“พวกเราเข้าไปเถอะ” สุดท้ายหลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย และก้าวขึ้นบันไดไป
หลินซิม่อได้สติกลับมา นางจึงรีบเร่งติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ สำหรับตำหนักหมีเซียนนั้นนางไม่กล้าคิดมาก ยังไม่ต้องพูดไปถึงว่านางไม่มีความสามารถเช่นนั้น มีโชคชะตาเช่นนั้นหรือไม่ ลำพังแค่จำนวนเงินที่ตำหนักหมีเซียนต้องการก็เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถรับได้อยู่แล้ว
ก้าวขึ้นขั้นบันไดเข้าไปยังตำหนักหลังที่หนึ่ง หลังจากเข้าไปแล้ว กลิ่นอายที่เรียบง่ายโบราณได้เข้ามาปะทะใบหน้า เสมือนหนึ่งเข้าไปในตำหนักโบราณที่ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโขนนับไม่ถ้วนอย่างนั้น
ความจริงแล้ว ตำหนักหมีเซียนไม่รู้ว่าได้ผ่านกาลเวลาอย่างโชกโชนมาไม่รู้เท่านไร นับตั้งแต่เริ่มมีการจดบันทึก เงินทองตกพื้นก็ดำรงอยู่แล้ว ขณะที่การดำรงอยู่ของเงินทองตกพื้น ตำหนักหมีเซียนก็คงอยู่คู่กันตลอดมา
ตำหนักหมีเซียนมีขนาดที่ใหญ่มาก สามารถจุคนได้หลายพันคน ภายในตำหนักหมีเซียนนั้นไม่ได้มีสิ่งประดับที่เกินความจำเป็น นอกจากเสาหินแต่ละต้นแล้ว ยังมีรูปปั้นแกะสลักที่ไม่รู้จักชื่อตั้งอยู่ส่วนหนึ่ง บนผนังทั้งสี่ด้านของตำหนักได้แกะสลักและวาดรูปภาพที่เก่าแก่โบราณจำนวนไม่น้อยเอาไว้ ภาพวาดเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งสิงสาราสัตว์ และภาพวาดของคนที่เก่าแก่โบราณ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสุริยันจันทรา และทางช้างเผือก…
เมื่อเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนแล้ว ก็จะพบว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปยังตำหนักศักดิ์สิทธิ์อะไร แต่เหมือนเข้าไปยังวิหารศิลปะแห่งหนึ่งอย่างนั้น รูปปั้นแกะสลักตรงนี้ ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งศิลปะทั้งสิ้น เหมือนว่ามีศิลปินยิ่งใหญ่จำนวนมากได้ฝากผลงานของตนเอาไว้ ทำให้ผู้คนดูชมด้วยจิตใจที่หวั่นไหว
ความจริงแล้ว ต่อให้คนบางคนที่ไม่ได้ต้องการมาเสี่ยงโชคก็อดที่จะมาชมตำหนักหมีเซียนสักครั้ง อย่างน้อยที่สุดเป็นการแสดงว่าตนเองก็เคยมาแล้วเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ต้องการชื่นชมรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังของตำหนักหมีเซียน
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เข้ามาแล้วไม่ได้รีบเร่งต้องการไปเสี่ยงโชคใหญ่ ได้มองดูรูปปั้นแกะสลักทุกๆ ตัว และภาพจิตรกรรมฝาผนังทุกๆ ภาพอย่างละเอียดที่อยู่ในนี้
ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังดูอย่างออกรสออกชาตินั้น ขณะที่หลินซิม่อที่ติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่นั้นก็มองดูรูปปั้นแกะสลัก และภาพจิตรกรรมฝาผนังตามหลี่ชิเย่ไปด้วย แต่ทว่านางไม่สามารถดูออกว่าเป็นอะไร อย่างดีที่สุดก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกพิเศษเท่านั้น ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นรูปของสิงสาราสัตว์นั้นนางไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่รู้ว่ามีชื่อว่าอะไร กระทั่งนางยังสงสัยว่าภาพวาดที่เป็นจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้เป็นภาพวาดที่อยู่ในจินตนาการหรือไม่
เปรียบเทียบกับหลินซิม่อที่ดูแล้วไม่เข้าใจ หลี่ชิเย่กลับมองดูอย่างออกรสออกชาติ ภาพจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้นแกะสลักบางรูปกระทั่งทำให้หลี่ชิเย่หยุดมองดูอยู่เป็นเวลานานสองนาน
ความจริงแล้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้นแกะสลักที่อยู่ในนี้ล้วนแล้วแต่บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์จำนวนมากที่ผู้คนไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่โบราณเป็นอย่างยิ่ง เก่าแก่โบราณจนกระทั่งทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้ และด้วยเหตุนี้เอง บรรดาผู้คนที่มายังตำหนักหมีเซียนและสามารถดูรู้ถึงรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ในหมื่นยุคที่ผ่านมา จึงมีหร็อมแหร็มเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลี่ชิเย่กลับเป็นผู้ที่ล่วงรู้ถึงประวัติความเป็นมานับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คนอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้หลี่ชิเย่มองดูอย่างออกรสออกชาติ
ความจริงแล้ว ตำหนักหมีเซียนหาใช่เป็นเพียงสถานที่ที่สำหรับเสี่ยงโชคเท่านั้น และหาใช่เป็นเหมือนบ่อนการพนันในจินตนาการของทุกคน นับแต่อดีตที่เนิ่นนาน และนานมากๆ มาแล้ว บทบาทและเป้าหมายของตำหนักหมีเซียนไม่ได้มีไว้เพื่อการเสี่ยงโชค
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากก็เช่นเดียวกับหลินซิม่ออย่างนั้น ดูไม่รู้บรรดาภาพจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้นแกะสลักเหล่านี้อยู่แล้ว ผู้คนจำนวนมากก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกเท่านั้น มองดูกันไปมากบ้างน้อยบ้าง อาจมีระดับบรรพบุรุษบางคนเท่านั้นที่ตั้งใจศึกษารูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้อย่างละเอียดในบางครั้งบางคราวเท่านั้น
ระหว่างที่หลี่ชิเย่กำลังชื่นชมอยู่กับรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่นั้น ได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากเริ่มทำการเสี่ยงโชคกันแล้ว
ความจริงแล้ววิธีการเสี่ยงโชคนั้นง่ายมาก เพียงแต่เลือกภาพจิตรกรรมฝาผนังสักภาพหนึ่ง หรือรูปปั้นแกะสลักตัวหนึ่งที่อยู่ภายในตำหนักหมีเซียนตามอารมณ์ก็ได้แล้ว
ในเวลานี้เอง มีระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของรูปปั้นแกะสลักตัวหนึ่ง และโปรยเหรียญในมือลงไป ขณะที่เสียงของเหรียญที่ดังตึง ตึง ตึงขณะตกลงพื้นนั้น เหรียญเหล่านั้นก็ได้ละลายหายไปทั้งหมดทันที
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดขึ้นมา มองเห็นบริเวณหน้าอกของรูปปั้นแกะสลักตัวนี้ถึงกับเปิดออกมา ลักษณะคล้ายเป็นหีบสมบัติอย่างนั้น หลังจากที่หน้าอกของมันเปิดออกแล้ว ได้เปล่งประกายออกมาเป็นสายๆ มองเห็นข้างในจัดเรียงกุญแจทองคำเป็นแถวเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบ กุญแจทองคำทุกดอกล้วนแล้วแต่มีการสลักลวดลายที่เก่าแก่โบราณเอาไว้ บรรดาลวดลายที่สลักเต็มพื้นที่ยุบยับไปหมดเสมือนเป็นบทคัมภีร์โบราณที่พันโดยรอบอยู่บนตัวของกุญแจทองคำเหล่านี้
ในเวลานี้เอง ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ลังเลนิดหนึ่ง ยื่นฝ่ามือออกไป นาทีนี้บนฝ่ามือของเขาปรากฎหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมขึ้นมา ทุกๆ หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมทิ้งตัวลงมาเบาๆ เวลานี้หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมทุกๆ สายของเขาได้ตกลงไปอยู่ในกุญแจทองคำจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกนั่น หลังจากที่หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมได้ตกลงไปในกุญแจทองคำแล้ว กุญแจทองคำก็ได้ปรากฏประกายที่แตกต่างขึ้นมา
ย่อมไม่ต้องสงสัย บรรพบุรุษผู้นี้กำลังวิวัฒนาการความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของกุญแจทองคำหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกนั้นอยู่ เขาต้องการรู้ว่าเป็นกุญแจทองคำดอกไหนกันแน่ที่ได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของตำหนักหมีเซียนที่แท้จริงเอาไว้
“ดอกนี่แหละ” สุดท้าย บรรพบุรุษผู้นี้ได้เลือกเอากุญแจทองคำมาหนึ่งดอกจากจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกนั่น และหยิบมันขึ้นมา
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่บรรพบุรุษผู้นี้หยิบเอากุญแจทองคำดอกนั้นออกมาและกำไว้ในมือนั้น ในเวลานี้เอง กุญแจทองคำดอกนั้นพลันกลับกลายเป็นผงทองคำทันที และไหลออกมาตามช่องว่างระหว่างนิ้วมือ จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“บ้าเอ๊ย เลือกผิดแล้ว” บรรพบุรุษผู้นี้ถึงกับสบถออกมาเมื่อมองเห็นกุญแจทองคำกลับกลายเป็นผงทองคำ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“พี่หลิน ช่างเถอะ วันที่ท่านเล่นมาแล้วสามรอบ อีกทั้งยังสามารถหยิบเอาหีบสมบัติใบหนึ่งได้จากตำหนักหมีเซียนหลังที่สี่มาได้ แค่นี้ก็นับว่ารวยกันแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก?” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่อยู่ข้างๆ กล่าวเตือนว่า “ทุกครั้งที่เล่นอีกรอบ ราคาของมันก็จะเพิ่มขึ้นสิบเท่าของรอบที่แล้ว ขืนท่านยังคงเล่นต่อไประวังจะเสียจนหมดตัว”
“ตกลง ไปแล้วล่ะ” บรรพบุรุษผู้นี้ยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง สัมผัสมือทั้งสองขึ้นลงทีหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วก็จากไป
ในตำหนักหมีเซียนนี้ขอเพียงเจ้ามีเงิน ต่อให้ล้มเหลวก็ยังคงสามารถเล่นต่อไปได้ เป็นต้นว่าการเล่นในครั้งแรกผ่านไปได้ถึงตำหนักหมีเซียนหลังที่สามและกลับออกมาแล้ว ยังคงสามารถกลับไปเริ่มต้นเล่นใหม่จากตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่งอีกครั้ง เพียงแต่การเล่นครั้งใหม่ในครั้งที่สองนี้ เงินที่ต้องใช้เพื่อการนี้จะต้องมากกว่าครั้งแรกสิบเท่า และหลังจากนี้ ทุกครั้งที่เริ่มเล่นใหม่ก็จะต้องมากกว่าครั้งก่อนหน้าสิบเท่าเสมอไป
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเคยมีระดับบรรพบุรุษที่พกพาเงินจำนวนมหาศาลมา สุดท้ายเล่นเสียจนหมดตัวไม่เหลือแม้แต่เหรียญๆ หนึ่ง
