‘เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ’ พลันทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์งงงันไปทั้งหมด อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญตนน้อยๆ ทั่วไปแลย ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิไม่รู้จำนวนเท่าไร ชั่วชีวิตของเขาก็ไม่เคยได้เห็นเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ
กระทั่งระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่อให้เคยเห็นเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษมาก่อน ไม่แน่นักอาจเป็นการมองเห็นผ่านๆ เท่านั้นเอง ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ
แม้จะกล่าวว่า ในมือของหลินซิม่อก็มีเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษอยู่เพียงแค่สิบกว่าเหรียญเท่านั้นเอง แต่ก็เพียงพอแล้ว ต่อให้เป็นเพียงเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษสิบกว่าเหรียญก็เหนือกว่าเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงกองใหญ่เหล่านั้น เว้นแต่สามารถหยิบเอาเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงระดับสูงสุดมา มิฉะนั้นล่ะก็ แค่เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษไม่กี่เหรียญก็สามารถเอาชนะเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงกองใหญ่เหล่านั้น
เวลานี้ในมือของหลินซิม่อกำเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเอาไว้ มือของนางถึงกับสั่นเทา ชาตินี้นางเพิ่งจะเคยเห็นเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเป็นครั้งแรก และเป็นการได้สัมผัสเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเป็นครั้งแรกเช่นกัน อีกทั้งเวลานี้นาทีนี้เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษก็อยู่ในมือของนางเอง
เวลานี้นาทีนี้หลินซิม่อรับรู้ได้ถึงเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษในมือของตนตลบอบอวลด้วยพลังอย่างชัดเจน เหมือนว่าเหรียญแท้จริงหนึ่งเหรียญคือโลกหนึ่งโลกอย่างนั้น มีพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในครอบครอง ต่อให้เป็นเพียงเหรียญแท้จริงเพียงเหรียญเดียวก็สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้ สยบเทพแท้จริงได้ แข็งแกร่งจนปราศจากผู้เทียบเทียม
ถ้าหากเหรียญแท้จริงลักษณะเช่นนี้ไม่ได้ผ่านพิธีบูชาจากปฐมบรรพบุรุษมาก่อน เพื่อทำให้พลังได้รับการเก็บงำและผนึกเอาไว้ล่ะก็ ด้วยหลินซิม่อที่มีทักษะยุทธอ่อนด้อยเช่นนี้คงไม่สามารถหยิบเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ขึ้นมาได้แม้แต่เหรียญเดียว
หลินซิม่อรู้สึกหวั่นไหวจนสุดที่จะหาสิ่งใดมาเทียบเทียม นางนำเอาเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษวางเรียงลงบนหินที่อยู่ด้านหน้าทีละเหรียญๆ อย่างระมัดระวัง อีกทั้งมีการวางเรียงทีละเหรียญๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นแถวเป็นแนวยิ่งนัก ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เหมือนเกรงว่าจะเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษอย่างนั้น
หลินซิม่อได้จัดวางเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเรียงเป็นแถวทีละเหรียญๆ ทุกๆ ท่วงท่าล้วนแล้วแต่ดูช่างมีความเคารพเลื่อมใสอะไรอย่างนั้น ทุกๆ ท่วงท่าล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ทุกๆ ท่วงท่าล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพอะไรอย่างนั้น เหมือนหนึ่งเกรงว่าหากไม่ทันระวังจะทำให้เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษในมือต้องแตกละเอียดอย่างนั้น
ไม่มีใครหัวเราะเยาะหลินซิม่อกับท่าทางที่ระมัดระวังและเคารพเลื่อมใสอย่างนั้นของนาง อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญตนผู้น้อยอย่างหลินซิม่อเลย ต่อให้เป็นระดับผู้อาวุโสของสำนักเจ้าลัทธิ หากให้พวกเขามีโอกาสได้ครอบครองเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษล่ะก็ ก็จะต้องให้ความระมัดระวังเช่นกัน ไม่แน่นักอาจถึงขนาดอมเอาไว้ปากกลัวละลาย ประคองอยู่บนฝ่ามือเกรงจะแตกละเอียด จะอย่างไรเสียเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษไม่กี่เหรียญก็สามารถทำให้คนผู้หนึ่งได้รับประโยชน์ไปชั่วชีวิต สามารถทำให้ร่ำรวยไปชั่วชีวิต
ลองนึกภาพดู ด้วยเหรียญแท้จริงที่ล้ำค่าเพียงหนึ่งไม่มีสองเช่นนี้ ใครบ้างเล่าจะไม่ระมัดระวังเล่า? ใครบ้างล่ะที่ไม่รอบคอบยิ่งนักกันเล่า
ขณะที่หลินซิม่อล้วงหยิบเอาเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษสิบกว่าเหรียญออกมาจากถุงจักรวาลใบเล็กๆ นั้น หวู่ปิงหนิงที่ได้เตรียมใจเอาไว้แล้วยังถูกทำให้ตกใจอย่างยิ่ง นางยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คงจะทุ่มด้วยเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงจำนวนมหาศาล กระทั่งเป็นเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริง ชนิดสิบสองลัคนา นึกไม่ถึงเลยว่าแค่หยิบออกมาก็เป็นเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ ด้วยมาดหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ถึงขั้นไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเปรยได้อีกแล้ว พูดได้แต่เพียงว่าเป็นความสุรุ่ยสุร่ายแล้ว
มองดูหลินซิม่อจัดแจงนำเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษวางเรียงอยู่ตรงนั้นทีละเหรียญๆ ไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่ที่จ้องรวมกันอยู่บนเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษที่ส่งประกายแวบวับ ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องใจเต้นตุมตาม มองดูเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษที่ส่งประกายแวบวับแล้ว คล้ายดั่งเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษทุกๆ เหรียญล้วนแล้วแต่บ่มฟักดวงดาวจำนวนเป็นล้านล้านดวงเอาไว้ ทุกๆ เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษหนึ่งเหรียญก็คือหนึ่งโลกธาตุ มีพลังที่ไม่มีสิ้นสุดในครอบครอง
‘เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษ’ แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิยังต้องกลืนน้ำลายลงคอ และพึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่า ในแดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอยู่เป็นหมื่นพัน แต่ทว่า ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่มีเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษในครอบครองจริงๆ ไม่เห็นจะมีสักเท่าไร ต่อให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางส่วนมีเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครอง ก็จะถูกจัดให้เป็นทรัพย์สินที่สำรองอยู่ในคลังสมบัติ อย่าว่าแต่ศิษย์ธรรมดาทั่วไปเลย ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษทั่วไปก็ไม่มีอำนาจนำมันมาใช้
จะอย่างไรเสียในหมื่นยุคที่ผ่านมา ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากที่ได้มีการสืบทอดมาแล้วเป็นพันล้านปี กระทั่งนับล้านล้านปีมาแล้ว ต่อให้ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาเคยทิ้งเหรียญแท้จริงเอาไว้ให้กับชนรุ่นหลัง แต่ทว่าในห้วงเวลาอันยาวนานเช่นนี้ เกรงว่าบรรดาเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเหล่านี้คงถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตามเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากมีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แล้วราชวงศ์เล่ามากุมอำนาจ มีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มบุคคลชุดแล้วชุดเล่า ราชวงศ์ที่ปกครองระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากก็ไม่ใช่ชนรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษในครั้งนั้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว โอกาสที่ราชวงศ์ผู้สืบทอดเหล่านี้จะมีเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครองครองก็ยิ่งน้อยลงไป
เฉกเช่นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง เช่นสุสานกระบี่อย่างนั้น พวกเขาไม่ใช่ทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษมานานแล้ว แม้ว่าพวกเขาเคยมีราชันแท้จริง และพวกเขาก็มีเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงในครอบครองที่สามารถนำออกมาซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่ว่า หากจะให้พวกเขาหยิบเอาเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษออกมาก็จะเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้ว่าในคลังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพวกเขาจะมีเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษอยู่ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ใช้มัน อย่างมากก็มองดูสักแวบหนึ่งแก้ความอยากเท่านั้น
สีหน้าของคุณชายพานหลงและเจี้ยนจุนพลันหมองคล้ำลงทันที ขณะมองดูหลินซิม่อจัดเรียงเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษทีละเหรียญๆ เมื่อครู่พวกเขาล้วนแล้วแต่มีจิตโอ้อวดอยู่หลายส่วน เป็นการอวดอ้างความร่ำรวยของพวกเขาด้วยเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงของพวกเขา กระทั่งมีลักษณะของการยั่วยุท้าทายต่อหลี่ชิเย่
เวลานี้ หลินซิม่อที่ทำการวางเรียงเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษทีละเหรียญๆ ในความเป็นจริงแล้วหลินซิม่อไม่ได้มีใจต้องการโอ้อวด เพียงแต่เกิดจากความเลื่อมใสศรัทธาและการให้ความเคารพเท่านั้นเอง
แต่ว่า การที่หลินซิม่อทำการวางเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษทีละเหรียญๆ เป็นอย่างดีเช่นนี้แหละ อีกทั้งยังวางอย่างระมัดระวัง ทุกๆ เหรียญล้วนแล้วแต่ต้องวางให้ตรงกันเป็นระเบียบเรียบร้อย เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษแต่ละเหรียญกว่าจะวางเรียบร้อยได้ก็ต้องอาศัยเวลานิดหนึ่ง
ในสายตาของคุณชายพานหลงกับเจี้ยนจุน ท่วงท่าเช่นนี้พลันกลายเป็นการโอ้อวดในทันที กลายเป็นว่าเหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง เมื่อครู่พวกเขายังแสดงพลัง ท่าทางยั่วยุต่อหลี่ชิเย่
เอาแล้วสิเวลานี้ หลี่ชิเย่แค่โยนเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษออกมาตามอารมณ์ พลันบดขยี้สยบเหรียญแท้จริงชั้นราชันแท้จริงไปแล้ว ดังนั้น ทุกๆ เหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษที่หลินซิม่อวางเรียงลงไปหนึ่งเหรียญก็คล้ายเป็นการตบหน้าพวกเขาทีหนึ่ง เพียะ เพียะ เพียะเป็นการตบลงบนหน้าของพวกเขาอย่างแรงรวดเดียวสิบกว่าทีอย่างนั้น
ดังนั้น ยิ่งหลินซิม่อใช้เวลาในการจัดวางเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษนานเท่าไร ทำให้สีหน้าของคุณชายพานหลง และเจี้ยนจุนยิ่งดูไม่จืดมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษสิบกว่าเหรียญนี้จัดวางเรียบร้อยแล้วยิ่งดูระเคืองตามากเป็นพิเศษ ทั้งคุณชายพานหลงและเจี้ยนจุนสองคนล้วนแล้วแต่หน้าหมองคล้ำหันหน้าไปที่อื่น ไม่ยอมจ้องมองเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษสิบกว่าเหรียญนี้อีกต่อไป พวกเขาก็ละอายที่จะมอง
หวู่ปิงหนิงถึงกับเม้มปากยิ้มเบาๆ เมื่อมองเห็นหลินซิม่อทำขยับไปมากับเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเหล่านี้ หลินซิม่อนั้นไม่ได้ตั้งใจ นางไม่ได้ทำเพื่อเป็นการโอ้อวดอย่างแท้จริง และไม่ได้เป็นการเยาะเย้ยต่อพวกคุณชายพานหลง แต่การกระทำที่ไม่ตั้งใจของนาง กลับกลายเป็นระคายเคืองตามากในสายตาของพวกคุณชายพานหลง ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง
สำหรับบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่หัวเราะเยาะเย้ยหลี่ชิเย่เหล่านั้น เวลานี้ได้ก้มหน้าก้มตาลงไม่กล้าพูดอะไรสักคำ การโยนเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษออกมาอย่างตามอารมณ์เช่นนี้มันก็เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรงแล้ว
แม้แต่บรรดาปฐมบรรพบุรุษบางส่วนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางลัทธิก็ต้องหัวเราะเจื่อนๆ กับคำว่า ‘เงินค่าขนม’ และกล่าวว่า “ผู้คนจำนวนเท่าไรชั่วชีวิตก็หาเงินค่าขนมเช่นนี้ได้ ไม่สิ ชั่วชีวิตก็หาค่าขนมได้เท่าเหรียญๆ หนึ่ง”
ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกอำนาจบาตรใหญ่ของหลี่ชิเย่สยบจนไม่กล้าหายใจแรงแล้ว ความพาลและอำนาจบาตรใหญ่ของเขาไม่สามารถเปรียบเปรยด้วยตัวอักษรอีกแล้ว
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ชั่วชีวิตไม่สามารถครอบครองเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษเพียงเหรียญเดียว เวลานี้เมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว แค่โยนออกมาตามใจก็คือเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษสิบกว่าเหรียญ นั่นยังเป็นเพียงแค่ค่าขนมเท่านั้น
ถ้าหากยังมีใครกล้าอวดร่ำอวดรวยต่อหน้าหลี่ชิเย่อีก ต้องถูกเขาตบหน้าทนโท่แน่นอน
สุดท้าย ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เมื่อหลี่ชิเย่โยนเหรียญแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษออกมาตามอารมณ์ เท่ากับเป็นการแน่นอนแล้วว่ากิจกรรมอวดร่ำรวยนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วในทันที ใครยังกล้าอวดร่ำรวยแข่งกับหลี่ชิเย่อีก?
ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ท่ามกลางมหาสมุทรที่ห่างไกลมองเห็นเพียงพายุที่โหมพัดอย่างหนัก คลื่นที่น่ากลัวสาดซัดถึงบนท้องฟ้า ทั้งยังมีคลื่นแต่ละลูกที่สูงกว่าลูกก่อนหน้า เสมือนหนึ่งพายุฝนกระหน่ำกำลังจะเกิดขึ้นอย่างนั้น
ภายใต้คลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด และเสียงคลื่นที่ดังไม่ขาดสาย คล้ายดั่งต้องการพลิกเอามหาสมุทรขึ้นมาอย่างนั้น
“กำลังจะมาแล้ว” ระดับบรรพบุรุษเปิดเนตรฟ้าขึ้นมา มองไปยังมหาสมุทรที่ห่างไกล ถึงกับพึมพำออกมา
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกจากพื้นที่ๆ ห่างไกล เมื่อเสียงนั้นเดินทางมาถึงก็เป็นเวลาที่ผ่านมานานมากแล้ว
สุดท้าย ได้ยินเสียงช่าาาเป็นเสียงของคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยที่พื้นผิวมหาสมุทรคล้ายดั่งเป็นพรมที่ถูกพลิกขึ้นอย่างนั้น มองเห็นใต้ทะเลดำมืดไปหมด โดยความมืดดำเหล่านี้คล้ายดเป็นคลื่นที่รุนแรงพุ่งขึ้นชายหาด
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามที่ดังขึ้นถี่ยิบไม่ขาดสาย ภายในระยะเวลาอันสั้นมองเห็นคลื่นที่รุนแรงดูดำมืดไปหมดได้ครอบคลุมมหาสมุทรไปทั้งหมด กระทั่งครอบคลุมท้องฟ้าภายในระยะเวลาอันสั้น
“ปี้โซ่วมาแล้ว” ระดับบรรพบุรุษที่มองไปยังระยะห่างไกล โดยที่สายตาของเขาสามารถมองได้ไกลไปถึงพันลี้ ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมาเมื่อมองเห็นคลื่นสีดำมืดที่ม้วนตัวเข้ามา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเปิดเนตรฟ้าขึ้นม เป็นจริงตามที่ว่า ในเวลานี้ปี้โซ่วจำนวนนับไม่ถ้วนได้ทยอยกันขึ้นบกแล้ว หลังจากขึ้นมาถึงชายหาด ปี้โซ่วก็เร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามายังทิศทางอันเป็นที่ตั้งเมืองปี้โซ่วเฉิง และมีปี้โซ่วที่กางปีกออกสองข้างโบยบินอยู่บนท้องฟ้า และบินมุ่งหน้ามายังเมืองปี้โซ่วเฉิงอย่างรวดเร็ว
จำนวนปี้โซ่วนับว่ามีจำนวนมากมายเหลือเกิน ยามที่ปี้โซ่วทั้งหมดวิ่งห้อเข้ามาก็คล้ายดั่งเป็นคลื่นที่สาดซัดอย่างรุนแรงเข้าครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดอย่างนั้น อีกทั้งใต้มหาสมุทรยังคงมีปี้โซ่วที่ขึ้นบกมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย เหมือนว่าไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนั้น
ไม่มีใครรุ้ว่าภายใต้มหาสมุทรมีปี้โซ่วอยู่จำนวนเท่าไรกันแน่ เพียงแค่พริบตาเดียว ดูเหมือนมีจำนวนปี้โซ่วที่ขึ้นบกแล้วนับล้านล้านตัว และมุ่งหน้ามาที่เมืองปี้โซ่วเฉิง คลื่นปี้โซ่วที่น่าสยองขวัญเช่นนี้นับว่าสร้างความหวาดผวาได้มากเหลือเกิน
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามที่ดังไม่ขาดสาย สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อฟ้าดิน ได้ยินแต่เสียงที่เหมือนการลั่นกลองอย่างนั้น ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงไปมา
เมื่อคลื่นปี้โซ่วที่น่าสยองขวัญเช่นนี้โหมสาดซัดเข้ามา สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อฟ้าดิน ขณะได้ยินเสียงดังตูม ตูม ตูมนั้น คลื่นปี้โซ่วที่น่าสยองขวัญเช่นนี้โหมบุกเข้ามา เรียกได้ว่าอานุภาพทำลายรุนแรงปราศจากสิ่งใดกั้นขวางได้ มองเห็นเส้นทางข้างหน้าของถนนสายนี้ป่าและต้นไม้ยักษ์ที่ขึ้นสูงตระหง่านเทียมฟ้าทั้งหมด พลันถูกเหยียบย่ำจนราบเรียบ เดิมทีมองเห็นเป็นพื้นที่ที่เขียวชอุ่ม กลับกลายเป็นถนนที่ราบเรียบและกว้างใหญ่ในทันที
อีกทั้งยังมีปี้โซ่วขนาดยักษ์ที่วิ่งชนกระแทกเข้ามา ได้ทำลายภูเขาเป็นลูกๆ มองเห็นเศษหินที่ปลิวว่อน เป็นภาพที่แลดูอลังการมาก และพื้นดินสั่นไหวโคลงแคลงไปมา
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับภาพเช่นนี้ ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรด้านหน้าของเมืองปี้โซ่วเฉิงจึงได้มีถนนที่ตรงและราบเรียบอยู่สายหนึ่งเชื่อมตรงไปถึงมหาสมุทร มันไม่ได้เกิดจากการสร้าง แต่เกิดจากการเหยียบย่ำดื้อๆ ของพวกปี้โซ่วนั่นเอง
…………………………………………..