ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2381 บุกเข้าไปตรงๆ

ตอนที่ 2381 บุกเข้าไปตรงๆ

จูเซียงหวู่ถิง คือหนึ่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิพรรษ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า นอกเหนือจากพรรคหยางหมิงแล้วไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ สามารถแข็งแกร่งยิ่งไปกว่าจูเซียงหวู่ถิงได้อีกแล้ว

จูเซียงหวู่ถิงก่อตั้งขึ้นโดยหวู่จู่ ขณะที่หวู่จู่ทำการกลั่นและสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมานั้น ได้ทุ่มเทกำลังกายใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ในจำนวนปฐมบรรพบุรุษนับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา หวู่จู่นับว่าเป็นปฐมบรรพบุรุษที่มากด้วยสีสันคนหนึ่ง เขาเคยได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็นผู้ที่มีวิชาต่อสู้ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง และเคล็ดกระบวนท่าอันดับหนึ่ง

เล่าลือกันว่า ในขณะที่หวู่จู่ยังอยู่ในวัยหนุ่มเคยพบเจอศิลาสวรรค์ด้านหนึ่ง โดยด้านหนึ่งของศิลาสวรรค์มีการจารึกตำราสวรรค์อยู่บทหนึ่ง สัจธรรมของตำราสวรรค์บทนี้ลึกซึ้งยากจะเข้าใจยิ่งนัก หลังจากที่หวู่จู่ได้เห็นแล้วได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง และสามารถสร้างแนวทางของตนเองขึ้นมา เป็นที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งและสุดยอดในหล้า

และมีคำเล่าลือว่า เนื่องเพราะหวู่จู่ได้มาเห็นศิลาสวรรค์ด้านนี้นั่นเอง ท้ายที่สุดจึงได้คิดค้นและสร้างเคล็ดกระบวนท่าที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งและสุดยอดในหล้าดั่ง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ขึ้นมาได้!

การเดินอยู่บนผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิงนั้น จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่ทรงพลังที่กระเพื่อมอยู่ แต่ว่าพลังแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรนี้แตกต่างจากพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ จำนวนมาก

ขณะที่พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ มีการกระเพื่อมนั้น มันเป็นเพียงพลังอย่างเดียวล้วนๆ เป็นพลังที่ยังคงหลงเหลือจากปฐมบรรพบุรุษขณะที่มีการกลั่นบูชาสร้างแผ่นดินสัจธรรม แต่ว่าพลังกระเพื่อมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงกลับมีปณิธานการต่อสู่ที่ลึกซึ้งมาก เหมือนว่าพลังแต่ละสายที่กระเพื่อมล้วนแล้วแต่ซ่อนกระบวนท่าแต่ละท่าเอาไว้ มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนที่ก้าวเท้าเข้าไปในจูเซียงหวู่ถิงก็จะรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างชัดเจน และด้วยเหตุนี้จึงมีคำเล่าลือว่า ครั้งนั้น ขณะที่หวู่จู่หลั่นบูชาเพื่อสร้างจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมานั้น ได้นำเอาสุดยอดวิชาหลอมรวมเข้าไปในพื้นที่ทุกตารางนิ้วทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ รวมทั้ง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ดังนั้น หากผู้นั้นสามารถบรรลุพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงได้ ก็จะสามารถบรรลุถึงเคล็ดวิชาของจูเซียงหวู่ถิงได้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากล้วนแล้วแต่เคยทดลองกันมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ เล่าลือกันว่า มีเพียงผู้ที่เคยฝึกพลังภายในของหวู่จู่มาก่อน จึงสามารถบรรลุความยอดเยี่ยมลึกซึ้งได้มาบ้าง

การเดินอยู่ท่ามกลางผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิง หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า  ความรู้สึกที่คุ้นเคย จังหวะที่คุ้นเคย ทุกสิ่งล้วนก่อกำเนิดวิวัฒนาขึ้นมาจากอักษรเพียงคำเดียว 

หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปช้าๆ ดูเหมือนช้า แต่ ภายในระยะเวลาอันสั้นเข้าก็ได้ก้าวข้ามฟ้าดินมาถึงด้านนอกของจูเซียงหวู่ถิงแล้ว

ขณะที่หลี่ชิเย่ยังไม่ทันเข้าใกล้จูเซียงหวู่ถิงก็ได้พบกับคนๆ หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดยาวทั้งชุดและพรางหน้าตามองไม่เห็นโฉมหน้าที่ชัดเจน และไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด

 คุณชายหลี่ ข้าได้รับการไหว้วานมา มีจดหมายฉบับหนึ่งขอคุณชายได้พิจารณา  หลังจากคนผู้นี้ได้ปรากฏตัวก็ได้มอบจดหมายให้หลี่ชิเย่หนึ่งฉบับ จากนั้นก็หายตัวไป

หลี่ชิเย่เปิดจดหมายออกมาอ่าน หลังจากอ่านจบแล้วหัวเราะและจดหมายฉบับนั้นก็ถูกเผาไหม้เป็นจุณ

จดหมายฉบับนี้ก็คือจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของหวู่ปิงหนิง ข้อความในจดหมายเป็นการขอความเมตตาให้กับจูเซียงหวู่ถิง จะอย่างไรเสียนางก็กำเนิดมาจากจูเซียงหวู่ถิง นางจึงไม่ต้องการเห็นจูเซียงหวู่ถิงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่

 นังหนูนี่  หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า แน่นอน จะทำลายจูเซียงหวู่ถิงหรือไม่นั้นเขาย่อมมีความพอดีอยู่แล้ว

เมื่อยืนอยู่ด้านนอกของจูเซียงหวู่ถิงแล้วแหงนหน้าขึ้นมอง มองเห็นภาพรวมของจูเซียงหวู่ถิงดูดีและน่าเกรงขาม ณ ที่ตรงนี้มีลักษณะที่เป็นเอกเทศของตนเอง เสมือนหนึ่งกลายเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ผืนหนึ่ง

จูเซียงหวู่ถิงมีฐานะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ โดยมีสภาพเหมือนเป็นโลกๆ หนึ่งของตนเอง กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตสิ้นสุด นิกายของตระกูลขุนนางโบราณมีมากมายราวดอกเห็ด สำนักของตระกูลขุนนางโบราณก็มีจำนวนนับพัน

ขณะที่ศูนย์กลางอำนาจที่แท้จริงของจูเซียงหวู่ถิงก็อยู่ที่หวู่ถิงนั่นเอง นับตั้งแต่หวู่จู่ได้ก่อตั้งจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมา หวู่ถิงก็คือสถานที่ที่บัญชาการทั่วหล้าของจูเซียงหวู่ถิงนั่นเอง

มองเห็นภาพรวมของจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดดูสูงตระหง่านอย่างยิ่ง ภายในหวู่ถิงมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงเสียดฟ้า และมีตำหนักยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีดวงตะวันและจันทราที่ห้อยอยู่บนท้องฟ้า สภาพของหวู่ถิงโดยรวมก็เสมือนหนึ่งเป็นโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น

ที่ตรงนี้มีแม่น้ำทะเลและภูเขา มีร่อยรอยของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ บนท้องฟ้ามีมังกรเจียวหลงที่บินร่อน บนพื้นดินมีสัตว์มงคลที่วิ่งกันอยู่ตรงนั้น ด้วยผืนแผ่นดินลักษณะเช่นนี้มันคือแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์โดยแท้

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งขณะมองดูหวู่ถิงที่อยู่ตรงหน้า หวู่ถิงในเวลานี้เรียกได้ว่าปิดประตูสนิท เหมือนว่าไม่มีความคิดที่อยากจะรับแขกเอาเสียเลย

ความจริงแล้ว นาทีนี้บนกำแพงเมืองที่สูงตระหง่านทะลุเมฆาของหวู่ถิงนั้น ทหารแต่ละนายที่เฝ้ากำแพงเมืองต่างตื่นเต้นยิ่งนัก ทหารทุกนายต่างกำทวนยาวที่อยู่ในมือของตนเสียแน่น กลิ่นอายฆ่าฟันตลบอบอวล ไปทั่วฟ้าดิน

ตูม…เสียงดังสนั่น เวลานี้หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปภายในหวู่ถิง ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปนั้น กำแพงเมืองที่สูงใหญ่แข็งแรงกลับเหมือนทำขึ้นมาจากกระดาษอย่างนั้น กำแพงพังทลายลงทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป กระทั่งทำให้เกิดการสั่นไหวไปทั่วหวู่ถิงทีหนึ่ง ภายใต้หนึ่งฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่สามารถทำลายกำแพงเมืองที่ยาวนับหมื่นลี้ได้

 อันธพาล คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้  ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อมองเห็นการมาถึงของหลี่ชิเย่ก็ทำลายกำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงจนแหลกละเอียดในเท้าเดียว ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับแอบยกนิ้วให้

 กำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงถูกผู้อื่นทำลาย มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่กี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านมาแล้ว  แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังต้องหัวเราะเจื่อนๆ

ทอดสายตามองไปทั่วหล้า จะมีสักกี่คนกันที่หาญกล้าเหยียบทำลายกำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงตั้งแต่แรกที่มาถึง มันเป็นการตบหน้าจูเซียงหวู่ถิงอย่างแรงต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าชัดๆ นี่เป็นการประกาศไม่ขออยู่ร่วมโลกกับจูเซียงหวู่ถิง หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย

ปัง ปัง ปังเสียงกระทบพื้นดังขึ้นเป็นระลอก จังหวะที่หลี่ชิเย่เหยียบทำลายกำแพงเมืองนั้นเอง ปรากฏยอดฝีมือในชุดเสื้อเกราะเหินฟ้าลงมา ยอดฝีมือในชุดเกราะแต่ละคนที่เหินฟ้าลงมานั้น ล้วนแล้วแต่ตลบอบอวล ไปด้วยกลิ่นอายการฆ่าที่รุนแรงยิ่งนัก

ตึง ตึง ตึงเสียงโลหะที่ดังก้องขึ้นมา มองเห็นยอดฝีมือในชุดเสื้อเกราะแต่ละคนพลันทวนยาวในมือชี้ไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ทวนยาวของพวกเขาเปล่งประกายเยือกเย็นไปทั่ว กระทั่งได้ยินเสียงเปรียะเปรียะดังขึ้น ปรากฏเป็นสายฟ้าขึ้นที่ปลายทวนของพวกเขา เสมือนดั่งทวนยาวของพวกเขาได้พกพาเอาพลังลงทัณฑ์จากสวรรค์มาด้วยอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องได้รับการลงทัณฑ์

 ทหารองครักษ์หวู่ถิง  มีเจ้าสำนักที่มองเห็นยอดฝีมือในชุดเสื้อเกราะแต่ละคนมราเหินฟ้าลงมา และกล่าวว่า  นี่คือหนึ่งในกองทัพที่แกร่งที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง แต่ไม่รู้สินะว่าพวกเขาจะมีท่าไม้ตายเช่นใด 

 ผู้มาโปรดถอยกลับไป  เวลานี้ทวนยาวชี้ไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า  ผู้ใดจะเข้าไปยังหวู่ถิง ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ… 

 มิฉะนั้นล่ะ…  หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยพูดสอดรับคำขณะที่ฝ่ายตรงข้ามพูดไม่ทันจบ

 มิฉะนั้น จะถือว่าเป็นการล่วงเกินหวู่ถิง บุกรุกหวู่ถิง…  ยอดฝีมือในชุดเสื้อเกราะกล่าวน่าเกรงขามขึ้น

กล่าวสำหรับทหารองครักษ์ของหวู่ถิงแล้ว ผู้ใดก็ตามหากคิดจะอาศัยกำลังเข้าไปภายในหวู่ถิง ล้วนแล้วแต่เป็นการยั่วยุต่อพวกเขา พวกเขาไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอย่างเด็ดขาด

 ไม่ต้องถือว้า  หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทของเขา หัวเราะและกล่าวว่า  ข้านี่แหละจะล่วงเกินหวู่ถิงพวกเจ้า และบุกรุกเข้าไปยังหวู่ถิงของพวกเจ้า แต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมกันแล้วยัง 

 ฆ่า…  เมื่อยอดฝีมือในชุดเสื้อเกราะได้ยินคำพูดเช่นนี้ พลันโกรธและร้องเสียงดังขึ้นมา

เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ได้ยินเสียงทวนยาวที่คำรามขึ้นมาเป็นระลอก ทวนยาวทุกเล่มพลันยกตั้งขึ้น ปลายแหลมของทวนพลันส่งประกายเยือกเย็นวูบวาบออกมา ประกายเยือกเย็นที่พวยพุ่งออกมาจากส่วนปลายแหลมของทวนคล้ายดั่งเป็นดาบยาวที่คมกริบสุดจะต้านทาน

 ดีมาก สงเคราะห์พวกเจ้า  หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย นิ้วเดียวที่ชี้ไปตามอารมณ์ขณะเผชิญกับทวนยาวนับพันเล่มที่โจมตีเข้ามา ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น เสมือนดั่งโลกๆ หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นบนมือของเขาอย่างนั้น มองเห็นโลกดังกล่าวที่ประณีตงดงามและโปร่งแสง มีดวงดาวที่เจิดจ้า

 ถอยไป…  ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น แต่ มันสายไปเสียแล้ว

เสียงฉึก ฉึก ฉึกแต่ละเสียงที่ดังขึ้น เลือดสดๆ พวยพุ่งอย่างรุนแรง ในพริบตาเดียวนั่นเอง โลกที่ถือกำเนิดขึ้นบนมือของหลี่ชิเย่ถูกขว้างออกไป เหมือนจับเอาโลกๆ หนึ่งมาขย้ำให้กลายเป็นมีดบินแล้วขว้างออกไปเหมือนเป็นอาวุธลับอย่างหนึ่ง

ลองนึกภาพดู โลกๆ หนึ่งที่เสมือนดั่งมีดบินที่บินหมุนเข้ามาช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น แม้ว่าทหารองครักษ์ของหวู่ถิงจะเรียกคืนทวนยาวเพื่อป้องกันตนเอง แต่ว่าก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

โลกๆ หนึ่งที่คล้ายมีดบินที่บินหมุนเข้ามาใครเล่าจะไปต้านรับได้ไหว เวลานี้เห็นเลือดสดๆ ที่สาดกระจาย ศีรษะของทหารองครักษ์ที่เป็นยอดฝีมือแต่ละคนลอยสูงขึ้น เห็นเลือดที่พุ่งทะลักเป็นลำเหมือนดอกไม้เลือดที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า สุดท้ายร่วงลงมาเหมือนฝนเลือดจนพื้นดินเปียกชุ่ม

เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทหารองครักษ์ที่เป็นยอดฝีมือนับพันคนถูกตัดศีรษะไปทั้งหมด ทั้งหมดถูกหลี่ชิเย่สังหารไปโดยไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่า พวกเขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ ช่วงห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนับว่าห่างชั้นกันมากเหลือเกิน

ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าไรที่ยืนดูความคึกครื้นต้องเสียวสันหลังวาบ ล้วนแล้วแต่หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง ยังคงสู้ไม่ได้เลยภายใต้น้ำมือของหลี่ชิเย่ เป็นความน่ากลัวอีกครั้งของหลี่ชิเย่ที่ผู้คนได้รับรู้

 ทำได้แค่นี้เองรึ ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและส่ายหน้าเบาๆ

 เปิดตรอกมนุษย์ไม้  ในเวลานี้เอง ภายในหวู่ถิงปรากฏเสียงยายเฒ่าผู้หนึ่งดังขึ้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองไปตามเสียง นางคือยายเฒ่าเทวะไล่วายุแห่งจูเซียงหวู่ถิง ศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารนั่นเอง

 เรียกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและส่ายหน้า ขณะมองดูยายเฒ่าเทวะไล่วายุ

 เจ้าเดรัจฉานน้อย มีฝีมือก็ผ่านตรอกมนุษย์ไม้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยโว  ยายเฒ่าเทวะไล่วายุร้องเสียงดังขึ้นมา สำหรับหลี่ชิเย่นั้น นางแค้นจนเข้ากระดูกดำ และกัดฟันดังกรอด

ครั้งนั้น ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย นางถูกหลี่ชิเย่ทำให้ต้องอับอาย กล่าวสำหรับนางแล้ว แค้นนี้หากไม่ชำระจะไม่ขออยู่เป็นคน

ยิ่งไปกว่านั้น นางคือผู้ที่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันมากที่สุดเรื่องการเกี่ยวดองสมรสระหว่างจูเซียงหวู่ถิงกับตระกูลมู่ นางเป็นผู้ทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จด้วยมือของนางเอง นางจะไม่อนุญาตให้ใครมาทำลายอย่างเด็ดขาด ใครหน้าไหนก็ตามหากกล้าทำลายงานแต่งครั้งนี้ ฆ่าไม่มีละเว้น

 นับว่าทำให้น่าผิดหวังอยู่บ้าง ลูกศิษย์ของผู้ที่ขึ้นชื่อว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษสอนออกมาก็อย่างนั้นๆ  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

 เจ้าเดรัจฉานน้อย เจ้าก็กล่าววาจาสามหาวต่อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน ตรอกมนุษย์ไม้จะขังตายเจ้าแน่นอน  สีหน้าของยายเฒ่าเทวะไล่วายุดูไม่จืดถึงขีดสุด ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำตูม ตูม ตูมดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นฝุ่นคลุ้งตลบอบอวล ผืนแผ่นดินสั่นไหวโคลงเคลงทีหนึ่ง เหมือนว่าลึกลงไปใต้พื้นดินมีอะไรบางสิ่งค่อยๆ ยกตัวขึ้นมาอย่างนั้น

…………………………………………..

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท