วัวขุยหนิวทุกพวกหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า เข้าไปยังเทือกเขาเทือกนี้ หลังจากที่เข้าไปยังเทือกเขาเทือกนี้ได้ไม่นานนัก มันก็หยุดไม่เดินต่อไป
หลังจากที่วัวขุยหนิวหยุดลงแล้ว มองเห็นที่ตรงนี้เป็นลำธารเล็กๆ ระหว่างภูเขา ตรงหน้ามีบ่อหินที่แห้งกรัง บ่อหินดูไปแล้วไม่เหมือนสร้างขึ้นโดยมนุษย์ มันมีหินทับถมอยู่ตรงนั้นมากมาย เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพียงแต่ปี้โซ่วที่มาดื่มน้ำบริเวณนี้มีเป็นจำนวนมาก นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นบ่อหินเช่นนี้
เพียงแต่บ่อหินที่เห็นอยู่ตรงหน้าได้แห้งกรังไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่วัวขุยหนิวหยุดอยู่ตรงนี้แล้ว มันก็ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่มีการเคลื่อนไหว เหมือนว่ากำลังรอคอยอยู่เงียบๆ อย่างนั้น
ถ้าหากยืนอยู่บนที่สูงแล้วมองลงมาให้ละเอียดถึงตำแหน่งที่วัวขุยหนิวรั้งอยู่นั้นก็จะพบว่า ถ้าหากเทือกเขาเทือกนี้คือสัตว์ขนาดยักษ์ที่หมอบอยู่ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วตำแหน่งที่วัวขุยหนิวยืนอยู่ก็คือด้านหน้าที่เป็นขากรรไกรล่างของสัตว์ขนาดยักษ์ตัวนี้ เหมือนว่าในอดีตสัตว์ยักษ์ตัวนี้เคยก้มดื่มน้ำอยู่ที่ตรงนี้อย่างนั้น
นี่มันทำอะไร? หวู่ปิงหนิงถึงกับเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นปี้โซ่วที่เป็นวัวขุยหนิวยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก
รอ หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนหัวไหล่ของวัวขุยหนิวหลับตาพักผ่อนกายา เหมือนว่าไม่รีบร้อนแม้แต่นิดเดียว
หวู่ปิงหนิง กับหลินซิม่อได้แต่รอคอยอย่างเงียบๆ ตามไปด้วย พวกนางต่างไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลี่ชิเย่ที่มายังปี้โซ่วเฉิงเพื่ออะไรกันแน่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ได้ยินเสียงช่าาาดังขึ้น มองเห็นบ่อหินพลันปรากฏน้ำพุที่ผุดขึ้นมา น้ำพุที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดินออกเป็นสีน้ำนม อีกทั้งขณะที่น้ำพุลักษณะเช่นนี้ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินนั้น ได้กลิ่นหอมสายหนึ่งที่โชยเข้ามาแตะจมูก เหมือนจะเป็นกลิ่นหอมของนม
ในเวลานี้เอง พื้นที่แห่งนี้ได้ปรากฏตาน้ำสัตว์เช่นนี้ขึ้นมาหลายแห่ง ถ้าหากมีใครสามารถเปรียบเทียบตาน้ำสัตว์ที่อยู่ตรงหน้ากับตาน้ำสัตว์ที่อื่นๆ ล่ะก็ จะต้องพบว่าตาน้ำสัตว์ที่อยู่ตรงหน้ามีสีขาวน้ำนมยิ่งกว่า อีกทั้งยังมีความเข้มข้นมากกว่า เข้มข้นจนเหมือนน้ำนมของสัตว์อย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม หากดมกลิ่นของมันอย่างละเอียดล่ะก็ จะพบว่ากลิ่นหอมที่แผ่กระจายออกมาจากตาน้ำสัตว์ที่อยู่ตรงหน้ามีกลิ่นหอมที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า กระทั่งท่ามกลางกลิ่นหอมของนมนี้มีกลิ่นเย็นสะอาดอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเปรียบเทียบกับตาน้ำสัตว์อื่นๆ แล้ว เหมือนว่าตาน้ำสัตว์ที่อยู่ตรงหน้านี่แหละคือต้นกำเนิดของตาน้ำสัตว์อย่างนั้น ขณะที่ตาน้ำสัตว์ที่อื่นๆ เหมือนผ่านการเจือจางแล้วอย่างนั้น เทียบไม่ได้กับตาน้ำสัตว์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่ตาน้ำสัตว์ปรากฏขึ้นแล้ว วัวขุยหนิวได้ก้มดื่มในทันที ดื่มอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่มีปี้โซ่วตัวอื่นๆ มาแย่งกับมัน โดยที่วัวขุยหนิวยึดครองตาน้ำสัตว์บ่อนี้ทั้งหมดโดยลำพัง
ตาน้ำสัตว์…หวู่ปิงหนิงถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมา นางเองก็เคยได้ฟังตำนานเรื่องนี้มาก่อน เพียงแต่ไม่นึกว่าจะได้เห็นกับตาตนเอง
น้ำจากตาน้ำสัตว์นี้มีประโยชน์อย่างไร? หลินซิม่อเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
สามารถบำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาว หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย ขณะที่กล่าวสำหรับปี้โซ่วแล้วจะมีประสิทธิผลมากกว่า กระทั่งทำให้มันกลับคืนสู่วัยอ่อนเยาว์ได้
บำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาว! หลินซิม่อถึงกับหวั่นไหวในใจ มองดูตาน้ำสัตว์ที่ไหลจ๊อกๆ อยู่ตรงหน้า นางเองถึงกับใจเต้นตูมตาม
แน่นอน ด้วยอายุของหลินซิม่อในขณะนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำจากตาน้ำสัตว์มาบำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาว แต่ว่า ผู้เฒ่าของตระกูลหลินของเขาต้องการ ด้วยกำลังความสามารถของตระกูลหลินพวกเขาก็ไม่มีต้นทุนพอที่จะมาสถานที่เช่นนี้ได้
แม้ว่าหลินซิม่อจะหัวใจเต้นตูมตาม แต่เมื่อมองเห็นปี้โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวนั้นก้มหน้าก้มตาดื่มกินอย่างเต็มที่ นางเองก็ได้กล้าทำบุ่มบ่าม ด้วยทักษณะยุทธที่อ่อนด้อยเช่นนาง หากกล้าแย่งชิงตาน้ำสัตว์กับปี้โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวล่ะก็ เกรงว่ามันแค่เป่าลมเบาๆ ก็สามารถทำให้นางต้องกลายเป็นเถ้าธุลีแล้ว
ไปเถอะ นำติดตัวกลับไปบ้างก็ดี หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็เท่ากับมาปี้โซ่วเฉิงเสียเที่ยวแล้ว อีกทั้ง น้ำจากตาน้ำสัตว์ที่ตรงนี้เมื่อเทียบกับตาน้ำสัตว์ที่อื่นๆ ไม่รู้ว่าล้ำค่ากว่ากันเท่าไร ถ้าหากเจ้าไม่ได้นั่งโดยสารมากับปี้โซ่วระดับนี้มา เกรงว่าเจ้าเองก็ไม่มีโอกาสได้น้ำจากตาน้ำสัตว์ลักษณะเช่นนี้
เมื่อหลี่ชิเย่ออกปากแล้ว หลินซิม่อรู้สึกดีใจอย่างยิ่งรีบลงไปเพื่อรองเอาน้ำจากตาน้ำสัตว์
ข้าก็เอากลับไปบ้าง หวู่ปิงหนิงก็กระโดดลงมา นำเอาขวดวิเศษออกมาเพื่อบรรจุน้ำจากตาน้ำสัตว์ แม้ว่านางเองก็ไม่ต้องพึ่งพาน้ำจากตาน้ำสัตว์เช่นกัน แต่ว่า ก็สามารถนำไปคารวะต่อผู้อาวุโส และหรือเก็บไว้ใช้ในภายหลัง
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะหลี่ชิเย่ที่ออกปากพูดขึ้นมา และหรือเป็นเพราะไม่มีปี้โซ่วตัวอื่นๆ มาแย่งตาน้ำสัตว์ ปี้โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวขณะดื่มกินอย่างเต็มที่เพียงเหลือบมองพวกหลินซิม่อทีหนึ่งเท่านั้น แล้วก็ดื่มกินอย่างเมามันต่อไป ขี้คร้านจะไปสนใจพวกนางสองคน
หลังจากนั้น หลี่ชิเย่ก็รองเอาไปขวดหนึ่งตามอารมณ์ มองดูท้องฟ้าทีหนึ่งและกล่าวเฉยเมยว่า ได้เวลาต้องเดินทางต่อไปแล้ว
เป็นไปตามคาด หลังจากหลี่ชิเย่พูดขาดคำ ได้ยินเสียงดังกรุ กรุ กรุขึ้นมา น้ำจากตาน้ำสัตว์ที่เมื่อครู่ยังเห็นเต็มบ่ออยู่เลยพลันรั่วซึมลงดินทั้งหมดในชั่วพริบตาเดียว บ่อหินได้กลับกลายเป็นไม่เหลือน้ำแม้แต่หยดเดียว
ในเวลาเดียวกันนี้เอง น้ำของตาน้ำสัตว์ที่มีอยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่แห้งขอดในทันที น้ำของตาน้ำสัตว์ทั้งหมดหายไปภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่สนใจว่าปี้โซ่วทั้งหมดจะได้ดื่มกินน้ำจากตาน้ำสัตว์แล้วหรือยัง เหมือนว่าเมื่อถึงเวลา น้ำจากตาน้ำสัตว์ทั้งหมดก็จะหายไปพร้อมกัน
สารเลวเอ๊ย ข้ายังไม่ทันได้รองน้ำจากตาน้ำสัตว์เลย! มีผู้บำเพ็ญตนอดที่จะสบถออกมาเมื่อเห็นตาน้ำสัตว์แห้งขอดไปในพริบตา
ข้ามาช้าไปแล้ว…มีผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งจะมาถึง ตาน้ำสัตว์ก็หายไปแล้ว เขาถึงกับแหงนหน้าร้องคำรามเสียงดังออกมาด้วยความเสียใจและโกรธตัวเอง
ไม่เพียงแต่ผู้บำเพ็ญตนที่รู้สึกโกรธตัวเองและเสียใจ กระทั่งมีปี้โซ่วจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นตาน้ำสัตว์หายไปก็ชูคอร้องคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ ไม่รู้ว่ามีปี้โซ่วจำนวนเท่าไรที่ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำจากตาน้ำสัตว์เลย ต้องมองดูตาน้ำสัตว์ที่หายไปตาปริบๆ ในขณะนี้ พื้นที่แห่งนี้ปรากฎเสียงแต่ละเสียงของสัตว์ที่ร้องคำรามขึ้นมา เสียงร้องของสัตว์สะเทือนฟ้าดิน ทำเอาผู้คนจำนวนมากรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจไป
เมื่อตาน้ำสัตว์หายไปแล้วนั้น ปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิวกลับสงบนิ่งมาก เหมือนว่ามันเห็นจนชินชาแล้ว ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดแต่อย่างใด
พวกเราไปกันเถอะ หลี่ชิเย่สั่งการออกไป เมื่อเห็นว่าตาน้ำสัตว์ได้หายไปแล้ว
หวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อได้สติกลับมา ต่างทยอยกันกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของวัวขุยหนิว เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อไป
ในเวลานี้ วัวขุยหนิวได้ออกเดินทางต่อไปแล้ว โดยมุ่งหน้าลึกเข้าไปยังเทือกเขาเทือกนี้ เหมือนว่ามันไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก ดูจะคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอันมาก กระทั่งเรียกได้ว่าชำนาญลู่ทางเป็นอย่างดี
