ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2360 กระบวนท่าทำลาย

ตอนที่ 2360 กระบวนท่าทำลาย
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง หวู่ปิงหนิงได้ลงมือแล้ว พลันที่ง้าวสำแดงออกไป ปรากฎสายฟ้าที่วิ่งพรวดออกมาทันที พริบตาเดียวนั่นเอง สายฟ้าที่เป็นมัดดั่งน้ำหลากที่เทราดออกมาและพุ่งเข้าโจมตี
ได้ยินเสียงเปรียะเปรียะดังขึ้น สายฟ้าเสมือนดั่งน้ำหลากที่พุ่งพรวดทะลักออกมา แต่ว่าในด้านความเร็วนั้นไม่รู้ว่าเร็วกว่าน้ำหลากกี่เท่าตัว น่ากลัวอย่างยิ่ง ลองนึกภาพดู น้ำหลากที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า อานุภาพของมันจะน่าสยองขวัญเพียงใด มันสามารถพุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานได้
ดังนั้น จังหวะที่ง้าวถูกสำแดงออกไปในชั่วพริบตาเดียว ก็ได้ยินเสียงปังดังขึ้น ง้าวยังไม่ทันไปถึงแรงปะทะที่น่ากลัวได้ได้พุ่งทำลายท้องฟ้าที่ว่างเปล่านั้น ด้วยกระบวนท่าที่น่ากลัวพุ่งโจมตีเข้าไปกับพลังทำลายล้างรุนแรง ทุกๆ แนวป้องกัน พลังทุกอย่าง เคล็ดวิชาทุกวิชาก็ต้องถูกทำลายจนพังพินาศภายใต้กระบวนท่านี้
ที่น่าสยองขวัญที่สุดก็คือ ขณะที่สายฟ้าที่เป็นมัดพุ่งโจมตีเข้าไปดั่งน้ำหลากนั้น ท่ามกลางสายฟ้ายังปรากฏเสียงสัตว์ที่ร้องคำรามขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท่ามกลางสายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากปรากฎร่างเงาของซวนหนีที่ดุร้ายขึ้นมา
ร่างเงาซวนหนีที่ดุร้ายตัวนี้วิ่งพรวดออกมา แล้วก็หายตัวไปในทันที นี่มันคือซวนหนีดุร้ายที่ดั่งสัตว์เทพนะเนี่ย ขณะที่มันพุ่งพรวดออกมานั้น กรงเล็บที่แหลมคมของมันพลันฉีกทำลายฟ้าดินในทันที ซวนหนีที่ดุร้ายวิ่งพล่านอยู่ท่ามกลางสายฟ้าดั่งน้ำหลากยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นไปอีก มันดุจดั่งซวนหนีดุร้ายที่หิวโหยลงมาจากเขาอย่างนั้น ไม่ว่าสิ่งใดกั้นขวางตรงหน้าของมันก็ต้องถูกมันฉีกจนเป็นผุยผง
โฮ่ววว…ได้ยินเสียงร้องคำรามของซวนหนีท่ามกลางสายฟ้าที่ดั่งน้ำหลาก เสียงคำรามทำลายทุกสรรพสิ่ง ฉีกทำลายฟ้าดิน
ได้ยินเสียงปังดังขึ้น จังหวะที่ง้าวโจมตีเข้ามานั้น เหมือนว่าได้ทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่จุดดั้งเดิม ภายใต้การโจมตีของง้าวเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ถูกทำลาย ทุกอย่างกลายเป็นศูนย์
ได้ยินเสียงฉึกดังขึ้นเสียงหนึ่ง กระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ นี้รวดเร็วเหลือเกิน ผู้คนจำนวนมากยังไม่ทันได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่ากระบวนท่านี้ถูกโจมตีออกมาได้อย่างใด ก็รู้สึกคล้ายหน้าผากของตนเย็นวาบ และเกิดมโนภาพขึ้นทันที เหมือนถูกง้าวแทงทะลุศีรษะของตนไปแล้ว ตกใจจนหวาดผวาขนลุกซู่ ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
กระบวนท่าซวนหนีไฟฟ้าลงเขาคือหนึ่งในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ และเป็นหนึ่งในสามกระบวนท่าที่เป็นกระบวนท่าเริ่มต้นของหวู่ปิงหนิง
พลันที่ง้าวพุ่งเข้าโจมตีองค์หญิงหวินตู้ด้วยความเร็วที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม การโจมตีในลักษณะเช่นนี้นับว่ารวดเร็วเหลือเกิน รวดเร็วจนทำให้ผู้คนไม่สามารถจินตนาการได้ กระทั่งกล่าวได้ว่า ทุกคนยังสงสัยว่าองค์หญิงหวินตู้จะหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ไปได้หรือไม่
แต่ทว่า องค์หญิงหวินตู้ที่เผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ไม่เพียงไม่ได้หลบ จังหวะที่น้ำหลากสายฟ้าพุ่งโจมตีเข้ามาในพริบตาเดียวนั้น ร่างขององค์หญิงหวินตู้ถึงกับลอยตัวขึ้นมาในทันที ไม่รู้ว่าที่นางสำแดงออกมานั้นคือท่าร่างอะไรกันแน่ มองเห็นเพียงร่างของนางเสมือนดั่งลอยล่องไปตามลมอย่างนั้น
ในขณะที่องค์หญิงหวินตู้ล่องลอยขึ้นมานั้น นางคล้ายดั่งเป็นเมล็ดของดอกแดนดิไลออนที่ลอยล่องไปตามน้ำหลากสายฟ้า อีกทั้งตกลงไปท่ามกลางน้ำหลากสายฟ้าอีกด้วย
ในขณะที่องค์หญิงหวินตู้ที่ล่องลอยคล้ายเมล็ดพันธุ์แดนดิไลออนที่ตกลงไปในน้ำหลากสายฟ้านั้น นางได้ลงมือโดยพลัน อาวุธที่อยู่ในมือของนางหาใช่กระบี่หรือดาบ หรือเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่าง แต่เป็นเส้นไหมโลหะที่ทั้งเล็กและยาวมากเส้นหนึ่ง คล้ายเป็นเส้นขนเส้นหนึ่งแต่มีความคล่องตัวอย่างยิ่ง
ได้ยินเสียงปุเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นไหมโลหะพลันเหมือนงูที่ว่องไวพันถักทอเข้าด้วยกัน ถึงกับจับเอาสายฟ้าเป็นมัดๆ นั้นค้ำยันเอาไว้ด้วยกันเหมือนขึงอยู่บนราว
สายฟ้าลักษณะเช่นนี้เกิดจากพลังของหวู่ปิงหนิงที่มีการจับตัวเข้าด้วยกัน มีพลังที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อสายฟ้าที่เป็นมัดๆ ถูกจับไปขึงอยู่บนราวด้วยกันนั้น ทันใดนั้น ก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นกับพลังของหวู่ปิงหนิง ทำให้การเคลื่อนที่ของพลังกลับกลายเป็นสับสนอย่างยิ่ง
ลองนึกภาพดู กระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ของหวู่ปิงหนิงนั้นคือกระบวนท่าที่พาลและดุดันยิ่งท่าหนึ่ง จังหวะที่นางสำแดงท่านี้ออกมานั้น พลัง และกำลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกจุดระเบิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งในทันทีทันใด
ลองคิดดู เมื่อพลังและกำลังทั้งหมดที่ระเบิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งในทันทีทันใดของหวู่ปิงหนิงเกิดสับสนวุ่นวายขึ้นกะทันหัน มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา เมื่อหนึ่งกระบวนท่าของหวู่ปิงหนิงที่สำแดงออกไป ทันใดนั้น กระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ได้เกิดระเบิดขึ้น ได้ยินเสียงเปรียะ เปรียะ เปรียะดังขึ้น เหมือนทะเลไฟฟ้าเกิดระเบิดขึ้นอย่างนั้น ทำให้น้ำหลากสายฟ้าทั้งหมดวิ่งกันพล่าน
หวู่ปิงหนิงเองก็ถูกพลังของตนที่ระเบิดขึ้นจนตัวลอยในทันที และต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแรง
พริบตาเดียวนั่นเอง เส้นโลหะในมือขององค์หญิงหวินตู้เสมือนดั่งสายฟ้า มองเห็นประกายแวบวับพุ่งตรงไปที่ลำคอของหวู่ปิงหนิง นางลงมือเหี้ยมโหดยิ่งนัก หวังเด็ดชีวิตหวู่ปิงหนิงจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว
จังหวะที่เส้นโลหะยิงตรงไปที่ลำคอของหวู่ปิงหนิงนั้น เห็นร่างเงาของหวู่ปิงหนิงแวบหนึ่งพลันหายตัวไปทันที ทันใดนั้นเองหญ้าเร้นกายของนางได้สำแดงประโยชน์อย่างยอดเยี่ยมขึ้นมา
เมื่อองค์หญิงหวินตู้เห็นว่าลงมือพลาดก็ไม่กล้าเร่งสร้างผลงาน พลันล่าถอยกลับไปอยู่ข้างกายของมู่เส้าเฉินทันที
เสียงปังดังขึ้น ขณะที่หวู่ปิงหนิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ร่างของนางถูกกระแทกจนลอยออกไปและกระอักเลือดออกมา
สิ่งนี้ใช่ว่ามีใครที่ลอบโจมตีนาง แต่เป็นเพราะพลังของนางสับสน แม้ว่า ‘หญ้าเร้นกาย’ จะพานางหายตัวไป หลบการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตขององค์หญิงหวินตู้ไปได้ แต่ว่า ‘หญ้าเร้นกาย’ ไม่สามารถทำให้พลังที่สับสนสงบลงได้ ดังนั้น ขณะที่นางไปปรากฏตัวขึ้นอีกจุดหนึ่งนั้น พลังระเบิดที่ยังหลงเหลืออยู่ยังคงระเบิดจนร่างของหวู่ปิงหนิงต้องปลิวกระเด็นออกไป
กระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ มีอานุภาพที่ปราศจากผู้เทียบเทียม ต่อให้เป็นหวู่ปิงหนิงเองหากคิดจะสลายพลังนี้ไปก็ไม่ง่ายดายนัก ภายในระยะเวลาอันสั้น กระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ของหวู่ปิงหนิงไม่เพียงไม่สามารถสังหารองค์หญิงหวินตู้ได้ กลับถูกกระบวนท่าของตนเองแว้งกัดจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ไม่ง่ายนักกว่าหวู่ปิงหนิงจะควบคุมพลังที่สับสนเอาไว้ได้หลังจากยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ว่า มันส่งผลให้หวู่ปิงหนิงต้องสูญเสียพลังไปอย่างรุนแรง เวลานี้พลังลมปราณไม่ต่อเนื่อง ยากจะมีกำลังต่อสู้ได้อีก
“ฮึ เทพธิดาสงครามแล้วอย่างไร ยังคงต้องพ่ายแพ้ในมือของข้า” เวลานี้องค์หญิงหวินตู้ได้ถอนตัวกลับไปอยู่ข้างกายของมู่เส้าเฉิน เชิดคางอย่างทระนงทีหนึ่ง มองดูหวู่ปิงหนิงด้วยท่าทีเหยียดหยาม
แม้ว่าคำพูดขององค์หญิงหวินตู้ดูโอหังอวดดียิ่งนัก แต่ ไม่กล้ารีบร้อนสร้างผลงาน ไม่ได้ถือโอกาสรุกต่อเมื่อได้เปรียบ เนื่องจากนางเองมีความชัดเจนว่าตนเองนั้นห่างชั้นกับหวู่ปิงหนิงอยู่มากทีเดียว ที่นางเอาชนะหวู่ปิงหนิงเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะอาศัยเล่ห์เหลี่ยม หากว่ากันด้วยพลังวัตรแล้วล่ะก็ นางสู้หวู่ปิงหนิงไม่ได้จริงๆ
“ทำลายได้จริงๆ” ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับตกใจเป็นยิ่งนัก เมื่อมองเห็นกระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ของหวู่ปิงหนิงไม่เพียงไม่ได้ผล ตรงกันข้ามกลับหวนกลับมาทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เสียดาย เจ้าไม่สามารถฝึกระบวนท่านี้ถึงขั้นควบคุมได้ดั่งใจ ดังนั้น เมื่อไรที่พลังสับสนวุ่นวายก็จะแว้งทำร้ายตนเอง” มู่เส้าเฉินรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งกับวิธีทำลายกระบวนท่าของเขา กล่าวอย่างทระนงขึ้นมา
อาการบาดเจ็บของหวู่ปิงหนิงไม่เบา สีหน้าขาวซีด สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาไม่สมบูรณ์แต่เดิมอยู่แล้ว ทั้งสามกระบวนท่าที่นางฝึกล้วนแล้วแต่อาศัยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งมาประคับประคองเอาไว้ อาศัยพลังที่แข็งแกร่งระเบิดเป็นอานุภาพที่ทรงพลังให้กับกระบวนท่าทั้งสามนี้็งแ
พลันที่สำแดงกระบวนท่านี้ออกมา ก็จะเดินหน้าไปรวดเดียวไม่มีการย้อนกลับ พลังจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ในเวลาเช่นนี้หวู่ปิงหนิงไม่สามารถหยุดกระบวนท่าเอาไว้ได้อยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มู่เส้าเฉินมองเห็นจุดอ่อน และอาศัยวิธีนี้ทำลายกระบวนท่า ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ของหวู่ปิงหนิงได้ ทำให้พลังของนางสับสน พลังที่ระเบิดออกมาแว้งกลับไปทำร้ายนางเอง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับเย็นวาบในใจเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉิน เคยมีคำเล่าลือมานานแล้วว่ามู่เส้าเฉินนั้นมีพรสวรรค์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมและน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาสามารถบรรลุเคล็ดวิชาจำนวนไม่น้อยเพียงมองเห็นแค่แวบเดียว มาวันนี้ดูแล้วคำกล่าวนี้เป็นความจริง
มิน่าเล่าถึงได้มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากมายเช่นนี้ที่ถือเอามู่เส้าเฉินเป็นแขกผู้มีเกียรติ ลำพังแค่อาศัยพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของเขา ไม่รู้ว่ามีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่ต้องไล่ตามเขา หากมีอัจฉริยะบุคคลเช่นนี้รั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน ย่อมทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว
“ฮึ จับตัวเจ้ากลับไปก่อนค่อยว่ากัน” ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงส่งเสียงฮึเย็นชา มือขนาดใหญ่ยื่นไปคว้าตัวหวู่ปิงหนิง
เวลานี้หวู่ปิงหนิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเห็นมือขนาดใหญ่ที่คว้าเข้ามา ง้าวในมือสั่นไหวทีหนึ่งหมายรับมือ แต่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระดับบรรพบุรุษเช่นนี้ ต่อให้นางยังคงสามารถต่อสู้ได้ ก็ไม่มีโอกาสชนะได้
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของบรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงที่ยื่นไปคว้าตัวพลันถูกกระแทกจนหดมือกลับไป
มองเห็นนักบวชหยางหมิงลงมือต้านระดับบรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงกลับไป เขาก้าวออกมาและหัวเราะเสียงดังว่า “รังแกผู้เยาว์นับเป็นความสามารถอะไรรึ มา มา มา พวกเรามาสู้กันสักตั้ง”
นักบวชหยางหมิงออกหน้าแทนหวู่ปิงหนิง เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนจำนวนมาก ดวงตาทั้งสองของบรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงดูเข้ม กล่าวเสียงเย็นชาว่า “นักบวช เจ้าต้องการยุ่งเรื่องจูเซียงหวู่ถิงพวกเราให้ได้ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง” นักบวชหยางหมิงหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “อย่างน้อย เรื่องนี้ข้ายุ่งด้วยแน่นอนแล้ว”
“ดี ได้ยินมานานว่าฝีมือของนับบวชนั้นหนึ่งไม่มีสอง เช่นนั้นแล้วพวกเราก็จะขอคำชี้แนะสักหน่อยเป็นไร?” เวลานี้ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเป่าฉีได้ก้าวออกมา และยิ้มเยาะทีหนึ่ง
“อาเฉียง เทพแท้จริงเถี่ยฉี” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษอื่นๆ ยังต้องเย็นวาบในใจ เมื่อเห็นระดับบรรพบุรุษผู้นี้ที่ลุกขึ้นมาท้าสู้กับนักบวชหยางหมิง
ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าคือระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้า เป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งทีสุดของสำนักเป่าฉี สำนักเป่าฉีของพวกเขาหนุนมู่เส้าเฉินเต็มที่ เวลานี้ย่อมกล้าก้าวออกมาท้าทายต่อนักบวชหยางหมิงแล้ว
หากเป็นช่วงเวลาปรกติ เฉกเช่นสำนักเป่าฉีที่เป็นสำนักระดับเช่นนี้ไม่กล้าท้าสู้กับพรรคหยางหมิงอยู่แล้ว เวลานี้ต่างกัน สถานการณ์ถูกกำหนดโดยมู่เส้าเฉิน พรรคหยางหมิง หุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายของพวกเขา
“เช่นนั้นแล้ว พวกเราก็มาขอคำชี้แนะด้วยสุดยอดเคล็ดวิขาของนักบวช” ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงก็ลุกขึ้นยืน ยืนคุมหน้าหลังของนักบวชหยางหมิงพร้อมกับเทพแท้จริงเถี่ยฉี หวังโจมตีขนาบซ้ายขวา
ท่าทีของนักบวชหยางหมิงดูหนักแน่นจริงจัง เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่กล้าแข็งสองคน ค่อยๆ นำโล่ยักษ์ที่อยู่ด้านหลังของตนออกมา
“ศิษย์ทรยศของสุสานกระบี่ก็ควรให้จับเสียดีๆ มิฉะนั้นล่ะก็ ฆ่าไม่มีละเว้น” ในเวลานี้ระดับบรรพบุรุษของสุสานกระบี่คนหนึ่งก็ได้ก้าวออกมา จ้องเขม็งไปที่หลินซิม่อ และกล่าวน่าเกรงขามออกมา
สีหน้าของหลินซิม่อพลันเปลี่ยนไป ตื่นตระหนกยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของระดับบรรพบุรุษสุสานกระบี่ผู้นั้น
……………………………………………….
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท