ในขณะที่หลี่ชิเย่พาหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อรุดมาถึงเมืองปี้โซ่วเฉิงนั้น ได้มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่มาถึงก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยได้ยึดพื้นที่ที่มีชัยภูมิได้เปรียบของถนน และหรือภูเขาสองข้างทางเอาไว้แล้ว
ในขณะนี้พวกของหลี่ชิเย่สามคนก็ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดเขาและยึดภูเขาลูกนั้นเอาไว้โดยลำพัง แล้วเฝ้ารออยู่ตรงนั้น
“ดูนั่นสิ คนโหดคนนั้นมาแล้ว” มีคนที่มองเห็นหลี่ชิเย่และแอบวิจารณ์ขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฟังว่า เขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง เขาไม่เพียงเป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะ ยังเป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลายกำแหง สุดยอดจริงๆ มิน่าเล่าเขาถึงกล้าเอ็ดตะโรท้าทายทุกคน” มียอดฝีมือผู้ที่ไวเรื่องการข่าวได้ศึกษาจนรู้ข้อมูลโดยละเอียดของหลี่ชิเย่แล้ว
“นับว่าพาลโดยแท้ ได้ยินมาว่าขณะอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ได้ช่วยนักพรตฉางเซินทำลายล้างแคว้นว่านโซ่ว แคว้นว่านโซ่วถูกทำลายจนแหลกละเอียดไปทั้งหมด ขณะอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขาเคยนำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้านกองทัพพันธมิตรของแดนลัทธิพรรษอย่างแข็งขัน ศักยภาพนั้นรับประกันว่ากล้าหาญองอาจอย่างแน่นอน คุณชายหุยชุนก็ตายด้วยน้ำมือของเขา ดังนั้น จึงมีคนจับเขาไปแทนที่ตำแหน่งของคุณชายหุยชุน จัดอยู่ในสามคุณชาย”
“ข้าว่านะ ไม่แน่อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าสามคุณชายเสียอีก เจ้าดูสิ เขากล้าหาญขนาดไหนกล้าท้าทายกระทั่งนายน้อยมู่ และจัดการสังหารผู้เฒ่าฝานโดยตรง นี่มันวคือพาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียม เรื่องเช่นนี้ในแดนลัทธิพรรษมีใครกล้าทำ?” มีคนพูดแทรกขึ้นมา
“จุ๊ จุ๊พูดเบาหน่อย อย่าได้วิพากวิจารณ์เรื่องนี้ ระวังนำมาซึ่งภัยถูกฆ่าล้างสำนัก” พรรคพวกที่อยู่ข้างกายรีบกล่าวเตือนขึ้น และพูดเสียงแผ่วเบาว่า “นายน้อยมู่เป็นคนที่เข้าข้างพวกของตนมากที่สุด หากเขาได้ยินคำพูดเช่นนี้ล่ะก็ ต้องระวังตัวแล้ว”
“ลานกำแหงมิใช่ถูกเรียกว่าเป็นพรรคมารรึ?” มีผู้เยาว์ที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ กล่าวว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่ทำการล้อมปราบต่อพรรคมารอยู่แล้ว เฉกเช่นจอมมารเช่นนี้ทุกคนควรสังหารเขาได้นะ เพราะอะไรเขาถึงกลับมาเป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะได้อย่างไร?”
“ลานกำแหงกลายเป็นพรรคมาร นั่นเป็นเรื่องในอดีต แต่ว่ามาคราวนี้กองทัพพันธมิตรได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกัน น่าจะเป็นการเห็นพ้องต้องการระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง อีกอย่าง หากต้องการล้อมปราบจอมมารเรื่องเช่นนี้ต้องริเริ่มโดยจูเซียงหวู่ถิง และพรรคหยางหมิง สำนักเจ้าลัทธิทั่วๆ ไปไหนเลยมีสิทธิ์จัดสงครามกองทัพพันธมิตรได้” ระดับผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของสำนักเจ้าลัทธิกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ทำไมเทพธิดาสงครามถึงอยู่ด้วยกันกับคนโหดได้ล่ะ?” มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกอึดอัดในใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรในแดนลัทธิพรรษที่หลงรักในตัวของเทพธิดาสงครามเล่า นางคือเทพธิดาในดวงใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยทีเดียว เวลานี้เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงกลับอยู่ด้วยกันกับคนโหดอันดันหนึ่ง
“ครั้งนั้นเทพธิดาสงครามติดตามกองทัพพันธมิตรโจมตีลานกำแหงมิใช่รึ? ทำไมเวลานี้กลับอยู่กับเขาล่ะ?” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมา
“ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินมาว่าจูเซียงหวู่ถิงต้องการเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่ นับว่าแปลกจริงๆ” และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่วิญญาณความเป็นผู้ขุดคุ้ยเรื่องของผู้อื่นโหมลุกไหม้ขึ้นมา
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปฟังสำหรับเรื่องสับสนวุ่นวายเหล่านั้น นั่งเงียบๆ อยู่บนยอดเขา หลับตาลงสองข้าง เสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ขณะที่หวู่ปิงหนิงกับหลินซิม่ออยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่ มาวันนี้หวู่ปิงหนิงได้ตัดสินใจเลือกทางเดินแล้ว นางก็ได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้ว
ตูม…ตูม…ตูม…ในเวลานี้เอง เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นรถศักดิ์สิทธิ์คันหนึ่งที่บดขยี้ท้องฟ้า และวิ่งมาด้วยความเร็วที่สุดเปรียบเปรยเข้ามา
รถศักดิ์สิทธิ์คันนี้แผ่ประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาเป็นสาย อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ตลบอบอวล สามารถมองเห็นจากระยะที่ห่างไกลมาก อีกทั้งรถศักดิ์สิทธิ์คันนี้ถึงกับลากรถโดยนกหงส์สีเขียวครามหกตัว ด้วยความเร็วที่สูงมาก ท่าทางลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่าฐานะของผู้ที่อยู่ภายในรถศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดาแน่นอน
ด้านข้างซ้ายขวารถศักดิ์สิทธิ์คันนี้ขนาบเคียงข้างด้วยศิษย์แต่ละคน ศิษย์แต่ละคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีฝีมือไม่เบา มีระดับกษัตราแท้จริง ปราชญ์แท้จริง กระทั่งเทพแท้จริง เรียกได้ว่ามาตรฐานในการเดินทางสูงมาก
การที่รถศักดิ์สิทธิ์คันนี้วิ่งห้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว ได้ดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้ในทันที มีผู้ที่มองเห็นตราสัญลักษณ์บนรถศักดิ์สิทธิ์แล้วถึงกับตกใจไม่น้อย และกล่าวว่า “จูเซียงหวู่ถิง!”
สิ่งนี้พลันทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องเย็นวาบ เมื่อมองเห็นตราสัญลักษณ์ของจูเซียงหวู่ถิง เนื่องจากผู้ที่มีมาตรฐานในการเดินทางเช่นนี้ในจูเซียงหวู่ถิงมีอยู่ไม่มาก นั่นหมายถึงต้องเป็นบุคคลระดับสูงอย่างแน่นอน
จูเซียงหวู่ถิงคือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอันดับต้นๆ ของแดนลัทธิพรรษ มีฐานะที่สูงส่งยิ่ง ถ้าหากเป็นระดับบุคคลสำคัญของจูเซียงหวู่ถิงมาด้วยตนเอง ย่อมจินตนาการได้ว่ามีความสำคัญเพียงใดแล้ว
เวลานี้รถศักดิ์สิทธิ์คันนี้ได้หยุดลงช้าๆ ยายเฒ่าคนหนึ่งได้ก้าวลงมาจากรถศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ยายเฒ่าผู้นี้ก้าวลงมานั้น ศิษย์ที่ติดตามซ้ายขวาเข้าพยุงนางในทันที
ยายเฒ่าผู้นี้ผมสีขาวเต็มศีรษะ ขาวจนดูเป็นประกายวาววับ รอยตีนกาเต็มใบหน้าของนางจนดูไม่รู้ว่านางมีอายุเท่าไรแล้ว แต่ดวงตาคู่นั้นของนางกลับปรากฏแววตาแวบวับที่น่ากลัวขึ้นมา ในมือของนางมีไม้เท้าหัวมังกรอันหนึ่ง เหมือนว่านางก้าวเดินอย่างยากลำบากจำเป็นต้องอาศัยไม้เท้านั้นช่วยในการเดิน
แต่ในความเป็นจริงแล้วบนตัวของนางได้แผ่กระจายกลิ่นอายเทพแท้จริงที่น่ากลัวออกมา กลิ่นอายเทพแท้จริงที่ม้วนตัวเข้ามานั้นเหมือนหนึ่งเป็นคลื่นที่โหมสาดซัด สามารถทำให้ผู้คนปลิวไปตามแรงได้โดยตรง
“ทรงพลังมาก…” ต่อให้ผู้ที่ไม่รู้จักยายเฒ่าผู้นี้ก็ต้องหวาดผวา เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายเทพแท้จริงที่เหมือนคลื่นที่โหมสาดซัด กล่าวด้วยความตระหนกว่า “เทพแท้จริง ขั้นขึ้นสู่สวรรค์!”
“ยายเฒ่าเทวะล่าวายุ…” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิพลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป และกล่าวด้วยความตระหนกเมื่อเห็นยายเฒ่าผู้นี้
ในเวลานี้เอง ระดับผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่จดจำประวัติความเป็นมาของยายเฒ่าผู้นี้ได้ ถึงกับตกใจกับสิ่งนี้ และกล่าวว่า “ยายเฒ่าเทวะล่าวายุมาแล้ว นี่ไหนเลยเป็นเพียงระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ นี่คือเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นที่แปด”
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสที่รู้จักยายเฒ่าเทวะล่าวายุต่างทยอยกันเข้าไปกล่าวทักทายต่อนาง แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็ไม่กล้าประมาทเมื่อพบกับยายเฒ่าเทวะล่าวายุ ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “กับยายเฒ่าเทวะจากกันครั้งนั้นยาวนานถึงสามพันปี ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเทพสงครามสบายดีรึ?”
“ด้วยบุญวาสนาของทุกท่าน ท่านอาจารย์ไม่เจ็บไม่ไข้” ไม่ว่ากับบุคคลระดับเช่นใดก็ตาม ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็ตาม ยายเฒ่าเทวะล่าวายุก็แค่พยักหน้าและกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติ
สมควรทราบว่า นี่เป็นการถามทุกข์สุขของระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนไม่น้อย แต่นางยังคงมีท่าทีเช่นนี้ ซึ่งหาใช่เป็นเพราะนางหยิ่งยโสเกินไป แต่ความจริงคือฐานะของนางสูงส่งอย่างยิ่ง
“นาง นางมีท่าทีที่หยิ่งยโสเกินไปแล้วกระมัง” มีผู้เยาว์ที่ยังไม่ค่อยรู้ว่ายายเฒ่าเทวะล่าวายุบ่งบอกถึงสิ่งใด ถึงกับกระซิบขึ้นเบาๆ
“ห้ามวิจารณ์ส่งเดช” ผู้อาวุโสของเขากล่าวตำหนิเขาทันที “มิฉะนั้นแล้วกลับไปจะต้องถูกลงโทษ”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาผู้เยาว์ตกใจอย่างยิ่ง ไม่กล้ากล่าวมากความอีก แต่ยังคงรู้สึกแปลกใจ พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นว่า “นาง นาง นางแข็งแกร่งมากรึ?”
“ใช่เพียงแค่แข็งแกร่ง ยังสูงส่งยิ่งนัก” ผู้อาวุโสมองดูยายเฒ่าเทวะล่าวายุจากระยะห่างไกล เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นแปดของจูเซียงหวู่ถิง นี่คือระดับบรรพบุรุษที่กุมอำนาจแท้จริง ด้วยฐานะและศักยภาพเช่นนี้ยากที่จะหาผู้ใดเทียมในจูเซียงหวู่ถิงแล้ว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อาจารย์ของนางคือเทพสงครามมังกรคชาธารนะเนี่ย!”
“เทพสงครามมังกรคชาธาร…” ศิษย์ผู้นี้ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ อ้าปากกว้างกล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “หมาย หมายถึงเทพสงครามมังกรคชาธารผู้นั้นรึ?”
“แดนลัทธิพรรษมีเทพสงครามมังกรคชาธารกี่คนเชียว มีเพียงเทพสงครามมังกรคชาธารคนเดียวเท่านั้น” ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “คือเทพสงครามมังกรคชาธารแห่งจูเซียงหวู่ถิงคนนั้นแหละ”
ศิษย์ผู้นี้ถึงกับงงงัน และพึมพำขึ้นว่า “เป็นเทพสงครามมังกรคชาธารที่เคยสยบราชันแท้จริงตามตำนานผู้นั้นจริงๆ รึ?”
“เขานั่นแหละ” ผู้อาวุโสท่าทีหนักแน่นจริงจัง ลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง ไม่กล้าไม่ให้เกียรติ
ศิษย์ผู้นี้ถึงกับเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ขนหัวลุก ในเวลานี้เองเขาไม่รู้สึกว่ายายเฒ่าเทวะล่าวายุมีท่าทีที่หยิ่งยโสแม้แต่น้อยอีกแล้ว ท่าทีเช่นนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
“ศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารนะเนี่ย มีสิทธิ์ที่จะหยิ่งยโสโดยแท้จริง” ศิษย์ผู้นี้ถึงกับพึมพำขึ้นด้วยท่าทางที่เหม่อลอย
กล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากแล้ว บางทีอาจไม่รู้ถึงชื่อเสียง่ของยายเฒ่าเทวะล่าวายุ และเข้าใจในวีรกรรมของยายเฒ่าเทวะล่าวายุไม่มากนัก
แต่ว่า เมื่อได้ยินผู้อาวุโสของตนบอกว่านางคือศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารแล้ว เรียกว่าทำให้ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัวจนขนลุกซู่ และขนหัวลุก
เทพสงครามมังกรคชาธารนั้นดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวเพียงใด ฟังว่าคือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง เป็นระดับอมตะที่แท้จริง อีกทั้งยังเป็นระดับอมตะที่ยังคงรั้งอยู่ในแดนลัทธิพรรษที่เป็นที่รู้จักของผู้คน
สิ่งนี้ยังหาใช่เป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน ที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวมากที่สุดก็คือ ตามตำนานเล่าว่า ในครั้งนั้นเทพสงครามมังกรคชาธารเคยสยบราชันแท้จริงหันสุ่ยแห่งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหวินตู้
นี่คือราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรเลยนะเนี่ย มีสิบสองลัคนาในครอบครอง แต่กลับถูกสยบโดยเทพสงครามมังกรคชาธาร มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เทพสงครามมังกรคชาธารมีฐานะที่สูงสุดในแดนลัทธิพรรษ ผู้คนจำนวนมากต่างให้ความเคารพอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นราชันแท้จริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยากที่จะเชิดหน้าด้วยความหยิ่งยโส
กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ในแดนลัทธิพรรษว่า ไม่นับบรรดาราชันแท้จริง และระดับอมตะที่ไปจากแดนลัทธิพรรษ สำหรับระดับบรรพบุรุษที่ยังคงอยู่ในแดนลัทธิพรรษแล้ว เป็นไปได้ที่เทพสงครามมังกรคชาธารจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ
“ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษนะเนี่ย ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นใด”
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีการเอ่ยถึงเทพสงครามมังกรคชาธาร ผู้คนจำนวนมากจึงรู้สึกขนหัวลุก และหวาดกลัวจนขนลุกซู่
ฐานะของเทพแท้จริง สวรรค์ชั้นที่แปดนับว่าสูงส่งโดยแท้จริง และเป็นที่เคารพ แต่ทว่า ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยก็มีฐานะที่สูงส่งเช่นกัน ต่อให้ระดับบรรพบุรุษบางคนมีศักยภาพไม่เท่ายายเฒ่าเทวะล่าวายุ แต่ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องวางท่าทีที่ต่ำกว่าต่อหน้ายายเฒ่าเทวะล่าวายุ
แต่ทว่า ยายเฒ่าเทวะล่าวายุคือศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารทุกอย่างย่อมไม่เหมือนกันอีกแล้ว ไม่มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดๆ กล้าประมาท ต่างทยอยกันแสดงความปรารถนาดีต่อยายเฒ่าเทวะล่าวายุ และเป็นการทักทายถึงเทพสงครามมังกรคชาธาร
หลังจากที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุได้แสดงความปรารถนาดีต่อบรรดาระดับบรรพบุรุษแล้ว สายตาของนางส่งประกายแวบวับทีหนึ่งคล้ายดั่งสายฟ้าแลบ ทำให้ผู้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เวลานี้สายตาของยายเฒ่าเทวะล่าวายุตกอยู่บนตัวของหวู่ปิงหนิง
เวลานี้ยายเฒ่าเทวะล่าวายุได้เดินเข้าหาหวู่ปิงหนิงช้าๆ ขณะที่หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้เมินเฉย จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยลุกขึ้นมาให้การต้อนรับ
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจมองดูภาพนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า ยายเฒ่าเทวะล่าวายุมาด้วยเรื่องของหวู่ปิงหนิง
“นังหนู เจ้าหนีออกมาอีกแล้วนะ” ยายเฒ่าเทวะล่าวายุเอ่ยขึ้นช้าๆ
หวู่ปิงหนิงแสดงคารวะเสร็จแล้วยืนตัวตรงด้วยท่าทีเงียบสงบ นางกล่าวว่า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ข้าแค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น สูดลมหายใจบ้าง”
“เป็นเช่นนี้จริงรึ?” ดวงตาทั้งสองของยายเฒ่าเทวะล่าวายุเพ่งไปข้างหน้า ไม่โกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ ด้วยท่าทีเช่นนี้ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องอกสั่นขวัญแขวน