ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2374 แดนปรลัยราชัน

ตอนที่ 2374 แดนปรลัยราชัน
แดนปรลัยราชันมีความน่ากลัวไร้ขีดจำกัด การก้าวเข้าไปยังแดนปรลัยราชันเสมือนหนึ่งเข้าไปยังโลกของวันสิ้นโลก กระทั่งกล่าวได้ว่าเหมือนเข้าไปยังนรกอเวจีอย่างใดอย่างนั้น
ท่ามกลางแดนปรลัยราชัน สถานที่ที่อันตรายมีอยู่ทุกแห่งหน มีพื้นที่ที่มีเปลวไฟดั่งคลื่นยักษ์ และมีโลกที่ถูกทำลายโดยลาวาที่พ่นทะลักออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถานที่สงบระงับที่มีไฟมารแต่ละลูกที่โหมลุกไหม้ไล่ตามลูกหน้ากันมา…
นอกเหนือจากนี้ ยิ่งลึกเข้าไปด้านในมากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ท่ามกลางใต้พื้นดินที่ระทึกทุกฝีก้าวเช่นนี้ได้ซ่อนมารร้ายที่น่ากลัวเอาไว้
หลี่ชิเย่ก้าวเข้าไปภายในแดนปรลัยราชันด้วยท่าทีที่ไม่รีบร้อนและไม่ชักช้า แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเปี่ยมด้วยอันตรายรอบด้าน และอันตรายล่อแหลมนับไม่ถ้วน แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อยเดินเท้าก้าวข้ามพื้นที่ที่เป็นลาวาลำพังคนเดียว ก้าวข้ามสถานที่ที่สงบระงับ…ตลอดทางที่ผ่านมาเสมือนหนึ่งเดินเล่นอยู่ท่ามกลางสวนหลังบ้านของตนเอง
หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ไม่ว่าจะเป็นลาวาที่พวยพุ่ง หรือไฟมารแต่ละลูกที่โหมลุกไหม้ไล่ตามลูกหน้ากันมา ก็ยากจะทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย จะอย่างไรเสีย ในครั้งนั้นขณะที่เขาได้ก้าวข้ามจากแดนสิบมายังแดนสามเซียนนั้นยังสามารถต้านรับได้กับทะเลสายฟ้า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทะเลสายฟ้าขณะที่ข้ามมายังแดนสามเซียนแล้ว อันตรายที่ล่อแหลมตรงหน้าไม่คู่ควรจะกล่าวถึงสักนิด เมื่อหลี่ชิเย่ปลดปล่อยสัจธรรมออกมา ตัวของเขาเสมือนหนึ่งแปลงร่างเป็นกายเพชร ท่ามกลางการปกป้องคุ้มครองของสุดยอดสัจธรรมสูงสุดแล้ว ลาวาและไฟมารเช่นนี้ไม่สามารถทำอันตรายให้กับตัวเขาได้แม้แต่น้อยอยู่แล้ว
ในสถานที่ที่เป็นสุดยอดอันตรายเช่นแดนปรลัยราชันแห่งนี้ แม้ว่าเคยมีระดับเทพแท้จริงกระทั่งอมตะที่เคยเข้ามา แต่ทว่าแม้จะเป็นบรรดาระดับเทพแท้จริงและขั้นอมตะ ท้ายที่สุดแล้วก็ได้สู้จนตัวตายอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ และไม่ได้ทิ้งซากกระดูกเอาไว้ เนื่องจากสถานที่สุดอันตรายแห่งนี้หากเมื่อไรต้องสู้จนเสียชีวิตอยู่ตรงนี้แล้ว จะไปเหลือซากหรือโครงกระดูกอะไรเอาไว้ได้
ด้วยสถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้ เกรงว่าเมื่อไรที่ล้มตายลง ลาวาและไฟมารที่อยู่ในพื้นที่อันตรายเช่นนี้ก็ต้องกัดกร่อนกลืนกินซากและกระดูกผู้นั้นไป
เมื่อก้าวเดินจนลึกเข้าไปภายในสถานที่ที่อันตรายของแดนปรลัยราชัน ภายใต้ร่องพื้นที่แตกร้าว ท่ามกลางความมืดมิด มักจะมีเจ้าวายร้ายที่กำลังแอบสอดส่องอยู่เสมอๆ บางแห่งจะมีเจ้าวายร้ายยื่นหนวดยาวแต่ละเส้นที่มีหนามขอออกมา และมีเจ้าวายร้ายได้ลืมตาที่มีสีแดงคู่นั้นท่ามกลางความืด และยังมีมารร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำ จ้องมองหลี่ชิเย่แทบน้ำลายหก…
ในเวลานี้ กลิ่นอายแห่งความน่ากลัวได้ตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน การพาตัวมาอยู่สถานที่ที่อันตรายล่อแหลมเช่นนี้ก็สยองขวัญมากพอแล้ว เมื่อรอบๆ ยังมีเจ้าวายร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่แอบสอดแนมและอยากได้จนน้ำลายหกนั้น ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นได้ตกอยู่ท่ามกลางทะเลสัตว์ที่น่าสยองขวัญอย่างยิ่ง ความรู้สึกเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกขนพองมากยิ่งขึ้น
บรรดาเจ้าวายร้ายทั้งที่แอบซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน แอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมือเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ที่กำลังเดินเข้ามาช้าๆ นั้น เหมือนเป็นเนื้อชิ้นหวานมันชิ้นหนึ่งที่ส่งมาถึงหน้าประตู ไม่รู้ว่ามีเจ้าวายร้ายจำนวนเท่าไรทีอยากได้มากจนน้ำลายหก
ในเวลานี้ ฟ้าดินแห่งนี้ปรากฏแววตาแวบวับที่เปี่ยมด้วยความโหดเหี้ยม สร้างความกดดันและคุกคามผู้คนอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่รู้ว่ามีเจ้าวายร้ายที่พร้อมจะก่อการเพื่อสังหารหลี่ชิเย่อยู่จำนวนเท่าไร
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปเสียเวลากับบรรดาเจ้าวายร้ายเหล่านี้ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในขณะนี้ ต้นโลกดึกดำบรรพ์ของหลี่ชิเย่ปรากฎขึ้นมา เสมือนหนึ่งได้เปิดโลกขึ้นมาใหม่อีกโลกหนึ่งอย่างนั้น มีพลังสูงสุดตั้งแต่ยุคก่อนศักราชในอดีตอยู่ในครอบครอง
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในเวลานี้มองเห็นชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์ปรากฏ และมีวังวนสามวงที่หมุนวนไม่หยุดอยู่เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่ หลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อได้ทิ้งตัวลงมาทำการปกป้องตัวของหลี่ชิเย่ให้อยู่ด้านใน
แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ทำการปะทุกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่นปราศจากผู้ต่อกรออกมา แต่ว่า ภายใต้สภาพเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ในขณะนี้ความเคลื่อนไหวของเขาเพียงพอที่จะทำลายล้างโลกทั้งโลกได้ ทำลายสุดยอดพลังสูงสุดให้แหลกละเอียดได้ เหล่าเทพเซียนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เสมือนหนึ่งเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
ช่าาา ช่าาา ช่าาา…เสียงแผ่วเบาดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย มันเป็นเสียงของการล่าถอยที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก เวลานี้นาที่นี้บรรดาเจ้าวายร้ายที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความอยากแต่เดิมต่างทยอยกันล่าถอยออกไป พวกเขาหากไม่ใช่ถอยกลับลงลงไปในซอกเหลือบที่แตกร้าวใต้พื้นดิน ก็ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ไม่กล้ามีท่าทีอยากได้ตัวหลี่ชิเย่จนน้ำลายหกอีกต่อไป
ภายใต้สภาพเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ได้ทำให้บรรดาเจ้าวายร้ายต่างรับรู้ด้วยสัญชาตญาณถึงอันตราย แม้ว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ทว่า กลิ่นอายของหลี่ชิเย่ที่ส่งถึงพวกมันดูจะน่ากลัวยิ่งกว่า สัญชาตญาณบอกพวกมันว่า มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าหาใช่เหยื่ออันโอชะชิ้นหนึ่ง ตรงกันข้าม เมื่อต้องมาอยู่ตรงหน้ามนุษย์ผู้นี้แล้ว เจ้าวายร้ายเช่นพวกมันต่างหากที่จะกลายเป็นเหยื่อ หากมีการลงมือเมื่อไหร่จะต้องถูกเขาทำลายล้าง กระทั่งถูกกลืนกินเข้าไปก็เป็นได้
หลี่ชิเย่เพียงแค่ยิ้มเฉยเมยนิดหนึ่งและไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง จังหวะที่เหล่าชั่วร้ายค่อยๆ ล่าถอยกลับไป
ท่าทางของหลี่ชิเย่ดุจดั่งเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน ก้าวเดินลึกเข้าไปยังแดนปรลัยราชันทีละก้าวๆ ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไรแล้ว ในที่สุดหลี่ชิเย่ก็ได้เดินไปจนส่วนที่ลึกที่สุดของแดนปรลัยราชันได้แล้ว
สภาพที่มองเห็นด้านหน้าดูสยองขวัญยิ่งนัก แผ่นดินถูกทำลายจนแหลกละเอียดอย่างสิ้นเชิง ผืนแผ่นดินนับพันนับหมื่นลี้ได้กลับกลายเป็นหลุมลึก ทางช้างเผือกจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลถูกทำลาย ดวงดาวแต่ละดวงถูกทำลายจนแตกละเอียด และมีบ้างที่บางดวงได้ตกลงบนพื้นดินแห่งนี้ เหลือไว้เพียงเศษซากเท่านั้นเอง
ท่ามกลางหลุมลึกนี้มองเห็นร่องลึกที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม บริเวณที่เป็นสุดร่องลึกที่ไหม้เกรียมนี้ปรากฎเปลวไฟขนาดยักษ์ที่วูบวาบอยู่ โดยเปลวไฟดังกล่าวได้เผาผลาญดินบริเวณนั้นจนหลอมละลายลึกลงไปใต้พื้นดิน
ผู้คนที่ได้เห็นสภาพเช่นนี้ที่อยู่ตรงหน้าต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เกิดจากมีผู้ยิงให้ดวงอาทิตย์ตกลงมา สุดท้ายดวงอาทิตย์ทั้งดวงถูกดูดจนแห้ง คงเหลือไว้เพียงเปลวไฟอยู่หย่อมเดียวที่เห็นเท่านั้นเอง
นอกเหนือจากนี้ ที่ตรงนี้ยังมีอาวุธที่แตกหักเสียหายคงอยู่บริเวณนี้ สามารถมองเห็นทวนขนาดยักษ์ปักอยู่บนดวงดาวที่แตกชำรุดเสียหาย โดยที่ทวนยักษ์ที่แตกหักเล่มนี้ยาวถึงสิบล้านจ้าง มีโล่ยักษ์ที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า โล่ยักษ์โล่นี้แตกละเอียดจนเหลือเพียงเศษเสี้ยวของมุมๆ หนึ่งเท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม แค่เศษเสี้ยวมุมหนึ่งของโล่ยักษ์ก็กดทับดวงดาวแต่ละดวงจนแตกละเอียดได้ และยังมีกระบี่ฟ้าที่ปักอยู่ในหลุมลึก สามารถมองเห็นอักขระยันต์และกฎเกณฑ์ที่พรั่งพรูลงมาจากกระบี่เล่มนี้ดั่งน้ำตก ทุกๆ อักขระยันต์และกฎเกณฑ์คล้ายสามารถกดทับหล่าชั้นฟ้าจนพังถล่มลงมาได้อย่างนั้น…
ถ้าหากมีบุคคลภายนอกได้มาเห็นภาพเช่นนี้จะต้องตกใจเป็นยิ่งนัก เศษอาวุธชำรุดแต่ละชิ้นที่มีอยู่ ณ ที่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ต้องรู้สึกหวั่นไหว พวกมันเคยมีชื่อเสียงโด่งดังในแดนสามเซียน เจ้าของพวกมันอย่างน้อยที่สุดล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะขึ้นไปทั้งสิ้น
แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วแม้จะดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ยังคงไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว สุดท้ายเหลือไว้เพียงอาวุธแต่ละชิ้นที่ชำรุดเสียหายเท่านั้น อาวุธที่แกร่งทรงพลังที่สุดของพวกเขาล้วนสู้กันจนแตกเสียหาย ณ ที่ตรงนี้
ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงการศึกที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้พานพบที่ตรงนี้ มันคือศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าสยองขวัญเช่นใด
แต่ทว่า ท่ามกลางพื้นที่ที่แตกเสียหายแห่งนี้ สามารถมองเห็นภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ตรงนั้น แม้ว่าผืนแผ่นดินบริเวณนี้จะแตกสลาย ท้องฟ้าจักรวาลแตกละเอียด แต่ภูเขาลูกนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เหมือนว่าต่อให้ผ่านไปหมื่นยุคมันก็จะยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ไม่มีดับสลายตลอดกาลอย่างนั้น
บนยอดเขาลูกนี้มีตำหนักโบราณอยู่หลังหนึ่ง ตำหนักโบราณดังกล่าวเหมือนสร้างขึ้นจากโลหะสัมฤทธิ์อย่างนั้น มีความโบราณเรียบง่ายและรวบรัด ตำหนักโบราณลักษณะเช่นนี้ไม่รู้ว่าได้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเท่าไรแล้ว สภาพของตำหนักทั้งหลังปรากฏสนิมที่หนาเตอะชั้นหนึ่งขึ้นมาแล้ว
สายตาของหลี่ชิเย่ได้จับอยู่กับตำหนักโบราณหลังนี้ และเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา จากนั้นเหินฟ้าและก้าวเท้าออกไปบนอากาศ ลงเหยียบบนยอดเขาแห่งนี้ เดินเข้าไปภายในตำหนักโบราณหลังนี้
เมื่อเหยียบเข้าไปภายในตำหนักโบราณพลันทำให้รู้สึกถึงไอเย็นสายหนึ่ง ไอเย็นสายนี้หาใช่เป็นไอเย็นที่โชยดข้ามาปะทะใบหน้า แต่เป็นไอเย็นที่เกิดจากภายในจิตใจเอง แม้ว่าจะมองไม่เห็นสิ่งที่น่ากลัวอะไรขณะที่ก้าวเท้าเข้าไปภายในตำหนักโบราณ แต่จิตใต้สำนึกกลับทำให้ต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ปรากฏขนลุกขนพองขึ้นทั่วตัว
ในเวลานี้เอง โดยสัญชาตญาณของคนเราที่เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ และพลันทำให้รู้ว่ามีอันตรายรออยู่ข้างหน้า ทั้งยังเป็นสิ่งที่อันตรายล่อแหลมและน่ากลัวอย่างยิ่ง
แต่หลี่ชิเย่ยังคงไม่รู้สึกอะไร ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปภายในตำหนักโบราณหลังนี้
ด้านหน้าของตำหนักโบราณหลังนี้แลดูไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่ว่า เมื่อเดินเข้าไปภายในตำหนักโบราณแล้วนั้น พลันพบว่าตำหนักโบราณหลังนี้กว้างขวางใหญ่โตและโปร่งโล่งมาก เสมือนหนึ่งเป็นโลกอีกโลกหนึ่งอย่างนั้น เหมือนได้ไปยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่พราวพร่างด้วยดวงดาวท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดอย่างนั้น
ครั้นหลี่ชิเย่เดินเข้าไปภายในตำหนักโบราณที่กว้างขวางและโล่งนี้ได้ไม่ไกลนัก มองเห็นด้านหน้าปรากฎประกายจางๆ ที่แผ่กระจายออกมา โดยที่ประกายจางๆ นี้ดูมีความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์อย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งกำลังขับไล่ความดำมืดของโลกนี้อย่างนั้น
เมื่อหลี่ชิเย่เดินเข้าไปดูใกล้ๆ มองเห็นได้ว่ามันคือชุดคลุมยาวชุดหนึ่ง ชุดคลุมยาวชุดนี้มีสีเทาขาว ดูจากขนาดของชุดคลุมแล้ว ผู้ที่เป็นเจ้าของๆ มันจะต้องมีรูปร่างที่สูงใหญ่มากขณะยังมีชีวิตอยู่
ชุดคลุมยาวในขณะนี้ไม่ได้ตกอยู่บนพื้น คล้ายมีคนผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมยาวดังกล่าวทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างนั้น เหมือนว่ามีปณิธานสายหนึ่งที่ไม่อาจทำให้จางหายไปได้ตลอดกาลอย่างนั้น
ชุดคลุมยาวลักษณะเช่นนี้ได้แผ่ประกายจางๆ ออกมา แม้ว่าประกายดังกล่าวนี้จะอ่อนมาก แต่ว่ากลับมีความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์สูงสุด เหมือนว่ามันสามารถขับไล่ความมืดทุกอย่างให้จางหายไป ทำให้เจ้าวายร้ายและมารร้ายใดๆ ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถกล้ำกรายเข้าไปใกล้อย่างนั้น
เซิ่นอี…เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นชุดคลุมยาวชุดนี้ที่อยู่ตรงนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นชุดคลุมยาวของใครโดยไม่ต้องเดา
ในครั้งนั้น เป็นปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีที่เรียกหาเจ้าที่แล้วเรียกเอาดินแดนอาถรรพ์ที่ชื่อแดนปรลัยราชันออกมานั่นเอง และปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีได้ระเบิดศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สะเทือนเลื่อนลั่นปราศจากผู้ต่อกรขึ้นที่นี่ เป็นการต่อสู้ระดับชั้นปฐมบรรพบุรุษ
แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนไม่มีใครได้พบเห็นปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีมีชีวิตออกไปจากที่ตรงนี้ ลองนึกภาพดู ปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีผู้ดำรงอยู่ในฐานะแกร่งถึงเพียงนี้ ท้ายที่สุดแล้วยังคงเสียชีวิตอยู่ที่นี่ ย่อมจินตนาการได้ว่าเจ้าวายร้ายภายในแดนปรลัยราชันน่าสยองขวัญเช่นใดแล้ว
หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษยังต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำไว้ในใจ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น
ตึง ตึง ตึงเสียงฝีเท้าที่ไม่ดังมากนักดังขึ้นมาเป็นระลอกจากทางด้านหลัง จังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังพิจารณาเสื้อศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้อยู่
แต่ว่า ขณะที่เสียงฝีเท้าดังกล่าวที่แว่วเข้ามานั้น พลันทำให้ม่านตาผู้คนต้องบีบหดตัวลง ไม่ว่าผู้ใดก็ตามจะต้องรู้สึกได้ว่าขนละเอียดทั่วร่างกายชันขึ้นมาในวินาทีนี้
หลี่ชิเย่หันควับกลับไป พริบตาเดียวนั่นเองมองเห็นเงาทมิฬสายหนึ่งปรากฎอยู่ท่ามกลางตำหนักโบราณที่กว้างใหญ่และโปร่งโล่งแห่งนี้
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา ฉับพลันที่เงาทมิฬสายนั้นปรากฏขึ้นในพริบตาเดียวนั่น ดวงดาวแต่ละดวงที่อยู่บนท้องฟ้าได้เกิดระเบิดขึ้น สรรพสิ่งบนโลกล้วนแล้วแต่ถูกทำลายสิ้นในพริบตาเดียว
อย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงเลย แม้แต่ขั้นอมตะก็ต้องถูกสยบในทันทีภายใต้กลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนี้
เงาทมิฬนี้ไม่นับว่ามีขนาดใหญ่โตอะไรมากนัก แต่ว่า ยามที่มันปรากฎตัวขึ้นที่ตำหนักโบราณที่กว้างใหญ่และโล่งหลังนี้ ทุกสิ่งล้วนกลับกลายเป็นเล็กจิ๋วอะไรเช่นนั้น แม้แต่ราชันแท้จริงเมื่อมาอยู่ที่นี่ก็ดูจะเล็กจิ๋วเช่นกัน เหมือนว่าเงาทมิฬลักษณะเช่นนี้สามารถสยบและสังหารราชันแท้จริงได้ในพริบตาอย่างนั้น
กลิ่นอายของเงาทมิฬพลันทำลายฟ้าดินพินาศย่อยยับในทันที มันยังไม่ทันลงมือก็สามารถสยบและสังหารขั้นอมตะได้แล้ว นี่คือสิ่งที่น่าสยองขวัญเช่นใด
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา จังหวะที่เงาทมิฬปรากฎขึ้นที่ตำหนักโบราณที่กว้างใหญ่และโปร่งโล่งแห่งนี้นั้น ได้เกิดการสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นที่เงินทองตกพื้นทีหนึ่ง
…………………………………………………
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท