“หลี่ชิเย่…” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิยังต้องร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อเห็นผู้ที่ก้าวเดินออกมาจากหลุมดำกะทันหันผู้นี้
ชื่อเสียงด้านความโหดของหลี่ชิเย่กระฉ่อน ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นเกรงคนโหดที่เคยสังหารพวกเทพหมื่นแขนอยู่สามส่วน ไม่ว่าใครก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อกับคนผู้นี้
“พอดีข้าต้องการไปยังแดนมือผีสักครั้งเท่านั้นเอง ในเมื่อมีคนที่จะส่งข้าไปแล้วทำไมไม่เอาล่ะ” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองมู่เส้าเฉินด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวตามอารมณ์ว่า “ไม่นึกเลยว่าเสียเวลาไปครึ่งค่อนวันมีฝีมือเพียงแค่นี้ เป็นแค่มดปลวกตัวหนึ่งโดยแท้จริง สามารถก่อเรื่องราวอะไรขึ้นมาได้เล่า” กล่าวพลางส่ายหัวไปมา
เป็นไปได้อย่างไร…สีหน้าของมู่เส้าเฉินเปลี่ยนไปมากทีเดียว เป็นเพราะว่าเขารับรู้ถึงความน่ากลัวของแดนมือผี จึงได้เคลื่อนย้ายตำแหน่งให้หลี่ชิเย่ไปยังแดนมือผี
แม้ว่าเขายกย่องตนเองว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่กลับออกมาจากแดนมือผีก็ตาม ความจริงแล้วที่เขากล้าเข้าไปยังแดนมือผีก็แค่อาศัยเล่ห์เหลี่ยมเท่านั้นเอง ไม่กล้าปะทะซึ่งหน้าในขณะอยู่ที่แดนมือผี อาศัยเพียงหลบเลี่ยงความร้ายกาจของศัตรูเท่านั้น
เขามองเห็นชัดเจนว่าหลี่ชิเย่ถูกมือผีของแดนมือผีดึงตัวเข้าไปในเมฆดำ แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงรอดชีวิตกลับมาอย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายแม้แต่น้อย
“แค่แดนมือผีเท่านั้นเอง ไหนเลยจะกักขังข้าได้” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ถือโอกาสโยนสิ่งหนึ่งออกไปตามอารมณ์ เป็นหัวๆ หนึ่งกลิ้งตกอยู่บนพื้น
มันคือหัวที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว มีเขี้ยวที่ยาวและแหลมสองข้าง ในขณะนี้หัวดังกล่าวยังเต็มไปด้วยเลือด ชัดเจนมากว่าเพิ่งจะถูกหลี่ชิเย่เด็ดออกมา
“เจ้า เจ้าสังหารคนชั่วร้ายของแดนมือผี?” มู่เส้าเฉินถึงกับเสียวสันหลังวาบ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อมองเห็นหัวที่กลิ้งอยู่บนพื้นนั่น
มู่เส้าเฉินเป็นผู้ที่อวดดีทะนงตน แต่กลับรู้อะไรดี รู้ดีว่าคนชั่วร้ายของแดนมือผีน่ากลัวเพียงใด
“ไม่กล้าแอบอ้างผลงาน” หลี่ชิเย่พูดขึ้นตามอารมณ์ว่า “เป็นผลงานของกระบี่อัจฉริยะ ครั้งนั้นกระบี่อัจฉริยะก็ได้จัดการกับคนชั่วร้ายนี้จนเกือบตายแล้ว เพียงแต่ภายหลังมันได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่เท่านั้น ดังนั้นสุสานกระบี่ของสุสานกระบี่จึงได้บินมาที่ตรงนี้ สยบและสังหารคนชั่วร้ายนี้เสีย ข้าเพียงแค่ถือโอกาสเด็ดหัวของมันออกมาเท่านั้นเอง”
“พรสวรรค์ไม่เลวนัก เสียดาย ไม่ควรแตะต้องคนข้างกายของข้า ตาย!” ขณะที่ทุกคนกำลังใจหายใจคว่ำอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้มองดูมู่เส้าเฉินด้วยท่าทีเฉยเมยทีหนึ่ง พลันที่พูดขาดคำ มือขนาดใหญ่ยื่นไปคว้าตัวมู่เส้าเฉิน
มู่เส้าเฉินมีพรสวรรค์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียม พลันที่มองเห็นมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยื่นเข้ามา ก็รู้ได้ทันทีว่าใครคือผู้ที่น่ากลัวมากที่สุด เขารีบถอยหลังไปทันที ฉับพลันนั้น จัดการโยนตัวหวู่ปิงหนิงกับหลินซิม่อไปให้กับหลี่ชิเย่ และร้องเสียงดังว่า “รับเอาไว้”
หลี่ชิเย่ละทิ้งมู่เส้าเฉิน พลันรับตัวหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อเอาไว้ หลังจากรับตัวพวกนางสองคนแล้ว มือที่สะบัดออกไปด้วยความชำนาญจัดการคลายพันธนาการบนตัวของพวกนางออก สั่งการออกไปว่า “ไปรออยู่ข้างๆ ก่อน รอดูข้าจัดการสังหารพวกเขาให้หมด”
หวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อไม่พูดอะไรออกมา ก้าวไปยืนอยู่ด้านหลังของนักพรตฉางเซินทันที
หลี่ชิเย่หัวเราะ ก้าวไปข้างหน้า ยิ้มไปตามอารมณ์แล้วมองหน้ามู่เส้าเฉินทีหนึ่งและกล่าวว่า “วิธีการของเจ้าไม่น้อยเลยนะ เสียดาย ทักษะด้อยเกินไป เจ้าอยากจะตายแบบไหน”
“เหล่าบรรพบุรุษ ช่วยข้าอีกแรง” สีหน้าของมู่เส้าเฉินเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ เขาคือผู้ที่ได้พบกับราชันแท้จริงมาแล้วจริงๆ พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือในพริบตาเดียวนั้น เขาจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความน่ากลัวของหลี่ชิเย่ เขาได้ประเมินความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ไว้สูงมากแล้ว แต่ว่า เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ลงมือจริงๆ แล้ว จึงเข้าใจได้ว่าตนเองนั้นยังคงประเมินค่าหลี่ชิเย่ต่ำไปมากทีเดียว
พริบตาเดียวนั่นเอง เทพแท้จริงเถี่ยฉี บรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงต่างก้าวออกมาเป็นคนแรก ยืนขวางอยู่ด้านหน้าสุดของหลี่ชิเย่
ตึง ตึง ตึงแต่ละเสียงที่ดังขึ้น มองเห็นระดับบรรพบุรุษ ยอดฝีมือของสุสานกระบี่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งหยางต่างๆ ที่เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขนาดใหญ่เป็นต้น ต่างเข้าประจำตำแหน่งในทันที พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าของมู่เส้าเฉิน เพื่อคุ้มกันให้กับมู่เส้าเฉิน
ย่อมไม่ต้องสงสัย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง สุสานกระบี่หนุนมู่เส้าเฉินเต็มที่อยู่แล้ว
“อาศัยพวกเจ้าก็คิดจะขวางข้าเอาไว้ได้อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองกองทัพที่อยู่ตรงหน้าไปตามอารมณ์แวบหนึ่ง
เวลานี้ พวกสุสานกระบี่ที่เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขนาดใหญ่แต่ละแห่งต่างมียอดฝีมือนับพันนับหมื่นอยู่ที่ตรงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพแท้จริงเถี่ยฉีเป็นถึงระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า มีกำลังที่กล้าแข็งมาก
แต่ว่า คำพูดที่เอ้อระเหยเช่นนี้ของหลี่ชิเย่กลับทำให้ทุกคนถึงกับหวาดผวาจนขนลุกซู่ เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาเคยสังหารยอดฝีมือ และระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามนับพันคน เวลานี้เขาก็สามารถสังหารได้เช่นกัน
ตึง…เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น เวลานี้ มองเห็นระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือทั้งหมดของสุสานกระบี่ได้ตั้งค่ายกลขึ้น กระบี่วิเศษแต่ละเล่มที่ออกจากฝัก พริบตาเดียวนั่นเองประกายกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ตึงสุดท้ายได้ยินเสียงกระบี่ที่คำรามเก้าชั้นฟ้าดังขึ้น ประกายกระบี่ทั้งหมดได้รวมตัวเข้ากับกระบี่วิเศษและกลับกลายเป็นกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งที่แขวนอยู่บนที่สูง
ขณะที่กระบี่ยักษ์เล่มนี้ปรากฏ กลิ่นอายที่มีมาแต่อดีตตลบอบอวล ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม อยู่เหนือทั่วหล้ามีปณิธานสังหารเทพประหารมารในครอบครอง
“นี่ นี่คือค่ายกลกระบี่ของอัจฉริยะกระบี่รึ?” มีผู้ที่รู้สึกใจหายใจคว่ำและกล่าวด้วยความหวาดผวาเมื่อมองเห็นกระบี่ที่แขวนอยู่สูงเล่มนั้น
“เป็นผลงานของมู่เส้าเฉิน มู่เส้าเฉินได้ไปที่แดนมือผีมา ได้ยินว่าไปได้สุสานกระบี่มา ดังนั้นจึงได้บรรลุสุดยอดวิชากระบี่ของอัจฉริยะกระบี่ เร็วๆ นี่เขาได้ถ่ายทอดค่ายกลกระบี่กลับคืนไปยังสุสานกระบี่ ด้วยเหตุนี้เอง ทุกระดับชั้นของสุสานกระบี่จึงยอมภักดีต่อมู่เส้าเฉิน” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“แค่ผิวเผินเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่มองดูกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่แขวนอยู่ระดับสูงทีหนึ่ง นี่เป็นค่ายกลกระบี่ของอัจฉริยะกระบี่จริง เสียดายมีอานุภาพจำกัด เขาหัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าแค่บรรลุเคล็ดวิชากระบี่มาเล็กน้อย ได้เห็นความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมบางส่วนของสุสานกระบี่ แต่ไม่ได้มาจริงๆ”
“วิธีการที่จะเล่นงานเจ้าของข้าไม่ได้มีเพียงเท่านี้” มู่เส้าเฉินสงบจิตลงได้ภายใต้ยอดฝีมือนับพันนับหมื่นที่คอยให้การปกป้องคุ้มครอง
หลังจากที่เขาพูดจบคำ ได้ยินเสียงตึงดังขึ้น บรรดาระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียนที่อยู่ด้านขวามือพลันดาบยาวผงาดฟ้า ดาบยาวทุกเล่มล้วนปะทุปณิธานดาบที่น่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง ดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากฝักปณิธานกระบี่ทั้งหมดได้หลอมรวมกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ยาวเป็นหมื่นฟุตเล่มหนึ่ง ส่งประกายวูบวาบที่น่ากลัวออกมา ประกายทุกสายคล้ายสามารถแทงทะลุท้องฟ้าได้อย่างนั้น
แต่ว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ในพริบตาเดียวนั้นเอง มองเห็นระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งหยางต่างประจำตำแหน่งของตน ได้ยินเสียงดังสนั่นตูม พวกเขาถึงกับกางเกราะหัวใจขนาดยักษ์ขึ้นมา โดยที่เกราะหัวใจดังกล่าวเสมือนดั่งเป็นดวงจันทราที่ลอยขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้า ส่งประกายเจิดจ้าจนตะวันจันทราต้องอับแสง
นาทีนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่งได้ร่วมมือกัน อีกทั้งต่างประจำตำแหน่งของตน ปรากฏค่ายกลแล้วค่ายกลเล่าประสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นค่ายกลอีกค่ายกลที่มีขนาดยักษ์มากยิ่งขึ้น ย่อมไม่ต้องสงสัยเลยว่าความร่วมมือเช่นนี้ใช่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นกะทันหัน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขนาดใหญ่แต่ละแห่งมีการซักซ้อมกันก่อนหน้านานแล้ว พวกเขาได้เตรียมความพร้อมเพื่อวันนี้มาแล้ว
สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่ามู่เส้าเฉินมีการเตรียมการมาอย่างดี เขามีวิธีการนับไม่ถ้วน มีธาตุแท้ภายในนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงกล้าทำเอะอะต่อพรรคหยางหมิง เพื่อแทนที่ตำแหน่งผู้นำของพรรคหยางหมิง
ในขณะที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่งมีคนนับพันนับหมื่นต่างเข้าประจำที่แล้วนั้น มองเห็นมู่เส้าเฉินได้เสกเอาภาพค่ายกลออกมาแผ่นหนึ่ง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ขณะที่ภาพค่ายกลเช่นนี้ถูกเสกขึ้นมานั้น เสมือนดั่งดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าได้ตกลงมา มองเห็นประกายดาวเหมือนดั่งน้ำหลากที่เทราดลงมา สุริยันจันทราและดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าพลันกลับกลายเป็นเจิดจ้ายิ่งนัก ประกายของพวกมันล้วนแล้วแต่ส่องมาที่ภาพค่ายกลดังกล่าวโดยพลัน
เหมือนว่าภาพค่ายกลนี้มีพลังดึงดูดไม่มีสิ้นสุด ได้ดึงดูดเอาประกายดวงดาวนับล้านล้านดวงเข้ามา ภายใต้ประกายดวงดาวมากมายมหาศาลที่ถูกรวบรวมเอาไว้ในภาพค่ายกลเช่นนี้ ฉับพลันนั้นประกายที่เจิดจ้าละลานตาทำให้ลืมตาไม่ขึ้น
เมื่อทุกคนสามารถลืมตาขึ้นแล้วนั้น เห็นเพียงร่างเงาที่สูงใหญ่ยิ่งลงมาจากท้องฟ้า คนผู้นี้ศีรษะค้ำท้องฟ้า เท้าเหยียบพสุธา โดยร่างของเขาเกิดจากการรวมตัวของดวงดาวเป็นล้านล้านดวงบนจักรวาล มีพลังของดวงดาวทั่วท้องฟ้าในครอบครอง
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ร่างเงานี้ได้เปล่งกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ที่ไพศาลไร้ขอบเขต เสมือนดั่งปฐมบรรพบุรุษมาอย่างนั้น
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ร่างเงาสูงใหญ่มาถึงนั้น เห็นเพียงมือขนาดใหญ่ของเขาที่ยื่นออกมา ดาบเทพและกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่แปลงมาจากสุสานกระบี่ และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียนล้วนแล้วแต่ตกไปอยู่ในมือของเขา มือข้างหนึ่งของเขาถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มืออีกข้างถือดาบเทพ อีกทั้งเมื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และดาบเทพที่ยาวเป็นหมื่นฟุตอยู่ในมือของเขาดูจะมีอานุภาพไม่มีสิ้นสุดยิ่งกว่า เสมือนดั่งสามารถฟันหมื่นยุคให้แยกออก
ตามติดด้วยเสียงดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง โดยเกราะหัวใจที่เกิดขึ้นจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งหยาง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้ก็ได้ไปบังอยู่บริเวณหน้าอกของร่างเงาร่างนี้ เสมือนดั่งเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น พลังที่เกิดจากการรวบรวมเข้าด้วยกันของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่ง เวลานี้ได้หลอมรวมเข้ากับภาพค่ายกลดังกล่าว กลับกลายเป็นเกราะที่แข็งแกร่งและดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง เกราะแต่ละชิ้นได้เข้าไปสวมอยู่บนตัวของร่างเงาสูงใหญ่นั่น
เวลานี้ ร่างเงาสูงใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมบนตัวสวมเสื้อเกราะ มือซ้ายกำกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มือขวาถือดาบเทพ และเกราะหัวใจที่บริเวณหน้าอกปรากฏประกายที่เจิดจ้าละลานตา
ในเวลานี้ ขณะที่ร่างเงาลักษณะเช่นนี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น มันช่างเหมือนจริงอะไรอย่างนั้น เหมือนว่าเป็นปฐมบรรพบุรุษเทพแท้จริงตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เป็นแค่ร่างเงาอีกต่อไป เหมือนว่าเขาก็คือเทพสงครามคนหนึ่ง
“หลี่ชิเย่ นี่คือค่ายกลดาราปฐมบรรพบุรุษที่ข้าสร้างขึ้น สามารถเรียกหาปณิธานต่อสู้ของปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่ เจ้าลองเข้ามาสู้กันได้” มู่เส้าเฉินยืนอยู่ด้านหลังของร่างเงาสายนี้ หัวเราะเสียงดังด้วยความทะนงตน
ปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่…ผู้คนจำนวนไม่น้องถึงกับผวาเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉิน แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ พึมพำออกมาว่า “สามารถเรียกหาปณิธานการต่อสู้ของปฐมบรรพบุรุษ นี่ นี่มันออกจะฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง”
ผู้เยาว์คนหนึ่งสามารถเรียกหาปณิธานการต่อสู้ของปฐมบรรพบุรุษได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น ปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่นั้นคือปฐมบรรพบุรุษที่น่ากลัวปราศจากข้อจำกัดยิ่งคนหนึ่ง
เรื่องนี้ว่าไม่ได้ เพราะมู่เส้าเฉินเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ยากจะหาใดเทียมโดยแท้จริง เขามองดูปรากฎการณ์ดวงดาวแล้วสร้างค่ายกลพิสดารเช่นนี้ขึ้นมา ขณะที่ค่ายกลนี้สามารถอาศัยพลังของใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ และหรืออาศัยพลังของสุริยันจันทราและดวงดาวก็ได้ มันมีร้อยแปดพันเก้าวิธีที่จะนำมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน
เฉกเช่นเวลานี้ ภาพค่ายกลของเขาสามารถอาศัยสุสานกระบี่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียนเหล่านี้มาประสานเข้าด้วยกันได้ มีความคล่องตัวสูงมาก
ในเวลานี้แอง ได้อาศัยค่ายกลลักษณะเช่นนี้เรียกหาปณิธานการต่อสู้ของปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่พวกเขาออกมา เทียบกับครั้งนั้นที่เทพแท้จริงดาบสังหารอาศัยเลือดบรรพบุรุษมากลับกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษของตนเองแล้ว ไม่รู้ว่าสูงส่งมากกว่ากันเท่าไร
……………………………………………..