ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2347 เหาเตียน

ตอนที่ 2347 เหาเตียน

หลี่ชิเย่พาหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อออกเดินทาง พวกเขาเดินไปข้างหน้าตลอดทาง

 เจ้าได้บรรลุอะไรมาเบื้องหน้ากระดูกเต๋านั้น?  หลินซิม่อไม่กล้าถามซุ่มสี่ซุ่มห้า ขณะที่หวู่ปิงหนิงไม่เป็นเช่นนั้น อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ระหว่างเดินทาง

หวู่ปิงหนิงเชื่อว่า เฉกเช่นคนอย่างหลี่ชิเย่หากเมื่อไรที่บรรลุได้แล้วก็ต้องเก็บเกี่ยวผลมาได้

 แทนที่จะบอกว่าเป็นบรรลุ มิสู้บอกว่าเป็นการจัดระเบียบแนวคิด ทำการเก็บกวาดวิธีคิดในอดีต ถือเป็นกระดูกเต๋าที่ยอดเย่ยมมากชิ้นหนึ่ง มันสามารถขจัดความสลับซับซ้อนให้ง่ายขึ้น เสมือนหนึ่งขจัดสิ้นข้อสงสัยทำให้เข้าใจอย่างถ่องแท้  หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้น

 เมื่อเป็นเช่นนั้นเก็บเกี่ยวอะไรมาได้ล่ะ?  หวู่ปิงหนิงจ้องไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความอยากรู้อยางเห็น ภายในใจกระทั่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจ หากหลี่ชิเย่สามารถบรรลุได้ล่ะก็ จะต้องสะเทือนฟ้าอย่างแน่นอน

 ได้ดอกผลมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง นั่นก็คือความถูกต้องแม่นยำเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น  หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า  ความแม่นยำที่ละเอียดมาก 

 ความถูกต้องแม่นยำ?  แม้แต่หลินซิม่อที่คอยฟังอยู่ข้างก็รู้สึกงงงัน นางยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่บรรลุเคล็ดวิชาที่สะเทือนฟ้าดินอะไรมา จะอย่างไรเสียด้วยความเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะฝืนลิขิตสวรรค์เพียงนี้ ขอเพียงมีการบรรลุ ต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนฟ้าดินอย่างแน่นอน

แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับยอกว่าแค่บรรลุ ‘ความถูกต้องแม่นยำ’ เล็กๆ น้อยๆ ทำให้ภายในใจของเขาดูจะไม่เข้าใจทันที ความถูกต้องแม่นยำเล็กๆ น้อยๆ มีอะไรน่าบรรลุเล่า

 เหาเตียน  หวู่ปิงหนิงเข้าใจทะลุปรุโปร่งในทันที รู้ว่าสิ่งที่หลี่ชิเย่ต้องการคืออะไร

 ถูกต้อง เหาเตียน  หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า  พลาดแต่แรกแม้เพียงนิดเดียว ก็จะผิดเป็นโยชน์ได้ในที่สุด นี่แหละคือเหาเตียน ต้องการเพียงความถูกต้องแม่นยำเพียงเล็กน้อย ก็มักจะทำให้สามารถทำอะไรได้มากมายเสมอๆ 

 เกรงว่าข้าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปทำให้ได้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยต้องก้าวเข้าสู่ระดับปฐมบรรพบุรุษไปแล้ว จึงมีสิทธิ์ไปบรรลุขอบเขตเช่นนี้ได้อย่างแท้จริง  หวู่ปิงหนิงยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง รู้ถึงช่วงห่างที่อยู่ภายใน แม้ว่าฟังดูจะเป็นแค่ความถูกต้องแม่นยำเพียงเล็กน้อย แต่ความจริงแล้ว ระยะห่างของขอบเขตนี้กว้างใหญ่มากจนน่าตกใจ ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้อยู่แล้ว

 ข้า ข้า ข้าฟังแล้วไม่เข้าใจ  เดิมทีทักษะของหลินซิม่อก็อ่อนอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีอาจารย์ที่ดีคอยให้การชี้แนะ นางจึงฟังจนสับสนไปหมดและรีบขอคำชี้แนะว่า  พี่ปิงหนิง นี่ นี่มันมีความหมายว่าอย่างไรเล่า? 

หวู่ปิงหนิง ได้แต่มองไปที่หลี่ชิเย่ ขอบเขตเช่นนี้นางเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้เหยียบเข้าไปเป็นการชั่วคราว

 ก็คือเหาเตียน  หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า  เหมือนเช่นกระบี่อัจฉริยะพวกเจ้าได้ทิ้งเคล็ดวิชากระบี่แขนงหนึ่งเอาไว้ พวกเจ้าที่เป็นทายาทรุ่นหลังไปฝึกมัน แต่ ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ก้าวไปไม่ถึงอานุภาพเช่นนั้นของกระบี่อัจฉริยะ ไม่สามารถฝึกให้ได้ท่วงทำนองเฉกเช่นกระบี่อัจฉริยะแบบนั้นได้ หรือว่าเป็นเพราะพลังวัตรไม่เพียงพอเท่านั้นเองรึ? กระทั่งพลังวัตรระดับบรรพบุรุษบางคนอาจจะแข็งแกร่งมากกว่ากระบี่อัจฉริยะขณะคิดค้นเคล็ดวิชากระบี่นี้เสียด้วยซ้ำ แต่ว่า ไม่สามารถล้ำหน้ากระบี่อัจฉริยะของพวกเจ้านั่นแหละ ซึ่งในนี้ไม่ได้เป็นเพราะช่วงห่างของพลังวัตร และไม่ใช่สาเหตุจากไม่ได้บรรลุ แต่อยู่ที่เหาเตียน 

 เหาเตียน  เมื่อหลินซิม่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว ยังคงสับสน ยังคงเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง

 เคล็ดวิชากระบี่ชุดหนึ่ง เมื่อชนรุ่นหลังมีการฝึก ทุกๆ กระบวนท่าก็จะต้องแตกต่างจากกระบี่อัจฉริยะในครั้งนั้นอยู่บ้าง เป็นไปได้ว่าข้อแตกต่างดังกล่าวจะเป็นเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ว่า เมื่อรวมเป็นเคล็ดวิชากระบี่ชุดหนึ่งแล้ว ข้อแตกต่างก็จะมีมาก ดังนั้น เคยมีสุดยอดเคล็ดวิชาในหล้าจำนวนมาก หลังจากผ่านการสืบทอดมารุ่นสู่รุ่นแล้ว ได้กลายเป็นหัวมังกุท้ายมังกร อานุภาพด้อยไปมาก กระทั่งสาบสูญไป นี่แหละคือพลาดแต่แรกแม้เพียงนิดเดียว ก็จะผิดเป็นโยชน์ได้ในที่สุด  หลี่ชิเย่กล่าวอธิบายอย่างอดทน

 ที่แท้เป็นเช่นนี้  ครั้นหลินซิม่อฟังมาถึงตรงนี้จึงได้เข้าใจ และพึมพำขึ้นมา

 แน่นอนที่สุด เหาเตียนที่แท้จริง จะต้องได้ใช้ นั่นแหละจึงเป็นความหมายที่มันคงอยู่  หลี่ชิเย่กล่าวและหัวเราะขึ้นมา

 ได้ใช้เหาเตียน?  หลินซิม่อพึมพำขึ้นมา นางนึกไม่ออกว่าจะไปใช้เหาเตียนได้อย่างไรกัน

 เป็นต้นว่า ข้ายืนอยู่ด้านหน้าของเจ้า มือขวาของเจ้าถือกระบี่ หนึ่งกระบี่ฟันเข้ามาใส่ข้า ด้วยการฟันขวางเข้ามา แต่ว่า ข้าเพียงแค่ก้าวไปก้าวหนึ่ง หลบกระบี่นี้ของเจ้า นิ้วแตะเบาๆ กำลังของกระบี่ไม่เปลี่ยน เพียงแต่เจ้าควบคุมพลังไม่ได้ พลังกระบี่ที่มีมากเกินไปได้หลุดออกจากการควบคุมของเจ้า ดังนั้น หนึ่งกระบี่นี้ก็จะฟันเข้าที่คอของเจ้า และตัดเอาหัวของเจ้าออกมา  หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ

เมื่อหลินซิม่อได้ฟังคำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับเหม่อลอยไปพักหนึ่ง

 ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่เจ้าฟาดฟันออกไป มักจะอยู่ในความควบคุมของเจ้าเสมอ ดังนั้น ต่อให้เจ้าฟันใส่คอตนเอง แต่ว่าในขณะที่คมกระบี่สัมผัสผิวหนังของเจ้า เจ้าก็สามารถควบคุมให้มันหยุดได้อย่างฉับพลันหยุดกระบี่นี้เอาไว้ เนื่องจากพลังอยู่ภายใต้ความควบคุมของเจ้า แต่ทว่า ในพริบตาเดียวนั้นเอง เพียงแค่เพิ่มพลังเข้าไปนิดหนึ่ง มันก็จะหลุดออกจากการควบคุมของเจ้า ไม่สามารถหยุดกำลังกระบี่ไว้ได้ มันก็สามารถตัดหัวของเจ้าได้โดยพลัน แค่นิดเดียวเท่านั้นก็จะเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง  หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

 มีอยู่เป็นจำนวนมากที่ควบคุมไม่ได้นั้น มักจะอยู่ที่นิดเดียวแค่นั้นเอง  หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  ในความแตกต่างเพียงแค่นิดเดียว เจ้าสามารถสังหารระดับเทพแท้จริงได้คนหนึ่ง แม้ว่าเจ้าเพียงแค่ใช้นิ้วดีดเข้าไปเบาๆ เท่านั้นเอง อาศัยพลังที่อ่อนด้อยที่สุด กลับสามารถเอาชนะพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุด สิ่งนี้จะต้องอาศัยความถูกต้องแม่นยำถึงขั้นเหาเตียน นี่แหละคือเหาเตียน  ไอรีนโนเวล

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากหลี่ชิเย่แล้ว ทำให้หลินซิม่อไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน

ภายในใจของนาง การมีเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งอยู่ในครอบครอง มีอาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกร สิ่งนี้ก็จะเป็นตัวกำหนดฐานะของผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง

แต่ว่า สิ่งที่หลี่ชิเย่พูดถึงในขณะนี้ มันได้หลุดออกจากขอบเขตนี้ไปไกลมาก ความสูงของขอบเขตนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนไม่อาจเอื้อมถึงได้

 เหาเตียน  สุดท้ายแล้วหลินซิม่อได้สติคืนกลับมาถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ขอบเขตลักษณะเช่นนี้เกรงว่านางไม่สามารถเอื้อมถึงมันชั่วชีวิต ขณะที่หวู่ปิงหนิงนั้นอย่างน้อยนางยังมีโอกาส ส่วนนางไม่มีกระทั่งโอกาส

หลินซิม่อเดินติดตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลย คำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นำมาซึ่งความสะเทือนหวั่นไหวที่มากเหลือเกิน มันเป็นการเปิดโลกใหม่เอี่ยมขึ้นมาโลกหนึ่งให้กับนาง เป็นโลกที่นางไม่สามารถจินตนาการได้ สิ่งนี้ก็ทำให้นางได้เข้าใจว่า เมื่อแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่เพียงแต่มีของวิเศษสักชิ้นหนึ่ง และหรือไปฝีกเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรแขนงหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว สิ่งนี้มีอาณาจักรที่ทำให้ผู้คนต้องแหงนหน้ามอง

ไม่รู้ว่าก้าวเดินไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่ได้หยุดและมองไปข้างหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  ข้ามาถึงแล้ว สมควรที่ข้าต้องเข้าไปคนเดียว พวกเจ้าสามารถเตร่ๆ ดู ดูว่ามีจังหวะและโอกาสอะไรบ้างหรือไม่ และท่องไปทั่วๆ ได้ มองดูทิวทัศน์อะไรนั่น 

 เจ้าไปคนเดียวหรือ?  หวู่ปิงหนิงถึงกับกล่าวขึ้น

 ถูกต้อง พวกเจ้าอย่าไปเลยจะดีกว่า  หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า  จะอย่างไรเสียจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้ายังไม่แกร่งพอ เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับพวกเจ้า 

หวู่ปิงหนิงกับหลินซิม่อต่างพยักหน้าอย่างคล้อยตาม พวกนางปฏิบัติตามที่หลี่ชิเย่กำหนด

 นังหนู ในเมื่อเจ้าติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบ  หลี่ชิเย่ขยี้ผมของหวู่ปิงหนิงเบาๆ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า  รอให้ข้าจัดการเรื่องราวในเงินทองตกพื้นจบแล้ว ถ่ายทอดสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ให้กับเจ้า 

‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ หวู่ปิงหนิงพลันสะดุ้ง และรู้สึกหวั่นไหว แม้ว่านางได้เตรียมใจมานานแล้ว และนางเองก็รู้สึกว่าหลี่ชิเย่จะต้องได้สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่แน่นอน แต่ทว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้ยอมรับโดยตรง

แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่บอกว่าจะถ่ายทอด ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ให้กับนาง แล้วจะไม่ให้หวู่ปิงหนิงต้องหวั่นไหวได้อย่างไร นี่คือเคล็ดวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดของจูเซียงหวู่ถิง พวกเขา เวลานี้แม้แต่จูเซียงหวู่ถิงพวกเขาเองก็หายสาบสูญไปแล้ว มีอยู่ในครอบครองแค่ห้ากระบวนท่าเท่านั้น แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับจะถ่ายทอด ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ให้กับนาง เรื่องแบบนี้สร้างความหวั่นไหวมากเหลือเกิน

 อันที่จริงแล้วสามกระบวนท่าของเจ้าฝึกได้ไม่เท่าไร  หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า  ถ้าหากหวู่จู่ของพวกเจ้าสามารถมองเห็นรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้าฝึกสิบสองกระบวนท่าได้ย่ำแย่เช่นนี้ล่ะก็ รับรองจะต้องเหยียบพวกเจ้าทั้งหมดจนตายคาเท้าแน่นอน 

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่สร้างความหวั่นไหวให้กับหวู่ปิงหนิงจนทำอะไรไม่ถูก นางจ้องมองเขาอย่างแค้นเคืองทีหนึ่ง กล่าวอย่างเคืองๆ ว่า  ฝึกได้ไม่ดี เจ้าก็สอนข้าสิ  คำพูดเช่นนี้แฝงไว้ซึ่งการออดอ้อนอยู่เจ็ดส่วน

เรียกได้ว่า นับตั้งแต่วินาทีที่หลุดออกจากจูเซียงหวู่ถิงเป็นต้นมา นี่คือนาทีที่นางสุขใจมากที่สุด

 แน่นอน  หลี่ชิเย่ขยี้ผมของนาง และกล่าวด้วยท่าทีที่อ่อนโยนซึ่งหาได้ยากยิ่ง

เวลานี้หลินซิม่อ ก็ยืนนอยู่ข้างๆ เงียบๆ และรู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง จะอย่างไรเสียเมื่อได้ฝึก ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ แล้ว ทุกอย่างก็จะแปรเปลี่ยนจนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 นังหนูน้อย วางใจเถอะ ข้าจะต้องช่วยเจ้าค้นหาสุสานกระบี่จนพบอยู่แล้ว  หลี่ชิเย่มองดูหลินซิม่อที่กำลังมองเหม่อ และยิ้มกล่าว

จริงรึ…ไม่ง่ายนัก กว่าหลินซิม่อจะได้สติกลับมา ดวงตาคู่นั้นของนางเบิกกว้างมาก

 คำพูดของข้าย่อมจริงแท้แน่นอน  หลี่ชิเย่หัวเราะ

ขอบคุณคุณชาย…หลินซิม่อรู้สึกตื่นเต้นสุดจะเทียบเทียม ไม่สามารถพูดอะไรออกมาอยู่นาน รีบก้มกราบกับพื้น

สุดท้าย หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และสั่งการไปว่า  ไปเดินเล่น เดินดูอะไรบ้างเสีย  กล่าวขาดคำ เดินไปคนเดียวและหายเข้าไปในเทือกเขาส่วนที่ลึกที่สุดในพริบตาเดียว

 นายน้อยมู่กำลังมาแล้ว นายน้อยมู่จะเดินทางมาที่เงินทองตกพื้น  ในเวลานี้ข่าวที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวพลันครอบคลุมไปทั่วแผ่นดิน

 นายน้อยมู่จะมาแล้วรึ?  ผู้คนจำนวนมากถูกทำให้แตกตื่น แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้

 จริงแท้แน่นอน ข่าวนี้ออกมาจากทางนายน้อยมู่เอง  มีผู้ที่ทำหน้าที่กระจายข่าว ได้ปล่อยข่าวนี้ออกมาโดยพลัน ภายในระยะเวลาอันสั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดในเงินทองตกพื้นล้วนแล้วแต่ทราบข่าวนี้แล้ว

นายน้อยมู่ยังมาไม่ถึง แต่ส่งข่าวมาสร้างความหวั่นไหวในเงินทองตกพื้นก่อนรอบหนึ่ง นับว่าโอหัง และใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยแท้จริง

 มู่เส้าเฉินจะมาแล้ว  ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่แข็งแกร่งเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว ถึงกับมีท่าทีเพ่งมองไปข้างหน้า และมีระดับบรรพบุรุษเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  ผู้ที่มีสติปัญญาเหาเตียนนี้จะมาทำอะไรที่เงินทองตกพื้นเล่า? 

 ทุกคนวางใจเถอะ การมาของนายน้อยมู่หาใช่ต้องการมาแย่งชิงของวิเศษจของทุกคน ตระกูลมู่มีข้องล้ำค่านับไม่ถ้วน จะไม่โลภในของวิเศษที่อยู่ในเงินทองตกพื้น  ขณะที่มีคนบางคนกำลังคาดเดาด้วยความสงสัยถึงการมาที่เงินทองตกพื้นของนายน้อยมู่ จึงมีผู้ที่ออกหน้ามาแก้ต่างให้ทันที

จะอย่างไรเสีย เวลานี้เงินทองตกพื้นเต็มไปด้วยผู้คนไปทั่ว คนของแดนลัทธิพรรษพากันมาแล้วทั้งหมด ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการได้ของวิเศษ หากเพิ่มมู่เส้าเฉินอีกคน การแย่งชิงก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น

 นายน้อยมู่มาด้วยเรื่องของคนแซ่หลี่  ผู้กระจายข่างจึงรีบแสดงจุดยืน กล่าวขึ้นมาว่า  ใจของนายน้อยมู่ผูกพันอยู่กับแดนลัทธิพรรษ มองเห็นคนแซ่หลี่สร้างความชั่วให้กับแดนลัทธิพรรษ ดังนั้น ยินดีกำจัดเจ้าอัปลักษณ์นี้ให้กับแดนลัทธิพรรษ การผดุงความยุติธรรมกำจัดมาร ทุกคนมีหน้าที่ 

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท