ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2353 ทำสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี

ตอนที่ 2353 ทำสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี

เสียงที่ปรากฏขึ้นกะทันหันเช่นนี้ ทำเอาทุกคนล้วนแล้วแต่ตกใจจนสิ้น เนื่องจากในขณะนี้แดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอยู่จำนวนเท่าไร มีผู้คนมากน้อยเท่าไร ล้วนแล้วแต่รวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้ ล้วนแล้วแต่เรียกร้องให้มีการกำจัดหลี่ชิเย่ที่เป็นจอมมารผู้นั้นเสีย เรียกได้ว่าในขณะนี้การผดุงคุณธรรมขจัดมารเป็นกระแสหลัก หลี่ชิเย่คือศัตรูร่วมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากของแดนลัทธิพรรษ

แต่กลับจะมีผู้ที่ก้าวออกมายืนอยู่ตรงกันข้ามในเวลานี้ หนุนหลี่ชิเย่เต็มที่ ผู้คนจำนวนมากมองว่าเรื่องลักษณะเช่นนี้ เป็นการกระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี

มองเห็นผู้บำเพ็ญตนหญิงผู้หนึ่งที่เดินคดเคี้ยวเข้ามา ความงดงามนั้นสยบผู้คนทั่วหล้า มีท่วงทำนองที่ล่องลอยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

 นักพรตฉางเซิน  ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่จดจำนางได้เมื่อมองเห็นผู้บำเพ็ญตนหญิงที่เดินคดเคี้ยวเข้ามา ผู้คนจำนวนไม่น้อยร้องด้วยความตกใจออกมาเบาๆ

นักพรตฉางเซินปกครองหุบเขาอมตะ และเป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ คำพูดของนางก็มีน้ำหนัก และไม่มีผู้ใดสงสัยในอำนาจบารมีของนาง

แม้แต่มู่เส้าเฉินก็มองไปที่นักพรตฉางเซินในเวลานี้ แววตาเต้นกระตุกทีหนึ่งบังเกิดความคิดที่ไม่ปรกติขึ้นมา เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  ได้ยินชื่อของท่านนักพรตมานานแล้ว 

 นายน้อยมู่ ได้ยินชื่อมานาน  นักพรตฉางเซินที่ยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า กลิ่นอายที่ลอยล่องอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตลบอบอวลภายในจิตใจของผู้คน เสมือนดั่งนางก็คือดอกไม้ดอกหนึ่งในเครื่องลายครามชิงฮวาฉือที่งดงามทำให้ใต้หล้าสงบสุข

เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจมองดูภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างรู้ดีว่ามู่เส้าเฉินต้องการกำจัดหลี่ชิเย่ให้จงได้ เวลานี้นักพรตฉางเซินกลับปกป้องหลี่ชิเย่เต็มที่ การกระทำของนักพรตฉางเซินไม่เพียงต้องเป็นศัตรูกับมู่เส้าเฉินเท่านั้น ยังต้องเป็นศัตรูกับแดนลัทธิพรรษ

 เกรงว่าท่านนักพรตจะถูกจอมมารของพรรคมารหลอกลวงเสียแล้วล่ะ  มู่เส้าเฉินเผยรอยยิ้มที่สุภาพมีมารยาท และกล่าวว่า  หลี่ชิเย่แค่อาศัยฐานะปลอมหลอกให้นักพรตไว้ใจขณะอยู่ที่หุบเขาอมตะ จนได้ตำแหน่งศิษย์ลำดับที่หนึ่งมา พฤติกรรมของเขาส่อเจตนาต้องการทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ หลี่ชิเย่คือจอมมารของพรรคมาร ก่อกรรมทำชั่ว 

 ข้ารู้ว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหง และรู้ว่าเขากุมอำนาจปกครองสูงสุดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหง  นักพรตฉางเซินเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  แล้วอย่างไรล่ะ? เขายังคงเป็นศิษย์อันดับหนึ่งหุบเขาอมตะของพวกเรา ยังคงเป็นศิษย์พี่ใหญ่ภายใต้การปกครองของข้า ใครแตะต้องศิษย์หุบเขาอมตะของพวกเรา ก็เป็นศัตรูกับหุบเขาอมตะพวกเรา 

เมื่อนักพรตฉางเซินพูดคำพูดนี้ออกมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน คำพูดของนักพรตฉางเซินมีความชัดเจนอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการหนุนหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ปกป้องหลี่ชิเย่ซึ่งหน้า

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกงงงัน ต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรทางหุบเขาอมตะจึงต้องหนุนหลี่ชิเย่เต็มที่และยอมกระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีเล่า

ถ้าหากนักพรตฉางเซินไม่ยอมรับฐานะความเป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งของหลี่ชิเย่ในช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หากเป็นเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากก็สามารถเข้าใจได้ และมีไม่กี่คนที่จะไปประณามหุบเขาอมตะอยู่แล้ว

แต่ว่า นักพรตฉางเซินกลับหนุนหลี่ชิเย่เต็มที่ในเวลานี้ ถึงกับยอมเป็นศัตรูกับมู่เส้าเฉิน เป็นศัตรูกับแดนลัทธิพรรษ

สายตาของมู่เส้าเฉินเพ่งตรงไปข้างหน้า และกล่าวว่า  ท่านนักพรต เกรงว่าคำพูดนี้จะเกินเลยไปแล้วกระมัง หลี่ชิเย่ก่อกรรมทำชั่ว เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ทุกคนสามารถฆ่าได้ หากท่านนักพรตจะปกป้องจอมมารเช่นนี้ เกรงว่าเป็นการกระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี เกรงว่าจะนำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะให้ตกลงไปในหุบเหวลึกที่ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย 

 กระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี?  นักพรตฉางเซินยิ้มขึ้นมาช้าๆ รอยยิ้มของนางงดงามยิ่งนัก แม้แต่มู่เส้าเฉินเองยังถึงกับจ้องมองด้วยความโลภอยู่นาน

นักพรตฉางเซินเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  กระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี หมายถึงใครรึ? เป็นท่านรึ? หรือหากเจ้าคิดว่าใครเป็นจอมมาร คนนั้นก็คือจอมมารอย่างนั้นรึ? 

 ไม่ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในหล้าเขาว่ากัน  เวลานี้มู่เส้าเฉินได้กล่าวว่า  หลี่ชิเย่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ สังหารศิษย์ของสามระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใหญ่ เป็นเรื่องที่ทุกคนในหล้าต่างเห็นมากับตา ดังนั้น จอมมารที่ทำร้ายแดนลัทธิพรรษเช่นนี้ ทุกคนมีสิทธิ์สังหาร และเป็นไปตามกระแสของใต้หล้า และเป็นความต้องการของทุกคนในแดนลัทธิพรรษ 

 อย่างนั้นรึ?  นักพรตฉางเซินเพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้น

 ดังนั้น ขอท่านนักพรตไตร่ตรองให้รอบคอบ  มู่เส้าเฉินจ้องมองดูนักพรตฉางเซิน เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  เกรงว่าหากเป็นศัตรูกับใต้หล้าแล้วจะไม่มีจุดจบที่ดี หากท่านนักพรตกระทำการตามความคิดของตนโดยไม่ฟังคำผู้อื่น เกรงว่าจะผลักให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนลงไปในหุบเหวลึก เมื่อถึงตอนนั้น จะต้องมีศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรที่ต้องเสียชีวิตเพียงเพราะจอมมารอย่างหลี่ชิเย่คนเดียว แล้วมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องบ้านแตกสาเหรกขาดเพราะสิ่งนี้ ถึงเวลานั้น เกรงว่าท่านนักพรตฉางเซินเองก็ต้องตกต่ำจน… 

 ข่มขู่ข้ารึ?  นักพรตฉางเซินกล่าวตัดบทคำพูดของมู่เส้าเฉิน พลันมีแววตาที่เย็นชาและเอ่ยขึ้นช้าๆ

 ไม่ ท่านนักพรตเข้าใจผิดแล้ว  มู่เส้าเฉินรีบยิ้มกล่าวว่า  ข้าเพียงต้องการให้ท่านนักพรตได้รู้ว่า แม้เส้าเฉินจะเป็นเพียงบุคคลภายนอก แต่ก็ถือเอาแดนลัทธิพรรษเป็นบ้านหลังหนึ่ง ข้าคาดหวังให้แดนลัทธิพรรษมีความสงบสุข ปราศจาก ใต้หล้ามีความสงบ เพียงแต่จอมมารอย่างหลี่ชิเย่ยกตนข่มท่าน เป็นภัยทั่วหล้า เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ดังนั้น เส้าเฉินจึงยินดีก้าวออกมาอาศัยกำลังที่มีอยู่น้อยนิด หวังกวาดล้างพวกที่ทำตามอำเภอใจในแดนลัทธิพรรษ ทำการจัดระเบียบของแดนลัทธิพรรษขึ้นมาใหม่ 

 เป็นความจริงที่สมควรจัดระเบียบของแดนลัทธิพรรษเสียใหม่  ขณะที่มู่เส้าเฉินเพิ่งจะพูดขาดคำ ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉลาดมีไหวพริบและมีความสามารถ น้ำเสียงไพเราะน่าฟังอย่างยิ่ง แต่ ท่ามกลางเสียงที่ไพเราะก็มีความเยือกเย็นอยู่หลายส่วน

ทุกคนหันไปมอง เห็นผู้บำเพ็ญตนหญิงผู้หนึ่งล่องลอยมาถึง อยู่เหนือความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง มีความเป็นทายาทตระกูลที่ศักดิ์ สูงส่งบริสุทธิ์ เสมือนหนึ่งเป็นดอกบัวที่อยู่ท่ามกลางหุขเขาลึกและเงียบสงัด กลิ่นอายของควาสูงส่งและบริสุทธิ์ตลบอบอวลภายในจิตใจของทุกคน

 นักพรตพเนจรหยางหมิง!  ผู้คนจำนวนมากร้องด้วยความตระหนกเมื่อเห็นผู้บำเพ็ญตนหญิงผู้นี้มาถึง พูดเสียงแผ่วเบาว่า  นักพรตพเนจรหยางหมิงก็มาด้วยแล้ว 

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลั้นหายใจเอาไว้ มองดูภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้

นักพรตพเนจรหยางหมิง ผู้กุมอำนาจของพรรคหยางหมิง ขณะที่พรรคหยางหมิงคือพรรคใหญ่อันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ และเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุด ธาตุแท้ภายในลึกล้ำยากจะหยั่งถึง การมาถึงของนักพรตพเนจรหยางหมิงย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

นักพรตพเนจรหยางหมิง และนักพรตฉางเซินคือสองนักพรตยิ่งใหญ่ของแดนลัทธิพรรษในยุคปัจจุบัน ได้มาปรากฏตัวพร้อมกันที่ตรงนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันในใจของทุกคนก็เฝ้ารอคอยท่าทีของนักพรตพเนจรหยางหมิง แม้จะกล่าวว่า การที่มู่เส้าเฉินก้าวออกมาต้องการประกาศศึกกับหลี่ชิเย่นั้น ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับมู่เส้าเฉิน ต้องการเล่นไม่ตายไม่เลิกกับหลี่ชิเย่ให้ได้ กระทั่งจูเซียงหวู่ถิงที่มีศักยภาพติดอันดับหนึ่งในสามก็ต้องการไม่ตายไม่เลิกรากับหลี่ชิเย่ ดังนั้น เวลานี้หนึ่งเดียวที่ยังขาดอยู่ก็คือท่าทีของพรรคหยางหมิงแล้ว

กล่าวสำหรับแดนลัทธิพรรษแล้ว ท่าทีของพรรคหยางหมิงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด จะอย่างไรเสียพรรคหยางหมิงก็คือพรรคอันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ แม้ว่าพรรคหยางหมิงไม่เคยบอกว่าจะเป็นผู้นำของแดนลัทธิพรรษทั้งหมด แต่ว่า ในใจของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากยังคงเดินตามพรรคหยางหมิงอยู่

นักพรตพเนจร…มู่เส้าเฉินแสดงท่าทางดีใจเมื่อเห็นนักพรตพเนจรหยางหมิง แววตาทั้งสองปรากฎลักษณะท่าทางที่ไม่ธรรมดา รีบแสดงความคารวะแบบจีน และกล่าวว่า  คำพูดของนักพรตพเนจรตรงใจข้ายิ่งนัก นักพรตพเนจรผู้ที่เป็นกังวลต่อแดนลัทธิพรรษในกลุ่มของพวกเรา ไม่เสียทีที่พรรคหยางหมิงเป็นพรรคอันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ เลื่อมใส เลื่อมใส 

ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเย็นวาบเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉิน โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษบางส่วนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ก็รู้สึกลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา จะอย่างไรเสียใช่ว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิล้วนแล้วแต่ยินดีติดตามมู่เส้าเฉินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เวลานี้มู่เส้าเฉินมีกระแสและอิทธิพลสูงมาก มีท่าทีที่จะเป็นผู้นำของแดนลัทธิพรรษ เมื่อส่งเสียงออกมาจึงไม่รู้ว่ามีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเท่าไรที่ยินดีปฏิบัติตาม เรื่องเช่นนี้ผู้มีสติปัญญาของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางแห่งมองว่า มันหาใช่เป็นเรื่องดี

หากจะกล่าวว่า เวลานี้แม้แต่พรรคหยางหมิงก็ไปยืนอยู่ข้างฝ่ายมู่เส้าเฉิน มันก็จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างผู้แข็งแกร่งกับผู้แข็งแกร่ง สถานการณ์ของแดนลัทธิพรรษทั้งหมดก็จะถูกกำหนด ถ้าหากคิดในทางลบ จากนี้ต่อไปใครกล้ายืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา ก็คือเป็นผู้ที่กระทำในสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี

เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าพวกเขาบอกว่าใครคือจอมมาร คนผู้นั้นก็ต้องเป็นจอมมาร

 ชมเกินไปแล้ว  นักพรตพเนจรหยางหมิงที่สูงส่งบริสุทธิ์และอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา กล่าวว่า  แดนลัทธิพรรษเคยมีข้อตกลงกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหง และระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใหญ่ต่างๆ ในแดนลัทธิพรรษก็ให้การยอมรับกับข้อตกลงฉบับนี้ ดังนั้น หลี่ชิเย่จะเป็นจอมมารหรือไม่เรื่องนี้จะต้องมีการปรึกษาหารือกันก่อน ว่ากันตามของตกลงในครั้งนั้น ถ้าหากหลี่ชิเย่ได้ฝึกวิชาดูดเลือดทำร้ายผู้คนใต้หล้า หากเป็นเช่นนั้นก็ให้ฉีกทำลายข้อตกลงนั้นเสีย ทุกคนในแดนลัทธิพรรษสามารถสังหาร… 

 …ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นแล้วข้อตกลงในครั้งนั้นยังคงมีผลบังคับใช้ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงก็ยังคงเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหง หาใช่พรรคมาร สำหรับเรื่องที่ว่าหลี่ชิเย่ได้สังหารคนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอื่นหรือไม่นั้น นั่นถือเป็นเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัว ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง หากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงไม่ฉีกทำลายข้อตกลง พวกเราก็สมควรปฏิบัติตามข้อตกลง! นี่เป็นระเบียบที่แน่นอน มิฉะนั้นแล้ว แม้แต่ข้อตกลงที่พวกเราลงนามร่วมกันมาก็ไม่ยอมรับ ย่อมจะต้องทำให้แดนลัทธิพรรษวุ่นวาย แล้วจะมีระเบียบมาจากไหนกัน?  เมื่อนักพรตพเนจรหยางหมิงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองดูทุกๆ คน

พลันที่นักพรตพเนจรหยางหมิงกล่าวคำเช่นนี้ออกมา ทำให้มู่เส้าเฉินมีสีหน้าบึ้งตึง แต่ว่า จากนั้นเขายังคงมีรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า และกล่าวว่า  นักพรตพเนจรคือสุภาพบุรุษ แต่ เกรงว่าจอมมารอย่างหลี่ชิเย่จะไม่รักษาข้อตกลงสุภาพบุรุษอะไรนั่น ต่อให้เขาฝึกวิชาดูดเลือดมาก็จะไม่บอกกล่าวให้กับนักพรตพเนจร วันนั้น ขณะที่เขาสังหารศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใหญ่ทั้งสาม ก็เคยสำแดงวิชามารที่น่ากลัวยิ่งออกมา สังหารผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน 

 เป็นเช่นนี้จริงหรือไม่ ก็ยิ่งต้องการให้หลี่ชิเย่มาชี้แจงแล้ว  นักพรตพเนจรหยางหมิงกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า  ข้อตกลงก็คือข้อตกลง พวกเราสมควรปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่สามารถไปตัดสินเขาว่าเป็นจอมมารหรือไม่เพราะบุญคุณความแค้นส่วนตัว ยิ่งไม่สามารถหยัดเยียดข้อหาให้เพียงเพราะบุญคุณความแค้นส่วนตัว ดังนั้น ให้เชิญหลี่ชิเย่ไปที่เขาหมื่นยอดสักครั้ง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดของแดนลัทธิพรรษสามารถมาเข้าร่วม ให้การตัดสินที่เที่ยงธรรม หากทุกคนยินยอม พรรคหยางหมิงข้ายินดีเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีขึ้นที่เขาหมื่นยอด 

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมองตากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนักพรตพเนจรหยางหมิง แรกทีเดียวทุกคนยังเข้าใจว่านักพรตพเนจรหยางหมิงต้องยืนอยู่ข้าฝ่ายมู่เส้าเฉิน เวลานี้ดูไปแล้วหาเป็นเข่นนั้น และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับแอบหายในด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของนักพรตพเนจรหยางหมิง

 เกรงว่าคนแซ่หลี่คงไม่ยอมมาร่วมงานตัดสินเช่นนี้กระมัง  มู่เส้าเฉินภึงกับกล่าวขึ้น

 เรื่องราวต่างๆ ก็อย่าได้ทึกทักมากเกินไป  นักพรตพเนจรหยางหมิงกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า  เวลานั้นจะต้องมีคำตอบ หากหลี่ชิเย่เป็นจอมมารจริง พรรคหยางหมิงของข้าก็ยินดีทำเพื่อแดนลัทธิพรรษ จะต้องสังหารเขาแน่! 

 คำพูดเช่นนี้นับว่ามีความเที่ยงธรรม  เวลานี้นักพรตฉางเซินทำปรบมือให้ รอยยิ้มดั่งบุปผา และกล่าวว่า  ดูท่าเจ้านับว่ายังมองการณ์ไกลอยู่บ้าง  แน่นอนที่สุด คำพูดลักษณะเช่นนี้เป็นการพูดกับนักพรตพเนจรหยางหมิง

นักพรตพเนจรหยางหมิงเพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสงบยิ่งนัก

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท