ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2378 ช่วงเวลาช่วงนั้น

ตอนที่ 2378 ช่วงเวลาช่วงนั้น
ท้องฟ้าเงียบสงัดโดยทั่วไป ดวงตาที่ใหญ่โตมโหฬารนั่นยังคงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ แววตาที่รวมอยู่จุดเดียวนั้น คล้ายทางช้างเผือกที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่คลาคล่ำไปด้วยดวงดาวเกิดระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น
“ยืมดวงตาของข้า” สุดท้าย จิตเทพได้ดังขึ้นภายในใจอีกครั้ง และกล่าวว่า “มองโลกโดยผ่านดวงตาของข้า นี่หาใช่เป็นเพียงการทำลายให้พินาศย่อยยับเท่านั้น เกรงว่าเป็นการทำให้ชีวิตต้องตกต่ำอยู่ในความทุกข์ทรมาน ผู้กล้าจำนวนเท่าไรนับแต่อดีตต่างตกต่ำลงอยู่ท่ามกลางความมืดมิด หากยืมดวงตาของข้าไปมองดู จะมีสักกี่คนที่สามารถยืนหยัดไปได้?”
“ข้าขอบใจในความหวังดีนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “บางทีข้าอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในอดีตคนนั้น บางทีบนโลกอาจมีคนจำนวนมากที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งมากยิ่งกว่าข้าเสียอีก แต่ทว่า หากพูดถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าไม่สะทกสะท้านตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน”
เมื่อหลี่ชิเย่ได้พูดคำๆ นี้ออกมา ท้องฟ้าได้นิ่งเงียบอีกครั้ง เหมือนว่ากำลังชั่งน้ำหนักอยู่อย่างนั้น และคล้ายดั่งกำลังไตร่ตรองอยู่อย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว สุดท้ายจิตเทพได้ดังขึ้นภายในใจอีกครั้ง และกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วก็ให้เจ้าได้ยืมดูสักครั้ง เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
พลันที่จิตเทพจบลง มองเห็นรูรับแสงขนาดยักษ์พลันหดตัว ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ภาพที่สุดอลังการปรากฏขึ้นในดวงตา คล้ายทางช้างเผือกและดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันหดตัวพังทลายอย่างนั้น ตลอดขั้นตอนมีความอลังการยิ่งจนสุดที่จะเทียบเทียมได้ สิ่งที่มองเห็นนั้นหาใช่การถูกทำลายพังพินาศย่อยยับของโลกๆ หนึ่ง แต่เป็นการหดตัวลงของโลกทั้งโลกในฉับพลันทันทีอย่างนั้น เหมือนหว่าดวงดาวนับล้านล้านดวงล้วนแล้วแต่หดตัวและพังทลายลงเหลือเพียงจุดๆ เดียวในพริบตา!
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตาดวงนี้พลันยิงเป็นลำแสงมหาประลัยที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าออกมา ฉับพลันที่มีการยิงลำแสงดังกล่าวออกมา คล้ายดวงดาวนับล้านล้านดวงขณะกำลังหดตัวและพังทลายในชั่วพริบตาเดียวได้พวยพุ่งพลังทั้งหมดออกมา พวยพุ่งลำแสงที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา อานุภาพลักษณะเช่นนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าการระเบิดของดวงดาวนับล้านล้านดวง
ก่อนหน้านั้น แคว้นว่านโซ่วก็เคยรวบรวมพลังทั้งหมดของแคว้นที่มีอยู่และยิงลำแสงมหาประลัยมาสายหนึ่ง แต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับลำแสงมหาประลัยที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ลำแสงมหาประลัยสายนั้นของแคว้นว่านโซ่วก็เปรียบเสมือนเป็นหยดน้ำหยดเดียวท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดเท่านั้นเอง
เมื่อถูกยิงด้วยลำแสงมหาประลัยลักษณะเช่นนี้ อย่าว่าแต่แคว้นอย่างแคว้นว่านโซ่วเลย แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งเฉกเช่นพรรคหยางหมิง หรือจูเซียงหวู่ถิง ล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นเถ้าธุลีไปในชั่วพริบตา
จะเป็นอมตะก็ดี ราชันแท้จริงระดับสูงก็ช่าง ก็ไม่สามารถต้านรับเอาไว้ได้ภายใต้ลำแสงมหาประลัยสายนี้ ถูกยิงจนกลายเป็นเถ้าลีไปเช่นเดียวกัน ลำแสงมหาประลัยลักษณะนี้ช่างน่าสยองขวัญเหลือเกิน แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษมาด้วยตนเองก็ต้องหน้าถอดสีกับสิ่งนี้
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ลำแสงมหาประลัยสายนี้ยิงใส่ตัวหลี่ชิเย่นั้น ร่างของหลี่ชิเย่ไม่ได้ถูกยิงจนกระเด็นออกไป
ได้ยินเสียงคร๊ากกกเสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้การยิงของลำแสงมหาประลัย ร่างกายของหลี่ชิเย่พลันแหลกละเอียดไป ภายใต้การยิงของลำแสงมหาประลัยที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ทำให้เนื้อตัวแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นผงที่ปลิวกระจายออกไป ร่างกายของหลี่ชิเย่กำลังจะแหลกเป็นผุยผง
สมควรทราบว่า ร่างกายของหลี่ชิเย่นั้นได้ผ่านการต่อสู้และทดสอบมาแล้วอย่างโชกโชน ขอเพียงเขาปะทุให้อยู่ภายใต้สภาพที่แข็งแกร่งที่สุด ก็สามารถต้านกับวิบากสวรรค์ได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อต้องสัมผัสกับลำแสงมหาประลัยนี้แล้ว ร่างกายของเขาเหมือนหนึ่งจะแหลกละเอียดไปอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น มองเห็นชะตาดั้งเดิมโลกยุคดึกดำบรรพ์ปรากฏ วังวนใหญ่ทั้งสามหมุนวน ขวางลำแสงมหาประลัยที่ยิงเข้ามา ขณะเดียวกัน หลักกฎเกณฑ์สอบสองข้อได้ทิ้งตัวลงมา ทำการปกป้องคุ้มกนตัวหลี่ชิเย่เอาไว้อย่างแน่นหนา
เสียงตูม…ดังสนั่น ลำแสงมหาประลัยดูเจิดจรัสสว่างไสวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้แต่การระเบิดของดวงอาทิตย์นับล้านล้านดวงก็ไม่เจิดจรัสละลานตาเท่ากับมัน ความสว่างของมันเรียกได้ว่าถึงขีดสูงสุดแล้ว ทั่วโลกเวลานี้สว่างไสวจนถึงขีดสุด
พริบตาเดียวนั่นเอง อานุภาพของลำแสงมหาประลัยนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ อย่าว่าแต่ราชันแท้จริงแลย แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษมาด้วยตนเองก็ไม่เห็นจะต้านรับกับลำแสงมหาประลัยเช่นนี้ได้ อีกทั้ง นี่ยังคงเป็นเพียงแค่แววตาเท่านั้นเอง
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนี้ สิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง กลับกลายเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่รำลึกถึงเหตุการณ์ในสมัยโบราณที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เสมือนหนึ่งเป็นตัวเขาที่เป็นดั่งสวรรค์ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง และในพริบตาเดียวนั้นหลี่ชิเย่ได้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างและหลุดพ้นทุกอย่างไป
“พระธรรมไม่มีวันดับ อายุวัฒนะชั่วนิรันดร์” หลี่ชิเย่ท่องเป็นคาถาขึ้นมา ต้นไม้แห่งโลกยุคดึกดำบรรพ์ลอยล่อง เปิดศักราชที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมา โลกทั้งโลกเสมือนหนึ่งถูกแยกออกท่ามกลางความขมุกขมัว เป็นการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยหลี่ชิเย่ก็คือผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในนั้น
ความคิดแวบหนึ่งกลายเป็นความสว่างไสว ความคิดแวบหนึ่งกลายเป็นความมืด ความคิดแวบหนึ่งมีเซียน ความคิดแวบหนึ่งเป็นมาร สรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับความคิดแวบหนึ่งของหลี่ชิเย่ สุริยันและจันทราก็แค่อยู่ระหว่างการลืมตาหรือหลับตาของเขาเท่านั้น
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้แซงล้ำหน้าทุกสิ่งไป เขาเหมือนเป็นผู้สร้างโลกที่อยู่สูงเด่นนั่น สองสถานะทับซ้อนกัน ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทำให้หลี่ชิเย่กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งแซงล้ำหน้าสวรรค์ไป
นาทีนี้ หลี่ชิเย่ควบคุมความเป็นความตาย ในมือกุมหยินกับหยางเอาไว้ ภายใต้สภาพที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษยังต้องอ่อนข้อหลบไป มิฉะนั้นจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ภายใต้สภาพเช่นนี้ หลี่ชิเย่นับว่าปราศจากผู้ต่อกรอย่างแท้จริง และมีเพียงสิ่งซึ่งดำรงอยู่ในฐานะที่สยองขวัญเช่นนี้เท่านั้นที่บีบให้หลี่ชิเย่ต้องระเบิดสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา มิฉะนั้นล่ะก็ แม้แต่ต่อสู้ชี้ขาดกับปฐมบรรพบุรุษ หลี่ชิเย่ก็ไม่ต้องมใช้กำลังเต็มความสามารถ
ตูม ตูม ตูม…ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ยกเท้าขึ้นก้าวย้อนประกายตาขึ้นไป ก้าวไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตาขนาดยักษ์ดวงนี้ทีละก้าวๆ
จังหวะที่หลี่ชิเย่ก้าวไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตายักษ์ดวงนี้นั้น ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเท้าออกไปก็จะเหยียบกาลเวลาช่วงหนึ่งจนแหลกละเอียด เหยียบประกายตาสายหนึ่งจนแหลกละเอียดไป ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ไม่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปยังบริเวณที่ลึกที่สุดของดวงตายักษ์ข้างนี้เท่านั้น ทั้งยังย้อนกาลเวลาขึ้นไป ก้าวข้ามนิรันดร์กาล ก้าวข้ามกาลเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มันเป็นกาลเวลาที่หายไปเป็นเวลาช้านาน เป็นกาลเวลาที่ไม่ได้คงอยู่อีกต่อไป
กระทั่งกล่าวได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไล่ย้อนกลับไปได้ เฉกเช่นบรรพบุรุษหลุนหุยในครั้งนั้น เขาสามารถไล่ย้อนกลับไปยังกาลเวลาที่ห่างไกล ไล่ย้อนกลับไปถึงสายน้ำแห่งกาลเวลาในยุคสมัยของพวกเขา
แต่ทว่า ถ้าหากวันนี้บรรพบุรุษหลุนหุยได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ล่ะก็ เขาก็ไม่สามารถไล่ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาในอดีตปราศจากผู้เทียบเทียมช่วงนั้นที่อยู่ตรงหน้า เนื่องจากมันได้เกินจากขีดจำกัดสูงสุดสำหรับผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะเช่นเขาไปแล้ว ถึงเขาจะก้าวต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถไล่ย้อนไปถึงช่วงเวลาในอดีตปราศจากผู้เทียบเทียมช่วงนั้นได้ และไม่สามารถติดตามช่วงเวลาช่วงนั้นที่ได้หายไปแล้ว
ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ไล่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดทีละก้าวๆ ทันใดนั้นเอง เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ทุกสิ่งเสมือนดังระเบิดขึ้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ไม่มีแดนสามเซียน ไม่มีแดนสิบ ไม่มีเก้าแดน ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีแสงสว่าง และไม่มีความมืด…ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เริ่มต้นกันที่ตรงนี้
ภายใต้กาลเวลาที่ไม่คงอยู่อีกต่อไปนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น จะเป็นสูงสุดอะไร ปราศจากผู้ต่อกรอะไร มันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ภายใต้สุดยอดความสยองขวัญเช่นนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เล็กจิ๋วอะไรเช่นนั้น ทุกสิ่งเป็นได้เพียงอาหารเท่านั่นเอง
ทุกสิ่งที่อยู่ในโลกลักษณะเช่นนี้ช่างสิ้นหวังเหลือเกิน นี่แหละคือต้นกำเนิดความมืดที่แท้จริง ครั้งนั้น บรรพบุรุษหลุนหุยก็เคยยกย่องตัวเองว่าเป็นต้นกำเนิดความมืด แต่ทว่า นั่นสุดเพียงแค่ยุคสมัยของตัวเขาเท่านั้นเอง
ความมืดของบรรพบุรุษหลุนหุยในครั้งนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับต้นกำเนิดความมืดที่แท้จริงแล้ว มันก็แค่เป็นการก่อความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง
สุดยอดสยองขวัญที่แท้จริงภายใต้การครอบคลุมของยุคสมัยที่น่ากลัวเช่นนี้ นอกจากความสิ้นหวังแล้วยังคงเป็นความสิ้นหวัง สำหรับสุดยอดสยองขวัญเท่านั้นเอง จะเป็นพันยุคก็ดี หมื่นยุคก็ช่าง แม้แต่ศักราชๆ หนึ่งก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง
ต้นกำเนิดความมืด จุดเริ่มต้นความสยองขวัญ เมื่ออยู่ที่นี้อย่าว่าแต่เหล่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั้งหลาย แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดและปราศจากผู้ต่อกร ภายใต้ความน่ากลัวเช่นนี้แล้วก็ต้องรู้สึกสิ้นหวัง…ภายใต้ความหวาดกลัวไร้ขอบเขตนี้ทำให้ผู้คนต้องสยบ ทำให้ผู้คนต้องถลำลึกลงไป…
เป็นไปตามคำพูดของดวงตาดวงนี้ สิ่งนี่คือประวัติศาสตร์ที่ทำให้ผู้คนถลำลึกลงไป ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองประวัติศาสตร์ตรงๆ และเผชิญหน้ากับมัน นี่คือประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวมากที่สุด
“นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการค้นหา…” หลี่ชิเย่พึมพำขึ้นมาขณะมองดูเวลาที่น่ากลัวที่สุดว่า “คำตอบ อยู่ในใจของทุกคนนั่นแหละ มีแต่รู้เขารู้เราจึงสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่าศึกครั้งนี้จะแพ้หรือชนะ”
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่รักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเอาไว้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหวกับสิ่งนี้ แม้ว่าในเวลานี้ความปราศจากผู้ต่อกรมีความสำคัญยิ่ง แต่ว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสำคัญยิ่งกว่า จำเป็นต้องมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดั่งหินผาดวงหนึ่งที่ไม่หวั่นไหว มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นได้เพียงเป็นภัยต่อโลกมนุษย์เท่านั้นเอง เป็นเพียงสมุนของความมืดเท่านั้น…
เวลากำลังล่วงเลยไป หลี่ชิเย่ก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความมืดที่น่ากลัวมากที่สุด จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่หวั่นไหว สรรพสิ่งย่อม…
เวลานี้ที่แดนลัทธิพรรษเรียกว่าคึกคักยิ่งนัก เนื่องจากจูเซียงหวู่ถิงได้ส่งเทียบเชิญให้กับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิในแดนลัทธิพรรษทั้งหมด จูเซียงหวู่ถิงจะเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่ มู่เส้าเฉินกับหวู่ปิงหนิงจะจัดพิธีแต่งงานยิ่งใหญ่ขึ้นที่จูเซียงหวู่ถิง เชิญบุคคลผู้มีหน้ามีตาในแดนลัทธิพรรษทั้งหมดเข้าร่วมงาน
ความยิ่งใหญ่ของงานแต่งในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแดนลัทธิพรรษในหลายๆ ยุคสมัยที่ผ่านมาเลยทีเดียว กล่าวได้ว่าได้รับการเชิญทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ ขอเพียงเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มีสถานะนิดหนึ่งก็จะได้เข้าร่วมงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
“ยินดีต้อนรับผู้คนทั่วหล้าเข้าร่วมงาน การเกี่ยวดองสมรสระหว่างจูเซียงหวู่ถิงกับตระกูลมู่ ยิ่งไปกว่านั้น แน่นอนยินดีต้อนรับหลี่ชิเย่ พี่หลี่มาร่วมงาน จะเอย่างไรเสียโลกนี้ผู้ที่สามารถเอาชนะข้ามู่เส้าเฉินมีไม่มาก” ทุกคนทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษต่างกำลังคึกครื้นกับการร่วมงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่อยู่นั้น มู่เส้าเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วในที่สุด อีกทั้งยังได้พูดคำพูดที่ท้าทายยิ่งนัก
ทุกคนต่างอ้าปากตาค้างเมื่อมู่เส้าเฉินได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา วันนั้นทุกคนต่างเห็นกับตาตนเองว่ามู่เส้าเฉินพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่ เวลานี้เขายังกล้ากล่าววาจายั่วยุต่อหลี่ชิเย่อีก
“นี่เป็นการไม่จบไม่สิ้นกับคนโหดอันดับหนึ่งนะเนี่ย” มียอดฝีมือถึงกับพึมพำขึ้นมา
ก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่เคยจัดการจนมู่เส้าเฉินกลายเป็นเถ้าธุลีไป แวลานี้มู่เส้าเฉินกลับต้องการอาศัยกำลังแต่งงานของหวู่ปิงหนิง อีกทั้งหวู่ปิงหนิงยังเป็นคนของคนโหดอันดับหนึ่งอีกด้วย ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านี่คือการยั่วยุอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการยั่วยุที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่สุด
“เป็นความจริงที่มู่เส้าเฉินยังมีชีวิตอยู่ เห็นทีช่าวลือเคล็ดวิชาไม่มีวันตายตระกูลมู่เป็นความจริง” บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิรุ่นโบราณผู้นั้นเมื่อทราบว่ามู่เส้าเฉินยังคงมีชีวิตอยู่ ถึงกับเย็นวาบในใจ
ถูกหลี่ชิเย่ซัดจนกลายเป็นจุณ และระเหยกลายเป็นไอไปแต่ยังคงไม่ตาย ดูท่าเคล็ดวิชาไม่มีวันตายตระกูลมู่นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้เทียบเทียมโดยแท้จริง
“เกรงว่ามู่เส้าเฉินมีวิธีการมากไปกว่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งกระมัง” ผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินคำพูดยั่วยุเช่นนี้ของมู่เส้าเฉินแล้ว ต่างไม่ให้ความมั่นใจในตัวมู่เส้าเฉิน
หากเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าทุกคนคงเข้าใจว่ามู่เส้าเฉินสามารถเกรียงไกรไปทั่วหล้า แต่ว่า หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่แล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่มีการมองที่แตกต่างกันแล้ว
……………………………………………
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท