจะข้ามแม่น้ำด้วยการสั่งคชสารหอมที่มีราคาแพงที่สุดก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้นั่งอยู่บนคชสารหอมแล้ว เขาหันหน้ากลับมาพูดกัหญิงสาวตระกูลหลินที่เคยยืนนับกลีบดอกไม้นั่น กล่าวว่า “เจ้าต้องการข้ามทะเลรึ?”
“ข้า…” หญิงสาวคนนี้ถึงกับลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“ถ้าหากเจ้าคิดจะอาศัยปลาทองข้ามทะเลล่ะก็ รอไก่อนเถอะ เกรงว่าหลายวันนี้ก็จะมีพายุร้าย” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย
หญิงสาวผู้นี้ลังเลอยู่นิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ สุดท้ายกัดฟันและได้แต่พูดว่า “เช่น เช่นนั้นข้าข้ามไปก็แล้วกัน รบ รบกวนท่านแล้วล่ะ”
สุดท้าย หญิงสาวผู้นี้ก็ได้นั่งอยู่บนคชสารหอม โดยนั่งอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่
“พี่ใหญ่ ต้องการช่วยอีกคนหรือไม่ ไหนๆ คชสารหอมของท่านนั่งสิบคนแปดคนก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว” ในเวลานี้เอง คุณชายผิงเฉิงได้ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาทันที
“ไม่” หลี่ชิเย่ปฏิเสธทันควัน และกล่าวว่า “เจ้าไปเรียกเชือกหนึ่งเอาเอง”
“พี่ใหญ่ ท่าน ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ เห็นสตรีแล้วลืมความชอบธรรม ชั่วดีอย่างไรพวกเราก็มีวาสนาได้พบหน้ากัน” คุณชายผิงเฉิงร้องกล่าวราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “อีกอย่าง เรียกคชสารหอมอีกเชือกมันช่างเป็นการสุรุ่ยสุร่ายและสิ้นเปลืองเช่นใด เด็กฐานะยากจนอย่างข้าไหนเลยมีเงินพอที่จะเรียกคชสารหอมอีกเชือกหนึ่งได้ ท่านให้ข้าเรียกคชสารหอมอีกเชือก ข้าจะต้องขายกระบี่ไม้ไผ่เท่าใดจึงสามารถได้กำไรส่วนนี้มาได้…”
จังหวะที่คุณชายผิงเฉิงบ่นอุบอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้ขับคชสารหอมลงไปในทะเลแล้ว ไม่ได้สนใจในคำพูดของคุณชายผิงเฉิง
สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้คุณชายผิงเฉิงจ้องตาเขม็งยืนอยู่ริมทะเล เขาจนด้วยเกล้าส่ายหัวไปมาและกล่าวว่า “เฮ่อ ขงจื้อท่านกล่าวว่า การชอบของสวยๆ งามๆ เป็นสันดานเดิมที่ทำให้เป็นเช่นนี้ หลายปีมานี้ข้าไม่ตำหนิบุรุษที่เห็นสตรีแล้วลืมความชอบธรรมอยู่แล้ว…”
ผู้คนที่อยู่ริมทะเลจำนวนไม่น้อยอดที่จะหัวเราะกันออกมาเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของคุณชายผิงเฉิง สุดท้ายมีระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งหัวเราะและกล่าวว่า “ถ้าหากคุณชายไม่รังเกียจล่ะก็ ข้ามทะเลด้วยกันกับพวกเราเถอะ” เวลานี้ ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้เรียกเรือยักษ์ออกมาลำหนึ่ง
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ ข้าจะไปรังเกียจได้อย่างไรกันเล่า” คุณชายผิงเฉิงรีบเร่งเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมาและกล่าวว่า “สามารถได้รับความช่วยเหลือจากทุกๆ ท่าน ผิงเฉิงขอบคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณอย่างยิ่ง” กล่าวขาดคำรีบก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างหัวเราะขึ้นมา ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามคุณชาย ตัวของคุณชายผิงเฉิงนับว่าเป็นคนละประเภทโดยแท้
คุณชายผิงเฉิงเช่นเดียวกันกับคุณชายพานหลง ต่างมีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีฐานะสูงส่งเหมือนเช่นคุณชายพานหลง จะอย่างไรเสียคุณชายพานหลงคือผู้สืบทอดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง แตกต่างกันทั้งฐานะและตำแหน่ง
เขาก็ไม่ได้มีลักษณะเช่นคุณชายหุยชุนที่ในมือมียาเม็ดที่ยอดเยี่ยม ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่ว่า เขายังคงสามารถยืนอยู่สูงเด่นเฉกเช่นคุณชายหุยชุน และคุณชายพานหลง สิ่งนี้ย่อมสามารถมองออกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาต้องเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลอย่างแน่นอน
แต่ คุณชายผิงเฉิงกลับไม่เหมือนเช่นคุณชายหุยชุน คุณชายพานหลงที่สูงเด่นเช่นนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสูงเกินจะเอื้อมถึง ตรงกันข้าม คุณชายผิงเฉิงไม่เพียงเข้าหาได้ง่าย บางครั้งมักจะทำให้รู้สึกว่าเขาก็คือแกล้งโง่แต่ก็น่ารัก ดังนั้นในบรรดาสามคุณชายนั้น กล่าวได้ว่าเขาดำรงอยู่ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในคนละพวกอย่างยิ่ง
ความจริงแล้ว ผู้คนในแดนลัทธิพรรษจำนวนมากต่างยินดีคบหากับคุณชายผิงเฉิง แม้ว่าทุกคนรู้แต่เพียงว่าตัวเขามาจากเมืองผิงเฉิง ดูไม่เหมือนว่าจะมีชาติกำเนิดที่สูงส่งแต่อย่างใด แต่ว่า เขาคืออัจธริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก และเปี่ยมด้วยพลังแฝงไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่าเขามีโอกาสได้เป็นราชันแท้จริง
กล่าวสำหรับ ผู้บำเพ็ญตนคนใดคนหนึ่งก็ตาม หากสามารถคบหากับราชันแท้จริงในอนาคตสักคนใช่ว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ตัวของคุณชายผิงเฉิงเองก็ไม่ได้ขัดผลประโยชน์ใดๆ กับใครทั้งสิ้น อย่างมากที่สุดก็แค่โฆษณาขายกระบี่ไม้ไผ่ของเขาเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าคุณชายผิงเฉิงไปปรากฏตัวที่ใดก็ตามก็จะมีเสียงหัวเราะ ไม่ว่าไปปรากฎตัวที่ไหนก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเขา
น้ำในแม่น้ำไหลริน ได้ยินเสียงดังช่าาา ช่าาา ช่าาาดังขึ้น ยามที่ยืนอยู่ริมชายฝั่งแล้วทอดสายตามองออกไป บางทีอาจมีความรู้สึกว่าตัวเองแค่ก้าวขาเพียงก้าวเดียวก็สามาถก้าวข้ามทะเลนี้ไปได้แล้ว แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อใรที่ก้าวลงไปอยู่ในทะเลแล้วก็จะพบว่า นี่มันทะเลที่ไหนกัน มันคือมหาสมุทรชัดๆ พลันที่ก้าวลงไปแล้ว มันสามารถทำให้หลงทิศได้เลยล่ะ
นี่แหละคือเหตุผลว่า ทำไมทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องโดยสารปลาทอง หรือเต่าทะเล หรือเรือยักษ์ในการข้ามฟาก
เวลานี้ หลี่ชิเย่โดยสารคชสารหอมข้ามทะเล ด้านหลังมีแม่นางจากตระกูลหลินนั่งโดยสารมาด้วย โดยที่หลี่ชิเย่นั่งตัวตรงอยู่บนหลังช้างและไม่ได้พูดอะไรออกมา ท่าทางตามอารมณ์และเป็นธรรมชาติ
ตรงกันข้ามกับแม่นางตระกูลหลินกลับรู้สึกบรรยากาศเป็นไปโดยเคอะเขินอยู่บ้างเมื่อนั่งอยู่ข้างๆ หลี่ชิเย่ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี จะอย่างไรเสียนางเองก็ไม่รู้จักกับหลี่ชิเย่ ได้ยินทุกคนบอกว่าเขาเป็นเจ้าหนูที่ใช้เงินป้อนมดคนหนึ่ง เงินมีมากจนมืออ่อนไปหมดประเภทนั้น
“ข้า ข้า ข้าชื่อหลินซิม่อ” สุดท้าย หญิงสาวได้กล่าวแนะนำตนเอง
เดิมทีนางเองก็คิดจะข้ามฟากเหมือนกัน เพียงแต่เงินที่อยู่ในมือของนางมีอยู่ไม่มาก ดูจากเงินที่นางมีอยู่บอกได้เลยว่าสามารถนั่งโดยสารปลาทองเท่านั้น แต่ด้วยทักษะยุทธของนางอ่อนมาก เกรงว่าหากพบเจอกับพายุขณะอยู่ระหว่างข้ามฟากล่ะก็คงต้องจบสิ้นโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงลังเลที่ว่าจะข้ามดีหรือไม่ข้ามดี
นับว่าโชคของนางดีที่พบเจอกับหลี่ชิเย่เข้า ช่วยพานางข้ามฟากไปด้วยกัน
…