เวลานี้เสียงวิพากวิจารณ์เกิดขึ้นไม่ขาดสาย ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิพากวิจารณ์กันเบาๆ
เหมียวเหล่ยในฐานะฮ่องแต้ของแคว้นหวู่เซิ่นไม่ได้มาดีกับคุณชายผิงเฉิง เป็นความจริงที่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงก่อตั้งขึ้นมาโดยพานหลง และมันอยู่ในความปกครองของสำนักที่สืบทอดมาจากพานหลงตลอดมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก
ภายหลังสายของพานหลงเริ่มเสื่อมถอยลง การควบคุมต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิททั้งระบบเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ต่อมามีพรรคที่ชื่อว่าพรรคบูชาจันทราได้เข้ามาร่วมอยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง
ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงสืบเชื้อสายมาจากเผ่าแปดแขน อีกทั้งศิษย์จำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงก็มาจากเผ่าแปดแขน และศิษย์จำนวนมากของพรรคบูชาจันทราก็มาจากเผ่าแปดแขนเช่นเดียวกัน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เดิมทีพรรคบูชาจันทราไม่ได้เป็นสำนักที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงมาก่อน มันเป็นสำนักที่มาจากภายนอก เล่าลือกันว่าแรกเริ่มเดิมทีพรรคบูชาจันทราคือสำนักที่เร่ร่อนอยู่ในแดนลัทธิพรรษ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมานั้น ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้อย่างชัดเจน
เดิมทีพรรคบูชาจันทรามีเคล็ดวิชาและเคล็ดวิชาลับที่เป็นของตนเอง แต่ภายหลังไม่ทราบว่าพวกเขาไปได้เคล็ดวิชาพื้นฐานเริ่มต้นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงมาได้อย่างใด นับจากนั้นเป็นต้นมาพรรคบูชาจันทราก็เริ่มทอดทิ้งสุดยอดเคล็ดวิชาทั้งหมดที่เป็นของพรรคตนมาแต่เดิม หันมาเริ่มต้นฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงโดยเริ่มฝึกตั้งแต่วิชาพื้นฐานเป็นต้นไป
พรรคบูชาจันทราได้ดำเนินการเช่นนี้อย่างทรหด และจากนั้นเป็นต้นมาพรรคบูชาจันทราก็ได้ละทิ้งรากเหง้าที่เป็นต้นกำเนิดของตนเองโดยสิ้นเชิง กลายเป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง
ภายหลังสำนักที่เป็นผู้สืบทอดสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงอ่อนแอลง ขณะที่พรรคบูชาจันทราค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น กระทั่งท้ายที่สุดพวกเขาเอาชนะทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษพานหลง และเริ่มเข้าไปยึดกุมอำนาจการปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง พวกเขาเรียกตัวเองว่าราชวงศ์แปดแขน เป็นการยกเอาชื่อขึ้นมาอวดอ้างว่าสายเลือดของตนมีส่วนสัมพันธ์กับปฐมบรรพบุรุษพานหลงอย่างมาก
นับจากนั้นเป็นต้นมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงได้เปลี่ยนเจ้าผู้ครอบครอง และความสำเร็จของพรรคบูชาจันทราก็ได้ทำให้ผู้คนในหล้าได้รู้จักกับคำว่าอะไรคือนกเขาแย่งรังของนกสาริกา
หลังจากที่สายของปฐมบรรพบุรุษพานหลงตกต่ำไปแล้ว ก็ได้หายสาบสูญไปจากผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงไป กระทั่งมีผู้กล่าวว่า สายของปฐมบรรพบุรุษพานหลงได้หายสาบสูญไปอย่างสิ้นเชิง ไม่คงไว้ในหล้าอีกต่อไปแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก กระทั่งการปรากฏตัวของคุณชายผิงเฉิงได้ทำลายแนวความคิดข้างต้นไป ตามตำนานเล่าว่า เมืองผิงเฉิงคือสถานที่กำเนิดของปฐมบรรพบุรุษพานหลง เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบถึงรายละเอียดตรงนั้น
แรกทีเดียว การปรากฏตัวของคุณชายผิงเฉิง ณ เมืองผิงเฉิงนั้น เขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนน้อยๆ ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่ว่า พรสวรรค์ของคุณชายผิงเฉิงได้ค่อยๆ ฉายแววขึ้นมา และทักษะยุทธของเขาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาสามารถถูกยกย่องว่าเป็นสามคุณชายร่วมกับคุณชายพานหลง และคุณชายหุยชุน
การปรากฏตัวของคุณชายผิงเฉิงในตอนแรกไม่เป็นที่ใส่ใจของราชวงศ์แปดแขน จะอย่างไรเสียศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งมีมากเป็นล้านล้านคน ลำพังแค่ผู้บำเพ็ญตนน้อยๆ คนหนึ่งใครเล่าจะไปสนใจ?
แต่ทว่า จากการที่ชื่อเสียงของคุณชายผิงเฉิงโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปรากฏข่าวซุบซิบขึ้นมาบ้าง และมีผู้บอกว่าคุณชายผิงเฉิงคือทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษพานหลง การที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่เมืองผิงเฉิงก็ด้วยสาเหตุนี้
อีกทั้งคุณชายผิงเฉิงไม่เคยเอ่ยปากถึงชาติกำเนิดของตน และไม่มีใครทราบว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากสำนักใด หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใด อีกทั้งเขากลับได้ฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้มีผู้คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงเป็นจำนวนมากที่เชื่อว่าคุณชายผิงเฉิงก็คือทายาทของปฐมบรรพบุรุษพานหลงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่คุณชายผิงเฉิงเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธหรือให้การยอมรับกับข่าวลือซุบซิบลักษณะเช่นนี้ ปล่อยให้มันอยู่ในความคาดเดาของทุกคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้ครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงนั่งไม่ติด จะอย่างไรเสียสายเลือดราชวงศ์แปดแขนของพวกเขาก็ไม่แท้ พวกเขาหาใช่ทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษพานหลง ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาคือผู้มาทีหลัง พวกเขาคือนกเขาที่แย่งรังของนกสาลิกา
ถ้าหากคุณชายผิงเฉิงเป็นทายาทของปฐมบรรพบุรุษพานหลงจริงล่ะก็ นับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งต่อการปกครองของพวกเขา
ราชวงศ์แปดแขนเคยลงมือเพื่อกำจัดคุณชายผิงเฉิงอยู่หลายครั้งแต่ก็ทำไม่สำเร็จ กลับทำให้ชื่อเสียงของคุณชายผิงเฉิงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมีแคว้นเจ้าลัทธิในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงอยู่ไม่น้อยที่ดูจะใกล้ชิดกับคุณชายผิงเฉิงมากทีเดียว
ขณะที่แคว้นหวู่เซิ่นคือผู้ให้การสนับสนุนต่อราชวงศ์แปดแขนที่ซื่อสัตย์ที่สุด พวกเขาย่อมยืนอยู่แนวร่วมเดียวกันกับราชวงศ์แปดแขนอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง พลันที่เหมียวเหล่ยซึ่งเป็นฮ่องแต้ของแคว้นหวู่เซิ่นพบเจอกับคุณชายผิงเฉิงในวันนี้ก็เปี่ยมด้วยความเป็นศัตรู
ในขณะนี้ ทุกคนต่างทยอยกันจ้องมองไปที่เหมียวเหล่ยกับคุณชายผิงเฉิง โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่รับรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาที่ชัดเจน ดังนั้น ทุกคนจึงอยากรู้อยากเห็นว่าคุณชายผิงเฉิงคือทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษพานหลงจริงหรือไม่กันเล่า
“วาจาสามหาวมาก” เหมียวเหล่ยส่งเสียงฮึและกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ถึงกับกล้าปล่อยข่าวลือให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิด ทำลายชื่อเสียงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง โทษไม่อาจให้อภัย คนอย่างเจ้าสมควรถูกประหาร เพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจบารมีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง”
“ฮ่องแต้เหมียว อาศัยเจ้าน่ะหรือ?” คุณชายผิงเฉิงหัวเราะโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับท่าทีที่ยกตนข่มท่านของเหมียวเหล่ย และกล่าวว่า “ฝีมือของแคว้นหวู่เซิ่นใช่ว่าข้าจะไม่เคยรับการชี้แนะมาก่อน มันก็แค่เล่นวิธีการสกปรกลอบโจมตีอะไรทำนองนั้น การดำรงอยู่ของสำนักเช่นนี้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงคือการทำให้ชื่อเสียงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงต้องเสื่อมเสียโดยแท้จริง”
แคว้นหวู่เซิ่นมีการขัดแย้งกับคุณชายผิงเฉิงมานานแล้ว ภายใต้การมอบหมายด้านเจตนารมณ์ของราชวงศ์แปดแขน ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยของแคว้นหวู่เซิ่นเคยลงมือต่อคุณชายผิงเฉิงทั้งที่แจ้งและลับๆ เสียดายหากไม่ถูกคุณชายผิงเฉิงฆ่าตายก็ต้องพ่ายแพ้กลับไป
มาวันนี้เหมียวเหล่ยพบเจอกับคุณชายผิงเฉิง ฮ่องแต้อย่างเขาซึ่งนำพายอดฝีมือของแคว้นตนเองมาด้วยเป็นจำนวนมากจึงอดใจไม่ไหว คิดจะลงมือต่อคุณชายผิงเฉิง
เหมียวเหล่ยในฐานะเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น และนับเป็นบุคคลลำดับต้นๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง มาวันนี้กลับถูกคุณชายผิงเฉิงดูแคลนเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีก
“ฮึ เจ้าผู้เยาว์โอหังมากเกินไปแล้ว!” เหมียวเหล่ยตวาดเสียงดังขึ้นมา “ที่ตรงนี้หาใช่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง เกรงว่าฝีมือเจ้าก็จะมีจำกัด! วันนี้พวกเราจะขจัดภัยให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง!” กล่าวขาดคำโบกมือทีหนึ่ง
จากการโบกมือของเหมียวเหล่ย บรรดายอดฝีมือของแคว้นหวู่เซิ่นที่ติดตามเหมียวเหล่ยมาต่างทยอยกันล้อมคุณชายผิงเฉิงเอาไว้
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อเห็นเหมียวเหล่ยนำพายอดฝีมือหลายร้อยคนลงมือต่อคุณชายผิงเฉิง ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการดูว่าศักยภาพของคุณชายผิงเฉิงแข็งแกร่งเช่นใดกันแน่?
จะอย่างไรเสีย ชื่อของสามคุณชายโด่งดังอยู่แล้ว โดยเฉพาะคุณชายผิงเฉิงยิ่งให้ความรู้สึกลึกล้ำยากจะหยั่งถึงแก่ผู้คน กระทั่งมีคำเล่าลือกันว่าคุณชายผิงเฉิงขณะอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงมีวิธีควบคุมพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นสาเหตุว่าเพราะอะไรการลงมือของราชวงศ์แปดแขนต่อคุณชายผิงเฉิงในหลายครั้งที่ผ่านมาจึงไม่ประสบผลสำเร็จ
เหมียวเหล่ยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องที่คุณชายผิงเฉิงสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ สิ่งนี้แหละที่ส่งผลให้ทุกคนทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จในการสังหารเขา
แต่ว่า ที่ตรงนี้คือเงินทองตกพื้น อยู่ห่างจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงไกลมาก ต่อให้คุณชายผิงเฉิงมีฝีมือเช่นนี้จริงก็คงสำแดงออกมาไม่ได้อีกแล้ว
“พี่ใหญ่ ท่านหลบไปก่อนดีไหม รอให้ข้าจัดการกับพวกเขาแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องค้าเรื่องขายกันดีไหม?” ครั้นคุณชายผิงเฉิงเห็นเหมียวเหล่ยนำพายอดฝีมือกลุ่มใหญ่ล้อมวงเข้ามา จึงได้เอ่ยกับหลี่ชิเย่ด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า
“ทำไมต้องหลบ” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่อยากขยับตัวแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ กล่าวด้วยท่าทางที่เบื่อหน่ายว่า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“ท่านเป็นใครกัน? อย่าทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน นี่มันเรื่องภายในสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง ขอให้ท่านรีบๆ ไปเสีย มิฉะนั้นล่ะก็จะต้องรับผิดชอบในผลที่จะตามมาเอง” เมื่อเหมียวเหล่ยเห็นหลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้วยกันกับคุณชายผิงเฉิง จึงร้องตวาดเสียงดังออกมา
“แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เพียงมองดูพวกของเหมียวเหล่ยด้วยท่าทีเอ้อระเหย และกล่าวว่า “ใบไม้บังตา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
พลันที่หลี่ชิเย่มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าแม้คนของเหมียวเหล่ยจะมีมากกว่า แต่หาใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายผิงเฉิงอยู่แล้ว แม้ว่าคุณชายผิงเฉิงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามคุณชาย แต่ด้านศักยภาพแล้วเหนือกว่าคุณชายหุยชุนไม่รู้เท่าไร
“เจ้าคนที่มองข้ามความหวังดีของผู้อื่น” เหมียวเหล่ยพลันโกรธจัด ร้องเสียงดังว่า “วันนี้จะจัดการกับเจ้าไปพร้อมๆ กันเลย”
“ฮ่องแต้เหมียว จัดการกับเขาไหนเลยต้องให้ท่านลงมือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราก็ได้แล้ว พวกเรายังมีบุญคุณความแค้นที่ต้องคิดบัญชีกับเขา ชีวิตสุนัขของเขาองค์หญิงอย่างข้าจองไว้แล้ว” จังหวะที่เหมียวเหล่ยพูดขาดคำ เสียงที่น่าเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนำยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งยกมากันอย่างเอิกเกริก ผู้หญิงคนนี้ก็คือองค์หญิงเซี่ยของสุสานกระบี่นั่นเอง อีกทั้งมาคราวนี้กำลังที่เซี่ยจื๋อซวนนำมานั้นมากกว่าที่พบกันคราวก่อนมากกว่าเท่าตัว อีกทั้งข้างกายของนางยังมีผู้เฒ่าอีกหลายคน พลันที่เห็นก็รู้ว่าเป็นผู้ที่มีกำลังกล้าแข็งมาก
“คนของสุสานกระบี่ก็มาด้วยแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างพูดขึ้นมาแผ่วเบาเมื่อมองเห็นองค์หญิงเซี่ย “ได้ยินมาว่าเจี้ยนจุนก็มาแล้ว โดยองค์หญิงเซี่ยได้ไปคารวะต่อเจี้ยนจุนมาแล้ว”
มิน่าเล่า มาคราวนี้ข้างกายขององค์หญิงเซี่ยจึงมียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ที่แท้เจี้ยนจุนได้มาถึงแล้ว
“องค์หญิงเซี่ย” เหมียวเหล่ยรู้สึกดีใจยิ่งขึ้นเมื่อเซี่ยจื๋อซวนยื่นเท้าเข้ามาสอด เมื่อเป็นเช่นนี้จำนวนคนข้างฝ่ายของเขาก็จะมีมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“น้องสาวบ้านตระกูลหลิน ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสุสานกระบี่ เจ้าอย่าได้มั่วสุมอยู่กับบุคคลภายนอก เวลานี้กลับมาอยู่ข้างกายของพวกเรายังทัน” หลังจากที่องค์หญิงเซี่ยมาถึงแล้ว สายตาได้มองไปที่หลินซิม่อที่อยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่ กล่าวเสียงเย็นชาขึ้นมา
สีหน้าของหลินซิม่อเปลี่ยนไป รู้ว่าพวกขององค์หญิงเซี่ยมาด้วยเรื่องของตน นางอดที่จะเข้าไปใกล้หลี่ชิเย่มากขึ้น ขอเพียงอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ นางจึงจะรู้สึกว่าปลอดภัย
“ฮึอย่านึกนะว่าหาผู้สนับสนุนได้แล้วก็สามารถรักษาชีวิตของเจ้าได้” เมื่อองค์หญิงเซี่ยมองเห็นหลินซิม่อขยับตัวเข้าไปใกล้หลี่ชิเย่ จึงกล่าวเสียงเย็นชาขึ้นมา็
หลี่ชิเย่มองหน้าองค์หญิงเซี่ยทีหนึ่ง กล่าวเมินเฉยว่า “ตอนอยู่ในแม่น้ำไว้ชีวิตพวกเจ้ามาครั้งหนึ่ง ยังไม่รู้จักกาลเทศะอีก”
“เจ้าคนแซ่หลี่ ไม่ว่าเจ้าจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไรก็ตาม วันนี้สุสานกระบี่พวกเราจะเล่นไม่เลิกกับเจ้า!” องค์หญิงเซี่ยร้องเสียงดังออกมาว่า “วันนี้เจ้าอย่าหวังมีชีวิตรอดจากที่นี่ไปได้”
คราวก่อนขณะอยู่ในแม่น้ำ พวกเขาเกือบจะต้องสังเวยชีวิตในพายุฝนฟ้าคะนองนั่น ดังนั้น พวกขององค์หญิงเซี่ยจะแค้นหลี่ชิเย่เข้ากระดูกดำ
“อาศัยพวกเจ้าน่ะหรือ?” หลี่ชิเย่มองพวกเขาด้วยท่าทีเบื่อหน่ายทีหนึ่ง
องค์หญิงเซี่ยในฐานะที่เป็นองค์หญิงแห่งสุสานกระบี่ ถูกหลี่ชิเย่พูดจาดูแคลนครั้งแล้วครั้งเล่า พลันมีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขีดสุด กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า “ไม่ว่าเจ้าจะมีฝีมือแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม วันนี้ยากจะหลุดไปจากเงื้อมมือของสุสานกระบี่พวกเราไปได้ ยิ่งศิษย์พี่ใหญ่ของข้าจะไม่ยอมให้ใครมาท้าทายอำนาจบารมีสุสานกระบี่ของพวกเรา”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองไปรอบๆ เมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงเซี่ย ทุกคนต่างรู้ดีว่า คราวนี้ไม่เพียงพวกขององค์หญิงเซี่ยที่มา เกรงว่าเจี้ยนจุนก็มาถึงแล้วเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เผยโฉมออกมาเท่านั้นเอง