สำหรับการบีบบังคับให้ตอบคำถามของยายเฒ่าเทวะล่าวายุนั้น หวู่ปิงหนิงกล่าวช้าๆ ว่า “ถูกต้อง”
“ออกมาสูดลมหายใจบ้างก็ดี” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุก็ไม่ถามอีกแล้วว่าจริงหรือเท็จ และกล่าวว่า “เวลานี้ก็ได้สูดลมหายใจเรียบร้อยแล้ว สมควรได้เวลากลับไปแล้ว ทุกคนต่างเป็นห่วงเจ้า”
“ข้ายังไม่คิดจะกลับไป” หวู่ปิงหนิงดูเงียบสงบ ไม่มีอารมณ์ทื่ตื่นเต้น สิ่งที่สมควรทำนางก็ได้ทำไปแล้ว เวลานี้นางได้เตรียมพร้อมอยู่ในใจแล้ว
“หวู่ถิงต้องการเจ้า” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุกล่าวว่า “จะอย่างไรเสียเจ้าก็คือผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง มีเรื่องราวมากมายต้องให้เจ้ากลับไปจัดการ มีศิษย์จำนวนมากจำเป็นต้องให้เจ้าไปชี้แนะ”
“มีท่านอาจารย์และเหล่าบรรพบุรุษอยู่ ข้าไม่อยู่ที่หวู่ถิงก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวต่างๆ” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่หวู่ถิง ทุกสิ่งทุกอย่างของหวู่ถิงก็มีการพัฒนาและเจริญขึ้น”
ดวงตาทั้งสองของยายเฒ่าเทวะล่าวายุถึงกับเพ่งไปข้างหน้าที่จับจ้องหวู่ปิงหนิงเอาไว้ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหวู่ปิงหนิง
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองภาพนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้กลิ่นบรรยากาศที่แตกต่าง และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คาดเดาอะไรลางๆ ได้บ้างแล้ว
“นี่ไม่ใช่คำขอร้อง” สุดท้ายดวงตาของยายเฒ่าเทวะล่าวายุส่งประกายเยือกเย็น อานุภาพที่ข่มผู้คน และกลิ่นอายเทพแท้จริงที่กระเพื่อม และกล่าวว่า “นี่คือคำสั่ง คำสั่งของสำนัก สั่งให้เจ้ากลับจูเซียงหวู่ถิงเดี๋ยวนี้”
“เสียใจอย่างยิ่ง ท่านบรรพบุรุษ ข้าจะไม่กลับไปเป็นการชั่วคราว” ภายในใจของหวู่ปิงหนิงได้กำหนดท่าทีเอาไว้แล้ว ต่อให้บรรพบุรุษอย่างยายเฒ่าเทวะล่าวายุมาด้วยตนเอง ท่าทีของนางยังคงเหมือนเดิม
“บังอาจ…” ดวงตาคู่นั้นของยายเฒ่าเทวะล่าวายุดูเย็นชา อานุภาพเทพแท้จริงสยบจิตใจของผู้คน และกล่าวว่า “การขัดคำสั่งมีโทษมหันต์ ต่อให้เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนักก็ไม่ได้รับยกเว้น”
“ข้ารู้” ท่าทีของหวู่ปิงหนิงก็เข้ม และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นความจริงที่โทษมหันต์! ไม่มีผู้ใดได้รับยกเว้น”
“เจ้ารู้ย่อมดีที่สุด” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ขัดคำสั่ง เบาลงโทษสถานหนัก หนักคือไล่ออกจากสำนัก ทำลายทักษะยุทธทั้งหมด! เจ้าตามข้ากลับไปเวลานี้ยังทัน!”
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจจ้องมองดูพวกเขา ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสะดุ้งในใจ กล่าวสำหรับศิษย์คนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ก็ตาม ถ้าหากขัดคำสั่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาโดยแท้จริง เกรงว่าเมื่อไรที่ถูกขับออกจากสำนักแล้วยากจะมีที่ยืนในแดนลัทธิพรรษ โดยเฉพาะถูกทำลายทักษะยุทธล่ะก็ เท่ากับตกลงสู่โลกมนุษย์เลยทีเดียว
หวู่ปิงหนิงคือเทพธิดาสงครามของจูเซียงหวู่ถิง และคือผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง ไม่เพียงมีอนาคตที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด อีกทั้งยังมีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง นางคือหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดของแดนลัทธิพรรษ กระทั่งมีผู้กล่าวว่าสูงกว่าสามคุณชายเสียอีก เพียงแต่เข้าสู่ยุทธภพช้ากว่ากันเล็กน้อยเท่านั้น
กล่าวได้ว่า หวู่ปิงหนิงคือผู้ที่มีโอกาสได้เป็นราชันแท้จริงในอนาคต ผู้บำเพ็ญตนลักษณะเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นล้วนแล้วแต่หวนแหนโอกาสที่อยู่ตรงหน้าของตน มิฉะนั้นล่ะก็ถูกขับออกจากจูเซียงหวู่ถิงเท่ากับตกจากสวรรค์ลงไปยังโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเลยทีเดียว นับจากนั้นเป็นต้นไปคือตกต่ำถึงที่สุด ไม่มีโอกาสได้พลิกตัวอีกเลย
หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “ข้ารู้ ขอบคุณท่านบรรพบุรุษ และขอบคุณจูเซียงหวู่ถิงที่บ่มฟัก ข้าจะไม่กลับไปเป็นการชั่วคราวแล้ว” ท่าทีนางในเวลานี้มั่นคงมาก
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อได้ยินคำพูดของหวู่ปิงหนิง นี่คือเรื่องทรยศต่อสำนักซึ่งทุกคนต่างนึกไม่ถึงว่า หวู่ปิงหนิงถึงกับกล้าทำเช่นนี้ ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่เนรคุณ
“เจ้าคนทรยศ! เวลานี้เจ้าคิดว่าปีกกล้าขาแข็งแล้วรึ?” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพลันโกรธขึ้นมาทันที ร้องเสียงดังน่าเกรงขามว่า “หวู่ถิงได้สูญเสียกำลังกายใจเป็นจำนวนมากบ่มฟักเจ้า เจ้ากลับทำตามอำเภอใจเช่นนี้ หวู่ถิงจะไม่ยอมอดทนต่อการกระทำที่ก่อความวุ่นวายไปทั่วของเจ้าอย่างเด็ดขาด…”
“หวู่ถิงบ่มฟักข้า ข้าซาบซึ้งอยู่ในใจ” หวู่ปิงหนิงกล่าวตัดบทยายเฒ่าเทวะล่าวายุ ด้วยท่าทีเข้มขรึมจริงจัง และพูดเสียงเย็นชาว่า “ในฐานะที่เป็นศิษย์ของหวู่ถิง ข้าย่อมตอบแทนรับใช้หวู่ถิง! ขอเพียงมีสิ่งที่หวู่ถิงต้องการให้ข้าไปทำ ต่อให้ต้องร่างแหลกเป็นจุณก็ไม่เกี่ยง แต่ มันจะจำกัดอยู่เพียงแค่ปกป้องหวู่ถิง ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบ! ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เป็นศิษย์สมควรกระทำอยู่แลว ศิษย์ทุกคนของหวู่ถิงล้วนแล้วแต่เป็นคนในบ้านของหวู่ถิง หาใช่สินค้า ยิ่งไม่ใช่การซื้อขาย! ง่ายๆ แค่นี้!”
“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวว่า “บรรดาเหล่าบรรพบุรุษล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเจ้า ทำการเกลี่ยพื้นให้ราบเรียบเพื่อเจ้า ความพยายามเช่นนี้ไหนเลยเจ้าจะมองเห็นได้!”
“ทางเดินของข้า ข้าย่อมเดินเองได้” ท่าทีของหวู่ปิงหนิงมั่นคงอย่างยิ่ง
“เลวมาก!” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุร้องตวาดเสียงดังด้วยความโกรธ กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น จะต้องเอาตัวเจ้ากลับไปวันนี้ทำการอบรมสั่งสอนอย่างหนักให้จงได้…”
“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย” ในเวลานี้เอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งได้ตัดบทคำพูดของยายเฒ่าเทวะล่าวายุ และกล่าวว่า “อย่าหาเรื่องให้กับตัวเองเลย”
ผู้ที่พูดก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ทุกคนถึงกับมองไปยังต้นเสียงเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่
แววตาของยายเฒ่าเทวะล่าวายุดั่งคมดาบ พลันตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ดวงตาคู่นั้นของนางพลันเย็นชา แววตาเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมาทันที
“เจ้าก็คือหลี่ชิเย่คนนั้น!” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพูดเสียงเย็นชาขึ้นมา
“ดูเหมือนมีข้าเท่านั้นที่ชื่อหลี่ชิเย่” ท่าทางของหลี่ชิเย่เรียบง่ายยิ่งนัก ไม่ได้มองดูยายเฒ่าเทวะล่าวายุด้วยซ้ำ
“เป็นเจ้าที่ยุยงศิษย์จูเซียงหวู่ถิงของพวกเรา…” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุกล่าวเสียงเย็นชาขึ้นมา
“ยุยงอะไร” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทของนางว่า “คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีทางเลือกเป็นของตนเอง ข้าชื่นชมผู้กล้าหาญ มันก็แค่นี้เอง”
“เจ้าผู้เยาว์ อย่าทำเป็นหลงระเริงและอวดดี ที่นี่ไม่ใช่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง!” นัยน์ตาทั้งสองของยายเฒ่าเทวะล่าวายุดูน่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ต่อให้เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วอย่างไร? มันก็แค่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ตกต่ำเสื่อมโทรมเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง หากเจ้ารู้จักกาลเทศะก็ไสหัวออกไปแต่โดยดี มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีจุดจบที่ดี!”
คำพูดของยายเฒ่าเทวะล่าวายุนับว่าเคร่งขรึมมากแล้ว ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้ยินคำพูดของยายเฒ่าเทวะล่าวายุ ต่างมองหน้ากันและกัน
ยายเฒ่าเทวะล่าวายุคือผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของจูเซียงหวู่ถิง อาจารย์ของนางคือเทพสงครามมังกรคชาธาร ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ
เมื่อใดที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพูดออกมาเช่นนี้ย่อมมีน้ำหนักมาก เมื่อใดที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพูดคำพูดที่เฉียบขาดเช่นนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใด หรือระดับบรรพบุรุษคนใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าทำเฉยเมย กระทั่งมีบางคนกลัวจนตัวสั่นงันงก
“นี่หาใช่เรื่องเล่นๆ” ระดับบรรพบุรุษพึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่า ตระกูลมู่ก็เป็นที่หวั่นเกรงของผู้คนจำนวนมาก แต่จะอย่างไรตระกูลมู่ก็ไม่ได้อยู่ในแดนลัทธิพรรษ การสยบในลักษณะเช่นนี้เป็นการสยบทางใจมากกว่า และเป็นสิ่งที่สำนักต้องไปคำนึงถึง แต่ทว่า เมื่อเผชิญกับยายเฒ่าเทวะล่าวายุและหรือเทพสงครามมังกรคชาธารแล้วมันแตกต่างกัน มันเป็นการสยบที่แท้จริง กระทั่งภายในระยะเวลาอันสั้นเทพสงครามมังกรคชาธารก็สามารถเหยียบสำนักใดสำนักหนึ่งกระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งให้ราบเป็นหน้ากลองได้ นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด
เทพสงครามมังกรคชาธารนั้นดำรงอยู่ในฐานะผู้ที่เคยสยบราชันแท้จริงมาก่อน ต่อให้เขาต้องเผชิญกับราชันแท้จริงบางคนเขาก็ยังคงมีความได้เปรียบอยู่ไม่น้อยทีเดียว ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวั่นเกรงมากที่สุด
“อย่างนั้นรึ?” สำหรับคำพูดเช่นนี้จะอย่างไรก็ได้หลี่ชิเย่ไม่มีความเห็นโดยสิ้นเชิง ถือเสียว่าไม่ได้ยิน
“เจ้าผู้เยาว์ อาศัยเจ้าน่ะหรือคู่ควรกับผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง!” ดวงตาทั้งสองของยายเฒ่าเทวะล่าวายุดูเย็นชา กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “ลานกำแหงเป็นเพียงตระกูลที่เสื่อมถอยเท่านั้น คิดจะแต่งงานกับผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิงพวกเรา เป็นการฝันกลางวันของคนสติไม่ดี คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า! ไสหัวไปเสียตอนนี้ยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ ถึงเวลานั้นไม่เพียงตัวเองจะเอาชีวิตไม่รอด เกรงว่าลานกำแหงพวกเจ้าก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีไป!”
พลันที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุกล่าวคำเช่นนี้ออกมา ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจ และเสียวสันหลังวาบ ถ้าหากเทพสงครามมังกรคชาธารลงมือจริงๆ ล่ะก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน จะอย่างไรเสียเทพสงครามมังกรคชาธารคือระดับอมตะ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร
“เจ้าออกจะยกย่องตัวเองมากเกินไป ยกย่องจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ก็แค่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งเท่านั้น ในสายตาของข้าไม่ได้แตกต่างไปจากหมูหมาอะไรมากนัก ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”
คำพูดที่ยโสเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ทุกคนถึงกับงงงัน คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือการท้าสู้กับจูเซียงหวู่ถิงนะเนี่ย และเป็นการท้ายยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษอย่างเทพสงครามมังกรคชาธาร
ทอดสายตามองไปทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ มีใครบ้างกล้าไปท้าทายต่อยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษอย่างเทพสงครามมังกรคชาธารบ้าง? ต่อให้เป็นราชันแท้จริงก็ไม่เห็นจะกล้าไปท้าทายเทพสงครามมังกรคชาธาร แต่แล้วมาวันนี้หลี่ชิเย่กลับพูดเสียงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ระดับบรรพบุรุษบางคนที่เคยเห็นหลี่ชิเย่มาแล้วถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ พวกเขารับรู้ถึงความโอหังของคนโหดหลี่ชิเย่นานแล้ว เจ้าคนเสียสติคนนี้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษก็ดี หนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันอย่างตระกูลมู่ก็ช่าง เขาเมินใส่สิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
บุรุษที่พาลและถืออำนาจบาตรใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ทำให้ทุกคนต้องอึ้งกันไปตามๆ กัน
สำหรับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ทำให้สีหน้าของยายเฒ่าเทวะล่าวายุดูไม่จืดถึงขีดสุด ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา นางดูครั่นคร้าม และกล่าวเย็นยะเยือกว่า “เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย! วันนี้ข้าจะบอกเจ้าว่า เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงพวกเรามีเพียงนายน้อยตระกูลมู่เท่านั้นที่คู่ควร เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ ผู้ใดก็ตามที่ทำลายการเกี่ยวดองสมรสระหว่างจูเซียงหวู่ถิงกับตระกูลมู่ ล้วนแล้วแต่อภัยให้ไม่ได้!”
พลันที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพูดออกมาเช่นนี้ ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่สะดุ้งภายในใจ ก่อนหน้านี้จูเซียงหวู่ถิงไม่เคยยอมรับและปฏิเสธเรื่องเกี่ยวดองสมรส มาวันนี้ถูกพูดออกมาจากปากของยายเฒ่าเทวะล่าวายุเอง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
อีกทั้ง การที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุพูดคำๆ นี้ออกมา ไม่เพียงต้องการพูดให้หลี่ชิเย่ฟังเท่านั้น แต่พูดให้ผู้คนจำนวนมากได้ยิน ซึ่งก็บ่งบอกว่าใครที่มีความคิดต่อหวู่ปิงหนิง และหรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ ใดลัทธิหนึ่งที่คิดจะสู่ขอหวู่ปิงหนิงล่ะก็ ให้ตายใจเสีย
ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงรักในตัวของหวู่ปิงหนิงจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก พวกเขาก็ไม่ยินยอมในเรื่องเช่นนี้
ในเวลานี้เอง ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรหวู่ปิงหนิงถึงได้ต่อต้านคำสั่งของสำนัก ที่แท้นางไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ แต่ทว่า กล่าวสำหรับการเกี่ยวดองสมรสของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งแล้ว เกรงว่าหาใช่สิ่งที่ศิษย์คนหนึ่งจะสามารถต่อต้านได้ จะอย่างไรเสียการตัดสินใจของผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นเทพสงครามมังกรคชาธาร ไม่ว่าใครก็มิอาจต่อต้านได้
“พวกสวะไร้สมอง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและส่ายหน้าเบาๆ สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของยายเฒ่าเทวะล่าวายุ
……