หลินซิม่อที่มองเห็นกุญแจทองคำจำนวนหนึ่งร้อยกว่าดอกแล้วถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ นางเองก็เข้าใจได้ว่า การที่จะเลือกให้ถูกดอกจากจำนวนหนึ่งร้อยกว่าดอกนั้นใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย
“เจ้าหนู ดูให้ละเอียดนิดหนึ่ง” จังหวะที่หลี่ชิเย่เตรียมจะไปหยิบเอากุญแจทองคำขึ้นมาดอกหนึ่งนั้น ผู้บำเพ็ญตนเฒ่าผู้หนึ่งที่อยู่ข้างๆ ได้กล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า “ที่ตรงนี้หาใช่เป็นการเสี่ยงโชคต้องมองดูให้ละเอียด ความจริงแล้วกุญแจทองคำทุกดอกล้วนแล้วแต่มีข้อแตกต่างกัน เจ้าดูลวดลายที่อยู่บนกุญแจทองคำ ทุกๆ ลวดลายบนกุญแจทองคำแต่ละดอกก็คือบทคัมภีร์บทหนึ่ง ถ้าหากเจ้าสามารถอ่านและเข้าใจบทคัมภีร์เหล่านี้ก็สามารถรู้ถึงความลึกล้ำยอดเยี่ยมของกุญแจดอกนั้น ขอเพียงเจ้ารู้ถึงความลึกล้ำยอดเยี่ยมของกุญแจดอกนั้นแล้ว ก็สามารถเลือกกุญแจทองคำดอกนั้นที่เข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังถัดไปได้”
บำเพ็ญตนเฒ่าผู้นี้ดูจะมีประสบการณ์มากมายและเป็นการเตือนหลี่ชิเย่ด้วยความหวังดี ไม่ให้หลี่ชิเย่ต้องเสียเงินเปล่า
“ผู้อาวุโสเหอ คิดจะเข้าใจถึงความลึกล้ำยอดเยี่ยมของกุญแจทองคำเหล่านี้ใช่เป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ตำหนักหมีเซียนหลังแรกจนกระทั่งถึงตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่งร้อยยี่สิบแปด ข้ากล้าพูดได้เลยว่าอย่าว่าแต่ตัวประกอบตัวน้อยๆ อย่างพวกเราเลย ต่อให้เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษในหล้าก็ไม่เห็นจะมีใครสามารถเข้าใจถึงความลึกล้ำยอดเยี่ยมของกุญแจทองคำได้ทั้งหมด มันลึกซึ้งมากเหลือเกิน กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัด” พรรคพวกที่อยู่ข้างกายบำเพ็ญตนเฒ่าผู้นั้นยิ้มกล่าวและส่ายหน้า
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มบางๆ นิดหนึ่งสำหรับการกล่าวเตือนด้วยความหวังดีของบำเพ็ญตนเฒ่าผู้นั้น และกล่าวว่า “ขอบคุณท่านที่กล่าวเตือน แต่ว่า ข้าไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก ชื่นชอบกับการเสี่ยงโชคนี่แหละ” กล่าวพลางยื่นมือออกไปหยิบเอากุญแจทองคำมาดอกหนึ่งโดยไม่ได้ไปดูอะไรมากมาย
จังหวะที่หลี่ชิเย่ได้หยิบกุญแจทองคำดอกนี้มาแล้วนั้น ได้ยินเสียงจี๊ดดังขึ้นเสียงหนึ่ง กุญแจทองคำดอกนี้ไม่ได้กลายเป็นผงทอง แต่ประทับสลักลงบนกลางฝ่ามือของหลี่ชิเย่
“บ้าเอ๊ย นี่มันโชคอะไรของเจ้าเนี่ย?” เมื่อบำเพ็ญตนเฒ่าที่กล่าวเตือนหลี่ชิเย่ผู้นั้นได้เห็นหลี่ชิเย่ที่หยิบกุญแจทองคำขึ้นมาโดยตรงแล้วถึงกับเลือกได้ถูกต้อง แทบไม่อยากจะเชื่อ
“ว้าว ดูท่าคำพูดที่ว่าเรื่องของดวงเป็นเรื่องจริง” แม้แต่พรรคพวกของเขาก็ต้องดวงตาเบิกกว้างและกล่าวว่า “พวกตาเฒ่าอย่างพวกเราทำการครุ่นคิดพิเคราะห์พิจารณ์และคำนวณหาข้อแตกต่างของกุญแจทองคำเหล่านี้มาโดยตลอด ขณะทำการวิวัฒนาการบทคัมภีร์ที่อยู่ในกุญแจทองคำแต่ละดอก ซึ่งล้วนแล้วแต่มองเห็นลางๆ เหมือนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก มองเห็นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เจ้ากลับเลือกได้ถูกต้องทันที ของแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องของดวงโดยแท้”
“ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าตำนานเรื่องของเสวียนเซียวเป็นเรื่องเท็จน่ะสิ? ทุกคนต่างทราบกันดีว่าดวงของเสวียนเซียวนั้นฝืนลิขิตสวรรค์จนเหลือเชื่อ สามารถอาศัยโชคผ่านเข้าไปตำหนักหมีเซียนหลังที่ร้อยกว่า! ได้นางฟ้ามาคนหนึ่ง” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ก็กล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา
“พวกเราไปเถอะ” หลี่ชิเย่จับมือหลินซิม่อเอาไว้ เสียงแว้งค์ดังขึ้นรอยประทับสลักที่อยู่บนฝ่ามือของเขาได้เปล่งประกายสีทองออกมา เขากับหลินซิม่อพลันหายตัวไปทันทีและเข้าสู่ตำหนักหมีเซียนหลังที่สองต่อไป
“ข้าจะขอเสี่ยงดวงบ้าง” บรรดาผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่สามารถหยิบเอากุญแจทองคำได้ถูกต้องทันที ดังนั้น พวกเขาก็เลียนแบบหลี่ชิเย่ไม่ต้องดูอะไรมาก เอื้อมมือออกไปหยิบเอากุญแจทองคำดอกหนึ่งมาโดยตรง เสียดาย หลังจากที่กุญแจทองคำตกอยู่ในมือของพวกเขาก็ได้กลับกลายเป็นผงทองคำไป
“ทำไมข้าจึงไม่มีโชคเช่นนี้” มีผู้ที่ไม่ยอมรับอย่างยิ่งตะโกนขึ้นฟ้า นี่มันเป็นเพราะสวรรค์ไม่ให้ความยุติธรรมกับพวกเขาชัดๆ
“เรื่องของโชคใช่ว่าใครก็สามารถมีได้ มิฉะนั้นล่ะก็ในหมื่นยุคที่ผ่านมาก็คงไม่ได้มีเพียงเสวียนเซียวคนเดียวที่ถูกบันทึกเรื่องราวเอาไว้แล้ว หากทุกคนล้วนแล้วแต่โชคดีกันขนาดนั้นคงรวยกันไปนานแล้ว ใยจะต้องมาเสี่ยวดวงที่ตำหนักหมีเซียน” มีระดับบรรพบุรุษที่กล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
ภาพที่อยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่กับหลินซิม่อพลันเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น พวกเขาก็ได้ไปอยู่ในตำหนักหมีเซียนหลังที่สองแล้ว
หลินซิม่อรีบมองไปรอบๆ พบว่ารูปแบบของตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่งกับตำหนักหมีเซียนหลังที่สองไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือบรรดารูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ภายในตำหนัก โดยรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ในนี้จะไม่ซ้ำกับของตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่ง จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยังมีที่แตกต่างอีกอย่างก็คือ ที่ตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่งจะคราคร่ำไปด้วยผู้คน กระทั่งมีบางจุดที่ไม่สามารถเบียดเข้าไปได้ ในตำหนักหมีเซียนหลังที่สองนี้จำนวนผู้คนน้อยลงไปมากทีเดียว แลดูเงียบเหงาไปไม่น้อย ตำหนักหมีเซียนที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมีคนอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ผู้ที่เข้ามายังตำหนักหมีเซียนหลังที่สองแล้วต่างไม่รีบเร่งที่จะจากไป บางคนต้องการพินิจพิเคราะห์ว่าจะหยิบกุญแจที่ใช่เพื่อเข้าสู่ตำหนักหมีเซียนหลังที่สามได้อย่างไร และก็มีผู้ที่ครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์ว่าจะหยิบเอาหีบสมบัติของตนจากที่ไหนดี โดยจะไม่เข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามอีกแล้ว และมีผู้ที่กว่าจะเข้ามายังตำหนักหมีเซียนหลังที่สองได้อย่างยากลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบเร่งที่จะทำอะไร ขอชื่นชมรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่ในนี้ก่อน เหมือนว่าพวกเขาเปี่ยมด้วยความใฝ่ฝันในศิลปะขึ้นมากะทันหันอย่างนั้น
“อาจารย์ พวกเราจะเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามอีกหรือไม่?” หลี่ชิเย่และหลินซิม่อได้พบกับกลุ่มของผู้อาวุโสที่นำพาเหล่าศิษย์มาเมื่อครู่ก่อนหน้าอีกครั้ง
“ไม่ล่ะ อย่าได้โลภมาก ทักษะยุทธของอาจารย์เจ้าเพียงเท่านี้สามารถมองความนัยออกได้เพียงระแคะระคายเท่านั้น เมื่อมาถึงตำหนักหมีเซียนหลังที่สองก็ไม่ไหวแล้วล่ะ เคยมีคนว่าเอาไว้ว่า หากต้องการไปต่อยังตำหนักหมีเซียนหลังทีสาม สี่ ห้าเหล่านั้น ฟังว่าจะเป็นต้องอาศัยระดับเทพแท้จริงจึงสามารถมองความนัยออกได้บ้าง ถ้าขึ้นไปอีกก็ต้องอาศัยศักยภาพที่สูงยิ่งกว่าอีก กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ต่อให้เป็นราชันแท้จริงก็ยากที่จะบรรลุถึงกุญแจหลังจากผ่านไปหลายสิบหลังแล้ว” ผู้อาวุโสผู้นี้รู้ตัวดี
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราจะเลือกสมบัติแบบไหนกันดีเล่า?” เมื่อบรรดาศิษย์ได้ยินผู้อาวุโสของพวกเขาไม่ไปเลือกกุญแจอีกแล้วก็รู้สึกดีใจ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมีโอกาสได้เห็นของล้ำค่าก็นับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
“ตรงนี้ก็แล้วกัน” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสผู้นี้มีประสบการณ์อยู่บ้าง หลังจากที่เขาได้ครุ่นคิดไปชั่วครู่ใหญ่จึงได้เลือกภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพหนึ่ง จากนั้นเอาฝ่ามือข้างที่ได้รับการประทับสลักเป็นรอยกุญแจทองคำทาบลงบนภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนั้น
เสียงเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนั้นเปิดออก ข้างในวางกล่องศิลาที่ปิดผนึกแน่นหนาเอาไว้กล่องหนึ่ง และไม่รู้ว่าภายในกล่องศิลาคืออะไรกันแน่
“มันคือของล้ำค่าอะไรกันนะ?” บรรดาศิษย์ของเขาต่างรู้สึกดีใจเมื่อได้เห็นกล่องศิลาใบนี้ ถึงกับทำคอยาวยื่นออกไปหมายจะได้เห็นว่าภายในกล่องศิลาได้บรรจุของล้ำค่าอะไรเอารไว้
แต่ว่า อาจารย์ของพวกเขารอบคอบกว่ากันมาทีเดียว รีบหยิบเอากล่องศิลาใบนั้นออกมาและเก็บเอาไว้ในลัคนาทันที สั่งการออกไปว่า “พวกเราไปกัน กลับไปถึงแล้วค่อยเปิดดูกัน” กล่าวพลางนำพาพวกเขาเดินทางจากไป
บริเวณตรงกลางตำหนักหมีเซียนหลังที่สองมีแท่นบูชาอยู่แท่นหนึ่งซึ่งไม่มีในตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่ง เมื่อเหยียบลงบนแท่นบูชาแท่นนี้แล้วได้ยินเสียงแว้งค์ แท่นบูชาแท่นนี้จะจัดการส่งบุคคลผู้นั้นกลับไปยังหน้าประตูทางเข้าของตำหนักหมีเซียนหลังที่หนึ่งทันที
แน่นอนที่สุด มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการไปจากในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าของล้ำค่าก็อยู่ตรงหน้านี้เอง พวกเขาต่างต้องการเดิมพันต่อไปเพื่อเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สาม
“พวกเราจะหยิบเอาของล้ำค่าหรือไม่?” ผู้บำเพ็ญตนได้เอ่ยถามพรรคพวกของตน
“ไม่ พวกเราจะเดิมพันกันต่อไป ไม่แน่นักพวกเราดวงดีสามารถเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามได้ ข้าได้ยินมาว่าเคยมีผู้ที่ได้ภาพโบราณที่สามารถเทียบเคียงกับอาวุธปฐมบรรพบุรุษได้มาภาพหนึ่งจากตำหนักหมีเซียนหลังที่สามสิบ สุดยอดมากเลย พลันที่คลี่ภาพนี้ออกมาสามารถสยบฟ้าดิน สยบเหล่าเทพได้ ฟังว่าภาพโบราณภาพนี้ได้กลายเป็นของวิเศษประจำระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่งไปแล้ว ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก ถ้าหากพวกเราเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามสิบได้ล่ะก็ พวกเราจะต้องรวยล้นฟ้า หลังจากกลับไปแล้วไปเป็นฮ่องแต้ ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งโดยไม่มีปัญหาใดๆ อย่างแน่นอน” ชายหนุ่มผู้นี้กล่าวด้วยท่าทีปณิธานยิ่งใหญ่และกล้าหาญชาญชัย
ในเวลานี้เองชายหนุ่มผู้นี้ได้เลือกรูปปั้นแกะสลักตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลาง เขาได้เอาฝ่ามือที่มีรอยประทับสลักรูปกุญแจทองคำทาบลงบนรูปปั้นแกะสลัก เวลานี้รอยประทับสลักรูปกุญแจทองคำบนฝ่ามือของเขาหายไป และไปปรากฏอยู่บนรูปปั้นแกะสลักนั่น
เวลานี้ชายหนุ่มผู้นี้ได้นำจำนวนเงินที่ครบถ้วนโปรยลงบนรูปปั้นแกะสลัก ได้ยินเสียงดังเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดขึ้นมา รูปปั้นแกะสลักได้เปิดออก และข้างในมีกุญแจทองคำจัดวางอยู่หนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอก
ชายหนุ่มผู้นี้ลังเลอยู่นานมาก ทำการคำนวณต่างๆ สุดท้ายได้เลือกกุญแจทองคำไว้ดอกหนึ่ง และกล่าวว่า “มันนี่แหละ จะร่ำรวยก็ต้องอาศัยมันแล้วล่ะ” กล่าวพลางเอื้อมมือหยิบเอากุญแจทองคำขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หยิบเอากุญแจทองคำดอกนี้ขึ้นมาแล้ว ได้ยินเสียงดังแว้งค์ขึ้นมา กุญแจทองคำดอกนี้ได้กลับกลายเป็นผงทองคำและหายไปในทันที
“บัดซบเอ๊ย ข้า ข้า…” ชายหนุ่มผู้นี้ต้องสบถออกมาเมื่อมองเห็นกุญแจทองคำในมือกลายเป็นผงทองคำไป และกล่าวว่า “สมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งถูกข้าถลุงไปแล้ว” เวลานี้เขาเสียใจภายหลังแต่ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว
เดิมทีหากเขาไม่เดิมพันต่อไปล่ะก็ เขาสามารถเลือกเอาของล้ำค่าในนี้ไปได้ชิ้นหนึ่ง เวลานี้ไม่เหลืออะไรอีกเลย เสียเงินเสียทองไปเปล่าๆ
“ฮ่า ฮ่า ข้าถูกแล้ว” ในเวลานี้เอง ณ มุมหนึ่งของตำหนักก็มีผู้ที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาหยิบกุญแจทองคำที่จะผ่านเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามได้ถูกต้อง ในเวลาเดียวกันนี้เอง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น บนฝ่ามือของเขาปรากฏประกายสีทองลอยขึ้นและตัวเขาหายไปในทันที ได้เข้ายังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามแล้ว
ภายในตำหนักหมีเซียนหลังนี้ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็มีเสียงหัวเราะเสียงดังของผู้คน และมีเสียงก่นด่าของผู้คน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าผู้ที่หัวเราะเสียงดังคือผู้ที่หยิบกุญแจทองคำได้ถูกต้อง ขณะที่ด่าออกมายกใหญ่คือผู้ที่หยิบกุญแจทองคำผิดดอก ขณะที่ผู้คนส่วนหนึ่งที่ไม่โลภมากและรู้สตัวเองดี ก็จะนำเอากุญแจทองคำของตนไปแลกเป็นของล้ำค่าแล้วจากไป ไม่โลภที่จะเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สาม
หลังจากที่หลี่ชิเย่เข้าสู่ตำหนักหมีเซียนหลังที่สองแล้วก็ไม่เร่งรีบที่จะไปทำอะไร แต่ทำการชื่นชมภาพจิตรกรรมฝาผนังและรูปปั้นแกะสลักทั้งหมดทีมีอยู่ภายในตำหนักหมีเซียนหลังที่สองนี้ไปรอบหนึ่ง เหมือนว่าเขามาที่นี่ไม่ได้ต้องการเสี่ยงโชค ไม่ได้มาเพื่อสมบัติล้ำค่า แต่มาเพื่อชมรูปปั้นแกะสลักกับภาพจิตรกรรมฝาผนังล้วนๆ อย่างนั้น
สุดท้าย หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ดูชมรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังจนครบทั้งหมดแล้ว จึงได้กางมือออก
“พวก พวกเราจะแลกเป็นสมบัติล้ำค่าหรือว่าเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สาม?” หลินซิม่อเอ่ยถามแผ่วเบา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่กางฝ่ามือออกมา
“เข้าไปยังตำหนักหมีเซียน” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง นำรอยประทับสลักรูปกุญแจทองคำทาบลงบนภาพจิตรกรรมฝาผนัง จ่ายเงินไปตามจำนวน หลังจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง เปิดออก ข้างในมีกุญแจทองคำที่จัดวางอยู่จำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดดอกเช่นกัน หลี่ชิเย่ไม่ได้มองอะไรมากมายนัก เอื้อมมือหยิบเอากุญแจทองคำดอกหนึ่งขึ้นมา
กุญแจทองคำดอกนี้ได้ประทับสลักลงบนกลางฝ่ามือของหลี่ชิเย่อีกครั้ง
“ไป ไปตำหนักหมีเซียนหลังที่สามกัน” หลี่ชิเย่ดึงมือหลินซิม่อ ขณะกุญแจทองคำในมือเปล่งประกายออกมา พวกเขาสองคนหายตัวไปพร้อมกัน เข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สาม
ขณะที่พวกเขาเข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามนั้น จำนวนคนในนั้นยิ่งน้อยลงไปอีก ดูจะเงียบเหงาวังเวงยิ่งนัก
หลังจากที่หลี่ชิเย่เข้าไปยังตำหนักหมีเซียนหลังที่สามแล้วก็ไม่รีบร้อนที่จะทำเรื่องอื่นๆ อีกเหมือนกัน ยังคงเป็นการชื่นชมรูปปั้นแกะสลักและภาพจิตรกรรมฝาผนังอย่างละเอียด
…………………