นักพรตพเนจรหยางหมิงเพียงเหลือบมองนักพรตฉางเซินด้วยท่าทีเย็นชา สำหรับการหยอกล้อเช่นนี้ของนาง
แม้ว่าโดยปรกติแล้วนักพรตฉางเซิน กับนักพรตพเนจรหยางหมิงทั้งสองจะมีแนวโน้มชิงความเป็นหนึ่งอยู่ในที แต่สำหรับเรื่องใหญ่ๆ แล้ว พวกนางทั้งสองมักจะมีจิตใจที่ตรงกันอยู่เสมอๆ พวกนางทั้งสองต่างเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญายิ่งคนหนึ่ง
แต่งภรรยา นั่นมันเรื่องใหญ่เลยนะ ท่าทีหลี่ชิเย่ดูเอ้อระเหยสำหรับข้อเสนอของนักพรตฉางเซิน หัวเราะและกล่าวว่า บนโลกนี้ใช่ว่าใครก็สามารถเป็นภรรยาของข้าได้ ทั่วไปแล้วเป็นได้เพียงสาวใช้อุ่นเตียงอะไรประมาณนั้น
คำพูดที่พูดออกมา เปี่ยมด้วยความพาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่ แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ระบุชัดว่าต้องการให้นักพรตพเนจรหยางหมิงมาเป็นสาวรับใช้อุ่นเตียงให้กับเขา แต่ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกได้ว่าความหมายมันก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ
สมควรทราบว่า นักพรตพเนจรหยางหมิงไม่เพียงแต่เป็นถึงหัวหน้าพรรคของพรรคหยางหมิง และไม่เพียงแค่มีทักษะยุทธที่สูงส่ง มีพรสวรรค์ที่สูงยิ่งเท่านั้น ขณะเดียวกันนางยังเป็นสุดยอดหญิงงามที่สวยหยาดเยิ้มและเป็นที่ประทับใจของผู้คน
บุรุษจำนวนมากได้แต่แหงนหน้ามอง ไม่กล้าคิดอะไรเลยเถิดเมื่อต้องเผชิญกับผู้หญิงเช่นนักพรตพเนจรหยางหมิง หลี่ชิเย่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรด้วยการพูดออกมาว่าเป็นได้แค่สาวรับใช้อุ่นเตียงเท่านั้น คำพูดเช่นนี้พลันทำให้ทุกคนถึงกับอ้าปากตาค้าง
นักพรตพเนจรหยางหมิงพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่พาลเช่นนี้ แต่นางไม่ได้อาละวาด เพียงมองตาขวางต่อหลี่ชิเย่ทีหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชาเท่านั้น ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นจังหวะใดก็ตามนักพรตพเนจรหยางหมิงก็จะมีลักษณะที่สูงส่งบริสุทธิ์และเงียบเหงาอย่างนั้น ท่วงท่าแบบนี้นับว่าเป็นที่หลงใหลของผู้คนเหลือเกิน
เอาล่ะ เรื่องราวที่นี่ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ในเมื่อไม่มีใครต้องการแสดงตนว่าต้องการคิดปัญชีกับข้า ควรทำอะไรก็ไปทำกันก็แล้วกัน หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ส่วนที่ว่าหลังจากนี้ยังมีใครต้องการคิดปัญชีกับข้าล่ะก็ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ ต้องพาคนมาให้มากสักหน่อย ยอดฝีมือให้มีจำนวนมากเข้าไว้ อย่าคิดว่าแค่ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์สามถึงห้าคนก็จะมาคิดบัญชีกับข้าได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ดูไม่ได้เลย แน่นอน คนมาก มีความแกร่ง เวลาฆ่าแล้วค่อยสะใจหน่อย
คำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ทุกคนต้องอึ้ง ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก ไม่มีใครสามารถต่อปากต่อคำได้ ทำได้แค่มองหน้ากันไปมา
แต่ทว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คำพูดของหลี่ชิเย่ก็เป็นความจริง แม้แต่ระดับอมตะอย่างเทพอินทรียังคงต้องตายอย่างไร้ที่ฝังด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ คิดจะปราบหลี่ชิเย่ล่ะก็ เป็นความจริงที่ว่าขั้นต้นจะต้องเริ่มด้วยระดับอมตะ มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์อะไรนั่น เป็นการไปรนหาที่ตายอย่างแน่นอน
เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้กวักมือกับพวกหวู่ปิงหนิงแล้วหันหลังเดินจากไป
หวู่ปิงหนิง นักพรตฉางเซินพวกนางติดตามหลี่ชิเย่จากไปทันที ต่อให้พวกนางไปไปจากที่นี้ก็ไม่มีอะไร ในเวลานี้ยังจะมีใครกล้าหาเรื่องกับพวกนางกันเล่า? แล้วจะมีใครกล้าลงมือต่อพวกนางกันเล่า? เมื่อทุกคนมองตามจนหลี่ชิเย่จากไปไกลแล้วจึงค่อยหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่หลี่ชิเย่ยังอยู่ทุกคนต่างรู้สึกถึงความกดดัน หลี่ชิเย่ก็คล้ายดั่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่งที่สยบอยู่กลางใจของทุกๆ คน
โดยเฉพาะกับพวกที่เคยลั่นวาจาว่าจะปราบหลี่ชิเย่ยิ่งคล้ายดั่งได้ปลดสัมภาระออกจากบ่า หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้จากไปแล้ว ถึงกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและพึมพำว่า เจ้าคนโหดผู้นี้ได้ไปแล้วในที่สุด เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เขาไม่อยากตายแบบเทพอินทรีหวินตู้ที่ร่างระเหยไปไม่เหลือแม้แต่ซาก
อนาคตของคนผู้นี้ไร้ขอบเขตจำกัด ต้องปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่งในอนาคต เกรงว่าอนาคตของเขาจะไม่ได้รั้งอยู่ที่แดนลัทธิพรรษ และไม่อยู่ที่แดนลัทธิราชัน ต้องขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนแน่นอน มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิกล่าวทำนายเอาไว้ล่วงหน้า
คำพูดลักษณะเช่นนี้ได้สร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย กล่าวสำหรับพวกเขาที่เป็นระดับบรรพบุรุษแล้ว แค่ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันก็ยากมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนแล้วล่ะ
เกรงว่าคงยากที่จะมีผู้ใดในแดนลัทธิพรรษยุคปัจจุบันสามารถสู้กับเขาได้อีกแล้ว มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บางที คงมีแต่เทพสงครามมังกรคชาธารในแดนลัทธิพรรษที่สามารถสู้กับเขาได้แล้วกระมัง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับมีจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้นมา เมื่อมีการเอ่ยถึงชื่อของเทพสงครามมังกรคชาธาร นี่คือตัวแทนของผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของแดนลัทธิพรรษ คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ ถ้าหากแม้แต่เทพสงครามมังกรคชาธารก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วหลี่ชิเย่ก็จะเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรของแดนลัทธิพรรษโดยแท้จริงแล้ว
ใครกันเล่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ระหว่างยอดฝีมือกันดับหนึ่งกับคนโหดอันดับหนึ่ง มีผู้ที่พึมพำออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่รู้ว่าคำพูดลักษณะเช่นนี้ได้ปลุกความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนจำนวนเท่าไรให้บังเกิดขึ้นมา เทพสงครามมังกรคชาธารมีฉายว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษ เรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกร ขณะที่เวลานี้หลี่ชิเย่เองก็ปราศจากผู้ต่อกรเช่นกัน ถ้าหากยอดฝีมืออันดับหนึ่งสู้กับคนโหดอันดับหนึ่ง เกรงว่าคงคึกครื้นอย่างยิ่ง
ถ้าหากมีศึกลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ ก็คงคึกครื้นโดยแท้จริงแล้ว นี่จะเป็นการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างรุ่นอาวุโสกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นการต่อสู้ที่สุดคราสสิคอย่างยิ่ง แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางคนก็รู้สึกมีจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้นมาทันที ต่างกระหายที่ต้องการให้มีการระเบิดศึกเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ อยู่บ้าง
การต่อสู้ในลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะหรือพ่ายแพ้ มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่สุดคราสสิคครั้งหนึ่งของแดนลัทธิพรรษไป และกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่มีความครึกครื้นมากที่สุดของแดนลัทธิพรรษ
หลี่ชิเย่นำพาพวกของหวู่ปิงหนิงไปจากที่ตรงนั้น ท้ายที่สุด พวกเขาได้ไปยืนอยู่ตรงหน้า บนผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแห่งหนึ่ง ทอดสายตามองออกไป มองเห็นเพียงโลกที่แตกยับเยินโลกหนึ่งอยู่ข้างหน้า อีกทั้งโลกในลักษณะเช่นนี้เป็นที่หวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนอย่างยิ่ง
เห็นเพียงดวงดาวขนาดใหญ่แต่ละดวงบนจักรวาลที่แตกละเอียด ปรากฏเศษของหินอุกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยล่องอยู่บนจักรวาล กระทั่งมีดวงดาวขนาดใหญ่ที่แตกละเอียดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าของผืนแผ่นดินแห่งนี้ เหมือนว่าดวงดาวขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนถูกลากเอามาที่ที่ห่างไกลในจักรวาล และถูกคนทำลายจนแหลกละเอียดยับเยินอย่างนั้น
ท่ามกลางพื้นแผ่นดินผืนนี้ก็มีลักษณะที่แหลกยับเยินเช่นกัน พื้นที่บางแห่งถูกทำลายจนกลายเป็นหลุมขนาดยักษ์และลึกอย่างยิ่ง เป็นหลุมที่ลึกมองไม่เห็นก้นหลุม พื้นที่บางแห่งถูกยิงจนทะลุ ลาวาทะลักขึ้นมา และบางพื้นที่ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีแดง ร้อนแผดเผายิ่งกินพื้นที่นับหมื่นลี้ เหมือนดั่งเป็นเตาไฟขนาดยักษ์อย่างนั้น และมีพื้นที่บางแห่งที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย สามารถกัดกร่อนทุกสิ่งทุกอย่างได้…
แดนปรลัยราชัน…ไม่ว่าจะเป็นหวู่ปิงหนิง หรือหลินซิม่อต่างถูกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้หวั่นไหว เมื่อมองเห็นพื้นที่ตรงหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นสถานที่ที่ของวันสิ้นโลกอย่างนั้น ไอรีนโนเวล
สถานที่ที่แม้แต่ราชันแท้จริงยังต้องตาย แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษก็เคยเสียชีวิตอยู่ที่ตรงนี้ ขณะที่นักพรตฉางเซินมองดูพื้นแผ่นดินตรงหน้านี้แล้ว ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง
สถานที่ตรงหน้านับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้มากมายเหลือเกิน สถานที่ลักษณะเช่นนี้มันเหมือนเป็นนรกอเวจีชัดๆ ไม่ว่าใครก็ตามหากได้เห็นแล้วก็ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่
แดนปรลัยราชันคือสถานที่ที่อันตรายและสยองขวัญมากที่สุดของเงินทองตกพื้น และเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดอันเกิดจากการเรียกหาเจ้าที่ เล่าลือกันว่า ในครั้งนั้นปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีได้มาเรียกหาเจ้าที่ ณ ที่ตรงนี้ และเรียกออกมาเป็นมารร้ายที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งตนหนึ่ง
ปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีเคยต่อสู้กับมารร้ายตนนั้นจนฟ้าถล่มดินทลายอยู่ที่ตรงนี้ สู้รบจนสุริยันจันทราและดวงดาวยังแหลกละเอียด นับเป็นการต่อสู่ที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะของขั้นอมตะยังต้องสั่นเทา
ระดับปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่งมีความไร้เทียมทานเพียงใด เรียกได้ว่าแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถทำลายฟ้าดินได้ แต่ทว่า หลังสิ้นสุดศึกครั้งนี้ไปแล้ว ไม่ปรากฎปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีก้าวออกมาจากสถานที่ที่อันตรายแห่งนี้อีกเลย และนับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีผู้ใดได้เคยเห็นปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีอีก ดังนั้น จึงมีผู้คนเข้าใจว่าปฐมบรรพบุรุษเซิ่นอีต้องเสียชีวิตจากการต่อสู่อยู่ด้านใน
นับจากนั้นเป็นต้นมา สถานที่แห่งนี้ก็ถูกผู้คนเรียกว่าแดนปรลัยราชัน! กลายเป็นสถานที่ที่สยองขวัญมากที่สุดของเงินทองตกพื้น
ภายหลังได้เคยมีระดับเทพแท้จริงจำนวนมากไม่เชื่ออาถรรพ์ ต่างทยอยกันเดินทางเข้าไปยังแดนปรลัยราชัน แต่ ผลสุดท้ายเป็นที่ทราบกันโดยไม่ต้องจินตนาการ พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีชีวิตออกมาอีกเลย
อีกทั้งผู้ที่ก้าวเดินเข้าไปยังแดนปรลัยราชันใช่จะมีเพียงระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เท่านั้น แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะก็ไม่สามารถมีชีวิตกลับออกมา กระทั่งเคยมีราชันแท้จริงที่เข้าไปยังแดนปรลัยราชันแล้วก็ไม่ได้มีชีวิตกลับออกมานับแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยเหตุที่มีผู้ที่ต้องเสียชีวิตอยู่ภายในแดนปรลัยราชันมากมายเหลือเกิน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่เข้าไปแล้วสามารถมีชีวิตกลับออกมาอีก ภายหลังนับแต่นั้นเป็นต้นมาจึงไม่มีใครเข้าไปยังแดนปรลัยราชันอีกเลย
เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีว่า ขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปยังแดนปรลัยราชันก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการไปรนหาที่ตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากจะเข้าไปยังแดนปรลัยราชันอีก เว้นแต่ต้องการฆ่าตัวตาย
และด้วยเหตุนี้เอง นับจากนั้นเป็นต้นมา แดนปรลัยราชันจึงได้กลายเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ ไม่ว่าใครก็ตามหากพูดถึงแดนปรลัยราชันแล้วก็ต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
แม้แต่นักพรตฉางเซินยังต้องมีสีหน้าที่หนักแน่นจริงจังขณะมองดูแดนปรลัยราชันที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายแล้วนางจ้องมองดูหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เจ้าแน่ใจว่าจะต้องเข้าไปจริงๆ รึ? นี่คือสถานที่ที่ต้องตายอย่างแน่นอน แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษก็ยังต้องตายอยู่ในนั้น
กล่าวสำหรับหุบเขาอมตะพวกเจ้าแล้ว ข้าตายอยู่ในนั้นมิเท่ากับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งรึ? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ข้าตายแล้วหุบเขาอมตะของพวกเจ้าก็ไม่ต้องใช้หนี้พอดีเลย และยังได้รับเชื้อไฟเพิ่มอีกต่างหาก ช่างเป็นเรื่องดีอะไรอย่างนั้น
นักพรตฉางเซินมองค้อนขวับหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า นี่มันคำพูดบ้าอะไร ที่ข้าต้องการคือเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ อีกอย่าง หุบเขาอมตะพวกเราก็ตอบรับข้อเรียกร้องของเจ้าแล้ว!
ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้น หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ชีวิตนี้ของข้าเกรงว่าคงไม่มีใครเอาไปได้ แม้แต่สวรรค์โจรก็เอาไปไม่ได้ กล่าวพลาง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าทีหนึ่ง
ข้าจำเป็นต้องเข้าไปให้ได้ เวลานี้หลี่ชิเย่มองไปที่แดนปรลัยราชัน สายตาลึกล้ำยิ่งนัก และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า กล่าวได้ว่า นี่เป็นเส้นทางเพียงหนึ่งเดียวของเงินทองตกพื้น มาคราวนี้ถือว่าข้าได้มีการเจรจาก่อนใช้กำลังไปแล้ว!
นักพรตฉางเซินถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ แม้ว่านางไม่รู้ว่าที่หลี่ชิเย่ต้องการเข้าไปยังแดนปรลัยราชันเพื่ออะไร แต่เวลานี้นางมั่นใจได้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ต้องการของวิเศษ ถ้าหากเพียงเพราะต้องการของวิเศษอย่างเดียวล่ะก็ เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปรนหาที่ตายยังแดนปรลัยราชันแห่งนี้ โลกนี้ยังมีที่ที่สามารถได้ของวิเศษอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ช่างเถอะ เช่นนั้นแล้วก็ไปเถอะ นักพรตฉางเซินก็พยักหน้าและกล่าวว่า มีชีวิตกลับมาปลอดภัย มิฉะนั้นล่ะก็ หุบเขาอมตะของพวกเราไม่เพียงขาดหญ้าเซียนไปต้นหนึ่ง แต่ก็เชื้อไฟมาได้ พวกเราได้กำไรมากมาย
วางใจเถอะ ข้าไม่ยอมให้ใครได้เปรียบข้าหรอก หลี่ชิเย่กล่าวและหัวเราะออกมา
คุณชาย ระวังตัวด้วย เวลานี้ หลินซิม่อเองก็รวบรวมความกล้าขึ้นมา กุมมือหลี่ชิเย่เอาไว้และเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
อย่าตายไปเสียล่ะ มีชีวิตกลับมาด้วย หวู่ปิงหนิงจ้องเขม็งหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ถือว่าเป็นการให้กำลังใจเหมือนกัน
เอาล่ะ คนดีมักมีชีวิตไม่ยืน คนชั่วมีอายุเป็นพันปี เกรงว่าคนชั่วอย่างข้าคงต้องมีชีวิตเป็นล้านล้านปี หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมาโดยไม่ใส่ใจ และก้าวเข้าไปยังแดนปรลัยราชัน
พวกของนักพรตฉางเซินต่างกลั้นลมหายใจมองดูหลี่ชิเย่ที่ก้าวเข้าไปยังแดนปรลัยราชัน
…………………………………………………