ปัง…เสียงดังสนั่น ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง โล่ไม้ยักษ์ในมือของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้กระหน่ำโจมตีเข้าไปดั่งพายุ จนสามสิบหกจ้าวมังกรกระเด็นกระดอน และต้องกระอักเลือดออกมา
“อ่อนเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ดื่มน้ำชาเลิศรส และเสพสุขกับการนวดผ่อนคลายหลังและไหล่จากฟ่านเมี่ยวเจิน คล้ายดั่งเป็นการเสพสุขของฮ่องเต้อย่างนั้น ท่าทางที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูอันธพาลยิ่งนัก
“นี่ก็คือเสาหลักประจำแคว้นของแคว้นว่านโซ่วพวกเจ้าอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ยังมีฝีมืออะไรก็รีบงัดออกมา มีอภินิหารอะไรก็รีบเอาออกมาใช้ มิฉะนั้นล่ะก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ แน่นอนที่สุด หากยังมีระดับอมตะอะไร หรือมีกำลังเสริมอะไรก็รีบๆ เอามาใช้เสีย มิฉะนั้นแล้ว การชิงบัลลังก์แย่งอำนาจอะไรของพวกเจ้าก็เป็นได้เพียงเรื่องขำขันเท่านั้นเอง”
คำพูดนี้อันธพาลและอวดดีไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หมางเมินเหล่าผู้กล้า แม้แต่แดนลัทธิพรรษก็ไม่อยู่ในสายตา
แม้ว่าคำพูดนี้จะอวดดีจนบอกไม่ถูก แต่ว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ แม้แต่ผู้พเนจรหยางหมิงและเหล่าผู้แทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ก็กลั้นลมหายใจเอาไว้เช่นกัน
หากเป็นช่วงเวลาปรกติ คำพูดที่อวดดีออกมาจากปากของผู้เยาว์คนหนึ่งจะเป็นที่ระคายเคืองหูอย่างยิ่ง อีกทั้งด้วยท่าทีที่ทำตัวสูงเด่นอย่างหลี่ชิเย่เช่นนี้ ก็ทำให้ผู้คนมองแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ
แต่ทว่าเวลานี้ไม่มีใครที่รู้สึกว่าคำพูดนี้จะเป็นที่ระคายเคืองต่อหู และไม่มีใครรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ดูอวดดีมากเป็นพิเศษ เหมือนว่าทุกดอย่างล้วนแล้วแต่สมเหตุสมผลทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เป็นไปตามเงื่อนไขอย่างนั้น
เสียงปังดังสนั่น ขณะที่มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์กระแทกจนสามสิบหกจ้าวมังกรลอยออกไปนั้น มันได้เอาค้อนไม้และโล่ไม้ที่อยู่ในมือกระทบเข้าหากันอย่างแรง ท่าทางของมันในขณะนี้คล้ายดั่งเป็นนักมวยปล้ำบนเวทีอย่างนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายความดุร้ายและเจ้าอารมณ์ เหมือนว่าพร้อมที่จะก้าวสู่สภาพคลั่งได้ทุกขณะ
เวลานี้ค้อนไม้ที่อยู่ในมือของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ชี้ไปที่สามสิบหกจ้าวมังกร มันไม่สามารถพูดได้ แต่ท่าทางเช่นนี้ของมันก็มากพอแล้ว เป็นการดูแคลนต่อสามสิบหกจ้าวมังกรอย่างสิ้นเชิง เป็นท่วงท่าที่ไม่เห็นสามสิบหกจ้าวมังกรอยู่ในสายตา ด้วยท่าทางที่สยบทั่วหล้า
การที่ถูกมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ดูแคลนถึงเพียงนี้ ทำเอาสามสิบหกจ้าวมังกรโกรธอย่างยิ่ง พวกเขาเคยเกรียงไกรไปทั่วหล้า มีชื่อเสียงที่โด่งดัง เคยถูกดูแคลนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการดูแคลนจากมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ที่ปราศจากชีวิตอีกด้วย มันเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกถักทอขึ้นมาจากรากไม้เท่านั้นเองซึ่งไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
มาวันนี้พวกเขาที่เป็นเสาหลักประจำแคว้นเช่นนี้กลับต้องมาถูกหุ่นกระบอกเชิดดูแคลน พลันทำให้พวกเขาโกรธจนอกแทบระเบิด โมโหจนแทบกระอักเป็นเลือดออกมา
“ตั้งค่าย กองทัพมังกรเงินรวมร่าง!” ในเวลานี้เอง สามสิบหกจ้าวมังกรร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา มองเห็นพวกเขาที่ชูอาวุธในมือขึ้น ลมปราณของพวกเขาพลันพวยพุ่งออกมา พลังดั่งพายุฝนฟ้าคะนองที่อาละวาดไปทั่วฟ้าดิน
ตูม…เสียงดังสนั่น จังหวะที่สามสิบหกจ้าวมังกรออกคำสั่งไปนั้น บรรดาทหารยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินที่ประจำอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในเรือนโอสถล้วนแล้วแต่ปลดปล่อยพลังของตนออกมา และพวยพุ่งลมปราณของตน ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาอาศัยอาวุธชี้ขึ้นฟ้า ลมปราณและพลังของทหารทุกคนในกองทัพมังกรเงินล้วนแล้วแต่หลอมรวมเข้าด้วยกัน แม้แต่ตัวของสามสิบหกจ้าวมังกรก็เป็นเช่นนี้
พริบตาเดียวนี้เอง ใต้เท้าของสมาชิกกองทัพมังกรเงินล้วนแล้วแต่ปรากฏภาพค่ายกลขึ้นมา ตามติดด้วยภาพค่ายกลที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขาก็เช่นกัน และในเสี้ยววินาทีนี้เอง เหมือนว่าฟ้าดินได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง และภาพของค่ายกลทั้งหมดก็ได้ประติดประต่อเข้าด้วยกัน
พริบตาเดียวนั่นเอง สมาชิกกองทัพมังกรเงินล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นประกายสายหนึ่ง ชุดเกราะบนตัวของพวกเขากลายเป็นชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง
ตึง ตึง ตึง…ชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กๆ เหล่านี้ได้ประกอบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว โดยขั้นตอนทั้งหมดอาศัยสามสิบหกจ้าวมังกรเป็นแกนหลัก สมาชิกของกองทัพมังกรเงินล้วนแล้วแต่ล้อมวงอยู่กับพวกเขา อีกทั้งส่วนของชุดเกราะของสามสิบหกจ้าวมังกรคือส่วนที่เป็นแกนหลักสำคัญ ส่วนชุดเกราะของสมาชิกอื่นๆ เป็นเพียงชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของการต่อประกบเข้าด้วยกันเป็นชิ้นสุดท้าย มนุษย์โลหะที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารปรากฎอยู่ตรงหน้าของทุกคน
มนุษย์โลหะขนาดยักษ์ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์เถาวัลย์ยักษ์แม้แต่น้อย กระทั่งมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์สูงแค่ไหล่ของมันเท่านั้น เมื่อมนุษย์โลหะขนาดยักษ์ยืนอยู่นั้น เมฆลอยผ่านช่วงเอวของมันเท่านั้น
ตัวของมนุษย์โลหะขนาดยักษ์คล้ายสร้างขึ้นมาจากเงินที่มันวาว มีความแวววาวอย่างยิ่ง แต่ว่า ท่ามกลางสีเงินที่มันวาวกลับเปล่งเป็นสีทองจางๆ ออกมา เหมือนว่ามนุษย์โลหะขนาดยักษ์ตัวนี้นอกจากจะสร้างขึ้นจากเงินเป็นหลักแล้ว ยังได้ผสมทองคำลงไปบ้างอย่างนั้น
ที่น่าสะเทือนหวั่นไหวยิ่งกว่าก็คือ มนุษย์โลหะขนาดยักษ์ลักษณะเช่นนื้ปรากฏมังกรสีเงินที่วับๆ แวมๆอยู่ข้างกาย เหมือนมีมังกรสีเงินที่ขดอยู่ข้างกายของมัน
กรรร…นาทีนี้เอง มนุษย์โลหะขนาดยักษ์คำรามเสียงดังออกมา โดยที่เสียงคำรามมีเสียงคำรามของมังกรแฝงอยู่กรายๆ
“หุ่นมังกรเงินยักษ์…” ระดับเทพแท้จริงขั้นเก้าวสู่สวรรค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับร้องเสียงดังออกมา และมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อมองเห็นมนุษย์โลหะขนาดยักษ์ตัวนี้แล้ว
“ท่าไม้ตายสุดท้ายของกองทัพมังกรเงิน!” ระดับบรรพบุรุษถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำ
“น่าสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยขณะมองดูมนุษย์โลหะขนาดยักษ์ที่ใหญ่โตมโหฬารตัวนี้ และกล่าวว่า “ที่แท้ผู้ยิ่งใหญ่ของยุคสมัยที่สาบสูญไปก็เคยขึ้นมาบนโลกแห่งนี้ สุดยอดวิชานี้ถึงกับได้มีการสืบทอดต่อกันมา”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ไม่มีผู้ใดที่ฟังแล้วเข้าใจ ความจริงแล้วแม้แต่บรรพบุรุษของแคว้นว่านโซ่ว หรือผู้ที่เป็นผู้ริเริ่มของพวกเขาหากอยู่ที่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจเช่นกัน
หุ่นมังกรเงินยักษ์คือท่าไม้ตายสุดท้ายของกองทัพมังกรเงิน เล่าลือกันว่า ผู้ริเริ่มสร้างของแคว้นว่านโซ่วในครั้งนั้นเคยได้หีบบรรจุตำราโบราณมาใบหนึ่ง ถึงกับสามารถกลั่นบูชาเป็นเคล็ดวิชาลับขึ้นมา ชุดเกราะบนตัวของสมาชิกกองทัพมังกรเงินที่เขาก่อตั้งขึ้นล้วนแล้วแต่ผ่านการกลั่นบูชาแล้วทั้งสิ้น ยามจำเป็น ชุดเกราะทั้งหมดสามารถประติดประต่อเข้าด้วยกัน
ความจริงแล้ว ชุดเกราะบนตัวของสมาชิกแต่ละคนของกองทัพมังกรเงินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่โตมโหฬารตัวนี้เท่านั้น
แน่นอน ผู้คนยุคหลังย่อมไม่รู้ หรือแม้แต่ผู้ริเริ่มสร้างขึ้นในครั้งนั้นของแคว้นว่านโซ่วก็ไม่รู้ว่า เคล็ดวิชาลับแขนงนี้เป็นเคล็ดวิชาลับที่มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองของยุคสมัยที่หายสาบสูญไป ซึ่งเป็นโลกของแดนสิบที่มาจากเก้าแดน
ผู้ริเริ่มของแคว้นว่านโซ่วก็ได้เคล็ดวิชาลับแขนงนี้มาเพียงผิวเผินเท่านั้นเอง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หุ่นมังกรเงินยักษ์ตัวนี้ก็นับได้ว่ามีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และน่าสยองขวัญยิ่งนัก
“ฆ่า…” เวลานี้หุ่นมังกรเงินยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ และบุกเข้าหาในทันที หนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน และเหยียบท้องฟ้าที่ว่างเปล่าจนแหลกเป็นหมื่นลี้ภายในก้าวเดียว
โฮ่วววเวลานี้มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ถึงกับคำรามเสียงดังออกมาเช่นกัน และวิ่งเข้าหารับมือกับหุ่นมังกรเงินยักษ์ตัวนั้น
ตูม ตูม ตูมขณะที่มนุษย์ยักษ์สองตัววิ่งเหยียบย่ำอยู่บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่านั้น ทำให้ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพังทลายไปทั้งหมด ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงไม่หยุด ผู้คนจำนวนมากถูกแรงสั่นไหวจนปวดเศียรเวียนเกล้า อยากจะอาเจียนออกมา
ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มองเห็นหุ่นมังกรเงินยักษ์ชนกระแทกเข้ากับโล่ไม้ของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ เสียงที่ชนปะทะสามารถทำลายเยื่อหูของทุกคนได้
เสียงแตกละเอียดดังคร๊ากก โล่ไม่ที่อยู่ในมือของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ปรากฎเป็นรอยแตกลายงาเต็มพื้นที่ภายใต้การพุ่งชนอย่างแรงของหุ่นมังกรเงินยักษ์ ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง โล่ไม้แตกละเอียดไป
ย่อมไม่ต้องสงสัย นาทีนี้หุ่นมังกรเงินยักษ์มีความแข็งแกร่งมากกว่าสามสิบหกจ้าวมังกรไม่รู้เท่าไร
เสียงปัง…จังหวะที่โล่ยักษ์แตกละเอียดไปนั้น มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้เงื้อค้อนไม้ขึ้นแล้วทุบลงไป ค้อนเดียวทุบจนแหลกละเอียดเป็นหมื่นลี้โดยไม่เปลืองแรง อย่างไรก็ตาม หุ่นมังกรเงินยักษ์ก็ไม่หลบรับกับค้อนนี้ลงกลางหลังเต็มๆ
แต่ว่า ในจังหวะเดียวกันนี้หุ่นมังกรเงินยักษ์อาศัยการออกหมัดคู่ซ้ายขวา ซัดเข้าใส่กลางอกของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ หมัดคู่นี้มีพลังมากพอที่จะทะลวงพื้นพสุธาจนทะลุได้ หากมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ถูกโจมตีเข้าใส่ล่ะก็ กลางอกของมันจะต้องถูกหมัดทะลวงผ่านอย่างแน่นอน
ปังเสียงดังสนั่นดังขึ้น หมัดคู่ของหุ่นมังกรเงินยักษ์ไม่ได้โจมตีจนอกของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ทะลุไป เนื่องจากในมือของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้ปรากฏโล่ไม้ขึ้นมาอีกและต้านหมัดคู่เอาไว้ ได้ยินเสียงดังคร๊ากกขึ้นมา แม้ว่าโล่ไม้จะถูกซัดจนทะลุ แต่ไม่ได้ทำให้มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
แท้จริงแล้วมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลัง มันจึงสามารถสร้างโล่ไม้ยักษ์ขึ้นมาได้ใหม่ภายในระยะเวลาอันสั้น
ปัง ปัง ปังในเวลานี้เอง เสียงฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้นมาเป็นระลอก มนุษย์ยักษ์สองตัวห้ำหั่นกันบนท้องฟ้าจนฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งบนโลกอับแสง ภายใต้การโจมตีของพวกเขา ปรากฎเศษไม้ที่ปลิวว่อนและตกลงมาเบื้องล่าง คล้ายดั่งเป็นฝนขี้เลื่อยอย่างนั้น
ร่างของหุ่นมังกรเงินยักษ์แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรไปทั้งร่าง นับว่าครองความได้เปรียบเป็นอันมากทีเดียว มันได้ทำลายโล่ไม้ของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ไปหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งถึงกับทะลวงอกของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จนทะลุไปได้ แต่ว่ามันไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด ไร้ประโยชน์ เนื่องจากได้รับการปกป้องคุ้มครองจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อโล่ไม้ถูกทำลายก็สร้างขึ้นมาได้ใหม่ภายในระยะเวลาอันสั้น หน้าอกถูกซัดจนเป็นรูก็สามารถสมานหายเป็นปรกติได้อีกครั้ง
เมื่อได้รับพลังชีวิตที่ถ่ายทอดเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เหมือนว่ามนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จะไม่มีวันตายอย่างนั้น
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตระหนกเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสำนักต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วถึงกับตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง หุบเขาอมตะไม่มีระดับบรรพบุรุษที่ปรากฎตัวออกมา อาศัยเพียงหลี่ชิเย่คนเดียวก็สยบกองทัพมังกรเงินได้แล้ว
ไม่ถูก ที่ถูกต้องจะต้องบอกว่า ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ยังไม่ได้ลงมือด้วยตนเองเลย ถ้าหากหลี่ชิเย่ลงมือเองจริงๆ มิจัดการเล่นงานแคว้นว่านโซ่วอย่างโหดเหี้ยมโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วเหล่านั้นเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้ว นึกเสียใจภายหลังไม่หยุดว่า หากรู้แต่แรกว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ พวกเขาคงไม่รีบเร่งที่จะเลือกข้าง เป็นอย่างไรละคราวนี้ การชิงบัลลังก์แย่งอำนาจของแคว้นว่านโซ่วไม่เห็นจะได้เปรียบตรงไหน
ทุกคนต่างเข้าใจว่า ด้วยกำลังทหารของแคว้นว่านโซ่วสามารถกวาดล้างเกรียวไกรไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แต่ว่า เวลานี้มาเจอะเจอเข้ากับหลี่ชิเย่ที่เป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งที่เป็นเหมือนดั่งปีศาจเช่นนี้ เหมือนว่าใช้การอะไรไม่ได้สักนิด
กระทั่งพวกของผู้พเนจรหยางหมิงในฐานะตัวแทนจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่นิ่งเงียบ หลี่ชิเย่ที่อยู่ในฐานะผู้กุมอำนาจสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกขวัญอ่อนแล้ว เวลานี้เขาได้แสดงอภินิหารที่แปลกประหลาดเช่นนี้ออกมาอีก ยิ่งทำให้ผู้คนต้องขนหัวลุก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวจนสะท้านในใจพวกเขาก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ไม่ได้ลงมือจริงๆ เลยสักครั้ง พวกเขาไม่สามารถคาดเดาถึงศักยภาพของหลี่ชิเย่ได้อย่างสิ้นเชิง
กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดแล้ว การที่ไม่สามารถคาดเดาศักยภาพของศัตรูได้นั้น นั่นแหละคือเรื่องที่น่าหวาดกลัวมากที่สุด