ทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองภาพเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่อยากเชื่อในภาพตรงหน้าที่เห็น สิ่งที่ทำให้ผู้คนยิ่งไม่อยากเชื่อก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษกลับไม่ได้ลงมือช่วยชีวิตศิษย์ของตนเอาไว้ เป็นเรื่องที่ดูไปแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
ยายเฒ่าเทวะล่าวายุคือศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารนะเนี่ย อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ภายในหวู่ถิงอีกด้วย เรียกได้ว่าอยู่ต่อหน้าต่อตาของเทพสงครามมังกรคชาธาร กล่าวได้ว่าใกล้แค่เอื้อม
แต่ทว่า เทพสงครามมังกรคชาธารกลับไม่ได้ลงมือช่วยชีวิตศิษย์ของตน นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเหลือเกิน ยายเฒ่าเทวะล่าวายุต้องถูกหลี่ชิเย่สังหารด้วยประการเช่นนี้
ยังมีใครจะเข้ามาอีกหรือไม่? หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มบางๆ และเอ่ยขึ้นมา
สหาย หากท่านมาในฐานะแขก จูเซียงหวู่ถิงพวกเรายินดีต้อนรับ หากมาเพื่อก่อเรื่อง ขอเชิญกลับไปเสีย เวลานี้เสียงของเทพสงครามมังกรคชาธารดังขึ้น กล่าวอย่างช้าๆ ว่า ศิษย์ของข้าดื้อรั้น เรื่องราวในวันนี้เป็นเพราะนางไม่รู้จักกาลเทศะ สมควรได้รับเคราะห์กรรม
ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดของเทพสงครามมังกรคชาธาร การที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุถูกสังหาร เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะเป็นอาจารย์ถึงกับไม่ถามหาความรับผิดชอบกับหลี่ชิเย่ ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลยจริงๆ
ในจินตนาการของทุกคน การที่หลี่ชิเย่สังหารยายเฒ่าเทวะล่าวายุต่อหน้าต่อตาของเทพสงครามมังกรคชาธาร เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะอาจารย์จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงจะถูก เพลิงความโกรธจะต้องลุกโชนอย่างรุนแรง และล้างแค้นให้กับศิษย์ของตน
แต่ว่า เทพสงครามมังกรคชาธารกลับไม่มีอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และไม่มีเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชนรุนแรง ตรงกันข้ามกลับอาศัยคำพูดเรียบเฉยให้เรื่องนี้จบกันไป โดยไม่ได้สืบหาเรื่องนี้
ให้ข้าไปจากก็ไม่ยาก หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า ข้อแรก ปล่อยตัวหวู่ปิงหนิง ให้นางติดตามข้าไป ข้อสอง มอบตัวมู่เส้าเฉินออกมา ข้าก็จะถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หันหลังจากไปทันที
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนทั่วหล้าต้องหัวเราะเจื่อนๆ พังกำแพงเมืองของผู้อื่น เข่นฆ่าทหารองครักษ์ กระทั่งสังหารศิษย์ของผู้อื่น ยังจะพูดแบบมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำว่า ขอเพียงทำตามข้อเสนอของเขาก็จะหันหลังจากไปทันที ถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
คำพูดที่พูดแบบมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่พูดออกมาได้ และมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถนำเอาเรื่องที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่มาพูดได้อย่างมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำแล้ว
หากจะพูดถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นแล้ว ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ก็ต้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง โลกนี้ยังจะมีใครกล้าพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้กับเทพสงครามมังกรคชาธาร
เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของจูเซียงหวู่ถิงพวกเรา หวังว่าสหายอย่าได้ก้าวก่ายให้มากเกินไป เทพสงครามมังกรคชาธารเอ่ยขึ้นช้าๆ
เวลานี้ไม่ใช่แล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า ยังไม่ต้องพูดถึงนังหนูหวู่ได้พึ่งพิงข้าแล้ว อาศัยแค่คนแซ่มู่เป็นศัตรูกับข้า ก็เล่นจบเกมแล้ว มาวันนี้ข้าต้องการเอาชีวิตสุนัขของเขา ใครขวางทางข้า ฆ่าไม่มีละเว้น!
ผู้คนทั่วหล้านอกจากยิ้มเจื่อนๆ แล้วยังคงเป็นยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคำพูดคำนี้ถูกพูดออกมา ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษมีใครบ้างที่กล้าพูดเช่นนี้กับเทพสงครามมังกรคชาธาร มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นเอง
เทพสงครามมังกรคชาธารไม่ได้แสดงอาการโกรธจัดกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันนิ่งเงียบไปทันที
ฮ่า ฮ่า ฮ่าเจ้าคนแซ่หลี่ ข้าอยู่ในหวู่ถิงนี้แหละ วันนี้คุณชายอย่างข้าจะแต่งงานกับหวู่ปิงหนิงให้ได้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ในเวลานี้เอง มู่เส้าเฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา เขาท้าทายอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่ยั้ง
ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวกับจังหวะที่มู่เส้าเฉินพูดยังไม่ทันขาดคำ ท้องฟ้าแหลกละเอียด ช่องว่างทั้งหมดภายในหวู่ถิงพลันถูกพุ่งชนโจมตีจากพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร คล้ายดั่งช่องว่าทั้งหมดของจูเซียงหวู่ถิง ล้วนแล้วแต่ถูกโจมตีจนแหลกละเอียด พิกัดทั้งหมดล้วนแตกสลายในพริบตาเดียว
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น มองเห็นตำหนักโบราณหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในหวู่ถิงพลันแตกสลายลงทันที หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่ภายในตำหนักโบราณหลังดังกล่าวโดยพลัน
ตำหนักโบราณหลังนี้เดิมทีตั้งอยู่บนก้อนเมฆ ในเวลานี้มู่เส้าเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์ ข้างกายของเขามีผู้เฒ่านั่งอยู่คนหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนี้สวมหมวกขนาดใหญ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้
เมื่อหลี่ชิเย่ทำลายช่องว่างจนแหลกละเอียด ทำลายตำหนักโบราณ พลันปรากฏอยู่ตรงหน้าของมู่เส้าเฉิน ทำเอามู่เส้าเฉินตกใจเป็นอันมากในขณะนี้ จนกระโดดขึ้นมาจากบัลลังก์กษัตริย์
หลี่ชิเย่ สีหน้าของมู่เส้าเฉินเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อเห็นหลี่ชิเย่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกสิ่งเหมือนแข็งตัวไปจนสิ้นอย่างนั้น เหมือนว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่
มู่เส้าเฉินถูกทำให้ตกใจไม่น้อยเลย เขาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในจูเซียงหวู่ถิง ณ พื้นที่แห่งนี้อาจกล่าวได้ว่าหนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง บุคคลภายนอกคิดจะเข้ามาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ทว่า หลี่ชิเย่ทะลุผ่านช่องว่างทั้งหมด และทำลายแนวป้องกันทั้งหมดของพื้นที่แห่งนี้ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาโดยพลัน ซึ่งเป็นเรื่องที่มู่เส้าเฉินคาดไม่ถึง ช่างแข็งแกร่งมากเหลือเกิน
รู้หรือไม่? ครั้งก่อนไม่สังหารเจ้าเป็นเพราะไม่รีบร้อนที่จะสังหารเจ้าเท่านั้นเอง? หลี่ชิเย่มองดูมู่เส้าเฉินยิ้มเฉยเมยว่า รู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรจึงไม่รีบร้อนฆ่าเจ้า? เป็นเพราะข้าต้องการให้เจ้าไปตายในตระกูลมู่เท่านั้นเอง เวลานี้ข้ามีเวลาพอดี และมีอารมณ์สบายๆ เช่นนั้นแล้วค่อยๆ เผาเจ้าให้ตายทีละน้อยๆ ข้าเชื่อว่าเมื่อคนของตระกูลมู่มองเห็นเจ้าตายอย่างน่าอนาถ ต้องมีความหมายอย่างแน่นอน
เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าอย่าได้กำแหงนัก หลี่ชิเย่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า คิดจะฆ่าคุณขายอย่างข้า เจ้าฝันไปเถอะ วันนี้เจ้าสามารถมีชีวิตรอดไปจากจูเซียงหวู่ถิงได้ก็นับว่าสวรรค์เมตตาเจ้าแล้ว
แค่จูเซียงหวู่ถิงเท่านั้น ข้ามิใช่ไปมาได้อย่างอิสระ ท่าทีอย่างไรก็ได้ของหลี่ชิเย่ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวว่า ถ้าหากข้าคิดจะฆ่าใครสักคน ไม่ว่าใครก็ขวางไม่อยู่ มู่หวินปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน เขากล้าขวางทางของข้า ก็ฆ่าไม่มีละเว้นเช่นกัน
เจ้า มู่เส้าเฉินพลันถูกคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาโกรธจนตัวสั่น ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
ข้ารู้สึกว่าเจ้าสมควรเปิดประตูมิติได้แล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ ความเจ็บปวดแบบนั้นยากจะทานทนนะ นาทีนี้หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา
ยามที่หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าออกมานั้น คนที่เข้าใจในตัวของเขาจะต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งแน่นอน และจะต้องประหวั่นพรั่นพรึ่งจนขนลุกซู่ ในบางครั้งการแสดงความโกรธของหลี่ชิเย่ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด ขณะที่เขายิ้มเต็มใบหน้านั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ยามที่เขายิ้มเต็มใบหน้าล่ะก็ บ่งบอกว่าจะมีคนต้องตายอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้
ท่าน โปรดหยุดก่อน จังหวะที่หลี่ชิเย่ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างกายมู่เส้าเฉินพลันก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวขวางทางของหลี่ชิเย่เอาไว้
ผู้เฒ่าผู้นี้สวมหมวกใบใหญ่ปกปิดหน้าตาของตนตลอดเวลา แต่คำพูดของเขาเย็นดั่งน้ำ เสมือนหนึ่งร่างของเขาแข่อยู่ในน้ำเย็นอย่างนั้น ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นเทา
แม้ว่า คนผู้นี้ไม่ได้มีท่าทีที่สะเทือนฟ้า ไม่มีอานุภาพที่สยบผู้คน แต่ว่า ยามที่เขาเปิดปากพูดออกมาทำให้ในใจของผู้คนบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เหมือนหนึ่งเป็นลูกแกะพบเจอกับเสือหิวและบังเกิดความหวาดกลัวลักษณะเช่นนั้น
เจ้าก็คือระดับอมตะที่อยู่ข้างกายมู่เส้าเฉินคนนั้นน่ะสิ หลี่ชิเย่มองหน้าผู้เฒ่าที่มาขวางทางผู้นี้แวบหนึ่ง อย่างไรก็ได้ตามอารมณ์ยิ่งนัก
ถูกต้อง ข้าหวังซื่อฮว๋า ผู้เฒ่าผู้นี้ยังคงอาศัยหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เป็นเพียงตาเฒ่าที่ไม่สะดุดตาเท่าไรคนหนึ่งในแดนลัทธิราชันเท่านั้นเอง
เป็นความจริงที่ไม่ค่อยสะดุดตานัก หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า ต่ำกว่าชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวกเท่านั้น นี่แหละคือคำจำกัดความที่ข้าให้ไว้กับชั้นอมตะของพวกเจ้า ไม่ใช่ชั้นคงความอมตะอะไรนั่นนับว่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึงจริงๆ
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำนี้ออกมา ทำให้หวังซื่อฮว๋าที่มีหมวกใบใหญ่สวมหัวอยู่เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร ดวงตาคู่นั้นของเขาคล้ายดั่งเป็นดวงตาของอสรพิษที่อยู่ในความมืด เยือกเย็นน่ากลัว ลำพังแค่แววตาก็ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
คำพูดนี้พาลจนไม่สามารถเปรียบเปรยได้อีกแล้ว แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ต้องยิ้มเจื่อนๆ พึมพำขึ้นมาว่า พูดอีกอย่างก็คือ มีเพียงระดับคงความเป็นอมตะตลอดกาลจึงจะเข้าตาของคนโหดอันดับหนึ่งได้ นี่เป็นระอับอมตะที่เทียบเคียงปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย หรือว่ามีเพียงผู้ดำรงอยู่ในชั้นของปฐมบรรพบุรุษจึงมีสิทธิ์เข้าตาคนโหดอันดับหนึ่งได้
ข้า ข้ารู้ว่าเขาเป็นใครแล้ว ในเวลานี้เอง มีระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้หนึ่งรู้สึกใจหายใจคว่ำและกล่าวด้วยความตระหนกว่า ข้า ข้ารู้ว่าหวังซื่อฮว๋าคือใครแล้ว
เขา เขาเป็นใคร? มีผู้เอ่ยถามขึ้นมาทันที เป็นใครกันแน่?
เขาก็คืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง! ในครั้งนั้นชื่อเสียงในแดนลัทธิพรรษของเขาโด่งดังมาก เล่าลือกันว่าในครั้งนั้นเขาเคยทำให้ราชันแท้จริงหนุ่มผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ชื่อเสียงของเขาในเวลานั้นโด่งดังไม่ด้อยไปกว่าเทพสงครามมังกรคชาธารในวันนี้ เพียงแต่ภายหลังเขาได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชัน และหายไปไม่มีข่าวคราวอีกนับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาถึงกับกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลมู่ ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พึมพำออกมา
สายตาของหวังซื่อฮว๋าผู้นี้เพ่งตรงไปข้างหน้าเมื่อถูกผู้อื่นเปิดเผยฐานะ แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ยังคงเป็นหมวกใบใหญ่ที่สวมปิดบังใบหน้า เหมือนว่าไม่ต้องการอาศัยโฉมหน้าที่แท้จริงปรากฎต่อสายตาผู้อื่นอย่างนั้น
แต่ว่า ที่ระดับบรรพบุรุษผู้นั้นพูดมาไม่ผิด หวังซื่อฮว๋าที่อยู่ตรงหน้าก็คืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของแดนลัทธิพรรษ เป็นความจริงสาเหตุที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากเพราะได้เคยทำร้ายราชันแท้จริงหนุ่มของแดนลัทธิพรรษผู้หนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส
เพียงแต่เรื่องราวต่อจากนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนในแดนลัทธิพรรษไม่รู้ ครั้งนั้นหลังจากที่หวังซื่อฮว๋าได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันแล้ว ราชันแท้จริงหนุ่มที่เคยถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสผู้นั้นก็ได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันเช่นกัน
เพียงแต่วันนี้ต่างจากเมื่อวาน ราชันแท้จริงหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งมายยิ่งกว่าในครั้งนั้น จึงไปล้างแค้นหวังซื่อฮว๋าที่แดนลัทธิราชัน และเอาชนะหวังซื่อฮว๋าอย่างเด็ดขาด ไล่สังหารจนหวังซื่อฮว๋าหมดทางหนี
จังหวะที่เขาถูกราชันแท้จริงหนุ่มผู้นั้นไล่ฆ่าจนหมดทางหนีแล้วนั้น ตระกูลมู่ได้ยื่นมือแก้ไขสถานการณ์ให้ ด้วยการรับเอาตัวเขาเข้าไปในตระกูลมู่ ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้พอดี
นับแต่นั้นเป็นต้นมา หวังซื่อฮว๋าได้ขอพึ่งตระกูลมู่อย่างเป็นทางการ กลายเป็นแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งของตระกูลมู่
มาคราวนี้เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง มู่เส้าเฉินถูกลดชั้นลงมายังแดนลัทธิพรรษ หวังซื่อฮว๋าในฐานะมีชาติกำเนิดมาจากแดนลัทธิพรรษ ย่อมมีความคุ้นเคยในแดนลัทธิพรรษมากกว่าคนอื่นๆ ในตระกูลมู่ ยิ่งไปกว่านั้นระดับอมตะที่แข็งแกร่งเช่นเขาก็ยากจะมีผู้ต่อกรในแดนลัทธิพรรษ
ด้วยเหตุนี้เอง หวังซื่อฮว๋าจึงได้กลายเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในการลงมาแดนลัทธิพรรษเพื่อให้การคุ้มครองมู่เส้าเฉิน
กล่าวสำหรับระดับอมตะแล้ว ย่อมไม่เต็มใจที่จะกลับไปที่แดนลัทธิพรรษ จะอย่างไรเสียการกลับมายังแดนลัทธิพรรษส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อชีวิตของเขา แต่ ตระกูลมู่มีบุญคุณต่อเขา ทำให้หวังซื่อฮว๋าจำเป็นต้องกลับมายังแดนลัทธิพรรษเพื่อคอยคุ้มครองให้กับมู่เส้าเฉิน
ด้วยเหตุนี้เอง การที่มีระดับอมตะเช่นนี้คอยคุ้มครองอยู่ข้างกาย จึงทำให้มู่เส้าเฉินกำแหงไม่น้อยเลย
…………………………………………………….