ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2366 กระบี่ที่คมที่สุด

ตอนที่ 2366 กระบี่ที่คมที่สุด
เทพอินทรีหวินตู้…ทุกคนที่มองเห็นผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าแล้วต่างถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องขนลุกซู่ในใจ เวลานี้เทพอินทรีหวินตู้เพลิงโกรธลุกโชนรุนแรง เพลิงโกรธของเขาเสมือนหนึ่งสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ ยิ่งสร้างความหวาดผวาจนขนลุกซู่ขึ้นมา
แต่เดิมขั้นอมตะคนหนึ่งนับว่ามีความแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์สู้ไม่ได้เลยเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าของเขา ยามที่ขั้นอมตะเช่นนี้โกรธแค้นอย่างบ้าคลั่งนั้น บรรยากาศแห่งความโกรธลักษณะเช่นนั้นช่างน่ากลัวอะไรเช่นนั้น เสมือนดั่งเป็นวันสิ้นโลกอย่างนั้น เหมือนว่าภูเขาไฟทั้งหมดบนโลกล้วนแล้วแต่จะปะทุระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น เหมือนหนึ่งลาวาที่แตกกระจายท่วมโลกทั้งโลกจนจมมิดอย่างนั้น
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เข่าอ่อนทั้งสองข้าง กระทั่งไม่กล้าจ้องมองเทพอินทรีหวินตู้ตรงๆ เมื่อรับรู้ถึงความโกรธที่น่ากลัวของเทพอินทรีหวินตู้
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีระดับบรรพบุรุษ ยอดฝีมือจำนวนเท่าไรที่ค่อยๆ ถอยฉากออกไป พวกเขาต่างควบคุมอารมณ์และคำพูดถอยหลังไปอย่างเงียบเชียบ ด้วยเกรงว่าจะรบกวนคนอื่นๆ
เนื่องจากการลงมือของขั้นอมตะคนหนึ่งที่โกรธอย่างบ้าคลั่ง เกรงว่าพลันที่เขาลงมือก็ต้องทำลายฟ้าดินเป็นแน่แท้ พลังที่น่ากลัวจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี้จนกลายเป็นเถ้าธุลีไป เกรงว่าถ้าหากทุกคนอยู่ใกล้สมรภูมิต่อสู้ใกล้เกินไปล่ะก็ อาจจะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย ภายใต้การโจมตีด้วยความโกรธของเทพอินทรีหวินตู้ ไม่แน่นักพวกเขาอาจจะถูกคลื่นพลังที่หลงเหลืออยู่เข้าให้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองตายได้อย่างไร
เทพแท้จริง ขั้นอมตะ… เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องรู้สึกสั่นเทาภายในใจขณะจ้องมองดูเทพอินทรีหวินตู้ ผ่านไปกี่ปีแล้วที่ยากนักสำหรับทุกคนที่จะได้เห็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แท้จริง
กล่าวสำหรับเทพแท้จริงขั้นอมตะแล้ว เมื่อใดที่พวกเขาก้าวสู่ขั้นอมตะแล้วก็มีโอกาสได้ก้าวขึ้นไปยังแดนลัทธิราชัน ขณะเดียวกัน ประโยชน์ที่ดีที่สุดในการก้าวขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันก็คือ อายุขัยจะยืนยาวมากกว่าอยู่ที่แดนลัทธิพรรษไม่น้อยเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง ขั้นอมตะส่วนใหญ่ที่มีศักยภาพเช่นนั้นแล้ว ก็จะทยอยกันไปจากแดนลัทธิพรรษขึ้นไปยังแดนลัทธิราชัน จะอย่างไรเสียยอดฝีมือระดับนี้ล้วนแล้วแต่มีอายุมากกันแล้ว กระทั่งอายุขัยกำลังจะเหือดแห้ง ดังนั้น พวกเขายินดีก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิราชันมากกว่า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าการมีอายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้นอีกแล้ว
สุดท้ายแล้ว เทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยังคงเหลืออยู่จึงมีน้อยมากๆ เทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยังคงรั้งอยู่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทไม่อาจปล่อยวางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้ อาสาอยู่คุ้มครองในแดนลัทธิพรรษเอง
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าแดนลัทธิพรรษในทุกยุคทุกสมัยล้วนแล้วแต่ให้กำเนิดเทพแท้จริงขั้นอมตะไม่น้อยทีเดียว แต่ว่า ท้ายสุดเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยังคงรั้งอยู่ที่แดนลัทธิพรรษมีหร็อมแหร็มเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เทพอินทรีหวินตู้หยางซิ่นก็คือเทพแท้จริงขั้นอมตะที่รั้งอยู่และเฝ้าปกป้องอยู่ที่แดนลัทธิพรรษ เขามีศักยภาพที่จะขึ้นสู่แดนลัทธิราชันมานานมากแล้ว แต่ว่า เขากลับไม่หวั่นไหวกับสิ่งนี้
เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าก็คือ การมาที่แดนลัทธิพรรษของมู่เส้าเฉินในครั้งนี้ เทพอินทรีหวินตู้ถึงกับยอมเสี่ยงต่อการสูญเสียอายุขัยกลับสู่ยุทธภพ เพื่อสนับสนุนมู่เส้าเฉินอย่างแข็งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
“ไม่สับเจ้าให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น ข้าจะไม่แซ่หยาง!” เวลานี้เทพอินทรีหวินตู้ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อดที่จะร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ขณะที่เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธ ทำให้ดวงดาวต้องแหลกละเอียดไป ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแรงเมื่อถูกพลังคลื่นเสียงที่หลงเหลืออยู่กระทบเข้า การร้องคำรามด้วยความโกรธของเขานั้นเจาะจงพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิเย่ แต่ว่า แม้แต่เทพแท้จริงทั่วไปยังยากที่จะรองรับได้เมื่อถูกคลื่นพลังเสียงที่หลงเหลืออยู่ถูกตัว ช่างเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเหลือเกิน
การที่อินทรีเทพของเขาถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกลายเป็นเนื้อบดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ทำให้เทพอินทรีหวินตู้เลือดเข้าตาแล้วจริงๆ อยากจะลอกเส้นเอ็น ถลกหนังของหลี่ชิเย่เสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!
แต่ว่า ต่อให้เสียงคำรามด้วยความโกรธของเทพอินทรีหวินตู้ที่สามารถทำลายดวงดาวจนแหลกละเอียดได้ก็ตาม หลี่ชิเย่ยังคงไม่หวั่นไหว ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าจะแซ่หยางหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าไม่แซ่หยางแล้ว วันนี้ก็หนีความตายไปไม่พ้น”
คำพูดคำนี้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ
หากเป็นเมื่อก่อน จะต้องมีผู้คนจำนวนมากที่คิดว่าหลี่ชิเย่นั้นกล่าววาจาสามหาวไม่รู้จักคำว่าตาย ถึงกับกล้าพูดคำว่า “ยากจะหนีความตายได้พ้น” มันเป็นการอวดดีมากเหลือเกิน
แต่ว่า หลังจากได้รู้จักการเข่นฆ่าไร้ความปราณีของหลี่ชิเย่แล้ว ผู้คนจำนวนมากถึงกับสะดุ้งในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เจ้าหมอนี่เรียกว่าพาลจนสุดจะหาผู้ใดเทียบเทียมจริงๆ ไม่สามารถบรรยายความพาลของเขาด้วยหมึกและพู่กัน
“คนโหดอันดับหนึ่ง คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียกขานเช่นนี้แล้ว” ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิถึงกับพึมพำขึ้นมา
“ดี ดี ดี…” เทพอินทรีหวินตู้โกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “กี่ปีมาแล้วนี่ที่ไม่มีใครกล้าพูดคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าข้ามาแล้ว ดี ดี ดีคนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใสยิ่ง”
“แต่ ยังคงยากจะหนีความตายได้พ้น!” ครั้นเทพอินทรีหวินตู้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร เผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่สยองขวัญยิ่ง ปณิธานการฆ่าที่อยู่ในดวงตาทั้งสองคล้ายดั่งเป็นของมีคมแต่ละเล่มที่กำลังเฉือนเนื้อของคนอย่างนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง
“วันนี้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าให้ตายในทันที ข้านี่แหละจะถลกหนังของเจ้าออกมาทีละนิดๆ เลาะเอาเส้นเอ็นแต่ละเส้นออกมา ให้เจ้าร้องโหยหวนไปร้อยวัน ให้เสียงโหยหวนของเจ้าดังก้องไปทั่วแดนลัทธิพรรษ…” ครั้นเทพอินทรีหวินตู้เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ได้เผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวตัดบทคำพูดของเทพอินทรีหวินตู้ กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ความฝันนับว่างดงามอย่างยิ่ง เสียใจด้วย ข้าอดที่จะทำให้เจ้าฝันค้างไม่ได้ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น หนึ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นก็คือข้าข้าสังหารเจ้าเสีย!”
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่พูดได้เอ้อระเหยยิ่ง แต่ทว่า เมื่อคำพูดที่เอ้อระเหยนี้ถูกพูดออกมาแล้วกลับมีความหนักแน่นยิ่งนัก เหมือนว่าขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมานั้น ทุกอย่างได้กลายเป็นความจริงแน่นอนไปแล้วอย่างนั้น
เวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ ต่างอดที่จะมองตากันและกัน การที่หลี่ชิเย่กล่าวอย่างมั่นใจว่าสามารถสังหารเทพอินทรีหวินตู้ได้ ทำให้ในใจของผู้คนจำนวนมากถึงกับสั่นไหว จะอย่างไรเสียนี่คือเทพแท้จริงขั้นอมตะนะ ต่อให้หลี่ชิเย่ฝืนลิขิตสวรรค์มากไปกว่านี้ก็เป็นเพียงยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น สามารถสังหารขั้นอมตะได้จริงหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่มองออกว่า ตัวหลี่ชิเย่เองกระทั่งบัดนี้ยังคงไม่ได้กลายเป็นราชันแท้จริง หากไม่ใช่ราชันแท้จริงแล้วคิดจะสังหารขั้นอมตะดูเหมือนความน่าจะเป็นในกรณีนี้จะต่ำมาก
“ดี ข้าจะจัดการตรึงสังหารเจ้าอยู่ที่ตรงนี้ก่อน” เทพอินทรีหวินตู้โกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา ขาดคำ ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ทวนยาวอยู่ในมือและชี้หน้าหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
ทวนยาวที่อยู่ในมือของเทพอินทรีหวินตู้ ปรากฏประกายเคลื่อนไหวที่มีสีสันเอ่อล้น ทวนยาวเล่มนี้ของเทพอินทรีหวินตู้ได้เปล่งพลังที่แข็งแกร่งน่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรออกมา ทวนยาวเล่มนี้สีเงินตลอดทั้งเล่ม ส่งประกายระยิบระยับดั่งประกายดาว เหมือนว่าทวนยามเล่มนี้สร้างขึ้นมาโดยการหลอมเอาดวงดาวแต่ละดวงบนจักรวาลอย่างนั้น โดยที่ทวนยางทั้งเล่มมีประกายของดวงดาวในจักรวาล มีพลังของดวงดาวในจักรวาลอยู่ในครอบครอง
ขณะที่ทวนยาวลักษณะเช่นนี้อยู่ในมือนั้น เสมือนดั่งมีความยาวเป็นล้านล้านจ้าง หนึ่งทวนที่ทิ่มแทงออกไปสามารถแทงทะลุจักรวาล โจมตีสุริยันจันทราจนแหลกละเอียดได้
ทวนดาราหวินตู้…ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเมื่อได้เห็นทวนยาวที่อยู่ในมือของเทพอินทรีหวินตู้แล้ว พึมพำขึ้นมาว่า “ทวนเล่มนี้เคยติดตามเทพอินทรีหวินตู้ปราบปรามไปทั่วหล้า มีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก”
แม้ว่าทวนดาราหวินตู้จะไม่ใช่อาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของเทพอินทรีหวินตู้ แต่มันติดตามเทพอินทรีหวินตู้มาโดยตลอด ไม่รู้ว่ามีระดับเทพแท้จริงจำนวนเท่าไรที่ถูกสังหารไปภายใต้ทวนยาวเล่มนี้ เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงด้านความร้ายกาจที่โด่งดังมาก
“ฆ่า…” พริบตาเดียวนั่นเอง เทพอินทรีหวินตู้คำรามเสียงยาวออกมา ทวนยาวที่พุ่งขึ้นอย่างดุดันเข้าโจมตีหลี่ชิเย่ทันที
จังหวะที่ทวนยาวของเทพอินทรีหวินตู้ชี้ไปยังหลี่ชิเย่นั้น ก็ได้ระเบิดปณิธานการต่อสู้ที่สะเทือนฟ้าดินออกมา ลำพังแค่ปณิธานการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ก็สามารถแทงทะลุฟ้าดิน ทำลายภูเขาแม่น้ำจนแหลกละเอียด เปี่ยมด้วยพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในครอบครอง
เวลานี้ การที่ทวนยาวของเทพอินทรีหวินตู้พุ่งออกมาทันที หนึ่งทวนที่โจมตีเข้ามานั้นพลันก่อเกิดพลังที่กระเพื่อมไม่มีสิ้นสุดของทวนขึ้น เสมือนดั่งประกายแสงนับล้านล้านที่เบ่งบานขึ้นมา เสมือนหนึ่งทวนที่เย็นยะเยือกแต่ละเล่มที่แทงทะลุเหมือนอาณาจักรอย่างนั้น ประกายทวนทั้งหมดดั่งเข็มบุปผาพิรุณที่โจมตีเข้าหาหลี่ชิเย่
พริบตาเดียวนั่นเองประกายทวนที่น่ากลัวเหมือนต้องการกลืนกินหลี่ชิเย่ทั้งร่างอย่างนั้น ได้ยินเสียงดังฉึก ฉึก ฉึกที่แผ่วเบาดังขึ้น มองเห็นที่ที่ประกายทวนกวาดผ่านไป พื้นดินถูกตัดและแยกออกคล้ายเต้าหู้อย่างนั้น ถ้าหากประกายทวนลักษณะเช่นนี้ตกไปอยู่บนตัวของมนุษย์ อย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงธรรมดาเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็ต้องถูกแยกร่างโดยพลัน
ประกายทวนที่กลืนกินฟ้าดิน คมกริบยากจะต้านทาน ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องผวาจนขนลุกซู่เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าจะถูกประกายทวนดังกล่าวเฉี่ยวถูกตัว คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ได้ลงมือแล้ว ในมือของเขาได้กำกระบี่เอาไว้เล่มหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกไปก็ได้รับกับทวนยาวของเทพอินทรีหวินตู้ที่โจมตีเข้ามา
หนึ่งกระบี่ที่หลี่ชิเย่สำแดงออกไปนั้นไร้ซุ่มไร้เสียง ไร้รูปไร้เงา อีกทั้งหนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกไปนั้นช่างรวดเร็วเหลือเกิน ไม่มีใครมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหนึ่งกระบี่ของเขาสำแดงออกไปได้อย่างไร
กระทั่งไม่มีใครมองเห็นกระบี่ในมือของเขา ต่อให้มีระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งซึ่งมองเห็นมือของหลี่ชิเย่ที่สะบัดออกไป แต่ก็มองไม่เห็นกระบี่นี้ของเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามองเห็นความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่แท้จริงของกระบี่นี้แล้ว
แต่ว่า จังหวะที่กระบี่ในมือที่สะบัดออกไปนั้น ประกายทวนที่โจมตีเข้ามาล้วนแล้วแต่หยุดลงกะทันหัน เหมือนกาลเวลาถูกปิดกั้นโดยพลันอย่างนั้น
ความจริงแล้วใช่ว่ากาลเวลาถูกปิดกั้น แต่เป็นเพราะพริบตาเดียวที่หลี่ชิเย่สะบัดกระบี่นั้นออกไปจังหวะนั้น เป็นเทพอินทรีหวินตู้เองที่ชะงักกะทันหัน และดึงทวนถอยกลับในพริบตา ในพริบตาเดียวนี้เอง เทพอินทรีหวินตู้ได้อาศัยความเร็วสูงสุดที่ปราศจากผู้เทียบเทียมของตนถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นถึงขั้นล้ำหน้ากาลเวลา เหมือนว่ากาลเวลาได้ไหลย้อนกลับอย่างนั้น กลับไปยังช่วงเวลาที่เขาเริ่มลงมือในตอนนั้น
นาทีนี้เอง ทุกคนต่างเกิดภาพลวงตาขึ้น รู้สึกเหมือนกาลเวลาได้ไหลย้อนกลับอย่างนั้น
แต่ว่า กาลเวลาไม่ได้ไหลย้อนกลับ จังหวะที่เทพอินทรีหวินตู้ถอยหลังไปแล้วจึงได้ยินเสียงตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ไม่ได้ดังมาก แต่กลับมีผู้ที่ได้ยินเป็นจำนวนมาก
จังหวะที่เสียงตึงเสียงนี้จบลง ติดตามด้วยเสียงฉึกดังขึ้นมาเสียงหนึ่งทันที เลือดสดๆ แตกกระเซ็น มองเห็นเลือดสดๆ ที่พุ่งออกมาจากแขนทั้งสองข้างของเทพอินทรีหวินตู้
ในเวลานี้เอง ทุกคนจึงได้มองเห็นทวนยาวของเทพอินทรีหวินตู้ถึงกับแยกออกมาจากหนึ่งกลายเป็นสอง ทวนยาวทั้งเล่มถูกผ่าออกเป็นสองซีก ในขณะเดียวกัน แขนของเขาปรากฏเลือดที่พุ่งกระฉูด แขนทั้งสองของเขาถูกตัดขาดและตกลงบนพื้นพร้อมกับทวนยาวสองซีกนั่น
ตุบเสียงหนึ่งดังขึ้น แขนสองข้างกับทวนยาวสองซีกตกลงบนพื้น เลือดสดๆ ไหลย้อมพื้นดินจนแดงฉาน
ในขณะนี้เอง สีหน้าของเทพอินทรีหวินตู้ซีดเผือด อาศัยท่วงท่าที่ไวดั่งสายฟ้าสกัดจุดแขนที่ขาดไป ทำการห้ามเลือดที่ทะลักออกมา แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตามเขายังคงมีสีหน้าที่ขาวซีด เนื่องจากหากเขาช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ร่างกายของเขาก็ต้องถูกตัดกลายเป็นสองซีกแล้ว
…………..
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท