จังหวะที่เงาของหลี่ชิเย่ได้ประทับสลักลงบนกระจกเงาบานนี้นั้น ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน สภาพที่อยู่ภายในกระจกพลันเปลี่ยนไปกะทันหัน เงาหลี่ชิเย่ภายในกระจกเงาหายไปทันที จากนั้นร่างของหลี่ชิเย่ก็หายตัวไปเช่นกัน
เมื่อทุกคนมองไปที่กระจก มองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา สถานที่แห่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ เหมือนว่าหลี่ชิเย่ถูกส่งตัวไปยังสถานที่แห่งนี้ในทันที ด้านหลังของเขาคือเมฆสีดำที่ดั่งคลื่นยักษ์ คล้ายมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวยิ่งซ่อนตัวอยู่ภายในเมฆสีดำอย่างนั้น
‘แดนมือผี’ สีหน้าของระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้หนึ่งเปลี่ยนไปมากทีเดียว รู้สึกหวาดผวา และส่งเสียงร้องแหลมดังขึ้นมา
เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่หายตัวไปจากด้านหน้ากระจกเงาได้ยืนอยู่บนแดนมือผี ตัวของเขาถึงกับถูกกระจกเงาบานนี้ส่งต่อมายังแดนมือผีแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ยังคงไม่รู้สึกตระหนกตกใจเมื่อต้องยืนอยู่ที่สถานที่เช่นนี้ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงบนิ่งมาก มองดูเมฆสีดำที่บดบังท้องฟ้าของแดนมือผีด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
แดนมือผีคืออะไร? กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแดนมือผี ถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นระดับบรรพบุรุษของตนที่มีท่าทีหวาดผวาจนหน้าถอดสี
มันคือสถานที่ที่น่ากลัวมากแห่งหนึ่งของเงินทองตกพื้น ได้ยินมาว่าครั้งนั้นกระบี่อัจฉริยะเคยมาที่เงินทองตกพื้น และเคยเรียกหาเจ้าที่ในเงินทองตกพื้น ปรากฏว่าได้เรียกเอามือผีที่น่ากลัวออกมา ทำลายฟ้าดิน ทำให้พื้นที่ผืนนั้นกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และกระบี่อัจฉริยะถูกขังเอาไว้ที่นั่น…
…ภายหลังกระบี่อัจฉริยะอาศัยฝีมือที่ล้ำเลิศ ฝ่าออกมาจากแดนมือผีได้ในที่สุด และสังหารมือผีได้ แต่ตามตำนานกล่าวว่า มือผียังคงไม่ได้ตายสนิท ยังคงมีเศษชิ้นส่วนที่ตกอยู่ในแดนมือผี ดังนั้น ใครก็ตามหากเหยียบเข้าไปอยู่ในแดนมือผีก็จะต้องตาย ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้นี้มองดูสถานที่แห่งนั้นที่อยู่ภายในกระจกเงา ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อมีการเอ่ยถึง
น่ากลัวขนาดนี้เลย ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ตกใจอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของระดับบรรพบุรุษ
กระบี่อัจฉริยะเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างยิ่ง วิชากระบี่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะระดับกระบี่อัจฉริยะยังเคยถูกขังอยู่ในแดนมือผี ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความน่ากลัวเพียงใดแล้ว
จังหวะที่คำพูดของระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดขาดคำ ได้ยินเสียงฟิวววดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา สามารถมองเห็นภาพได้จากกระจกเงาดังกล่าว หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่แดนมือผีพลันถูกหนวดจำนวนนับไม่ถ้วนมัดเอาไว้ และในพริบตาเดียวนั่นเองได้ยินเสียงดังผลุบบบเสียงหนึ่ง ทุกคนยังไม่ทันได้สติ หลี่ชิเย่ถูกหนวดลากเอาตัวเข้าไปภายในเมฆสีดำ และหายตัวไป
‘มือผี’ มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหนวดที่มัดตัวหลี่ชิเย่ไว้พลันลากเอาตัวหลี่ชิเย่เข้าไปในเมฆสีดำ และหายตัวไปในชั่วพริบตา
หลี่ชิเย่ตายแน่แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นหลี่ชิเย่หายตัวไปในเมฆสีดำนั่น ไม่ว่าใครก็ตามต่างนึกไม่ถึงว่าฝีมือของมู่เส้าเฉินจะฝืนลิขิตสวรรค์ขนาดนี้
แหะ ในยุคปัจจุบัน นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครสามารถรอดชีวิตจากแดนมือผีได้อีก มู่เส้าเฉินที่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเย็นชาขึ้นมา
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉินแล้ว พลันรู้สึกใจหายใจคว่ำ หรือว่ามู่เส้าเฉินเคยเข้าไปในแดนมือผีมาแล้วจริงรึ? สามารถเอาชีวิตรอดกลับออกมาจากแดนมือผีได้ ออกจะแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว
ผู้คนจำนวนเท่าไรที่นึกถึงข้อนี้แล้วต้องเย็นวาบในใจ โดยเฉพาะบรรดาระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยังไม่ได้ยืนอยู่ข้างฝ่ายของมู่เส้าเฉิน ยิ่งรู้สึกหวาดผวาในใจ มู่เส้าเฉินน่ากลัวมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้
ข้ายังเข้าใจว่าเจ้าคนแซ่หลี่จะแข็งแกร่งสักเพียงใด รับมือไม่ได้แม้แต่นิดเดียว มู่เส้าเฉินมองดูแดนมือผีจากกระจกที่สงบเงียบยิ่งนัก เข้าใจว่าหลี่ชิเย่ได้เสียชีวิตในแดนมือผีแล้ว พูดเหยียดหยามและทะนงตนว่า เป็นศัตรูกับข้า มีเพียงตายสถานเดียว
นายน้อยปราศจากผู้ต่อกร แค่มดปลวกแซ่หลี่คนเดียวนับเป็นอะไรได้ นายน้อยจะสังหารเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเหยียบมดตัวหนึ่ง เวลานี้มียอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เข้มแข็งได้พูดประจบสอพลอมู่เส้าเฉินทันที
นั่นสิ คนแซ่หลี่ก็แค่เจ้าหนูที่บังเอิญสร้างชื่อขึ้นมาได้เท่านั้น แสงไฟจากหิ่งห้อยไหนเลยจะแข่งกับแสงของดวงจันทราได้ เจ้าคนแซ่หลี่เมื่ออยู่ต่อหน้านาน้อยไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอยู่แล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันพูดประจบมู่เส้าเฉินขึ้นมา
อีกทั้งบรรดาผู้ที่ประจบสอพลอเหล่านี้มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นผู้มีชื่อเสียง ประจบสอพลอมู่เส้าเฉินต่อหน้าทุกคนโดยที่ไม่รู้จักอายแม้แต่น้อย
สีหน้าของนักพรตพเนจรหยางหมิง และนักพรตฉางเซินดูหนักแน่นจริงจัง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถูกย้ายตำแหน่งไปยังแดนมือผีในทันที พวกนางเองก็เข้าใจได้ว่ากระจกเงาบานนี้ของมู่เส้าเฉินเป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เกรงว่าจะมาจากฝีมือของระดับปฐมบรรพบุรุษ มันสามารถเคลื่อนย้ายหลี่ชิเย่ไปยังแดนมือผีได้โดยพลัน ย่อมบ่งบอกว่าสามารถเคลื่อนย้ายเอาคนอื่นๆ ไปยังที่ที่อันตรายแห่งอื่นๆ ได้เช่นกัน
ออกจะลำพองใจเร็วเกินไปแล้วกระมัง หวู่ปิงหนิงที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะเยาะทีหนึ่ง เมื่อเห็นเหล่าผู้คนทั้งหลายทยอยกันประจบมู่เส้าเฉิน และมู่เส้าเฉินดูยโสโอหังยิ่งนัก
พลันที่หวู่ปิงหนิงพูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกที่ประจบสอพลอมู่เส้าเฉินถึงกับเงียบไปทันที
เกรงว่าคงเลือกคนผิดเสียแล้ว มู่เส้าเฉินยิ้มอย่างทะนงตน และกล่าวว่า คนแซ่หลี่เข้าไปในแดนมือผี ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เวลานี้เจ้ากลับตัวยังทัน มิฉะนั้นแล้วอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน!
อย่าโอ้อวดตัวเองหน่อยเลย หวู่ปิงหนิงเพียงมองหน้ามู่เส้าเฉินทีหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวว่า ข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกัน คิดเอาเองฝ่ายเดียว
มู่เส้าเฉินมีสีหน้าที่แดงก่ำ และไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อสำลักคำพูดของหวู่ปิงหนิง
พี่เฉิน ให้ข้าช่วยสั่งสอนนางสารเลวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้สักหน่อย ในเวลานี้ องค์หญิงหวินตู้ได้กล่าวประจบสอพลอต่อมู่เส้าเฉิน และหัวเราะเสียงน่ารักทีหนึ่ง
ตกลง ใช้เคล็ดวิชาพิสดารที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้าทำลายเคล็ดวิชาหวู่จู่ของนาง มู่เส้าเฉินหัวเราะเย็นชา และกล่าวด้วยท่าทีทะนงตน ให้นางได้รู้ถึงสุดยอดพรสวรรค์ของข้า ให้นางได้เข้าใจว่าติดตามใครจึงเป็นการเลือกที่ถูกต้องที่สุด
พี่เฉินวางใจ ข้าจะต้องอาศัยเคล็ดวิชาพิสดารของท่านเอาชนะนาง องค์หญิงหวินตู้ส่งยิ้มสวยหยาดเยิ้ม ฉอเลาะถึงขีดสูงสุด ทำเอาร่างอ่อนระทวยไปทั่วตัว
เวลานี้องค์หญิงหวินตู้ก้าวเดินออกมา และมีท่าทีที่เหนือผู้คน ชี้ไปที่หวู่ปิงหนิง และกล่าวเย้ยหยันว่า เจ้าคนแซ่หวู่ พี่เฉินให้เจ้ามีฐานะแต่เจ้าทำตัวตกต่ำเอง ต้องการติดตามผู้อื่นให้ได้ วันนี้ข้าจะช่วยพี่เฉินได้ระบายความคับแค้นนี่เสีย วันนี้ข้าจะอาศัยเคล็ดวิชาพิสดารที่พี่เฉินถ่ายทอดให้ข้าทำลายเคล็ดวิชาหวู่จู่ของเจ้า ข้าจะเอาชนะเจ้าในวันนี้แหละ ให้เจ้ารู้สึกเสียใจแต่ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว
ทำลายเคล็ดวิชาหวู่จู่ของข้า หวู่ปิงหนิงถึงกับเพ่งสองตาไปข้างหน้าจ้องเขม็งไปที่องค์หญิงหวินตู้ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
ถูกต้อง ข้าจะอาศัยเคล็ดวิชาพิสดารที่พี่เฉินสอนข้า ทำลาย ‘ซวนหนีลงเขา’ ของเจ้า เจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่? องค์หญิงหวินตู้มั่นใจเต็มเปี่ยม กล่าวท่าทีเย็นชาขึ้นมา
จริงหรือเท็จ? ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ตกใจแต่วันเมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงหวินตู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางแห่งถึงกับเย็นวาบในใจ กระบวนท่าซวนหนีลงเขาก็คือหนึ่งในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ที่หวู่ปิงหนิงฝึกนั่น และเป็นกระบวนท่าเริ่มต้นที่เป็นกระบวนท่าต่อเนื่องสามท่าของหวู่ปิงหนิง
กระบวนท่าซวนหนีลงเขานั้นมีอานุภาพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง หนึ่งกระบวนท่าที่สำแดงออกไปต้องตายอย่างแน่นอน ครั้งนั้นหวู่ปิงหนิงเคยอาศัยสามกระบวนท่าต่อเนื่องเอาชนะพวกองค์ชายดาบมารสามคนที่ร่วมมือกัน
เวลานี้องค์หญิงหวินตู้ถึงกับหาญกล้าบอกว่าจะทำลาย ‘ซวนหนีลงเขา’ ทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่น่าจะเป็นไปได้ สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่คือเคล็ดวิชาที่ทรงพลังมากที่สุดของหวู่จู่ มีระดับบรรพบุรุษที่ไม่เชื่อสิ่งนี้
เนื่องจากทุกคนในแดนลัทธิพรรษต่างรู้ดีว่า สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่คือเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง แม้ว่าจูเซียงหวู่ถิงได้ทำสูญหายไปเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าทุกคนยังคงเข้าใจว่าสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่มีความแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร
เวลานี้องค์หญิงหวินตู้ที่เป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งต้องการทำลายสุดยอดเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรที่คิดค้นโดยหวู่จู่จึงทำให้ผู้คนไม่อาจเชื่อได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าองค์หญิงหวินตู้มีกำลังความสามารถไม่เท่าหวู่ปิงหนิง หากว่ากันด้วยเรื่องทักษะยุทธ องค์หญิงหวินตู้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวู่ปิงหนิงเด็ดขาด เวลานี้นางต้องการทำลาย ‘ซวนหนีลงเขา’ ของหวู่ปิงหนิง จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก
โลกนี้ไม่มีเคล็ดวิชาที่ข้ามู่เส้าเฉินทำลายไม่ได้ ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างไม่เชื่อนั้น มู่เส้าเฉินหัวเราะอย่างทะนงตน และกล่าวเสียงเย็นชาว่า วันนี้ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือก็สามารถทำลาย ‘ซวนหนีลงเขา’ ของเจ้าได้
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉิน ทุกคนฉุกคิดได้พร้อมกันว่า เป็นความจริงที่พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่า หลายๆ สิ่งขอเพียงให้เขาได้มองผ่านแวบหนึ่งก็สามารถบรรลุได้ หรือว่าเขามีวิธีที่จะทำลาย ‘ซวนหนีลงเขา’ ได้จริงๆ
กล้าลงมือหรือไม่ เวลานี้ท่าทีขององค์หญิงหวินตู้ข่มผู้คน ท่าทางที่ยกตนข่มท่านไม่เห็นหวู่ปิงหนิงอยู่ในสายตาอีกต่อไป
เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างต้องการได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า
หรือว่ามู่เส้าเฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้จริงๆ อย่างนั้นรึ? มีผู้ที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ และพึมพำขึ้นมา
เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า เล่าลือกันว่า พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นน่ากลัวมาก อย่าว่าแต่เป็นยุคปัจจุบันเลย เกรงว่าน้อยคนที่สามารถเทียบเทียมได้ตลอดกาล กระทั่งมีผู้กล่าวว่า เขาด้อยกว่าสิบเจิดจรัสแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง หากเป็นเช่นนั้นจริง ดีไม่ดีเขาสามารถทำลายสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ได้จริงๆ
ดี ข้ากลับต้องการทดสอบ นัยน์ตาทั้งสองของหวู่ปิงหนิงเพ่งไปข้างหน้า พลันกระตุ้นความต้องการเอาชนะที่อยู่ภายในใจของนาง กล่าวเสียงเย็นชาว่า ข้าอยากจะดูว่าเคล็ดวิชาพิสดารของเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใดกันแน่
แหะ เจ้าเห็นแล้วก็จะรู้เอง เอาชนะเจ้าได้เหลือเฟือ องค์หญิงหวินตู้ทะนงตนดั่งนกยูง ไม่เห็นหวู่ปิงหนิงอยู่ในสายตาเลย
เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง ง้าวของหวู่ปิงหนิงปรากฎ ตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรูโดยไม่กล้าประมาท
แม้จะกล่าวว่าทักษะยุทธของหวู่ปิงหนิงนั้นเหนือกว่าองค์หญิงหวินตู้อยู่มากทีเดียว แต่ว่า เมื่อองค์หญิงหวินตู้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้ นางจึงไม่กล้าประมาท
แม้ว่านางจะเห็นมู่เส้าเฉินแล้วไม่สบอารมณ์ยิ่ง และเป็นศัตรูกับมู่เส้าเฉิน แต่ทว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง มิฉะนั้นล่ะก็คงไม่อาจได้รับการให้ความสำคัญถึงเพียงนี้จากเทพสงครามมังกรคชาธารแห่งจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา
ด้วยเหตุที่ว่ามู่เส้าเฉินสามารถบรรลุเคล็ดวิชาต่างๆ เป็นจำนวนมากเพียงแค่มองแวบเดียว ดังนั้น เทพสงครามมังกรคชาธารจึงหมายยืมมือมู่เส้าเฉิน เพื่อค้นหาสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ของจูเซียงหวู่ถิงกลับคืนมา
กล่าวได้ว่า มู่เส้าเฉินมีความเข้าใจในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่มากพอแล้ว และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้หวู่ปิงหนิงต้องเพิ่มความระวังมากยิ่งขึ้น
ลงมือสิ วันนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าแน่นอน องค์หญิงหวินตู้กล่าวด้วยท่าทางที่โอหังอวดดี ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมา เหมือนได้ระบายความคับแค้นออกมาแล้วอย่างนั้น
ตึงเสียงคำรามยาวดังขึ้น ในเวลานี้เอง ง้าวที่อยู่ในมือของหวู่ปิงหนิงส่งประกายวูบวาบที่น่ากลัวออกมา ประกายทุกสายคล้ายดั่งสายฟ้าอย่างนั้น
…………………………………………….