เทือกเขาเทือกนี้มีความยาวต่อเนื่องเป็นแสนลี้ กว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก ท่ามกลางเทือกเขาที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ ภูเขาที่มีรูปร่างประหลาดมีให้เห็นทั่วไป และทิวทัศน์ที่งดงามมีให้เห็นกันไม่หวั่นไม่ไหว มีน้ำตกที่ตกลงมาจากฟ้า มีภูเขาน้ำแข็งคล้ายมังกรหยกพันลอบ และมีบึงน้ำที่คล้ายดั่งหยกมรกตและไข่มุก
ที่ตรงนี้เสมือนหนึ่งเป็นผืนแผ่นดินที่เป็นเอกเทศอย่างนั้น ทำให้ผู้ใดก็ตามหากได้เข้ามาก็ต้องชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง
แน่นอน ท่ามกลางเทือกเขาลักษณะเช่นนี้ มีของวิเศษที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว ขณะที่วัวขุยหนิวเดินผ่านยอดเขาลูกหนึ่ง บนผนังหินของยอดเขามีรังอยู่รังหนึ่ง
มองเห็นได้ว่ารังนี้สร้างขึ้นมาจากขนนกของวิหคเทพ โดยขนนกดังกล่าวมีประกายสีทองที่ไหลรินอยู่ และดูอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง เหมือนว่ามันคือขนนกที่นุ่มนวลที่สุดในโลกอย่างนั้น
ท่ามกลางรังที่สร้างขึ้นมาจากขนนกลักษณะเช่นนี้ มีไข่ปี้โซ่วอยู่ในนั้นหนึ่งฟอง โดยที่ขนาดของไข่ไม่ได้ฟองใหญ่มากนัก เท่าๆ กับชามขนาดใหญ่เท่านั้นเอง เทียบกับที่อื่นที่ไม่ทันใดก็ใหญ่โตเท่ากับอ่างล้างหน้า เมื่อเทียบกันแล้ว ไข่ปี้โซ่วฟองนี้ดูจะมีขนาดกะทัดรัดมากทีเดียว
ไข่ปี้โซ่วฟองนี้คล้ายดั่งหยกมรกตอย่างนั้น แผ่แสงสีเขียวที่อ่อนโยนออกมา ด้วยไข่ปี้โซ่วที่สวยงามเช่นนี้มองดูแล้วคล้ายดั่งเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ทำให้ยากที่จะจินตนาการว่ามันคือไข่ฟองหนึ่ง
ด้วยไข่ปี้โซ่วลักษณะเช่นนี้แหละ มันถึงกับปรากฏเป็นไฟบรรลัยกัลป์ออกมาเป็นระยะๆ ไฟบรรลัยกัลป์ชนิดนี้น่ากลัวยิ่งนัก อย่าว่าแต่เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปเลย เกรงว่าเทพแท้จริงระดับธรรมดาหากมือไปสัมผัสเข้าก็ต้องถูกเผาเป็นจุณเป็นแน่แท้
ไข่ปี้โซ่วนะเนี่ย หวู่ปิงหนิงถึงกับรู้สึกประทับใจและเอ่ยขึ้น เมื่อมองเห็นไข่ปี้โซ่วฟองนี้
ไข่ชั้นดี หลี่ชิเย่มองดูไข่ปี้โซ่วฟองนี้แล้ว ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า แม้ว่าจะไม่สามารถฟักออกมาเป็นหงส์เพลิงได้ แต่ สายเลือดของมันก็คงใกล้เคียงกับหงส์เพลิงแล้วล่ะ ไม่แน่นักอนาคตอาจมีสิทธิ์เหมือนเช่นปี้โซ่วตัวนี้ก็เป็นได้ กล่าวพลางตบหัวของปี้โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวเบาๆ
ไข่ปี้โซ่วที่มีความแข็งแกร่งเพียงนี้! ทั้งหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อต่างรู้สึกประทับใจ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่
ต่อให้นางไม่เคยพบเห็นปี้โซ่วตัวที่อยู่ตรงหน้าลงมือ แต่ขณะที่มันปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ปี้โซ่วทั้งหมดต้องหมอบกราบ ก็รู้ได้ว่าตัวของมันมีความแข็งแกร่งและน่ากลัวเพียงใด
ถูกต้อง หลี่ชิเย่พยักหน้าแต่ไม่ได้หวั่นไหว ปล่อยให้ปี้โซ่วทุกพวกเขาเดินจากไป
ทำไมไม่เอาล่ะ? เมื่อหวู่ปิงหนิงเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่หวั่นไหวให้รู้สึกแปลกใจ สมควรทราบว่า หากให้ใครทราบว่ามีไข่ปี้โซ่วลักษณะเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมีผู้คลั่งไคร้เท่าไรอย่างแน่นอน
แค่สายเลือดใกล้เคียงกับหงส์เพลิงเท่านั้นเอง ใช่ว่าเป็นหงส์เพลิงจริงๆ เสียเมื่อไร หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ถ้าหากเป็นหงส์เพลิงที่แท้จริงยังจะทำให้รู้สึกสนใจอยู่บาง แต่ทว่าแค่สายเลือดใกล้เคียงนับว่าห่างชั้นมากแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ปัญหาใช่ว่าจะอยู่ที่ตัวของเขาเองแข็งแกร่งหรือไม่อย่างใด สัตว์เทพมันมีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว คุณค่าของตัวมันเองย่อมอยู่เหนือพลังของตัวพวกเขาเอง นั่นแหละคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแท้จริง
มีจิตใจที่จะไปบ่มเพาะปี้โซ่วที่แข็งแกร่งสักตัว มิสู้บ่มฟักปฐมบรรพบุรุษสักคน หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า เฉกเช่นปี้โซ่วตัวนี้ เมื่อต่อสู้ชี้ขาดกับปฐมบรรพบุรุษก็จะไม่ได้เปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับปฐมบรรพบุรุษจากแดนลัทธิเซียน มันไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว กล่าวพลางตบหัวของปี้โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวทีหนึ่ง
โซ่วที่เหมือนวัวขุยหนิวเหมือนไม่ค่อยพอใจใจคำพูดของหลี่ชิเย่ ถึงกับคำรามเสียงค่อยออกมาทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ เหมือนว่ามันได้เบิกปัญญาไปแล้ว หาใช่ปี้โซ่วทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ มันมีสติปัญญาที่แท้จริงในครอบครองแล้ว
เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากหลี่ชิเย่แล้ว หวู่ปิงหนิงถึงกับงงงันนิดหนึ่ง กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว หากสามารถฝักออกมาเป็นปี้โซ่วที่ทรงพลังสักตัวก็เป็นที่อิจฉาของผู้คนยิ่งนักแล้ว เฉกเช่นราชันแท้จริงเต้าเจี่ยในครั้งนั้น เขาได้ฟักเป็นปี้อ้านออกมาได้ตัวหนึ่ง ขณะที่ปี้อ้านตัวนี้ก็คือเทพผู้พิทักษ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวในปัจจุบัน
แคว้นว่านโซ่วเองก็มองดูไข่ปี้โซ่วฟองนี้แวบหนึ่ง ไข่ปี้โซ่วลักษณะเช่นนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด ยังไม่ต้องพูดถึงว่านางมีกำลังพอที่จะหยิบไข่ปี้โซ่วฟองนี้มาได้หรือไม่ ต่อให้นางได้มา นางเองก็ไม่มีเงื่อนไขเพียงพอที่จะไปฟักและบ่มฟักสัตว์เทพเช่นนี้ได้
จะอย่างไรเสียการดำรงอยู่ของสัตว์เทพเช่นนี้ ใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์ครอบครอง มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จึงมีกำลังพอที่จะไปฟักให้เป็นตัวและไปบ่มฟักสัตว์เทพสักตัว
………………………………………