“พวกเราเลือกภาพของเทพอายุวัฒนะ ได้ยินมาว่าภาพเทพอายุวัฒนะมีโอกาสสูงกว่าภาพอื่นๆ” ในเวลานี้เอง มีผู้อาวุโสผู้หนึ่งได้พาศิษย์ของตนมาเพิ่มพูนประสบการณ์
เห็นผู้อาวุโสผู้นี้พาเหล่าศิษย์ของตนมาอยู่ตรงหน้าภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพหนึ่ง ซึ่งภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนี้เป็นภาพของผู้เฒ่าที่มีผมเผ้าสีขาว เหมือนเป็นภาพของเทพอายุวัฒนะ มีความเก่าแก่โบราณยิ่ง
เวลานี้ผู้อาวุโสผู้นี้ได้โปรยเหรียญด้วยจำนวนที่มากพอแล้ว ได้ยินเสียงดังเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดขึ้นมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนี้ได้เปิดออกมาเสมือนดั่งเป็นหีบสมบัติอย่างนั้น ข้างในได้จัดวางกุญแจทองคำเอาไว้หนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกเช่นกัน
หลังจากที่ผู้อาวุโสผู้นี้มองเห็นกุญแจทองคำหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกแล้ว เขาไม่ได้ทำการเลือกกุญแจทองคำของตนทันที แต่กลับทำการคารวะต่อภาพของเทพอายุวัฒนะภาพนี้ และพึมพำว่า “ท่านเซียนอายุวัฒนะ ขอพึ่งพาบุญวาสนาท่านสักครั้ง โปรดช่วยคัดสรรให้ข้าที” กล่าวจบได้ล้วงหยิบเอาจำนวนเหรียญที่มากพอโปรยลงบนภาพของเทพอายุวัฒนะ
หลังจากที่เหรียญเหล่านั้นหลอมละลายไปจนสิ้นแล้ว ได้ยินเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นกุญแจทองคำจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกถึงกับหลอมละลายกลายเป็นผงทองคำไปครึ่งหนึ่งแล้วหายไป เหลือไว้เพียงกุญแจทองคำจำนวนหกสิบสี่ดอกที่จัดเรียงอยู่ตรงนั้น
“อย่างนี้ก็ได้?” บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่ได้มายังตำหนักหมีเซียนเป็นครั้งแรกถึงกับพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้มองเห็นภาพนี้
“นี่คือการคัดสรร ขอเพียงเจ้ายินยอมจ่ายเงินเป็นสองเท่า มันก็สามารถช่วยเจ้าคัดสรรกุญแจทองคำออกไปครึ่งหนึ่ง” ผู้บำเพ็ญตนเฒ่าผู้หนึ่งหัวเราะและพูดขึ้นมา
“บ้าเอ๊ย สถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าขอเพียงมีเงินทำอะไรก็ได้อย่างแท้จริง การเล่นขี้โกงแบบนี้ก็ได้ด้วย” ทำให้ผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งจะมาที่ตำหนักหมีเซียนเป็นครั้งแรกต่างรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อจริงๆ
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสผู้นี้ได้ทำการคำนวณ และได้หยิบเอากุญแจทองคำขึ้นมาดอกหนึ่งจากกุญแจทองคำที่มีอยู่หกสิบสี่ดอก แต่ว่ากุญแจทองคำดอกนี้ไม่ได้กลายเป็นผงทองคำ ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา กุญแจทองคำดอกนี้ได้ทำการประทับสลักลงบนฝ่ามือของเขาโดยตรง เหมือนหนึ่งว่าได้หลอมเข้าไปกลางฝ่ามือของเขาอย่างนั้น และปรากฏเป็นรอยกุญแจดอกหนึ่งอยู่บนฝ่ามือของเขา
“เขาเลือกกุญแจถูกต้องแล้ว” มีผู้ที่อยู่รอบข้างร้องกล่าวขึ้นมาทันที ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันมองดู เมื่อได้เห็นกุญแจทองคำที่ประทับสลักลงบนกลางฝ่ามือของผู้อาวุโสผู้นี้
“เอาล่ะ พวกเจ้าเกาะมือของข้าเอาไว้ พวกเราจะเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สองกันแล้ว” ผู้อาวุโสผู้นี้ได้พูดกับบรรดาศิษย์ของตน
ครั้นบรรดาศิษย์ของเขาต่างเกาะมือขนาดใหญ่ของเขาแล้ว ได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง รอยประทับกุญแจทองคำกลางฝ่ามือของเขาได้เปล่งประกายทองคำออกมา ประกายทองคำพลันครอบคลุมตัวของเขาและศิษย์ของเขาเอาไว้ ตามติดด้วยเสียงแว้งค์ดังขึ้นมา พวกเขาพลันหายตัวไป พวกเขาได้เข้าไปอยู่ในตำหนักหมีเซียนหลังที่สองแล้ว
แม้จะกล่าวว่าตำหนักหมีเซียนมีโอกาสหยิบสมบัติล้ำค่าได้เพียงครั้งเดียว แต่ทว่า ขอเพียงเลือกกุญแจถูกดอก กลับสามารถพาคนรอบกายของเจ้าเข้าไปได้ด้วย
“นับว่าโชคไม่เลวนัก ถึงกับเลือกกุญแจได้ถูกต้องในครั้งเดียว” มีผู้อดที่จะอิจฉาไม่ได้
“บ้าไปแล้ว ข้าเลือกมาแล้วสามครั้งก็เลือกไม่ถูก” ในเวลานี้เอง มีชายหนุ่มคนหนึ่งสบถขึ้นมา “นี่มันเกินไปแล้ว ข้าเสียงเงินไปตั้งมากมายไม่ได้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เล่นแล้ว” กล่าวพลางเดินจากไปด้วยความโกรธแค้น
ความจริงแล้ว เรื่องเช่นนี้พบเห็นกันจนชินชาไปแล้วในตำหนักหมีเซียน ผู้คนจำนวนมากที่มาถึงตำหนักหมีเซียนแล้วต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก สุดท้ายแล้ว ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้แม้แต่ตำหนักหมีเซียนหลังที่สอง ได้แต่จากไปด้วยมือเปล่า
การที่จะเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ความจริงแล้วโชคนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง ในระดับที่สูงมากมักจะอาศัยศักยภาพเป็นตัวตัดสินโอกาสความเป็นไปได้อยู่เสมอๆ ขอเพียงเจ้ามีความแข็งแกร่งจนสามารถคำนวณความลี้ลับของกุญแจได้ทุกดอก เจ้าจึงจะรู้ว่ากุญแจดอกไหนกันแน่ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่ตำหนักหมีเซียนหลังต่อๆ ไป อีกทั้งยิ่งเป็นหลังท้ายๆ ล่ะก็ ความลึกลับที่อยู่ด้านในก็จะยิ่งคำนวณได้ยากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ผู้ที่สามารถเข้าไปได้ถึงตำหนักหมีเซียนหลังที่สิบ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
ถึงแม้ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่ามันยากมาก และโอกาสนั้นก็น้อยมาก เนื่องจากสมบัติวิเศษของตำหนักหมีเซียนมันล้ำค่ามากเหลือเกิน ดังนั้น จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากอดที่จะเห็นคนข้างหน้าล้มลง คนข้างหลังหนุนเนื่องขึ้นไปอย่างไม่ขาดสายไม่ได้ ต่อให้ต้องเล่นเสียจนไม่เหลือเงินอีกเลยก็ไม่เสียดาย
“ตรงนี้แหละ” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่ด้านหน้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นภาพพระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาจากทะเล หัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นได้โปรยเงินลงไปครบตามจำนวน
ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่ง เงินที่โปรยลงไปหลอมละลาย และภาพจิตรกรรมฝาผนังถูกเปิดออก ข้างในมีกุญแจทองคำจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกวางอยู่
…………………………………………………