ตัวกระบี่ดั่งโปร่งแสง อีกทั้งบังบางเฉียบจนเหลือเชื่อ เหมือนว่ากระบี่เล่มนี้บางยิ่งกว่าเยื่อบางๆ ใดๆ เสียอีก บางจนกระทั่งมองไม่เห็นด้วยตา
กระบี่คริสตัล มันหาใช่กระบี่เล่มหนึ่งไม่ มันเป็นเพียงวิชากระบี่ที่อยู่ภายในใจของหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง เหมือนกระบี่ทองแดงที่หลี่ชิเย่ใช้ขณะต่อสู้ชี้ขาดกับเทพกระบี่กูตู๋อย่างนั้น ทั้งหมดล้วนไม่ใช่กระบี่ แต่เป็นวิชากระบี่ กระทั่งล้ำกว่าความเป็นดั้งเดิมของกระบี่
ดังนั้น ขอเพียงในใจของหลี่ชิเย่มีกระบี่ ในมือก็จะมีกระบี่ กระบี่เป็นเพียงความคิดแวบเดียวเท่านั้น
กระบี่คริสตัลก็ดี กระบี่ทองแดงก็ช่าง ทั้งหมดนี้กำเนิดขึ้นจาก ‘กระบี่สิ้นสุด’ แน่นอนสุด ในอดีตนั้นไม่มี ‘กระบี่สิ้นสุด’ ในอดีต ‘กระบี่สิ้นสุด’ คือหนึ่งในตำราสวรรค์นพเก้าที่ชื่อว่า ‘ตำรากาย’
เพียงแต่หลี่ชิเย่ทำการพลิกเปิดหน้าใหม่ขึ้นมา จากนี้เป็นต้นไป บนโลกไม่มี ‘ตำรากาย’ อีกต่อไป มีเพียง ‘กระบี่สิ้นสุด’ หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้พลิกหน้าใหม่ขึ้นมาแล้ว ก็เป็นการบ่งบอกว่า ‘กระบี่สิ้นสุด’ เล่มนี้ของหลี่ชิเย่จะรวบรวมเอาเคล็ดวิชากระบี่บนโลกทั้งหมดเอาไว้ กระทั่งล้ำหน้าวิชากระบี่ทั้งหมดบนโลก มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสอง สุดยอดในหล้าหนึ่งไม่มีสอง
‘กระบี่สิ้นสุด’ การที่หลี่ชิเย่ตั้งชื่อเช่นนี้ให้กับตำราสวรรค์เล่มนี้นั้น ความหมายก็คือ ทุกสิ่งล้วนสิ้นสุดที่กระบี่นี้ ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาทุกอย่างล้วนสิ้นสุดที่กระบี่ ทุกเรื่องราวล้วนสิ้นสุดที่กระบี่ ขอเพียงสำแดงกระบี่นี้ออกไป สรรพสิ่งล้วนสงบลง
แม้ว่า ‘กระบี่สิ้นสุด’ จะเป็นเคล็ดวิชากระบี่เล่มหนึ่ง กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดเคล็ดวิชากระบี่ แต่ว่า ภายใน ‘กระบี่สิ้นสุด’ กลับไม่มีกระบวนท่ากระบี่ใดๆ การเปลี่ยนแปลงของเคล็ดวิชากระบี่ใดๆ กระทั่งกล่าวได้ว่า มันไม่มีแม้กระทั่งเคล็ดวิชากระบี่
ท่ามกลางตำราสวรรค์ที่ชื่อ ‘กระบี่สิ้นสุด’ เล่มนี้ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเคล็ดวิชากระบี่ และไม่มีอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่อยู่ภายในจิตใจของผู้ใดก็ตาม สิ่งที่ทุกคนคิดอยู่ในใจล้วนแตกต่างกัน นั่นบ่งบอกว่ามันจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน
เป็นต้นว่า เวลานี้มีผู้อื่นได้ ‘กระบี่สิ้นสุด’ ที่อยู่ในมือหลี่ชิเย่เล่มนี้ไป มีความเป็นไปได้ที่เขาจะตระหนักรู้เป็นเพลงกระบี่ยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า แต่ อาจเป็นไปได้ที่จะตระหนักรู้เป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ‘กระบี่สิ้นสุด’ สามารถเรียกได้ว่าคือต้นกำเนิดของกระบี่ มันมีทุกสิ่งทุกอย่างของกระบี่ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย มันจะปรากฏออกมาในรูปลักษณ์อย่างไรนั้น ท้ายที่สุดยังคงอยู่ที่ผู้ที่จะบรรลุมัน
เฉกเช่นหลี่ชิเย่ ท่ามกลางการบรรลุของเขานั้น เขาก็คือในมือปราศจากกระบี่ แต่กระบี่อยู่ในใจ สิ่งนี้บ่งบอกว่าตัวเขาเองก็คือกระบี่
อย่างไรก็ตาม เฉกเช่นกระบี่ทองแดง กระบี่ทองแดงที่อยู่ในใจของหลี่ชิเย่ก็คือกระบี่ที่มีน้ำหนักหาที่สุดไม่ได้ มันไม่มีกระบวนท่าใดๆ เดิมทีมันก็หาใช่เป็นกระบี่ที่แท้จริงไม่ แต่ว่า เมื่อในใจของหลี่ชิเย่นึกถึงกระบี่ทองแดง ในมือของเขาก็มีกระบี่ทองแดงเล่มหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นกระบี่ที่มีน้ำหนักไร้ขีดจำกัด ดังนั้น เมื่อกระบี่ลักษณะเช่นนี้ฟาดฟันลงไป เกรงว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรองรับน้ำหนักของกระบี่เล่มนี้ได้ เนื่องจากน้ำหนักของมันไม่สามารถประเมินได้อยู่แล้ว และในโลกนี้ก็ปราศจากสิ่งใดที่สามารถรองรับมันได้
ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังมหาศาลเพียงใด ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถรองรับกระบี่ทองแดงเล่มนี้ได้
หรืออย่างกระบี่คริสตัลที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่เล่มนี้ กระบี่คริสตัลเล่มนี้คือกระบี่ที่บางที่สุดในโลก เจ้าจินตนาการให้มันบางเท่าไรมันก็จะบางเท่านั้น บางจนกระทั่งไร้รูปไร้เงา ดังนั้น ยามที่สำแดงกระบี่นี้ออกไป ก็จะไม่สามารถมองเห็นกระบี่ที่ไร้รูปไร้เงาเล่มนี้ได้
ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ กระบี่คริสตัลเล่มนี้มีความแหลมคมยิ่งนัก มันคือกระบี่ที่คมกริบมากที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดสามารถคมมากกว่ามันอีกแล้ว เมื่อกระบี่ลักษณะเช่นนี้อยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว มันสามารถตัดขาดทุกสิ่งในโลก ด้วยกระบี่คริสตัลที่มีความคมมากเช่นนี้ ในชั่วพริบตาเดียวก็สามารถจัดการชำเหละแยกร่างของเต่ายักษ์และแมงป่องยักษ์ได้ อีกทั้งไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ทองแดง หรือกระบี่คริสตัลล้วนแล้วแต่ปราศจากกระบวนท่า ปราศจากการเปลี่ยนแปลง มันกระทั่งไม่ใช่วิชากระบี่เมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่ แต่เป็นต้นกำเนิดของกระบี่ เช่น น้ำหนัก ความคม!
หลี่ชิเย่เพียงมองดูกระดูกที่กระจายอยู่บนพื้นด้วยความเรียบเฉย เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวนั้น เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ชำเหละแยกร่างของเต่ายักษ์และแมงป่องยักษ์ในฉับพลัน มันมองดูกระบี่คริสตัลที่อยู่ในมือหลี่ชิเย่ซึ่งบางเฉียบจนไร้รูปไร้เงาเล่มนั้นแล้ว มันถึงกับหวาดกลัวจนต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ถ้าหากกระบี่ลักษณะเช่นนี้เฉือนบนตัวของมัน ก็สามารถแยกร่างของมันโดยไม่ต้องเปลืองแรงโดยพลันเช่นกัน
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้นเอง และกระบี่คริสตัลในมือก็ได้หายไป จากนั้นได้ก้าวเดินเข้าไปยังถ้ำหินที่มืดตึดตื๋อนั่น
ครั้นปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวมองเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้าไปในถ้ำหินที่มืดตึดตื๋อนั่น มันถึงกับลังเลนิดหนึ่ง ปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ก้าวไปข้างหน้า ใช่ว่ามันหวาดกลัวว่าถ้ำหินที่มืดตึดตื๋อตรงหน้าจะมีอันตราย แต่มันกลัวหลี่ชิเย่ที่เดินอยู่ข้างหน้า
จะเข้าไปด้วยกันไหม? ในขณะที่ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ยอมก้าวตาม หลี่ชิเย่หยุดเดิน กวักมือและเอ่ยขึ้น
เมื่อปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มาร้าย จึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง มันใช้เท้าตะกุยพื้นทีหนึ่ง จากนั้นวิ่งเข้าไปหาและติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่เข้าไปยังถ้ำหินดังกล่าว มันต้องการมาที่นี่อยู่แล้ว
หลังจากที่ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิววิ่งไปอยู่ด้านหน้าแล้ว ได้แสดงท่าทีที่สนิทสนมโดยใช้ปากไปถูไถหลี่ชิเย่ ท่าทางเหมือนตีสนิทหลี่ชิเย่อย่างนั้น
ความจริงแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวต้องการมายังสถานที่แห่งนี้โดยตลอด เพียงแต่ปากทางเข้าถ้ำถูกเต่ายักษ์และแมงป่องยักษ์ที่เป็นโครงกระดูกสองโครงเฝ้าไว้ มันไม่สามารถเข้าไปได้ เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ชำเหละแยกร่างของพวกมัน จึงทำให้มันมีโอกาสเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้มันดีใจได้รึ?
เอาเถอะ ถือว่าข้าได้ทำความดีเรื่องหนึ่ง หลี่ชิเย่ผลักปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวออกไป ท่าทางออกจะรังเกียจอยู่บ้าง
แน่นอน ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวไม่สนใจสิ่งนี้อยู่แล้ว ตัวมันที่มีความแข็งแกร่งยิ่งยังคงดีใจเป็นอย่างยิ่ง เดินตามหลังหลี่ชิเย่อย่างไม่ลดละ
ถ้ำหินนี้ดูมืดตึดตื๋อไปหมด ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วมือ แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านตน ก้าวไปข้างหน้าตลอด อีกทั้งกระทั่งไม่ต้องมองถนน
การก้าวเดินอยู่ภายในถ้ำหินที่มืดมิดเช่นนี้ กระทั่งไม่รู้ว่าตนเองนั้นอยู่ที่ใด เหมือนว่านี่หาใช่เป็นถ้ำหิน แต่เป็นการก้าวเดินเข้าไปในช่องว่างที่มืดมิด ท่ามกลางช่องว่างลักษณะเช่นนี้มีพิกัดอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เพียง ก้าวพลาดไปพิกัดหนึ่ง เจ้าก็จะหลงอยู่ท่ามกลางความมืดเช่นนี้ไปโดยสิ้นเชิง
แต่ทว่า ต่อให้ต้องก้าวเดินอยู่ท่ามกลางช่องว่างที่มืดมิดเช่นนี้จริงๆ หลี่ชิเย่ยังคงเดินไปช้าๆ อย่างมีความสุขได้ เดินทอดน่องไปดูเอ้อระเหยและเป็นธรรมชาติ เหมือนว่าเขาเคยมาที่นี่แล้วอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว มองเห็นข้างหน้ามีแสงแวบวับ หลังจากที่ได้เดินอยู่ท่ามกลางความมืดมิดมาเป็นเวลานานมากแล้ว เป็นจริงตามคาด มองเห็นข้างหน้ามีแสงสว่างแวบวับ มันเป็นสิ่งที่ทำให้อดที่จะตื่นเต้นดีใจไม่ได้อย่างแน่นอน การได้เห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องตื่นเต้นเพียงใด
แม้แต่ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวที่ติดตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ก็มีความตื่นเต้นน้อยๆ อยู่เหมือนกัน มันส่งเสียงร้องเบาๆ ออกมา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มันรอคอยมาเป็นเวลานานมากแล้ว มาวันนี้มันมีโอกาสได้มาในที่สุด
สุดท้าย พวกหลี่ชิเย่ได้ก้าวออกมาจากความมืด ด้านหน้าของพวกเขาเปี่ยมด้วยความสว่าง โดยที่ความสว่างนี้ถูกส่งออกมาจากบ่อน้ำแห่งหนึ่ง
บ่อน้ำแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก อีกทั้งในบ่อนั้นแค่รองน้ำที่ใสสะอาดอยู่บ่อหนึ่งเต็มๆ เท่านั้นเอง จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องแปลก บ่อน้ำบ่อนี้ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ กลับสามารถแผ่แสงสว่างที่นุ่มนวลออกมา แสงสว่างลักษณะเช่นนี้เมื่อมองเห็นท่ามกลางความมืดแล้ว มันก็เหมือนดั่งเป็นไขมุกที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างนั้น
หลี่ชิเย่มองดูน้ำที่ใสสะอาดซึ่งแผ่กระจายแสงสว่างที่นุ่มนวลออกมาแล้วยิ้มบางๆ และกล่าวว่า ดูท่ายังไม่ถึงเวลานะเนี่ย กล่าวพลางถือโอกาสนั่งลงริมบ่อน้ำ ขาสองข้างนั้นหย่อนลงไปแช่อยู่ในน้ำที่ใสสะอาดนั่น
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวพูดไม่ได้ และเลียนแบบท่าทางของหลี่ชิเย่ด้วยการนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ และขาข้างนั้นของมันก็แช่ลงไปในน้ำที่ใสสะอาดนั้นเช่นกัน
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวนั่งเหม่อมองน้ำที่ใสสะอาดตรงหน้า ความจริงแล้วมันก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก เนื่องจากในอดีตมันไม่สามารถเข้ามาได้ ดังนั้น สภาพที่แท้จริงของที่นี่มันไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เพียงแต่โดยสัญชาตญาณทำให้มันรู้ว่าที่ตรงนี้มีโชควาสนายิ่งใหญ่สำหรับมันเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ เท้าแช่น้ำใสสะอาด และหลับตาพักผ่อนกายา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เขาจึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นอย่างช้าๆ
แข็งแกร่งจนถึงระดับนี้ของเจ้า เคยคิดหรือไม่ว่าตนเองนั้นมาจากที่ใด และหรือบอกว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองนั้นมาจากที่ใด หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวเหมือนรู้ฟังคำพูดของหลี่ชิเย่ แต่ก็สับสนอยู่บ้าง มันจ้องมองดูหลี่ชิเย่ ดวงตาคู่นั้นที่มีขนาดเท่ากระดิ่งวัวนั้นกะพริบทีหนึ่ง
ดูท่ายังไม่ได้เบิกปัญญาโดยแท้จริง แม้ว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เรื่องบางเรื่องก็ยังคงเอื้อมไปไม่ถึง หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวเพียงจ้องมองหลี่ชิเย่และไม่ได้พูดอะไร เหมือนกำลังรอให้หลี่ชิเย่พูดอย่างนั้น
บนโลกนี้ มีเพียงสวรรค์โจรเท่านั้นที่สร้างชีวิต ไม่สิ พูดให้ถูกต้องมันคือฟ้าดิน มีเพียงฟ้าดินจึงสามารถสร้างชีวิตขึ้นมา หลี่ชิเย่มองดูน้ำที่ใสสะอาดตรงหน้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า คำพูดนี้ใช้ได้กับเผ่าพันธุ์เผ่าหนึ่งที่แท้จริงเท่านั้น แต่ว่า บางอย่างมันไม่ได้อยู่ภายในขอบเขตเช่นนี้
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวเอียงศีรษะคิด คิดแบบจริงจังมาก จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาองหลี่ชิเย่ เหมือนว่าได้คิดและเข้าใจอะไรบางอย่าง
ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากๆ เคยมีตำนานว่าไว้ว่า หากผู้ที่เป็นเซียนตายลง เส้นขนเส้นหนึ่งก็สามารถกลายเป็นทางช้างเผือกเส้นหนึ่งในจักรวาล เศษของหนังเพียงเล็กน้อยสามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุด กระทั่งกล่าวได้ว่า เดิมทีมันก็คือโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า แม้ว่ามันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น ถือเป็นเรื่องจริงไม่ได้
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองที่มองดูน้ำที่ใสสะอาดภายในบ่อกลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า แต่ทว่า เรื่องบางเรื่องมันก็น่าสนใจแบบนี้แหละ เป็นความจริง ใครเล่าที่สามารถสร้างชีวิตขึ้นมา? เพียงแต่ชีวิตบางชีวิตไม่จำเป็นต้องไปสร้าง มันเป็นเพียงการสิ่งที่เกิดจากสารประกอบง่ายๆ บางอย่างแล้วกลายเป็นสลับซับซ้อนขึ้น ดังนั้นชีวิตเช่นนี้หาใช่อยู่ในขอบเขตของสวรรค์โจร
บนโลกนี้ย่อมมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว หลี่ชิเย่เพ่งตามองไปที่น้ำที่ใสสะอาด กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า นี่แหละคือสิ่งที่ว่าเพราะอะไรบางสิ่งมักจะคงอยู่เสมอ สามารถหลุดรอดจากฟ้าดินนี้
ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวฟังอย่างเงียบๆ เหมือนว่ารู้ฟัง
ถ้าหากเจ้าสามารถกระโดดออกจากฟ้าดินนี้ไปได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าจึงจะเป็นตัวเจ้า สุดท้าย หลี่ชิเย่เยิ้มเฉยเมย ตบบ่าของปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวและกล่าวว่า มิฉะนั้นล่ะก็ เป็นได้แค่ฝุ่นผงเม็ดหนึ่งเท่านั้นเอง
คำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ปี้โซ่วที่เหมือนขุยหนิวนิ่งเงียบ ทำให้มันต้องครุ่นคิด
……