ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2383 อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง

ตอนที่ 2383 อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง

ทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองภาพเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่อยากเชื่อในภาพตรงหน้าที่เห็น สิ่งที่ทำให้ผู้คนยิ่งไม่อยากเชื่อก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษกลับไม่ได้ลงมือช่วยชีวิตศิษย์ของตนเอาไว้ เป็นเรื่องที่ดูไปแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้

ยายเฒ่าเทวะล่าวายุคือศิษย์ของเทพสงครามมังกรคชาธารนะเนี่ย อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ภายในหวู่ถิงอีกด้วย เรียกได้ว่าอยู่ต่อหน้าต่อตาของเทพสงครามมังกรคชาธาร กล่าวได้ว่าใกล้แค่เอื้อม

แต่ทว่า เทพสงครามมังกรคชาธารกลับไม่ได้ลงมือช่วยชีวิตศิษย์ของตน นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเหลือเกิน ยายเฒ่าเทวะล่าวายุต้องถูกหลี่ชิเย่สังหารด้วยประการเช่นนี้

 ยังมีใครจะเข้ามาอีกหรือไม่?  หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มบางๆ และเอ่ยขึ้นมา

 สหาย หากท่านมาในฐานะแขก จูเซียงหวู่ถิงพวกเรายินดีต้อนรับ หากมาเพื่อก่อเรื่อง ขอเชิญกลับไปเสีย  เวลานี้เสียงของเทพสงครามมังกรคชาธารดังขึ้น กล่าวอย่างช้าๆ ว่า  ศิษย์ของข้าดื้อรั้น เรื่องราวในวันนี้เป็นเพราะนางไม่รู้จักกาลเทศะ สมควรได้รับเคราะห์กรรม 

ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดของเทพสงครามมังกรคชาธาร การที่ยายเฒ่าเทวะล่าวายุถูกสังหาร เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะเป็นอาจารย์ถึงกับไม่ถามหาความรับผิดชอบกับหลี่ชิเย่ ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลยจริงๆ

ในจินตนาการของทุกคน การที่หลี่ชิเย่สังหารยายเฒ่าเทวะล่าวายุต่อหน้าต่อตาของเทพสงครามมังกรคชาธาร เทพสงครามมังกรคชาธารในฐานะอาจารย์จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงจะถูก เพลิงความโกรธจะต้องลุกโชนอย่างรุนแรง และล้างแค้นให้กับศิษย์ของตน

แต่ว่า เทพสงครามมังกรคชาธารกลับไม่มีอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และไม่มีเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชนรุนแรง ตรงกันข้ามกลับอาศัยคำพูดเรียบเฉยให้เรื่องนี้จบกันไป โดยไม่ได้สืบหาเรื่องนี้

 ให้ข้าไปจากก็ไม่ยาก  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า  ข้อแรก ปล่อยตัวหวู่ปิงหนิง ให้นางติดตามข้าไป ข้อสอง มอบตัวมู่เส้าเฉินออกมา ข้าก็จะถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หันหลังจากไปทันที 

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนทั่วหล้าต้องหัวเราะเจื่อนๆ พังกำแพงเมืองของผู้อื่น เข่นฆ่าทหารองครักษ์ กระทั่งสังหารศิษย์ของผู้อื่น ยังจะพูดแบบมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำว่า ขอเพียงทำตามข้อเสนอของเขาก็จะหันหลังจากไปทันที ถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

คำพูดที่พูดแบบมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่พูดออกมาได้ และมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถนำเอาเรื่องที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่มาพูดได้อย่างมีเหตุผลได้เต็มปากเต็มคำแล้ว

 หากจะพูดถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นแล้ว  ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ก็ต้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง โลกนี้ยังจะมีใครกล้าพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้กับเทพสงครามมังกรคชาธาร

 เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของจูเซียงหวู่ถิงพวกเรา หวังว่าสหายอย่าได้ก้าวก่ายให้มากเกินไป  เทพสงครามมังกรคชาธารเอ่ยขึ้นช้าๆ

 เวลานี้ไม่ใช่แล้ว  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า  ยังไม่ต้องพูดถึงนังหนูหวู่ได้พึ่งพิงข้าแล้ว อาศัยแค่คนแซ่มู่เป็นศัตรูกับข้า ก็เล่นจบเกมแล้ว มาวันนี้ข้าต้องการเอาชีวิตสุนัขของเขา ใครขวางทางข้า ฆ่าไม่มีละเว้น! 

ผู้คนทั่วหล้านอกจากยิ้มเจื่อนๆ แล้วยังคงเป็นยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคำพูดคำนี้ถูกพูดออกมา ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษมีใครบ้างที่กล้าพูดเช่นนี้กับเทพสงครามมังกรคชาธาร มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นเอง

เทพสงครามมังกรคชาธารไม่ได้แสดงอาการโกรธจัดกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันนิ่งเงียบไปทันที

 ฮ่า ฮ่า ฮ่าเจ้าคนแซ่หลี่ ข้าอยู่ในหวู่ถิงนี้แหละ วันนี้คุณชายอย่างข้าจะแต่งงานกับหวู่ปิงหนิงให้ได้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้  ในเวลานี้เอง มู่เส้าเฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา เขาท้าทายอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่ยั้ง

ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวกับจังหวะที่มู่เส้าเฉินพูดยังไม่ทันขาดคำ ท้องฟ้าแหลกละเอียด ช่องว่างทั้งหมดภายในหวู่ถิงพลันถูกพุ่งชนโจมตีจากพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร คล้ายดั่งช่องว่าทั้งหมดของจูเซียงหวู่ถิง ล้วนแล้วแต่ถูกโจมตีจนแหลกละเอียด พิกัดทั้งหมดล้วนแตกสลายในพริบตาเดียว

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น มองเห็นตำหนักโบราณหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในหวู่ถิงพลันแตกสลายลงทันที หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่ภายในตำหนักโบราณหลังดังกล่าวโดยพลัน

ตำหนักโบราณหลังนี้เดิมทีตั้งอยู่บนก้อนเมฆ ในเวลานี้มู่เส้าเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์ ข้างกายของเขามีผู้เฒ่านั่งอยู่คนหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนี้สวมหมวกขนาดใหญ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้

เมื่อหลี่ชิเย่ทำลายช่องว่างจนแหลกละเอียด ทำลายตำหนักโบราณ พลันปรากฏอยู่ตรงหน้าของมู่เส้าเฉิน ทำเอามู่เส้าเฉินตกใจเป็นอันมากในขณะนี้ จนกระโดดขึ้นมาจากบัลลังก์กษัตริย์

 หลี่ชิเย่  สีหน้าของมู่เส้าเฉินเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อเห็นหลี่ชิเย่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกสิ่งเหมือนแข็งตัวไปจนสิ้นอย่างนั้น เหมือนว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่

มู่เส้าเฉินถูกทำให้ตกใจไม่น้อยเลย เขาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในจูเซียงหวู่ถิง ณ พื้นที่แห่งนี้อาจกล่าวได้ว่าหนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง บุคคลภายนอกคิดจะเข้ามาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ทว่า หลี่ชิเย่ทะลุผ่านช่องว่างทั้งหมด และทำลายแนวป้องกันทั้งหมดของพื้นที่แห่งนี้ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาโดยพลัน ซึ่งเป็นเรื่องที่มู่เส้าเฉินคาดไม่ถึง ช่างแข็งแกร่งมากเหลือเกิน

 รู้หรือไม่? ครั้งก่อนไม่สังหารเจ้าเป็นเพราะไม่รีบร้อนที่จะสังหารเจ้าเท่านั้นเอง?  หลี่ชิเย่มองดูมู่เส้าเฉินยิ้มเฉยเมยว่า  รู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรจึงไม่รีบร้อนฆ่าเจ้า? เป็นเพราะข้าต้องการให้เจ้าไปตายในตระกูลมู่เท่านั้นเอง เวลานี้ข้ามีเวลาพอดี และมีอารมณ์สบายๆ เช่นนั้นแล้วค่อยๆ เผาเจ้าให้ตายทีละน้อยๆ ข้าเชื่อว่าเมื่อคนของตระกูลมู่มองเห็นเจ้าตายอย่างน่าอนาถ ต้องมีความหมายอย่างแน่นอน 

 เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าอย่าได้กำแหงนัก  หลี่ชิเย่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า  คิดจะฆ่าคุณขายอย่างข้า เจ้าฝันไปเถอะ วันนี้เจ้าสามารถมีชีวิตรอดไปจากจูเซียงหวู่ถิงได้ก็นับว่าสวรรค์เมตตาเจ้าแล้ว 

 แค่จูเซียงหวู่ถิงเท่านั้น ข้ามิใช่ไปมาได้อย่างอิสระ  ท่าทีอย่างไรก็ได้ของหลี่ชิเย่ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวว่า  ถ้าหากข้าคิดจะฆ่าใครสักคน ไม่ว่าใครก็ขวางไม่อยู่ มู่หวินปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน เขากล้าขวางทางของข้า ก็ฆ่าไม่มีละเว้นเช่นกัน 

 เจ้า  มู่เส้าเฉินพลันถูกคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาโกรธจนตัวสั่น ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

 ข้ารู้สึกว่าเจ้าสมควรเปิดประตูมิติได้แล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ ความเจ็บปวดแบบนั้นยากจะทานทนนะ  นาทีนี้หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

ยามที่หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าออกมานั้น คนที่เข้าใจในตัวของเขาจะต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งแน่นอน และจะต้องประหวั่นพรั่นพรึ่งจนขนลุกซู่ ในบางครั้งการแสดงความโกรธของหลี่ชิเย่ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด ขณะที่เขายิ้มเต็มใบหน้านั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ยามที่เขายิ้มเต็มใบหน้าล่ะก็ บ่งบอกว่าจะมีคนต้องตายอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้

 ท่าน โปรดหยุดก่อน  จังหวะที่หลี่ชิเย่ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างกายมู่เส้าเฉินพลันก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวขวางทางของหลี่ชิเย่เอาไว้

ผู้เฒ่าผู้นี้สวมหมวกใบใหญ่ปกปิดหน้าตาของตนตลอดเวลา แต่คำพูดของเขาเย็นดั่งน้ำ เสมือนหนึ่งร่างของเขาแข่อยู่ในน้ำเย็นอย่างนั้น ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นเทา

แม้ว่า คนผู้นี้ไม่ได้มีท่าทีที่สะเทือนฟ้า ไม่มีอานุภาพที่สยบผู้คน แต่ว่า ยามที่เขาเปิดปากพูดออกมาทำให้ในใจของผู้คนบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เหมือนหนึ่งเป็นลูกแกะพบเจอกับเสือหิวและบังเกิดความหวาดกลัวลักษณะเช่นนั้น

 เจ้าก็คือระดับอมตะที่อยู่ข้างกายมู่เส้าเฉินคนนั้นน่ะสิ  หลี่ชิเย่มองหน้าผู้เฒ่าที่มาขวางทางผู้นี้แวบหนึ่ง อย่างไรก็ได้ตามอารมณ์ยิ่งนัก

 ถูกต้อง ข้าหวังซื่อฮว๋า  ผู้เฒ่าผู้นี้ยังคงอาศัยหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  เป็นเพียงตาเฒ่าที่ไม่สะดุดตาเท่าไรคนหนึ่งในแดนลัทธิราชันเท่านั้นเอง 

 เป็นความจริงที่ไม่ค่อยสะดุดตานัก  หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า  ต่ำกว่าชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวกเท่านั้น นี่แหละคือคำจำกัดความที่ข้าให้ไว้กับชั้นอมตะของพวกเจ้า ไม่ใช่ชั้นคงความอมตะอะไรนั่นนับว่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึงจริงๆ 

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำนี้ออกมา ทำให้หวังซื่อฮว๋าที่มีหมวกใบใหญ่สวมหัวอยู่เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร ดวงตาคู่นั้นของเขาคล้ายดั่งเป็นดวงตาของอสรพิษที่อยู่ในความมืด เยือกเย็นน่ากลัว ลำพังแค่แววตาก็ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก

 คำพูดนี้พาลจนไม่สามารถเปรียบเปรยได้อีกแล้ว  แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ต้องยิ้มเจื่อนๆ พึมพำขึ้นมาว่า  พูดอีกอย่างก็คือ มีเพียงระดับคงความเป็นอมตะตลอดกาลจึงจะเข้าตาของคนโหดอันดับหนึ่งได้ นี่เป็นระอับอมตะที่เทียบเคียงปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย หรือว่ามีเพียงผู้ดำรงอยู่ในชั้นของปฐมบรรพบุรุษจึงมีสิทธิ์เข้าตาคนโหดอันดับหนึ่งได้ 

 ข้า ข้ารู้ว่าเขาเป็นใครแล้ว  ในเวลานี้เอง มีระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้หนึ่งรู้สึกใจหายใจคว่ำและกล่าวด้วยความตระหนกว่า  ข้า ข้ารู้ว่าหวังซื่อฮว๋าคือใครแล้ว 

 เขา เขาเป็นใคร?  มีผู้เอ่ยถามขึ้นมาทันที  เป็นใครกันแน่? 

 เขาก็คืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง! ในครั้งนั้นชื่อเสียงในแดนลัทธิพรรษของเขาโด่งดังมาก เล่าลือกันว่าในครั้งนั้นเขาเคยทำให้ราชันแท้จริงหนุ่มผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ชื่อเสียงของเขาในเวลานั้นโด่งดังไม่ด้อยไปกว่าเทพสงครามมังกรคชาธารในวันนี้ เพียงแต่ภายหลังเขาได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชัน และหายไปไม่มีข่าวคราวอีกนับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาถึงกับกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลมู่  ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พึมพำออกมา

สายตาของหวังซื่อฮว๋าผู้นี้เพ่งตรงไปข้างหน้าเมื่อถูกผู้อื่นเปิดเผยฐานะ แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ยังคงเป็นหมวกใบใหญ่ที่สวมปิดบังใบหน้า เหมือนว่าไม่ต้องการอาศัยโฉมหน้าที่แท้จริงปรากฎต่อสายตาผู้อื่นอย่างนั้น

แต่ว่า ที่ระดับบรรพบุรุษผู้นั้นพูดมาไม่ผิด หวังซื่อฮว๋าที่อยู่ตรงหน้าก็คืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของแดนลัทธิพรรษ เป็นความจริงสาเหตุที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากเพราะได้เคยทำร้ายราชันแท้จริงหนุ่มของแดนลัทธิพรรษผู้หนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส

เพียงแต่เรื่องราวต่อจากนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนในแดนลัทธิพรรษไม่รู้ ครั้งนั้นหลังจากที่หวังซื่อฮว๋าได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันแล้ว ราชันแท้จริงหนุ่มที่เคยถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสผู้นั้นก็ได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันเช่นกัน

เพียงแต่วันนี้ต่างจากเมื่อวาน ราชันแท้จริงหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งมายยิ่งกว่าในครั้งนั้น จึงไปล้างแค้นหวังซื่อฮว๋าที่แดนลัทธิราชัน และเอาชนะหวังซื่อฮว๋าอย่างเด็ดขาด ไล่สังหารจนหวังซื่อฮว๋าหมดทางหนี

จังหวะที่เขาถูกราชันแท้จริงหนุ่มผู้นั้นไล่ฆ่าจนหมดทางหนีแล้วนั้น ตระกูลมู่ได้ยื่นมือแก้ไขสถานการณ์ให้ ด้วยการรับเอาตัวเขาเข้าไปในตระกูลมู่ ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้พอดี

นับแต่นั้นเป็นต้นมา หวังซื่อฮว๋าได้ขอพึ่งตระกูลมู่อย่างเป็นทางการ กลายเป็นแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งของตระกูลมู่

มาคราวนี้เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง มู่เส้าเฉินถูกลดชั้นลงมายังแดนลัทธิพรรษ หวังซื่อฮว๋าในฐานะมีชาติกำเนิดมาจากแดนลัทธิพรรษ ย่อมมีความคุ้นเคยในแดนลัทธิพรรษมากกว่าคนอื่นๆ ในตระกูลมู่ ยิ่งไปกว่านั้นระดับอมตะที่แข็งแกร่งเช่นเขาก็ยากจะมีผู้ต่อกรในแดนลัทธิพรรษ

ด้วยเหตุนี้เอง หวังซื่อฮว๋าจึงได้กลายเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในการลงมาแดนลัทธิพรรษเพื่อให้การคุ้มครองมู่เส้าเฉิน

กล่าวสำหรับระดับอมตะแล้ว ย่อมไม่เต็มใจที่จะกลับไปที่แดนลัทธิพรรษ จะอย่างไรเสียการกลับมายังแดนลัทธิพรรษส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อชีวิตของเขา แต่ ตระกูลมู่มีบุญคุณต่อเขา ทำให้หวังซื่อฮว๋าจำเป็นต้องกลับมายังแดนลัทธิพรรษเพื่อคอยคุ้มครองให้กับมู่เส้าเฉิน

ด้วยเหตุนี้เอง การที่มีระดับอมตะเช่นนี้คอยคุ้มครองอยู่ข้างกาย จึงทำให้มู่เส้าเฉินกำแหงไม่น้อยเลย

…………………………………………………….

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท