ตอนที่ 2327 ความลึกลับของเมืองปี้โซ่วเฉิง
พวกของหลี่ชิเย่สามคนนั่งปี้โซ่วพุ่งเข้าไปในผนังหิน แต่ว่า พริบตาเดียวขณะที่พุ่งเข้าไปในผนังหินนั้น ทุกอย่างก็ได้หายไป ไม่มีผนังหินที่ใหญ่โตมโหฬารอยู่ตรงหน้า และไม่มีท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวที่ว่า แต่เป็นการเหยียบลงบนผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง
พื้นที่แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก พลันที่ได้เหยียบลงบนผืนแผ่นดินผืนนี้ พลันปรากฎความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามสายหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า เหมือนว่าสถานที่ตรงนี้เปี่ยมด้วยพลังชีวิตอย่างนั้น เหมือนว่าที่ตรงนี้คือป่าหญ้ารกชัฏที่กว้างใหญ่ไพศาลยุคดึกดำบรรพ์ ไม่มีผู้ใดได้เคยย่างกรายเข้ามาก่อน ณ ที่ตรงนี้เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่เป็นสีเขียวที่ไม่มีสิ้นสุด
แปลกมาก เมื่อนั่งปี้โซ่วเหยียบเข้ามารยังพื้นที่แห่งนี้นั้น หวู่ปิงหนิงถึงกับพูดขึ้นมาว่า กลิ่นอายที่ประหลาดมาก
ประหลาดอย่างไรล่ะ? หลินซิม่อไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลก จะอย่างไรเสียทักษณะของนางห่างชั้นมากเทียบไม่ได้กับหวู่ปิงหนิงอยู่แล้ว นางไม่ได้รับรู้ว่ามีอะไรแปลกประหลาด นางรับรู้เพียงความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามสายนั้นที่เข้ามาปะทะใบหน้าและความรู้สึกเขียวชอุ่มที่ไม่มีขาด
กลิ่นเน่าเปื่อยสายหนึ่ง หวู่ปิงหนิงขมวดคิ้ว และกล่าวว่า เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง ลักษณะของที่ตรงนี้ก็คล้ายดอกบัวต้นหนึ่งที่เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาที่ฮึกเหิมยิ่ง แต่ดินที่อยู่ใต้พวกมันกลับฝังศพๆ หนึ่งเอาไว้ บอกได้แต่เพียงมันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก แม้ว่ากลิ่นอายที่นี่จะเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา กระทั่งมีพลังชีวิตอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก แต่ภายใต้พลังชีวิตนี้กลับมีความเน่าเปื่อยสายหนึ่งที่ทำอย่างไรก็ปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ไม่ได้
มีหรือ? หลินซิม่อถึงกับทำท่าดมไปรอบๆ แต่นางดมได้ออก และไม่สามารถรู้สึกได้ หน้าแดงและเอ่ยขึ้นด้วยความขวยเขินว่า ข้า ข้ามีทักษะที่อ่อนเกินไป ไม่อาจรู้สึกได้
มีความรู้สึกเช่นนี้ก็ถูกแล้วล่ะ หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ว่า เป็นดั่งที่เจ้าพูดมานั่นแหละ ภายใต้ความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถปิดบังความเน่าเปื่อยสายนั้นได้
ที่ ที่นี่มีคนตายจริงๆ รึ? หลินซิม่อถึงกับเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่
ไม่แน่เสมอไปว่าต้องเป็นคนตาย แน่นอน มีคนตายแน่ๆ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า ทั้งยังมีการตายเป็นจำนวนมาก เกรงว่ามากจนนับไม่ถูก
มีคนตายมากมายเลยรึ? หลินซิม่อถึงกับตกใจอย่างยิ่งกับคำพูดเช่นนี้
มีปี้โซ่วด้วยเหมือนกัน หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ห่างไกลและกล่าวเฉยเมยว่า ทั้งยังตายเป็นจำนวนมากมายอีกด้วย มีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ฝังร่างอยู่ที่ตรงนี้
ที่นี่เป็นสถานที่อย่างใดกันแน่? หวู่ปิงหนิงนั้นแกร่งกว่าหลินซิม่อไม่รู้เท่าไร หลินซิม่อนั้นไม่สามารถรับรู้ได้ แต่นางกลับสามารถรับรู้ได้ถึงข้อแตกต่างของผืนแผ่นดินผืนนี้ เพียงแต่ความรู้สึกเช่นนี้นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง นางเองก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังความรู้สึกเช่นนี้มีสภาพการณ์เป็นอย่างไรกันแน่
มีการตาย จึงมีการถือกำเนิดใหม่ หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า การถือกำเนิดใหม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความตาย กล่าวสำหรับเจ้าแล้วมันคือความตายอย่างหนึ่ง แต่กล่าวสำหรับสิ่งมีชีวิตบางอย่างแล้วมันก็แค่การถือกำเนิดใหม่เท่านั้น ศพของเจ้า หรือกล่าวว่าการตายของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนนั้น เป็นเพียงปุ๋ยของบางสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่เท่านั้นเอง เป็นเพียงสารบำรุงอย่างหนึ่งเท่านั้น
หลินซิม่อถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ รู้สึกเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง
สิ่งนี้ฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีอะไร หวู่ปิงหนิงถึงกับยิ้มเจื่อนๆ และเอ่ยขึ้น
แต่เดิมสถานที่ไถ่ถอนก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรอยู่แล้ว หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า สถานที่ลักษณะเช่นนี้มันช่างมหัศจรรย์นัก ที่ตรงนี้มันมีกฎระเบียบอยู่มากมายเท่าใด หรือว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างนั้นรึ? หรือจะบอกว่ากฎระเบียบทุกอย่างที่อยู่ในนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างนั้นรึ? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าที่ หรือว่าตำหนักหมีเซียน และหรือเมืองปี้โซ่วเฉิงอย่างนี้ หรือว่ามันมีมาแต่กำเนิดรึ?
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้หวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อสะดุ้งอยู่ในใจ เมื่อเอ่ยถึงเงินทองตกพื้น ผู้คนจำนวนมากคิดถึงของวิเศษ และหรือโชควาสนาอะไรทำนองนั้น เป็นความจริงที่มีสักกี่คนได้ไปสืบเสาะมันถึงแก่น มีสักกี่คนที่ไปศึกษาค้นคว้าถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง เหมือนว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เคยชินกับรูปแบบการดำรงชีวิตอยู่ของเงินทองตกพื้นเสียแล้ว เหมือนว่ามันก็เป็นเช่นนี้เองแหละ
สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น สร้างความงงงันให้กับหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อ เหมือนว่าคำตอบกำลังจะโผล่ออกมาแล้วอย่างนั้น ยังไม่ต้องไปพูดถึงอย่างอื่น เฉกเช่นตำหนักหมีเซียบน เป็นไปได้หรือที่มันเกิดขึ้นเองธรรมชาติ? เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ คงมีผู้สร้างขึ้นมาภายหลัง
ถ้าหากว่ามีผู้สร้างมันขึ้นมาภายหลังจริงๆ ล่ะก็ ปัญหาเกิดแล้วล่ะ ใครกันนะที่เป็นผู้สร้างตำหนักหมีเซียนขึ้นมากันแน่?
หรือว่าพวกเจ้าไม่เคยนึกถึงเลยรึ? เหรียญแท้จริงจำนวนมากถูกใช้จ่ายในเงินทองตกพื้นมากมายเช่นนั้น เงินที่ถูกหลอมละลายไปทุกๆ ครั้งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย เช่นนั้นแล้ว เงินทองเหล่านี้มันหายไปไหนกันแน่? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่างเฉยเมยขึ้นมา
คำพูดนี้ทำให้หลินซิม่อและหวู่ปิงหนิงทั้งสองคนต้องงงงันอีกครั้ง พวกนางไม่เคยนึกถึงปัญหาข้อนี้จริงๆ เงินทองจำนวนมากมายที่หายไปในเงินทองตกพื้น เช่นนั้นแล้วเหรียญแท้จริงเหล่านี้มันไปอยู่ไหนกันแน่เล่า? เวลานี้หวู่ปิงหนิงกับหลินซิม่อต่างก็ตอบไม่ได้ พวกนางก็ไม่รู้คำตอบ
แล้วมันหายไปไหนกันแน่นะ? หวู่ปิงหนิงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาคำหนึ่ง
หลี่ชิเย่อมยิ้มและมองไประยะห่างไอมยิ้มและมองไประยะห่างไกล หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงได้พูดเอ้อระเหยขึ้นมาว่า ไปยังที่ที่พวกมันควรจะไป จะอย่างไรเสียชีวิตบางชีวิตไม่เหมือนดั่งที่เจ้าจินตนาการ เป็นชีวิตที่มีรูปแบบแตกต่างกัน
หวู่ปิงหนิงไม่เข้าใจ หลินซิม่อยิ่งไม่เข้าใจ แต่เมื่อหลี่ชิเย่ไม่ต้องการกล่าวมากความ พวกนางก็ไม่อยากถามอะไรมาก
พวกเราไปที่ไหนกันล่ะ? หลังจากได้สติกลับมาแล้ว หวู่ปิงหนิงถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา
มันจะพาไปยังสถานที่ที่พวกเราต้องการจะไป ยิ่งปี้โซ่วมีความแข็งแกร่งมากเท่าไร ก็สามารถไปได้ไกลมากขึ้นเท่านั้น โอกาสก็ยิ่งมาก หลี่ชิเย่หัวเราะพูดขึ้นพร้อมกับตบสัมผัสปี้โซ่ว
เจ้าปี้โซ่วขาเดียวตัวนี้ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ มันก้าวไปข้างหน้าตลอดทาง แลดูไม่ได้รวดเร็วอะไรนัก แค่ก้าวไปทีละก้าวๆ เท่านั้นเอง แต่ความเร็วนั้นน่าตกใจยิ่ง หนึ่งก้าวพันลี้ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ก้าวข้ามฟ้าดินทันที
ดูเหมือนว่าเจ้าปี้โซ่วขาเดียวตัวนี้ก็รู้ว่าตัวเองต้องการไปที่ไหน ดังนั้น มันจึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย และไม่ชักช้าแม้แต่น้อยนิด
เนื่องจากความเร็วของปี้โซ่วตัวนี้รวดเร็วมากเหลือเกิน ต่อให้ก่อนหน้ามีปี้โซ่วตัวอื่นได้เข้ามายังพื้นที่แห่งนี้อยู่ก่อน แต่ในชั่วพริบตาเดียวก็ทิ้งพวกมันทั้งหมดไว้ข้างหลังชนิดไม่เห็นฝุ่น
ยิ่งไปกว่านั้น ผืนแผ่นดินนี้กว้างใหญ่ไพศาลเป็นอันมาก ไม่มีใครรู้ว่ามันกว้างใหญ่เท่าไรกันแน่ ดังนั้นหลังจากที่ปี้โซ่วจำนวนนับไม่ถ้วนได้เหยียบลงบนผืนแผ่นดินผืนนี้แล้ว พวกมันไม่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน ปี้โซ่วทุกตัวจะมุ่งไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในเวลานี้ปี้โซ่วจำนวนนับไม่ถ้วนจึงแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทาง
อีกทั้งดูเหมือนว่าปี้โซ่วแต่ละตัวล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายที่เป็นของตัวเองเฉพาะ ขณะที่พวกมันเหยียบลงบนผืนแผ่นดินนี้ พวกมันจะวิ่งห้อไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างไม่ลังเล เหมือนว่าพวกเขารู้อยู่แล้ว่าตนเองจะต้องวิ่งไปยังทิศทางใดโดยไม่จำเป็นต้องลังเล และไม่จำเป็นต้องเลือก
นี่พวกเราจะไปไหนกันเนี่ย? ผู้บำเพ็ญตนที่นั่งอยู่บนหลังของปี้โซ่วได้แต่ไปตามปี้โซ่วที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ไปถึงไหน
ใครจะไปรู้เล่า แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็ตอบไม่ได้ พวกเขาได้แต่ติดตามปี้โซ่วเหล่านี้ที่วิ่งไปอย่างรวดเร็วตลอดทาง พวกเขาเองก็ไม่มีเป้าหมายที่เป็นพิเศษ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมีของวิเศษ และไม่รู้ว่าที่ไหนมีสิ่งที่เรียกว่ากระดูกเต๋า และหรือตาน้ำสัตว์
ที่นี่ก็คือเมืองปี้โซ่วเฉิงรึ? มีผู้ที่มองเห็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้า ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับเมืองปี้โซ่วเฉิงที่อยู่ในจินตนาการ พวกเขายังเข้าใจว่าจะได้เข้าไปอยู่ในเมืองที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร
ช่างเถอะ พวกเราลงรถที่นี่ก็แล้วกัน ไม่สิ พวกเราลงจากสัตว์ที่นี่ก็แล้วกัน มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนและพรรคพวกบางคนทยอยกันกระโดดลงจากหลังของปี้โซ่ว
สำหรับปี้โซ่วนั้นไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขา ต่อให้พวกผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ทยอยกันกระโดดลงจากหลัง พวกมันยังคงวิ่งต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกเราลองค้นหาบริเวณนี้สักหน่อย ดูว่าจะสามารถค้นพบไข่ปี้โซ่ว กระดูกเต๋าที่เป็นของดีอะไรทำนองนั้น ผู้บำเพ็ญตนที่กระโดดลงจากปี้โซ่วกล่าวขึ้น
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้น แต่แล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ยังไม่ทันได้ค้นพบไข่สัตว์ กระดูกเต๋าที่เป็นของดีอะไรทำนองนั้น ทันใดนั้นเอง ดินที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาพลันพลิกตัวขึ้นมา พื้นผิวพลันแยกออก
ได้ยินเสียงดังคร๊ากกดังขึ้น มองเห็นใต้พื้นดินมีโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารโผล่และคลานขึ้นมา โดยที่โครงกระดูกขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้ดูเหมือนขณะมีชีวิตอยู่จะเป็นเสือร้ายขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าขณะมีชีวิตอยู่มันมีรูปร่างหน้าตาเช่นใด บอกได้แต่เพียงโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้เหมือนเสือดุร้ายตัวหนึ่ง
โอ้แม่เจ้า นี่มันตัวบ้าอะไรนะเนี่ย? การที่โครงกระดูกดังกล่าวคลานขึ้นมาจากใต้ดินเหมือนฟื้นคืนชีพอย่างนั้น ทำเอาบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนล้วนแล้วแต่ตกใจอย่างยิ่ง
โฮ่ววว…โครงกระดูกยักษ์โครงนี้ถึงกับส่งเสียงคำรามเหมือนเสียงคำรามของเสือ อ้าปากกว้าง พร้อมกับฟันเขี้ยวที่ขาววับงับใส่ผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้
อ๊ากกก…เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น ยังไม่ทันที่บรรดาผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้จะได้สติกลับมา พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกโครงกระดูกขนาดยักษ์นี้ขบกัดจนร่างแหลกเหลวภายในระยะเวลาอันสั้น ได้ยินเสียงดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกที่เป็นเสียงขบเคี้ยวดังไม่ขาดสาย ผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นถูกกัดจนแหลกละเอียดไปสิ้น
เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลรินลงมาตามโครงกระดูก และย้อมกระดูกทุกชิ้นจนแดงฉาน หลังจากที่โครงกระดูกนี้ถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงแล้ว โครงกระดูกขนาดยักษ์นี้ดูเหมือนได้ฟื้นคืนความมีชีวิตชีวามาได้ไม่น้อยทีเดียว ไม่ถูกสิ ต้องบอกว่ากลิ่นอายมรณะบนตัวของมันดูจะเข้มข้นมากกว่าเดิม
เหมือนว่ามันได้กินของบำรุงยอดเยี่ยมอะไรเข้าไปอย่างนั้น ทำให้โครงกระดูกนี้กลับกลายเป็นมีพลังชีวิตมากยิ่งขึ้นโดยพลัน
โฮ่ววว…ได้ยินโครงกระดูกยักษ์นี้ส่งเสียงคำรามเสียงดังขึ้นมา จากนั้นปัง ปัง ปังออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ถึงกับรู้จักไล่จับบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่นั่งมากับปี้โซ่วได้
เสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกก คร๊ากกกขึ้นมาเป็นระลอก ภายในระยะเวลาอันสั้น เจ้าโครงกระดูกขนาดยักษ์นี้ถึงกับกลืนกินปี้โซ่วเข้าไปรวดเดียวหลายตัว รวมทั้งผู้บำเพ็ญตนที่นั่งหลังมาด้วย
โอ้แม่เจ้า… มองเห็นกระทั่งโครงกระดูกยังฟื้นคืนชีพขึ้นมาไล่กินคนได้ ทำเอายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้าย มีปี้โซ่วที่แข็งแกร่งมากกว่าปรากฏ เห็นมันเพียงยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไป จัดการเหยียบโครงกระดูกยักษ์นี้แหลกเป็นผุยผง เป็นการยุติฉากของการไล่ล่าเหยื่อที่สะเทือนขวัญในครั้งนี้ไป
นี่ นี่มันคือตัวบ้าอะไรกันแน่? แม้ว่าโครงกระดูกยักษ์นี้ถูกเหยียบจนแหลกละเอียดไปแล้ว ยังคงมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นโครงกระดูกฟื้นคืนชีพ ทั้งยังไล่กินคนอีกด้วย นี้มันเหมือนศพที่ลุกขึ้นก่อนบรรจุลงโลงศพชัดๆ เหมือนมีวิญญาณของผู้ตายที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินเอาไว้อย่างนั้น
.