ขณะที่ด้านนอกกำลังเดือดพล่านนั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวไปอยู่ภายในส่วนที่ลึกที่สุดของเงินทองตกพื้น ที่ที่ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึง กล่าวให้ถูกต้องนั่นไม่ใช่สถานที่ มันคือช่องว่างที่มีขนาดกว้างขวางใหญ่โตยิ่งกว่า
หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าได้ก้าวเดินไปนานเท่าไรแล้ว เดินไปจนสุดทางของบันไดดำมืดนั่น ด้านหน้ามีแต่ความมืดมิด
ทอดสายตามองออกไป มองเห็นข้างหน้าที่สุดลูกหูลูกตา เป็นท้องฟ้าว่างเปล่าที่มืดมิดปราศจากขอบเขตสิ้นสุด เหมือนว่าไม่ว่าใครก็ตามหากตกลงไปยังท้องฟ้าว่างเปล่าเช่นนี้แล้วก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป
เมื่อหลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้านหน้าท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแล้วทอดสายตามองไปข้างหน้า ประหนึ่งว่าสายตาของเขาได้มองทะลุตรงไปยังบริเวณที่ไกลที่สุดอย่างนั้น เสมือนว่าสามารถมองทะลุปรุโปร่งถึงความว่างเปล่าของท้องฟ้าแห่งนี้
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้หยิบเอาทรายออกมาเต็มกำมือ ทรายที่ขาวสะอาดถึงกับเปล่งแสงจางๆ ขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เม็ดทรายขนาดเล็กแต่ละเม็ดเก็เหมือนไข่มุกขนาดจิ๋วแต่ละเม็ดอย่างนั้น
มันคือทรายที่หลี่ชิเย่อาศัยเงินเหรียญไปแลกเอามากับมด ตอนนั้นมีผู้คนจำนวนมากที่หัวเราะเยาะหลี่ชิเย่ว่าเป็นพวกหน้าโง่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเอาเงินไปแลกทรายกับมด
แต่ว่า ไม่มีผู้ใดทราบถึงประโยชน์ของเม็ดทรายเหล่านี้ แน่นอนที่สุด ต่อให้มีผู้ที่รับรู้ถึงความลับนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากถึงจะล่วงรู้ความลับนี้ก็ไม่สามารถมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้
ฟู่ววว…หลี่ชิเย่เป่าเม็ดทรายที่มีอยู่ออกไปรวดเดียวทั้งหมด ขณะที่หลี่ชิเย่เป่าออกไปรวดเดียวนั้น ทรายทั้งหมดได้ปลิวกระจายลอยล่องไปในท้องฟ้าว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ขณะที่เม็ดทรายทั้งหมดปลิวกระจายลอยล่องอยู่บนท้องฟ้านั้น เหมือนเป็นจุดที่สว่างมากที่สุดของดวงอาทิตย์แต่ละเม็ดที่กระจายไปในท้องฟ้า และเหมือนปล่อยหิ่งห้อยออกไปจำนวนนับไม่ถ้วน แลดูสวยงามยิ่งนัก
แม้ว่าทรายแต่ละเม็ดเหล่านี้จะไม่ได้สว่างอะไรมากมาย แต่ทว่า เมื่อเม็ดทรายทั้งหมดปลิวกระจายไปในท้องฟ้าแล้ว เหมือนว่าพวกมันได้ส่องสว่างให้กับท้องฟ้าได้บ้าง ภาพเช่นนี้งดงามจนสุดที่จะบรรยาย
ท้ายที่สุดเม็ดทรายทั้งหมดก็ได้ปลิวกระจายไปท่ามกลางท้องฟ้า อีกทั้งจากการที่เม็ดทรายลอยล่องไกลออกไปเรื่อยๆ แสงสว่างก็หรี่มืดลงเรื่อยๆ สุดท้าย แสงสว่างทั้งหมดก็ได้หายไปสิ้น
นาทีนี้ทั่วท้องฟ้าได้กลับกลายเป็นเงียบสงัดอย่างยิ่ง ความจริงแล้วก่อนหน้านั้นท้องฟ้าที่ตรงนี้ก็เงียบสงัดเช่นนี้มาโดยตลอด แต่ว่าความเงียบสงัดของท้องฟ้าเวลานี้แตกต่างกับในอดีต
เหมือนว่าความเงียบสงัดนาทีนี้ จะนำมาซึ่งบางสิ่งกำลังจะฟื้นขึ้นมาอย่างนั้น
ท้องฟ้าโดยทั่วไปเงียบสงัดยิ่งนัก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ได้ยินเสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองช่องว่างเกิดการกระเพื่อมขึ้นมาทีหนึ่ง เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกพลิกขึ้นมาอย่างนั้น
เสียงปุที่ดังขึ้นในเวลานี้ มองเห็นลำแสงที่พุ่งตรงเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวนั่นเองเหมือนได้มีการเปิดโลกใหม่โลกหนึ่งขึ้นมา ลำแสงที่งดงามยิ่งคล้ายดั่งกระแสน้ำที่ไหลพุ่งเข้ามา ลำแสงที่ไหลพุ่งเข้ามานี้เปรียบเปรยโดยใช้เกลียวคลื่นทะเลที่วิ่งห้อเข้ามาก็ไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไป
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วท้องฟ้ากลับกลายเป็นสว่างไสวยิ่งนัก ช่องว่างทั้งหมดถูกครอบคลุมโดยแสงสว่างที่นุ่มนวลยิ่ง โดยที่ท้องฟ้าถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างที่นุ่มนวลทั้งหมด
บริเวณตรงกลางของท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างที่นุ่มนวลแผ่กระจายออกมา ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่รวมตัวกันของทางช้างเผือก เสมือนหนึ่งกลายเป็นทะเลทางช้างเผือก เหมือนว่าดวงดาว และทางช้างเผือกทั้งหมดของโลกนี้ล้วนแล้วแต่มารวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้
แสงสว่างที่แผ่กระจายออกมาจากในนั้นกลับไม่ได้เจิดจ้าละลานตา แต่มีความนุ่มนวลเป็นอย่างยิ่ง มีสีสันสีครามเข้มที่เคลื่อนไหวลอยล่อง สวยงามยิ่งนัก เหมือนว่าโลกทั้งโลกที่อยู่ด้านในเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาไม่มีสิ้นสุดที่น่าเกรงขามอย่างนั้น
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้างดงามจนไม่สามารถอาศัยพู่กันมาเปรียบเปรยได้ ทำให้ผู้คนชมเปาะด้วยความน่าทึ่ง
จังหวะภาพที่งดงามกำลังจิตใจของผู้คนต้องหวั่นไหวและลุ่มหลงอยู่นั้น ได้ยินเสียงปุที่ดังขึ้นมา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่ได้ครอบลงมา ทำให้กลายเป็นความมืดมิดขึ้นตรงหน้า โลกทั้งโลกได้ตกลงไปในความมืดอีกครั้ง ภาพความงดงามยิ่งเมื่อครู่พลันหายไปจนสิ้น เหมือนว่าโลกๆ หนึ่งถูกปิดลงอีกแล้ว ทำให้ผู้คนไม่สามารถสอดส่องโลกใบนั้นอีกแล้ว
“นับว่าเป็นดวงตาที่งดงามปราศจากผู้เทียบเทียมยิ่ง ทำให้รู้สึกว่าน่าทึ่งจริงๆ เสียดายที่ผู้คนบนโลกมองไม่เห็น” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยให้เห็นรอยยิ้ม และกล่าวว่า “แน่นอน ขณะที่ผู้คนบนโลกสามารถมองเห็นดวงตาที่งดงามข้างนี้นั้น มันหาใช่เป็นเรื่องดีอะไรนัก”
ฟ้าดินเงียบสงัด เหมือนว่ามีเพียงหลี่ชิเย่ที่พึมพำอยู่คนเดียว
หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เวลานี้เขาได้หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมาช้าๆ สิ่งนี้ก็คือป้ายอาญาสิทธิ์โบราณที่หลี่ชิเย่ไปได้มาจากตำหนักหมีเซียนหลังสุดท้าย
“ถ้าหากข้าหยิบมาไม่ผิดล่ะก็ ป่ายอาญาสิทธิ์โบราณนี้เป็นของๆ เจ้า ตามกฎแล้ว ในเมื่อข้าเป็นคนถือป้ายนี้มาย่อมสามารถยื่นข้อเรียกร้องได้ข้อหนึ่ง” หลี่ชิเย่ชูป้ายอาญาสิทธิ์ในมือขึ้นสูง และยิ้มกล่าวเฉยเมย
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ลำแสงได้พุ่งลงมา และในพริบตาเดียวนั่นเอง โลกที่งดงามยิ่งก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง
ถูกต้อง สิ่งนี้หาใช่เป็นโลกอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงดวงตาข้างหนึ่งเท่านั้น ที่หลี่ชิเย่พูดมานั้นไม่ผิด นี่คือดวงตาที่งดงามอย่างยิ่งข้างหนึ่งเท่านั้น
เป็นดวงตาที่ใหญ่โตมหึมาเหมือนท้องฟ้า ที่ที่เป็นศูนย์รวมดวงดาวและทางช้างเผือกมันก็แค่รูม่านตาเท่านั้น หาใช่ดวงดาวทางช้างเผือกอะไรนั่น!
ถ้าหากใครก็ตามได้ทราบว่า สถานที่ที่คล้ายดั่งเป็นท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวตรงหน้าเป็นเพียงดวงตาข้างเดียวเท่านั้น รับรองว่าจะต้องตกใจยิ่งอย่างแน่นอน แค่ดวงตาข้างเดียวก็เหมือนกับท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาว ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า เจ้าของดวงตาข้างนี้จะมีร่างกายใหญ่โตมโหฬารเท่าไร มันมีขนาดที่ใหญ่โตจนสุดจะจินตนาการได้ชัดๆ
ต่อให้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ก็นึกไม่ออกว่า บนโลกนี้จะมีสิ่งใดกันแน่ที่มีรู้ร่างใหญ่โตเช่นนี้ เกรงว่าคงเป็นสิ่งที่มีรูปร่างขนาดใหญ่โตที่สุดในโลกแล้ว
เป็นดวงตาที่ใหญ่โตสุดเปรียบเปรยดวงหนึ่ง เมื่อได้เห็นดวงตาที่ใหญ่โตกว่าท้องฟ้าเสียอีกดวงนี้แล้ว จึงได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า ‘หลับตาฟ้ามือ ลืมตาฟ้าสว่าง’
เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าดวงตาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ จะเป็นสรรพชีวิตใดๆ ก็ดูจะเล็กจิ๋วมาก แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายที่ใหญ่โตปานใดก็ตาม สามารถใหญ่โตมากไปกว่าท้องฟ้าแห่งหนึ่งที่คราคร่ำด้วยดวงดาวอย่างนั้นรึ? ยิ่งไปกว่านั้น ท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวเช่นนี้ยังเป็นเพียงดวงตาข้างเดียวเท่านั้น
ขณะที่ดวงตาข้างนี้ลืมตาขึ้นมานั้น มันไม่เพียงแค่ลืมตาเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการจ้องมองดูหลี่ชิเย่ บางทีเมื่อหลี่ชิเย่มาอยู่ต่อหน้าของดวงตาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารข้างนี้แล้ว ตัวของหลี่ชิเย่จะมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถเล็กมากไปกว่านี้อีกแล้ว คล้ายดั่งพวกเราขณะจ้องมองดูเม็ดฝุ่นที่มีขนาดเล็กจิ๋วจนไม่รู้ว่าจะเล็กมากไปกว่านี้ได้อย่างไรอีก
“พูด…” ในที่สุด ดวงตาข้างนี้ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารได้เพ่งมองหลี่ชิเย่อย่างละเอียดแล้ว เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ไม่ถูก นี่มันหาใช่เป็นเสียง ที่ถูกต้องมากกว่าต้องบอกว่านี่คือจิตเทพ จิตเทพนี้ไม่ได้ดังขึ้นที่ข้างหู แต่มันดังอยู่ภายในจิตใจของคน
ถ้าหากเจ้าอาศัยหูไปฟังก็จะฟังไม่ได้ยินเสียงใดๆ มีเพียงอาศัยใจไปฟังจึงสามารถได้ยินเสียงนี้ อีกทั้งเสียงนี้จะไม่ถูกจำกัดโดยภาษาใดๆ มันสามารถสื่อความหมายของมันได้โดยตรง
“ในที่สุดก็มีคนพูดแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “เงินทองตกพื้นหาใช่เป็นพื้นที่แห่งความตาย เพียงแต่เบื้องหลังของมันมีสิ่งที่ผู้คนไม่สามารถจินตนาการได้เท่านั้นเอง”
ถ้าหากผู้คนได้ล่วงรู้ความจริงล่ะก็ เกรงว่าต้องทำให้ผู้คนบนโลกต้องหวาดผวาอย่างแน่นอน เบื้องหลังของเงินทองตกพื้นถึงกับมีสิ่งหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารอยู่ ถ้าหากให้ผู้คนได้รู้ความจริงข้อนี้ รับรองว่าต้องเป็นที่หวาดกลัวจนขนลุกซู่อย่างแน่นอน
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ชูป้ายอาญาสิทธิ์โบราณในมือขึ้น และกล่าวว่า “ตามกฎแล้ว ข้าสามารถยื่นข้อเรียกร้องได้ข้อหนึ่ง เจ้าจะทำให้ข้าพอใจในทุกสิ่งที่ข้าเรียกร้องใช่หรือไม่”
“เจ้าต้องการอะไร…” จิตเทพนี้ได้ดังขึ้นภายในใจอีกครั้ง และกล่าวว่า “ยาเม็ดเซียน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดลับ หรือว่าเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร…”
“ไม่ สิ่งเหล่านี้มันธรรมดาเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ถ้าหากข้าเพียงต้องการยาเม็ดเซียน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ของลักษณะเช่นนี้ข้าไหนเลยต้องมาที่นี่ บนโลกนี้มีสถานที่มากมายที่จะไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากข้าต้องการยาเม็ดเซียน อาวุธศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าที่ตรงนี้ของเจ้าก็ไม่สามารถให้ข้าในสิ่งที่ข้าต้องการได้”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดจบ ดวงตาที่ใหญ่โตมโหฬารพลันปรากฏประกายแต่ละสายที่สว่างขึ้นมาทีหนึ่ง ดวงตาข้างนี้นับว่ามีขนาดใหญ่โตมากจริงๆ ขอเพียงประกายตาสายหนึ่งที่สว่างไสวขึ้นมานิดหนึ่ง ก็ทำให้โลกทั้งโลกกลับกลายเป็นเจิดจ้ายิ่งนัก ลำพังแค่แววตาของมันก็สามารถสังหารผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอมตะได้
“เจ้าต้องการอะไร?” ไม่มีผู้ใดรู้ว่าดวงตาที่ใหญ่โตมโหฬารข้างนี้กำลังยินดี หรือโกรธ จิตเทพของมันจะดังขึ้นภายในใจเท่านั้น ไม่สามารถฟังออกถึงอารมณ์ของมันโดยสิ้นเชิง
“ข้าต้องการยืมดวงตาของเจ้ามองดูสักครั้ง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “นอกจากนี้แล้วข้าไม่มีสิ่งเรียกร้องอื่นใด”
“ยืมดวงตาของข้ามองดูสักครั้ง?” จิตเทพดังขึ้นอีกครั้ง และกล่าวว่า “เจ้าต้องการมองเห็นอะไร!”
“เจ้าคิดว่าล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ในเมื่อข้าจะยืมดวงตาของเจ้ามองดู เจ้าสมควรรู้แล้วว่าข้าต้องการเห็นอะไร ที่ข้าต้องการเห็นหาใช่ปัจจุบัน และหาใช่อนาคต ยิ่งไม่ใช่อดีตของฟ้าดินแห่งนี้ ข้าต้องการดูกาลเวลาที่เนิ่นนานมากกว่านี้ กาลเวลาที่ไม่คงอยู่อีก กาลเวลาที่ถูกลบเลือนไป!”
“ในเมื่อไม่คงอยู่ ก็จะมองไม่เห็น” จิตเทพดังขึ้นในใจ
“คนอื่นมองไม่เห็นอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งว่า “แต่ว่า เจ้าทำได้ สิ่งนี้ใช่เป็นเพราะว่าต้องการไล่ย้อนกาลเวลนี้กลับไป ขณะที่มันอยู่ในความทรงจำของเจ้านั่นเอง ที่ข้าพูดมาชัดเจนเพียงพอแล้วกระมัง”
ฟ้าดินเงียบสงัดอย่างยิ่ง จิตเทพนั้นไม่ได้ดังขึ้นมาอีก เหมือนว่ามันกำลังนิ่งเงียบอยู่
“ข้าเคยบอกแล้วว่า ข้าต้องการคำตอบๆ หนึ่ง บางที คำตอบดังกล่าวอยู่ภายในใจของข้าเองแหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “แต่ว่า ก่อนที่ข้าจะให้คำตอบกับข้าเอง ข้ายิ่งต้องการเห็นกับตาตนเองสักครั้ง”
“เจ้าสามารถไปดูที่นั่นได้ ไปเห็นกับตาตนเอง” จิตเทพได้ดังขึ้นภายในใจอีกครั้ง
“แน่นอน ข้าต้องไปด้วยตนเองสักครั้งอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ “ก่อนจะทำเช่นนี้ ข้าต้องการรับรู้ถึงช่วงเวลาช่วงนั้น ข้าต้องการมีความเข้าใจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในตัวของศัตรู ข้าต้องการเข้าใจอย่างถ่องแท้สำหรับอดีตที่ถูกลบเลือนไป และข้าก็ต้องการความเข้าใจอย่างละเอียดยิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่สยองขวัญน่ากลัวนั่น”
“ดังนั้น ข้าต้องการยืมดวงตาของเจ้ามองดูสักครั้ง!” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้เพ่งสายตาไปข้างหน้า กลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เสมือนหนึ่งสายตาที่ลีกล้ำของเขาได้ทะลุผ่านท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแห่งนี้ ทะลุผ่านส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตาขนาดใหญ่โตมโหฬารดวงนี้อย่างนั้น
จิตเทพนิ่งเงียบ หลังจากผ่านไปนานมากได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง ”ข้าสามารถปฏิเสธข้อเรียกร้องเช่นนี้ได้”
“บางทีอาจทำได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “แต่ว่า ในเมื่อข้ามายืนอยู่ที่ตรงนี้ ก็จะไม่มีคำว่า ‘ไม่’ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ ในเมื่อข้ามาถึงแล้วก็ต้องดูให้ได้!”
……………………………………………….