ทุกคนล้วนแล้วแต่ยืนเซ่อขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่ควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง และบรรดาศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงล้วนแล้วแต่ยืนเซ่ออย่างสิ้นเชิง ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ใช่คนแปลกหน้าล่ะก็ พวกเขายังเข้าใจว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขา
ทีข้าบ้างล่ะ หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง เพียงใช้นิ้วจิ้มไปทีหนึ่งตามอารมณ์เท่านั้น
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ยังคงเป็นกระบวนท่า ‘ปลาไนก่อคลื่น’ มองเห็นปลาไนที่ถูกเหยียบหางเอาไว้สะบัดหางทีหนึ่ง พริบตาเดียวกับจังหวะที่มันสะบัดหางนั้น เสมือนหนึ่งทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษถูกมันพลิกตลบขึ้นมาอย่างนั้น เหมือนทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษถูกมันเหวี่ยงขึ้นมาและทุ่มใส่ตัวของคชสารหอมอย่างแรง
อานุภาพเช่นนี้ของกระบวนท่า ‘ปลาไนก่อคลื่น’ นับว่าน่าสยองขวัญมากเหลือเกิน มันไม่ต้องอาศัยคลื่นอีกแล้ว โลกธาตุทั้งโลกก็คือคลื่น อีกทั้งยังเป็นคลื่นที่สูงที่สุด
เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว เวลานี้ไหนเลยที่คชสารหอมจะสยบปลาไนได้ ถูกหางสะบัดจนตัวลอย ขณะที่หางดังกล่าวฟาดใส่ตัวของคชสารหอมนั้น ได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนาดังฮือขึ้นมา คชสารหอมถูกฟาดจนกลายเป็นหมอกเลือด
เสียงคำรามเสียงยาวดังฮือออ…ขึ้นมา เทพสงครามมังกรคชาธารคำรามเสียงยาวคำหนึ่ง ร้องเสียงดังว่า ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’
มังกรครางในน้ำลึก มองเห็นมังกรแท้จริงที่เหินฟ้าขึ้นไป และวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ปิดกั้นเด็ดขาดหมื่นอาณาจักร กั้นขวางทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ต่อให้เป็นการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดก็ยังคงต้านเอาไว้ได้
ในขณะนี้เทพสงครามมังกรคชาธารได้สำแดง ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’ ขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ว่า ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าทรงพลังมากกว่าครั้งก่อนหน้ามากมายเท่าไร กระบวนท่า ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’ นี้เรียกได้ว่าตัดขาดหมื่นชาติเลยทีเดียว แม้ว่าจะอาศัยวิชาที่มีอยู่ทั้งหมดถึงหมื่นชาติก็ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ไม่สามารถตีแตกได้
ต่อให้เป็น ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’ ที่สามารถต้านรับการการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุดในโลก แต่ว่า ในขณะนี้หางปลาไนที่สะบัดเข้าไป ได้ยินเสียงปังดังขึ้น คล้ายดั่งโลกธาตุทั้งโลกถูกหางสะบัดเข้าทีหนึ่งจนแหลกละเอียดไปอย่างนั้น
ในพริบตาเดียวนี้เอง ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษเหมือนตกอยู่ในความมืดอย่างนั้น สถานที่ที่เทพสงครามมังกรคชาธารอยู่นั้นถูกซัดจนกลับไปอยู่ที่จุดกำเนิด ท้องฟ้าที่คราคร่ำด้วยดวงดาวนับล้านล้านพลันหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา ทำให้ทั่วทั้งจักรวาลตกอยู่ในความมืดที่น่ากลัวทันที
หางปลาไนที่สะบัดเข้าไปก็ทำลายจนพังพินาศย่อยยับ และซัดจน ‘มังกรซุ่มน้ำลึก’ จนแหลกละเอียดไปโดยพลัน ร่างของเทพสงครามมังกรคชาธารถูกแรงกระแทกจนปลิวออกไป ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างของเขาเกือบถูกซัดจนกลายเป็นหมอกเลือดไป ยับเยินไปทั่วตัว ไม่รู้จะอธิบายว่าร่างกายของเขาแหลกละเอียดถึงระดับไหนอย่างไรแล้ว
เวลานี้ ทั่วฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบสงัดที่น่ากลัวยิ่งนัก ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่ง ที่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษเกือบกลายเป็นหมอกเลือดไป
ในเวลานี้ทุกคนต่างตระหนักแล้วว่า คนโหดอันดับหนึ่งนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นสูงส่งยากที่จะหยั่งถึงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจนถึงระดับไหนกันแน่
ไม่ง่ายนัก ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา มองเห็นร่างที่แตกละเอียดของเทพสงครามมังกรคชาธารได้สมานหายเป็นปรกติแล้วอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็สูญเสียลมปราณไปไม่น้อย สีหน้าขาวซีด
การโจมตีในลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คิดจะรักษาให้หายกลับเป็นปกติในระยะเวลาอันสั้นนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้
ดี ดี ดี เกมนี้เป็นข้าที่ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารกล่าวทอดถอนใจออกมา โดยคำพูดดังกล่าวไม่ได้เป็นคำพูดที่โมโหด้วยความโกรธจัด เป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ เขารู้แล้วว่าตัวเองไม่สามารถต้านทานกับหลี่ชิเย่ได้เลย
มอบคนออกมาเวลานี้ยังทัน หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย
ในเมื่อข้ารับปากคนอื่นแล้วก็จะไม่คืนคำ ท่าทางของเทพสงครามมังกรคชาธารหนักแน่นจริงจัง คำพูดหนักแน่นมีพลัง กล่าวว่า ต้องการให้ข้ามอบนายน้อยมู่ออกมา เกรงว่าคงต้องข้ามศพข้าไปก่อน
ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มบางๆ และกล่าวว่า การข้ามศพของเจ้าไปไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ต่อให้ข้ามศพปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้าข้าก็ไม่ถือสาเช่นกัน
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารเปลี่ยนไปมากทีเดียว แต่ เวลานี้เขาไม่ได้โกรธ เนื่องจากหลี่ชิเย่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำพูดที่บ้าระห่ำเช่นนี้ได้อยู่แล้ว นี่หาใช่เป็นคำพูดที่อวดดี แต่เขานั้นแข็งแกร่งจนถึงระดับหาผู้ใดเทียบเทียมได้อีกแล้ว
แม้ว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ข้าก็จะสู้จนถึงที่สุด เวลานี้ท่าทางของเทพสงครามมังกรคชาธารหนักแน่นจริงจัง ได้หยิบอาวุธออกมาชิ้นหนึ่ง และกล่าวด้วยท่าทีที่จริงจังว่า ถ้าหากข้าสู้จนตายด้วยน้ำมือของเจ้า ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง อาวุธที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารพลันพวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สิ้นสุดออกมา ประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมีหลากสีสัน ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน ส่องสว่างไปทั่วดินแดนที่ห่างไกล
มันเป็นกระบองยาวอันหนึ่ง กระบองส่งประกายวูบวาบ ลองพิจารณาดูให้ละเอียด กระบองอันนี้เหมือนไม่ใช่เป็นเนื้อเดียวกัน กระบองยาวอันนี้เหมือนหลอมสร้างขึ้นมาโดยอาศัยดวงดาวสิบสองดวง เมื่อดวงดาวทั้งสิบสองดวงได้หลอมสร้างจนสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ดวงดาวทุกดวงจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และกลายเป็นกระบองยาวในที่สุด
เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง กระบองยาวอันนี้ที่ส่งประกายดาววูบวาบ ไม่เพียงมีพลังจากดวงดาวทั้งสิบสองดวง กระทั่งเหมือนว่ามันมีพลังของท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวทั้งแผ่นฟ้า ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ดวงดาวทั้งสิบสองดวงที่เชื่อมต่อโดยสิ้นเชิงเหมือนกลับกลายเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งดวงหนึ่ง มันเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่สามารถสยบทุกสิ่งทุกอย่างได้ มีพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า น่ากลัวยิ่งนัก
กระบองหวู่เต้า… ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เพ่งตรงไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ เมื่อมองเห็นกระบองยาวอันนี้ที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธาร
เทพสงครามมังกรคชาธารเองก็รู้สึกเหนือความคาดคิด รู้สึกตกใจระคนกับความแปลกใจเมื่อเห็นหลี่ชิเย่พูดชื่อไม้กระบองที่อยู่ในมือของตนได้ถูกต้อง และกล่าวว่า ท่านก็รู้จักกระบองหวู่เต้า!
ใช่เพียงแค่รู้จัก หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเยาะทีหนึ่ง มองดูกระบองหวู่เต้าที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธาร เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เป็นเจ้าคนแซ่มู่นั่นช่วยตามหาจนพบและนำมันออกมาน่ะสิ
ถูกต้อง เทพสงครามมังกรคชาธารพยักหน้าหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า นายน้อยมู่ช่วยให้จูเซียงหวู่ถิงพวกเราค้นหากระบองหวู่เต้าจนพบ จูเซียงหวู่ถิงพวกเราก็เคยรับปากกับเขา
พวกไร้สมอง! หลี่ชิเย่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า ถ้าหากหวู่จู่ของพวกเจ้ารับรู้ได้ล่ะก็ ต้องจัดการเหยียบพวกเจ้าที่เป็นลูกหลายอกตัญญูจนตายทั้งหมด โง่เขลาจนสุดจะเยียวยา ไม่มีอะไรโง่เขลามากไปกว่านี้อีกแล้ว! โลภมากไม่มีสิ้นสุด!
เจ้า… สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารพลันเปลี่ยนไปเมื่อถูกหลี่ชิเย่กล่าวตำหนิเช่นนี้
ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เมื่อได้ยินชื่อของกระบองหวู่เต้า เมื่อมองดูกระบองยาวที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารแล้วทุกคนต่างรับรู้ได้ว่ากระบองยาวอันนี้น่ากลัวอละทรงพลังอย่างยิ่ง
แต่ทว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าอาวุธที่ชื่อกระบองหวู่เต้านี้มีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่
ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว มีระดับบรรพบุรุษที่มีความรู้กว้างขวางร้องเสียงดังขึ้นมา และกล่าวว่า กระบองหวู่เต้าอันนี้หวู่จู่เป็นผู้สร้างขึ้น ตามตำนานเล่าว่าหลังจากก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงแล้ว เคยทำการสร้างอาวุธอยู่ชิ้นหนึ่งแบบหามรุ่งหามค่ำ เล่าลือกันว่า วันที่อาวุธชิ้นนั้นสร้างจนสำเร็จ ฟ้าดินได้บังเกิดเหตุการณ์ประหลาด หมื่นอาณาจักรสะเทือนหวั่นไหว…
…แต่ว่า ภายหลังไม่เคยมีผู้ใดได้เคยเห็นอาวุธชิ้นนั้นอีกเลย แม้ว่าอาวุธชิ้นนั้นหวู่จู่ได้ทุ่มเทกำลังกายใจนับไม่ถ้วนสร้างมันขึ้นมา แต่ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นหวู่จู่ใช้อาวุธชิ้นนั้นมาก่อนเลย มีข่าวที่น้อยคนจะได้รับรู้เล่าว่า เทพสงครามได้ตั้งชื่อให้อาวุธชิ้นนั้นว่า ‘กระบองหวู่เต้า’ แต่ เขาไม่เคยนำมาอวดต่อชาวโลกเลย
ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินคำบอกเล่าเช่นนี้ ในเมื่อหวู่จู่สร้างกระบองหวู่เต้าอันนี้ขึ้นมา แล้วทำไมจึงไม่เคยนำออกมาใช้เล่า มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่นะ?
แน่นอน ทุกคนต่างเชื่อว่า อาวุธที่หวู่จู่ได้ทุ่มเทกำลังกายใจสร้างมันขึ้นมา อีกทั้งวันที่อาวุธถูกสร้างจนสำเร็จยังมีเหตุการณ์ประหลาดที่น่ากลัว อาวุธลักษณะเช่นนี้ต้องเป็นที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างแน่นอน ต้องมีอานุภาพยากที่ผู้ใดจะเทียบเทียม และมีพลังที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกร
แต่ว่า เพราะอะไรหวู่จู่จึงไม่เคยใช้อาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้มาก่อน? ในขณะนี้ ภายในใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความฉงน
ระดับบรรพบุรุษผู้นี้มองดูกระบองหวู่เต้าอันนี้ที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารก็เอ่ยทอดถอนใจขึ้นมาว่า ครั้งนั้นเมื่อได้อ่านข่าวที่น้อยคนจะได้รู้แล้วนั้น ข้ายังเข้าใจว่าเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาของชนรุ่นหลัง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หวู่จู่ได้สร้างอาวุธเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ และมาวันนี้ จูเซียงหวู่ถิงก็ได้ค้นหามันพบจนได้
เทพสงครามมังกรคชาธารไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขามเท่านั้น
ความจริงแล้ว เกี่ยวกับกระบองหวู่เต้ามีอยู่ในบันทึกของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขาตลอดมา กระทั่งได้บันทึกเอาไว้ว่า กระบองหวู่เต้าอันนี้หวู่จู่ได้เก็บเอาไว้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงมาโดยตลอด แต่ว่าไม่เคยมีผู้ใดค้นพบกระบองหวู่เต้าอันนี้
อีกทั้ง ระดับบรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงแต่ละรุ่นที่ผ่านมาต่างลงความเห็นว่า กระบองหวู่เต้าอันนี้มีอานุภาพที่ไม่ธรรมดา หาใช่อาวุธทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ ด้วยเหตุนี้เอง ระดับบรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่เคยตามหากระบองหวู่เต้าอันนี้มาก่อน
แต่ว่า กลับไม่เคยมีใครสามารถค้นพบกระบองหวู่เต้าอันนี้มาได้ แต่ มาคราวนี้มู่เส้าเฉินกลับช่วยจูเซียงหวู่ถิงค้นหากระบองหวู่เต้าอันนี้จนพบ และด้วยเหตุนี้ ทางจูเซียงหวู่ถิงจึงรับปากกับมู่เส้าเฉิน
ด้วยเหตุที่ติดค้างหนี้บุญคุณมู่เส้าเฉินใหญ่หลวง ทำให้เทพสงครามมังกรคชาธารให้การสนับสนุนมู่เส้าเฉินอย่างเต็มที่
ดี เวลานี้พวกเรามาตัดสินชี้ขาด กระบองหวู่เต้าในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารชี้ไปที่หลี่ชิเย่ และร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ส่ายหน้าและกล่าวว่า พวกไร้สมอง วันนี้ต่อให้ไม่มีการตัดสินชี้ขาด จูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าก็จบเกมแล้ว พวกเจ้าชักศึกเข้าบ้านยังไม่รู้ตัว จูเซียงหวู่ถิงพวกเจ้าจบสิ้นแล้วล่ะ!
ท่าน อย่าได้ปล่อยข่าวลือเขย่าขวัญผู้คน พูดให้มันชัดเจน ดวงตาทั้งสองของเทพสงครามมังกรคชาธารถึงกับเพ่งไปข้างหน้า ท่าทางหนักแน่นจริงจัง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเขารู้สึกได้ว่าเรื่องราวชักไม่สู้ดีขึ้นมากะทันหัน แต่ รายละเอียดว่าไม่ดีอย่างไรนั้น เขาเองก็บอกไม่ถูก
หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ไม่ต้องแล้ว เจ้าจะได้เห็นแน่ เร็วๆ นี้ ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองของเขาพลันเพ่งตรงไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป
ตูม ตูม ตูม…ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งจูเซียงหวู่ถิงเกิดการสั่นไหวโครงเครงขึ้นมา อีกทั้งยังรุนแรงมากขึ้นๆ เหมือนว่าจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดกำลังจะพังทลายลงอย่างนั้น
เกิดเรื่องอะไรขึ้น…ในเวลานี้เอง จากการที่เกิดการโครงเครงสั่นไหวไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องล้มอยู่บนพื้น พื้นที่ต่างๆ ล้วนแล้วแต่แตกละเอียดไปโดยพลัน ทำเอาศิษย์และยอดฝีมือจูเซียงหวู่ถิงจำนวนนับไม่ถ้วนตกใจยิ่งนัก
……………………………………