ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2298 พายุฝนฟ้าคะนอง

ตอนที่ 2298 พายุฝนฟ้าคะนอง
ช่าาา ช่าาา ช่าาา…เสียงน้ำที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก คชสารหอมได้ทุกหลี่ชิเย่กับหลินซิม่อมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คชสารหอมได้แซงล้ำหน้าปลาทอง เต่าทะเล กระทั่งเรือยักษ์จำนวนมากที่ออกเดินทางไปก่อนหน้าภายในระยะเวลาอันสั้น
เพียงไม่นาน มองเห็นด้านหน้ามีเรือยักษ์ลำหนึ่งที่กำลังแล่นไปด้วยความเร็วสูง ความเร็วของมันเสมือนดั่งลูกธนูที่ถูกยิ่งออกจากคันธนู และได้ทิ้งห่างพวกปลาทองและเต่าทะเลไว้ด้านหลังเช่นกัน
“เป็นพวกขององค์หญิงเซี่ย” หลินซิม่อที่นั่งอยู่ด้านหลังถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อมองเห็นเรือยักษ์ลำที่อยู่ข้างหน้า
ลึกๆ ในใจของหลินซิม่อยังคงมีความหวาดกลัวต่อพวกขององค์หญิงเซี่ย แม้จะกล่าวว่า เวลานี้ราชวงศ์หลินเซี่ยสามารถควบคุมสุสานกระบี่ไว้ได้อย่างสิ้นเชิงแล้วก็ตาม อีกทั้งตระกูลหลินของพวกเขาก็ตกต่ำสิ้นเชิงเช่นกัน แต่ทว่าราชวงศ์หลินเซี่ยยังคงส่งคนมาแกล้งตระกูลหลินของพวกเขาอยู่เนืองๆ และหรือหาเรื่องกับคนของตระกูลหลิน
จะอย่างไรเสียตระกูลหลินคือทายาทของกระบี่อัจฉริยะ คือสายตรงของสุสานกระบี่ ต่อให้ราชวงศ์หลินเซี่ยได้ควบคุมอำนาจโดยสิ้นเชิงของสุสานกระบี่เอาไว้แล้วก็ตาม แต่พวกเขายังคงไม่ไว้ใจ
แต่ว่าราชวงศ์หลินเซี่ยก็ไม่กล้ากำจัดตระกูลหลินให้สิ้นซาก เหตุผลนั้นง่ายมาก ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ก่อตั้งโดยกระบี่อัจฉริยะไม่ได้มีเพียงสุสานกระบี่เพียงลัทธิเดียวเท่านั้น
แรกเริ่มเดิมทีกระบี่อัจฉริยะได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษ แต่ภายหลังจากที่เขาได้บรรลุจุดสุดยอดสำเร็จเป็นปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิเซียน และก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่สองขึ้นที่แดนลัทธิเซียน
ด้วยเหตุนี้เองลองนึกภาพดู ถ้าหากข่าวเรื่องราชวงศ์หลินเซี่ยสังหารทายาทรุ่นหลังของตระกูลหลินล่วงรู้ไปถึงแดนลัทธิเซียนล่ะก็ ไม่แน่นักอาจมีคนจากแดนลัทธิเซียนมาแก้แค้นแทนตระกูลหลิน เมื่อถึงเวลานั้นแล้วต่อให้ล้านราชวงศ์หลินเซี่ยก็ไม่พอให้คนของแดนลัทธิเซียนมาทำลายล้าง
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือมีข่าวลือกันว่ากระบี่อัจฉริยะยังคงไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่บนโลก ด้วยเหตุนี้เองต่อให้ราชวงศ์หลินเซี่ยกล้าดีอย่างไรก็ไม่กล้าบอกว่าจะสังหารตระกูลหลินให้สิ้นซาก
ส่วนเรื่องที่ตระกูลหลินได้ตกต่ำลงแล้วนั้น มันเป็นเรื่องที่ว่าไม่ได้ เป็นเพราะตระกูลหลินเองที่ไม่เอาไหน
ความเร็วของคชสารหอมนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ไล่ตามทันเรือยักษ์ได้แล้ว และบรรดาพวกขององค์หญิงเซี่ยก็มองเห็นหลี่ชิเย่กับหลินซิม่อในทันที
องค์หญิงเซี่ยพลันส่งเสียงฮึออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ และหลินซิม่อสองคนถึงกับโดยสารมากับคชสารหอม นางเป็นถึงองค์หญิงของสุสานกระบี่ยังโดยสารมากับเรือยักษ์เท่านั้นเอง
เวลานี้เจ้าคนชั้นต่ำของตระกูลหลินนั่นถึงกับโดยสารคชสารหอมมากับเจ้าหนูที่ไร้ชื่อเสียง แล้วจะไม่ให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งเป็นพิเศษได้อย่างไรกันเล่า? “วาว นี่ไม่ใช่น้องสาวแห่งตระกูลหลินคนนั้นรึ ทำไมรึ หาผู้ชายมีเงินมาเป็นคู่นอนได้อีกคนแล้วหรือ?” องค์หญิงเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าว่า “หลายปีมานี้นะ ขอเพียงทำใจได้ย่อมเป็นการดีอยู่แล้ว ยากจนนิดหนึ่ง ขี้เหร่หน่อยหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงกระโปรงหลุดก็จะมีทุกอย่าง และมีผู้ชายมากมายมาให้เป็นคู่นอนได้”
“ฮ่า ฮ่าถูกต้องเป็นอย่างนี้แหละ” ศิษย์สุสานกระบี่จำนวนไม่น้อยที่นั่งเรือมาด้วยกันกับองค์หญิงเซี่ยต่างหัวเราะกันอย่างครื้นแครง
หลินซิม่อพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำเมื่อถูกพวกขององค์หญิงเซี่ยหัวเราะเยาะ และทำให้อับอายเช่นนี้ นางรู้สึกอับอายและโกรธอย่างยิ่ง ถึงกับร่างสั่นเทิ้มอยู่บ้าง และชี้ไปที่พวกขององค์หญิงเซี่ยว่า “พวก พวกเจ้าพูดไร้สาระอะไร ข้า ข้ากับคุณชายหลี่ไม่มีอะไรกัน”
“แน่นอนย่อมไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว” องค์หญิงเซี่ยหัวเราะน่ารักขึ้นมา นัยน์ตาดั่งดอกท้อ ยิ้มกล่าวว่า “กล่าวสำหรับผู้หญิงบางคนแล้ว แค่ขึ้นเตียงจะนับเป็นอะไรได้ แค่เรื่องจิ๊บๆ เท่านั้นเอง”
“เจ้า เจ้า เจ้า…” หลินซิม่อชี้หน้าองค์หญิงเซี่ย ร่างสั่นเทิ้มอยู่ครึ่งค่อนวันพูดอะไรไม่ออกสักคำ นางถูกยั่วโมโหแทบจะร้องไห้ออกมา ทักษะยุทธของนางอ่อนด้อย ไม่สามารถทำอะไรกับพวกขององค์หญิงเซี่ยเหล่านั้น
ช่าาา…บังเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา เวลานี้คชสารหอมยกเท้าขนาดใหญ่ขึ้นมา และกระทืบลงไปอย่างแรง ทำให้เกิดเป็นคลื่นยักษ์ขึ้นมา พุ่งเข้าใส่เรือยักษ์จนโคลงเคลงไปมาไม่หยุด
“ระวัง…” บรรดาพวกขององค์หญิงเซี่ยที่อยู่บนเรือยักษ์พลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ร้องเสียงดังขึ้นมาและรีบเร่งคว้าจับขอบเรือเอาไว้มั่น
“เจ้าหนู เจ้าคิดจะทำอะไร” ไม่ง่ายนักกว่าจะสงบลงได้ องค์หญิงเซี่ยจึงร้องตวาดออกไปด้วยความโกรธ จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างโกรธแค้น
เป็นหลี่ชิเย่เองที่สั่งการให้คชสารหอมกระทืบเท้าใหญ่ของมันเอง ทำเอาเรือยักษ์ของพวกเขาแทบพลิกคว่ำ
“แค่ตักเตือนเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ขืนพูดจาไร้สาระอีก จะให้พวกเจ้าตายอย่างไร้ที่ฝัง”
“บังอาจ…” บรรดาศิษย์ของสุสานกระบี่จำนวนไม่น้อยที่อยู่บนเรือยักษ์ต่างร้องตวาดออกมาด้วยความโกรธ ทยอยกันจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กระทั่งมีผู้ที่ชักกระบี่ออกมาแล้ว
“เจ้าหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงอย่างข้าเป็นใคร? ข้าคือองค์หญิงแห่งสุสานกระบี่ เจี้ยนจุนคือศิษย์พี่ของข้า เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับข้าเกรงว่าผู้อาวุโสตระกูลเจ้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้…” องค์หญิงเซี่ยร้องกล่าวเสียงดังออกมาด้วยท่าทีของสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ
ช่าาา…เสียงน้ำดังขึ้น คชสารหอมกระทืบเท้าลงอีกครั้ง คลื่นยักษ์พุ่งเข้าโจมตีและจัดการยกเอาเรือยักษ์ลอยขึ้น ทำเอาพวกองค์หญิงเซี่ยตกใจร้องเสียงแหลมต่อเนื่องไม่ขาด
“เจ้า เจ้า เจ้ากล้ามาก…” ในขณะนี้ องค์หญิงเซี่ยถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าขาวซีด ส่วนบรรดาศิษย์ของสุสานกระบี่ไม่กล้าพูดอะไรอีก ถูกทำให้ตกใจไม่เบาเลย
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง…ในเวลานี้เอง พลันปรากฏฟ้าแลบขึ้นมากะทันหัน บนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำ ก่อตัวกลายเป็นพายุหมุนขึ้นมา
“ระวัง พายุร้ายมาแล้ว จับให้แน่น” การปกคลุมด้วยเมฆดำอย่างหนาแน่นกะทันหัน ทำให้ทุกคนเห็นท่าไม่ดี ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ด้านหน้าส่งเสียงร้องออกมา
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย ฝนฟ้าคะนองบทจะมาก็มาเลย ฉับพลันนั้นคลื่นยักษ์ขึ้นมา ลมกรรโชกอย่างแรง คลื่นที่โหมสาดซัดอย่างบ้าคลั่งปรากฏอยู่ตรงด้านหน้าของทุกคน
“ไม่…” ในเวลานี้เอง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่โดยสารมากับปลาทองนั้นไม่สามารถยึดเกาะอยู่กับปลาทองของตนได้อยู่แล้ว พลันถูกยกตัวลอยขึ้นสูงแล้วร่วงหล่นลงไปในทะเล และหายตัวไปทันที
นี่มันหาใช่เป็นน้ำในแม่น้ำธรรมดา เมื่อไรที่ตกลงไปในน้ำก็จะไม่สามารถกลับมาได้เอีกเลย
“ระวัง นั่งให้มั่นคง” มีผู้ที่ทักษะแข็งแกร่งนั่งอยู่บนเต่าทะเลเสมือนหนึ่งหลอมรวมกับเต่าทะเลเป็นร่างเดียวกัน สุดแต่คลื่นยักษ์ที่พลิกหงายพลิกคว่ำก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาหลุดลอยไปได้
“จับให้มั่นอย่าปล่อยมือ” เวลานี้พวกขององค์หญิงเซี่ยก็ต้องเสียงดังออกมาเมื่อเห็นพายุฝนฟ้าคะนองพุ่งโจมตีเข้ามา พวกขององค์หญิงเซี่ยร้องเสียงดังขึ้นมาเมื่อคลื่นยักษ์ถาโถมเข้ามายกเอาเรือยักษ์ลอยขึ้น แต่เรือยักษ์ยังคงมั่นคง
“เจ้าหนู หลังจากขึ้นฝั่งแล้วจะต้องคิดปัญชีกับเจ้าแน่นอน” ในระหว่างที่คลื่นยักษ์ซัดเข้ามานั้น องค์หญิงเซี่ยยังคงอดที่จะร้องเอ็ดตะโรขึ้นมา นางไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศเอาไว้ได้
“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่เพียงจ้องหน้านางทีหนึ่ง คชสารหอมได้ยกเท้าขึ้นสูงและกระทืบลงบนคลื่นโดยตรง ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง คลื่นยักษ์ยกตัวขึ้นอีกครั้ง จัดการยกเอาเรือยักษ์ขึ้นสูงมากและลอยห่างออกไปไกลมาก พลันถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นยักษ์ในทันที ไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นหรือตาย ถ้าหากเรือยักษ์ของพวกเขาพลิกคว่ำล่ะก็ พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่ชิเย่พลันลงมือโหด ทำเอาหลินซิม่อที่นั่งอยู่ด้านหลังก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก
“โอ้แม่เจ้า เจ้าหนูคนนี้โหดน่าดู” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่โดยสารมากับปลาทอง และเต่าทะเลบริเวณนี้ ถึงกับตกใจเป็นยิ่งนัก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ให้คชสารหอมจัดการทำให้เรือยักษ์ของพวกองค์หญิงเซี่ยพลิกลอยขึ้นโดยไร้ซึ่งความปราณี
ในเวลานี้บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่โดยสารมากับปลาทองและเต่าทะเลต่างออกห่างจากหลี่ชิเย่ไปให้ไกล พวกเขาไม่ต้องการให้การกระทืบเท้าของคชสารหอมทำให้พลิกตกลงไปในแม่น้ำ
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจพวกเขาเหล่านั้น ปล่อยให้คชสารหอมวิ่งโกยอ้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้เองข้อได้เปรียบของคชสารหอมถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็น แม้ว่าในขณะนี้จะปรากฏพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมสาดซัดเข้ามา แต่คชสารหอมยังคงมั่นคงดั่งเขาไท่ซัว ฝ่าลมโต้คลื่นวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่สูงมาก โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากพายุฝนฟ้าคะนองเลยแม้แต่น้อย
มิน่าเล่าการโดยสารคชสารหอมจะต้องเสียเงินมากกว่าปลาทอง เต่าทะเล กระทั่งเรือยักษ์ เพราะการเดินอยู่ท่ามกลางทะเลของมันเสมือนดั่งเดินบนพื้นเรียบ ต่อให้เป็นพายุฝนฟ้าคะนองก็ยังคงก้าวไปได้โดยไม่ติดขัด
แรกทีเดียวเมื่อหลินซิม่อเห็นการพุ่งเข้าโจมตีของพายุฝนฟ้าคะนองทำเอาตกใจยิ่งนัก ถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาจนต้องจับหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น กระทั่งมองเห็นคชสารหอมฝ่าลมโต้คลื่นไปข้างหน้าโดยไม่ได้เกรงกลัวต่อพายุฝนฟ้าคะนองแม้แต่น้อย นางจึงได้หายใจด้วยความโล่งอกเบาๆ ทีหนึ่ง
คชสารหอมวิ่งฝ่าลมโต้คลื่นไปตลอดทาง ฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองไป และถึงฝั่งตรงขามในที่สุด
ช่าาาดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง คชสารหอมสลัดร่างทีหนึ่ง ทั้งหลี่ชิเย่และหลินซิม่อถูกมันสลัดตกลงพื้น จากนั้นคชสารหอมก็ได้ดำลงแม่น้ำและหายตัวไปในพริบตา
หลังจากที่ขาทั้งสองข้างลงแตะพื้นแล้ว หลินซิม่อถึงกับทอดถอนใจยาวๆ ออกมา ขาทั้งสองข้างของนางยังคงไม่สั่นเทาอย่างน่าผิดหวัง
“เอาล่ะ ขึ้นฝั่งแล้ว” หลี่ชิเย่ปัดเอาหยดน้ำที่อยู่บนตัวออกไป
หลินซิม่อได้สติกลับมารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก หากไม่ได้หลี่ชิเย่พานางข้ามทะเลมาล่ะก็ เกรงว่าหากนางโดยสารปลาทองข้ามทะเลก็คงเหมือนกับบรรดาผู้บำเพ็ญตน เหล่านั้นที่ฝังร่างอยู่ใต้ทะเลไปแล้ว
“ขอบคุณ” หลินซิม่อกล่าวขอบคุณออกมา
หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าและหันหลังจากไปทันที
เวลานี้หลินซิม่อยืนอยู่ริมแม่น้ำท่าทางเหมือนสับสน เวลานี้นางไม่รู้ว่าควรจะไปที่ใดดี แม้ว่านางจะเคยเปิดตำราของตระกูลมามากมาย และมีผู้เคยชี้แนะนางระหว่างทาง นางรู้แต่เพียงว่าต้องข้ามทะเล ส่วนรายละเอียดตำแหน่งที่ตั้งอยู่ตรงไหนนางเองก็ไม่รู้
หลินซิม่อหันกลับไปมองทะเลทีหนึ่ง นางนึกไปถึงพวกขององค์หญิงเซี่ยไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือไม่ นางถึงกับสั่นเทิ้ม และบังเกิดเย็นยะเยือกขึ้นในใจ ถ้าหากพวกขององค์หญิงเซี่ยไม่ได้เสียชีวิตล่ะก็ พวกเขาจะไม่ยอมละเว้นตนอย่างเด็ดขาด
นางมองไปข้างหน้า เห็นเงาของหลี่ชิเย่ท่ามกลางอาทิตย์ยามอัศดงทอดยาวขึ้นเรื่อยๆ นางไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน ทันใดนั้นนางวิ่งไล่ตามหลี่ชิเย่ไป ฉับพลันนั้นนางรู้สึกว่าหากนางติดตามหลี่ชิเย่ไปบางทีอาจจะปลอดภัยมากกว่า
หลี่ชิเย่ก้าวเดินไม่ได้เร่งรีบมากเป็นพิเศษ ไม่ง่ายนักกว่าหลินซิม่อจะไล่ตามไปทัน และเดินตามอยู่ด้านหลังของเขา
แน่นอน หลี่ชิเย่ย่อมรู้ว่าหลินซิม่อได้ไล่ติดตามตัวเขามา เขาหยุดเดินและหันหลังกลับมาจ้องมองหลินซิม่อ
หลินซิม่อถึงกับก้มหน้าไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะอย่างไรเสียนางกับหลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นญาติหรือสหาย อย่าว่าแต่ให้หลี่ชิเย่ช่วยเหลือนาง เกรงว่าหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงไม่ยอมให้นางติดตามตัวเขา
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ไม่ง่ายนักกว่าหลินซิม่อจะรวบรวมความกล้ามาได้ เงยหน้าขึ้นมองหลี่ชิเย่ และกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ข้า ข้า ข้าไม่รู้ว่าจะไปค้นหาสถานที่นั้นได้ตรงไหน ฟัง ฟังว่าปฐมบรรพบุรุษของพวกเราเคยไปมา มีผู้คนจำนวนมากบอกว่าต้องข้ามทะเล ข้า ข้า ข้าไม่รู้ว่ายังอยู่อีกไกลแค่ไหน”
นางเดินทางมาตลอดทาง เสียเวลาไปมากมาย แต่ก็ไม่ชัดเจนในเรื่องตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน
“ติดตามข้าไปก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ สั่งการไปว่า ”ถึงเวลานั้นแล้วดูว่าจะเข้าไปได้หรือไม่”
เมื่อหลินซิม่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วพลันรู้สึกดีใจ รีบโค้งคำนับและพูดว่า “ขอบคุณท่าน…”
หลี่ชิเย่หันหลังออกเดินไปทันที กล่าวเฉยเมยว่า “ข้าไม่ค่อยจะรอใคร เจ้าจะต้องทนลำบากได้” กล่าวพลางเดินทางไปข้างหน้าต่อไป
……………………..
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท