ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2338 มองอย่างเย้ยหยัน

ตอนที่ 2338 มองอย่างเย้ยหยัน
เลือดสดๆ ไหลรินอย่างช้าๆ ยอดฝีมือหลายร้อยคนจากสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นในลักษณะศีรษะแยกออกจากตัว กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลอยู่ปลายจมูกของทุกคน
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ผ่านอุปสรรคมาแล้วทั้งสิ้น กระทั่งมีระดับเทพแท้จริงอยู่ไม่มากก็น้อย แต่ทว่าวินาทีนี้ต่อให้เป็นเทพแท้จริงยังถึงกับขาทั้งสองข้างสั่นเทา กระบี่นี้ช่างปราศจากผู้ต่อกรเหลือเกิน
แม้แต่องค์ชายดาบมาร เจี้ยนจุน คุณชายพานหลงต่างตายภายใต้หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ นี่คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะระดับว่าที่ราชันแท้จริงนะเนี่ย อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนร่วมมือกันยังคงรับไม่ได้กับหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ หัวหลุดออกจากบ่าภายใต้หนึ่งกระบี่ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน
มันช่างเป็นหนึ่งกระบี่ที่น่ากลัวเช่นใด ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกถึงความน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงดาบสังหาร หรือว่าเทพหมื่นแขน เวลานี้ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว
“ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ทั้งสาม อย่าหวังรอดชีวิตไปจากที่นี่แม้แต่คนเดียว” คำพูดคำนี้ดังก้องอยู่ข้างหูของทุกๆ คน คำพูดนี้ไม่ได้เป็นการคุกคาม และหาใช่การข่มขู่ แต่เป็นการเล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างหวาดกลัวจนขนลุกซู่ ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็ไม่มียกเว้น ดังนั้น นาทีนี้เวลานี้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งยิ่งเช่นเทพแท้จริงดาบสังหาร เทพหมื่นแขน พวกเขาต่างอยู่ในสภาพเหมือนเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ทยอยกันหยิบเอาอาวุธออกมาเพื่อเตรียมการป้องกัน พวกเขาเองก็เป็นกังวลว่าหลี่ชิเย่จะลงมือโดยพลัน เพราะหากหลี่ชิเย่ลงมือกะทันหันก็จะน่ากลัวเหลือเกิน
บรรดาเหล่าบรรพบุรุษของสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ หลี่ชิเย่พลันลงมือก็สังหารเจ้าสำนักของพวกเขา สังหารผู้สืบทอดของพวกเขา และเมื่อลงมืออีกครั้งก็เข่นฆ่าศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือจำนวนหลายร้อยคนของพวกเขา นี่เป็นการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ต่อหน้าพวกเขาที่เป็นระดับบรรพบุรุษ
การกระทำเช่นนี้ เท่ากับเป็นการดูแคลนต่อสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาชัดๆ เป็นการท้าทายอำนาจของสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิโดยตรง
ลองนึกภาพดู ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง สุสานกระบี่ พวกเขาที่เป็นสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิมีความแข็งแกร่งเช่นใด สยบทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่กล้าเข่นฆ่าศิษย์จำนวนมากของพวกเขาในเวลาเดียวกันเช่นนี้เล่า
มาวันนี้ หลี่ชิเย่จัดการเข่นฆ่าศิษย์ของพวกเขาต่อหน้าต่อตา มันเป็นการตบหน้าสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาอย่างแรง เป็นการประกาศศึกกับสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขา
“หลี่ชิเย่ เกินไปแล้ว” เวลานี้เทพหมื่นแขนร้องตวาดเสียงดังออกมา พันแขนของพวกเขาได้หยิบยกของวิเศษแต่ละชิ้นชั้นมา หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมทิ้งตัวลงมา เสมือนหนึ่งเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ด้านหนึ่งที่ปกป้องตนเองเอาไว้
หลี่ชิเย่จ้องมองดูเทพหมื่นแขนด้วยท่าทีเย็นชา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เกินไปแล้วอย่างไร วันนี้ผู้มีชีวิตของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามอย่าหวังรอดชีวิตไปจากที่นี่แม้แต่คนเดียว”
ทุกคนต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่แอบรู้สึกใจหายใจคว่ำ นี่ต้องการกระทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ ต้องการสังหารสิ้นเหล่าบรรพบุรุษของสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ หากเป็นจริงตามนี้ล่ะก็ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามจะเสียหายหนักเช่นใด เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว เท่ากับไม่ขออยู่ร่วมโลกกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามแล้ว หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย อาศัยกำลังเพียงลำพังคนเดียวไปท้ารบกับสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ช่างเป็นพฤติกรรมที่พาลเช่นใด
ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่า ลักษณะของความดุดันและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ คงมีเพียงหลี่ชิเย่ที่เป็นคนโหดเพียงคนเดียวที่ทำได้เช่นนี้ และสมกับท่วงท่าที่ดุดันของเขาเช่นนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
“พวกเราระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสาม มียอดฝีมือเป็นล้านล้าน…”เทพหมื่นแขนร้องกล่าวเสียงดัง ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่สวยหรูก็ดี หรือว่าคำพูดที่ปลุกความฮึกเหิมตนก็ช่าง เทพหมื่นแขนก็จำเป็นต้องทำ มิฉะนั้นแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงของพวกเขาอย่าหวังได้โงหัวขึ้นมาในแดนลัทธิพรรษได้อีก
ลองนึกดู พวกเขาในฐานะที่เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ กลับถูกสยบโดยหลี่ชิเย่เพียงคนเดียว จากนี้ไปราชวงศ์แปดแขนของพวกเขาจะปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงได้อย่างไรกัน จะทำให้ผู้คนยอมศิโรราบได้อย่างไร? จะให้สำนักจำนวนเป็นพันเป็นหมื่นภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงหวั่นเกรงต่ออำนาจของพวกเขาได้อย่างไร?
“พวกคนขี้แพ้กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทเทพหมื่นแขน กล่าวเมินเฉยว่า “ครั้งนั้นตอนอยู่ที่ลานกำแหงได้ไว้ชีวิตพวกเจ้ามาครั้งหนึ่ง วันนี้ยังกล้ามาทำเอะอะโวยวายต่อหน้าข้า! ดุท่าหากไม่ตัดหัวพวกเจ้าออกมาทั้งหมด คงคิดว่าข้าแค่ล้อเล่นสนุกๆ ล่ะสิ”
เทพหมื่นแขนพลันมีสีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซึดเมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา หน้าตาดูไม่จืดถึงขีดสุด
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ยืนดูอยู่รอบข้างในที่ห่างไกลต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำบอกเล่านี้แล้ว ถึงกับหวาดผวาจนหน้าถอดสี ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่คิดว่าจะเป็น่เช่นนี้
เนื่องจากก่อนหน้านี้ แม้ว่ากองทัพพันธมิตรที่โจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ประกาศตรงๆ ว่าเป็นพวกเขาที่รบชนะระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแห่ง แต่ข่าวคราวที่เปิดเผยออกมาจากกองทัพพันธมิตรนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าเป็นกองทัพพันธมิตรที่โจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแห่งจนได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพพันธมิตรจงใจชี้นำให้เข้าใจผิด ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นพวกเขาที่รบชนะระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เพื่อปกป้องหน้าตา และเกียรติยศของพวกเขา
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้เฉลยออกมา ซึ่งทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ที่แท้ในครั้งนั้นพวกของเทพหมื่นแขนที่บุกโจมตีเข้าไปยังลานกำแหงนั้น ไม่สามารถเอาชนะลานกำแหงได้ กลับจะเป็นพวกเขาที่เป็นผู้พ่ายแพ้ต่อหลี่ชิเย่!
เวลานี้หลี่ชิเย่อาศัยคำพูดเพียงคำเดียวก็เปิดโปงออกมา ทำให้ทุกคนรู้เรื่องที่แท้จริง ความจริงแล้วพวกเทพหมื่นแขนได้บุกโจมตีเข้าไปในลานกำแหงในครั้งนั้นไม่ได้เอาชนะระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ตรงกันข้ามเป็นพวกเขาที่เคยพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่!
จะไม่ให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องใจหายใจคว่ำได้อย่างไรกันเล่า เมื่อได้รับทราบข่าวลักษณะเช่นนี้ มิน่าเล่าคนโหดผู้นี้ถึงได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่และดุดันยิ่ง ที่แท้เคยเอาชนะกองทัพพันธมิตรมาก่อน แม้แต่เทพหมื่นแขนก็ยังเป็นผู้ที่เคยพ่ายแพ้แก่เขามาก่อน
หน้าตาของเทพหมื่นแขนดูไม่จืดอย่างยิ่ง เมื่อถูกเปิดโปงเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า จะอย่างไรเสียกองทัพพันธมิตรพวกเขาในครั้งนั้นมีกำลังที่องอาจห้าวหาญยิ่งนัก
“หลี่ชิเย่ อย่าทำเป็นลำพอง ที่ตรงนี้หาใช่ลานกำแหงพวกเจ้า ในมือเจ้าก็ไม่ได้มีต้นกำเนิดสัจธรรม ดูซิว่าเจ้าจะโอหังไปถึงเมื่อไร” จังหวะที่ใบหน้าของเทพหมื่นแขนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดอยู่นั้น เทพแท้จริงดาบสังหารจึงเข้ามาช่วยและกล่าวเสียงเย็นชาขึ้นทันที
“ฆ่าล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามอย่างพวกเจ้าเหลือๆ” หลี่ชิเย่มองหน้าพวกเขาด้วยท่าทีเมินเฉย และพูดเอ้อระเหยขึ้นมา
“ฆ่าล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสาม!” คำพูดที่พาลและโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต้องสบตากันและกัน ต่อให้เป็นระดับราชันแท้จริงก็ไม่กล้าบอกว่าจะฆ่าล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิง่ายๆ เช่นนี้ แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับพูดได้เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทุกท่าน ได้ยินแล้วสินะ? จอมมารแห่งพรรคมารนิสัยไม่เคยเปลี่ยน วันนี้พวกเราควรร่วมมือกันขจัดมารเพื่อพิทักษ์สัจธรรมแล้ว” เวลานี้ เทพหมื่นแขนร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาทันที และกล่าวกับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หากพวกเราไม่ร่วมมือกันกำจัดมารร้ายเช่นนี้ แดนลัทธิพรรษพวกเราจะไม่มีวันสงบสุข!”
“ระดับบรรพบุรุษของพวกเจ้าเข้ามาพร้อมๆ กันทีเดียวก็แล้วกัน ข้าจะได้ไม่ต้องจัดการทีละคนๆ” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “จะได้จัดการพวกเจ้าทั้งหมดให้สิ้นในสามถึงห้ากระบวนท่า”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ออกจะแสบแก้วหูยิ่งนัก ในเวลานี้ ระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ระดับบรรพบุรุษของสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์รวมกัน บวกกับยอดฝีมือคนอื่นๆ มีจำนวนนับพันคน ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์มีอยู่เกือบสิบคน
ยิ่งไปกว่านั้น ในจำนวนนั้นยังมีเทพหมื่นแขน เทพแท้จริงดาบสังหาร เทพกระบี่กูตู๋ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแท้จริงปราศจากผู้ต่อกร โดยเฉพาะเฉกเช่นเทพกระบี่กูตู๋นั้น ยิ่งนับได้ว่าดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อสู้กับราชันแท้จริงได้
“เมื่อเป็นดังนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องคุณธรรมอะไรกับจอมมารเช่นนี้ พวกเราร่วมมือเข้าไปด้วยกัน สังหารจอมมารนี้เสีย” เวลานี้เทพแท้จริงดาบสังหารก็ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
ในขณะนี้ ทั้งเทพแท้จริงดาบสังหารและเทพหมื่นแขนได้แลกเปลี่ยนสายตาทีหนึ่ง พวกเขาเตรียมร่วมมือกัน เนื่องจากในใจของพวกเขารู้แล้วว่า ลำพังอาศัยกำลังของพวกเขาคนใดคนหนึ่งไม่สามารถต้านหลี่ชิเย่ได้ แต่หากร่วมมือกัน บวกกับท่าไม้ตาของพวกเขา บางทีอาจมีโอกาสที่จะสู้ได้
“ข้าจะสู้กับเจ้าก่อน” ในขณะที่สามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือแล้วนั้น เทพกระบี่กูตู๋ได้ก้าวออกมาด้วยแววตาที่เย็นชาปราศจากความเห็นอกเห็นใจล็อคเป้าหลี่ชิเย่เอาไว้ โดยไม่กะพริบตาเลย
เรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบเทพกระบี่กูตู๋คือผู้ที่พูดน้อยที่สุด นับตั้งแต่หลี่ชิเย่ออกกระบี่วินาทีนั้นเป็นต้นมา สายตาคู่นั้นของเขาก็จับจ้องไปที่หลี่ชิเย่อย่างเดียวตาไม่กะพริบ โดยที่ดวงตาทั้งสองของเขาได้กลับกลายเป็นร้อนแผดเผาและตื่นเต้นดีใจ ท่าทางเหมือนคันไม่คันมืออยากลองเต็มที
“เทพกระบี่ พวกเราร่วมมือกัน สังหารจอมมารผู้นี้พร้อมๆ กัน” เทพหมื่นแขนรีบเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเทพกระบี่กูตู๋ก้าวออกมาคนเดียว
เนื่องจากในบรรดาพวกเขาเทพกระบี่กูตู๋คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งพวกเขายังมองว่าเทพกระบี่กูตู๋คือปลายกระบี่ที่แหลมคมที่สุด มีเพียงเขาที่สามารถต้านกระบี่ไวของหลี่ชิเย่ได้ เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋ต้องการสู้กับหลี่ชิเย่ตัวต่อตัว แล้วจะไม่ให้พวกเทพหมื่นแขนต้องร้อนรนได้อย่างไรเล่า
“นี่มันเรื่องของพวกเจ้า พวกเจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป สุสานกระบี่ก็เช่นกัน ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” เทพกระบี่กูตู๋ขี้คร้านจะไปสนใจพวกของเทพหมื่นแขน กระทั่งเจี้ยนจุนตายไปเขาก็ไม่ใส่ใจ ส่วนสุสานกระบี่จะร่วมมือกับพวกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงหรือไม่นั้น เขาขี้คร้านจะไปถามถึง
สายตาของเทพกระบี่กูตู๋มีเพียงวิชากระบี่เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเขามองเห็นกระบี่ไวของหลี่ชิเย่แล้วนั้น พลันทำให้ในใจของเทพกระบี่กูตู๋ดีใจอย่างยิ่ง เขาต้องการสู้กับวิชากระบี่เช่นนี้แหละ ส่วนจะชนะหรือพ่ายแพ้นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา
“เทพกระบี่” เทพแท้จริงดาบสังหารก็ออกปากพูดโน้มน้าว
“อย่ามากวนใจข้า” เทพกระบี่กูตู๋ไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ข้าทำการต่อสู้ชี้ขาด ใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่ากระบี่ในมือของข้าไม่เกรงใจ!”
เมื่อเทพกระบี่กูตู๋พูดคำๆ นี้ออกมา ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น เขาไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมมือกับพวกของเทพหมื่นแขนอยู่แล้ว กระทั่งกับสุสานกระบี่ก็ไม่ใยดี พูดคำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟัง ต่อให้สำนักของเจี้ยนจุนถูกคนเขาทำลายทิ้งเขาก็ไม่สนใจโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว ในตาของเขามีเพียงกระบี่เท่านั้น
เมื่อเทพกระบี่กูตู๋งัดคำพูดคำนี้ออกมา พวกเทพแท้จริงดาบสังหาร และเทพหมื่นแขนก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขามองตากันและกันแล้วค่อยๆ ถอยหลังกลับไป และปรึกษาหารือวิธีการรับมืออีกครั้ง
“อย่างนี้ก็ได้?” ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ระยะห่างไกลเมื่อมองเห็นท่าทีของเทพกระบี่กูตู๋แล้วพลันรู้สึกงงงัน เขาคือระดับบรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดของสุสานกระบี่นะเนี่ย พวกของเจี้ยนจุนถูกสังหาร เขาที่อยู่ในฐานะบรรพบุรุษคนหนึ่งกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย กระทั่งไม่มีความคิดที่จะแก้แค้นให้กับพวกของเจี้ยนจุน กระทั่งขี้คร้านจะไปรักษาอำนาจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเอง บรรพบุรุษเช่นนี้นับว่าเหลวไหลอยู่บ้าง
“อย่าลืมไปสิ เขาคือเทพกระบี่กูตู๋ ถ้าหากเขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรตามใจก็คงไม่โดดเดี่ยวแล้วล่ะ” ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่รู้จักนิสัยของเทพกระบี่กูตู๋ จึงไม่รู้สึกแปลกใจ
“แต่ทว่า เทพกระบี่กูตู๋ก็มีดีที่สามามรถยโสและกำแหงได้ วิชากระบี่ของเขายอดเยี่ยมมาก เฉกเช่นพวกของเทพหมื่นแขนหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว หนึ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ เขาไม่สามารถฝึกวิชากระบี่ของกระบี่อัจฉริยะ มิฉะนั้นล่ะก็ เขาคงก้าวไปถึงระดับอมตะนานแล้ว เขาเกิดมาเพื่อวิชากระบี่ เป็นอัจฉริยะบุคคลด้านวิชากระบี่แต่กำเนิด เสียดาย เคล็ดวิชาพื้นฐานของเขานั้นอ่อนด้อยเกินไป ถ้าหากเขาสามารถเข้าถึงสำนักสืบทอดของอัจฉริยะกระบี่ตั้งแต่เริ่มแรกฝึกวิชากระบี่ล่ะก็ ต้องยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน ไม่แน่นักอาจมีโอกาสเทียบเคียงกับเทพสงครามมังกรคชาธารก็เป็นได้”
…………….
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท