มู่เส้าเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง หัวเราะเยาะทีหนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้ากำแหงอย่างไรก็ไม่พ้นวันนี้ เจ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้แล้วอย่างไร วันนี้ก็ยากจะหนีความตายไปได้พ้น เจ้าสังหารใจมารหวู่จู่ไม่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับจูเซียงหวู่ถิง…”
“…อีกทั้งมันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากที่มันกลืนกินจูเซียงหวู่ถิงไปทั้งหมดแล้ว วันตายของเจ้าก็จะมาถึง ข้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรอวินาทีที่เจ้าร้องวิงวอนขอให้ละเว้นเจ้า นาทีนั้นจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาหัวเราะเสียงดังไม่หยุด ดูลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะส่ายหน้า และกล่าวว่า “แค่กบในกะลาเท่านั้นเอง แค่ใจมารหวู่จู่เท่านั้นก็ทำให้เจ้าลำพองใจได้ถึงเพียงนี้ ในสายตาของข้า อย่าว่าแต่ใจมารหวู่จู่เลย แม้แต่หวู่จู่มาด้วยตนเองก็ไม่แตกต่างอะไรมากนัก”
“วาจาสามหาวนัก เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย เกรงว่าเจ้ายังไม่รู้ว่าระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งมันน่ากลัวขนาดไหนกระมัง…” สีหน้าของมู่เส้าเฉินดูไม่เป็นมิตร กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวตัดบทคำพูดของเขา ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “แค่ปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นเอง ใช่ว่าจะเป็นเซียนแท้จริง เซียนแท้จริงยังพูดได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล ปฐมบรรพบุรุษอย่าไปเอ่ยถึงเลย”
“เจ้า…” มู่เส้าเฉินพลันพูดไม่ออกไปครึ่งค่อนวัน เนื่องจากเขาไม่เคยพบเห็นคนที่วาจาสามหาวและอวดดีมากไปกว่าหลี่ชิเย่อีกแล้ว ในโลกนี้ยังจะมีใครกล้าดูถูกปฐมบรรพบุรุษอีก? แต่ขณะที่หลี่ชิเย่พูดออกมานั้นกลับเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
“ท่านผู้อาวุโส ท่านได้โปรดช่วยจูเซียงหวู่ถิงพวกเราด้วย” เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารก็ออกปากวิงวอนแล้ว และกล่าวว่า “จูเซียงหวู่ถิงพวกเรายินดีทุ่มเทกำลังทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงของท่านผู้อาวุโส”
ในขณะที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ต่อให้เทพสงครามมังกรคชาธารที่หยิ่งยโสนาทีนี้ก็ได้แต่ก้มหัวขอความช่วยเหลือต่อหลี่ชิเย่ เนื่องจากเขาไม่มีกำลังที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว นาทีนี้เว้นแต่หลี่ชิเย่แล้วเขายังนึกไม่ออกว่ายังจะมีใครเอาชนะใจมารหวู่จู่ได้อีก และช่วยจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาท่ามกลางความเป็นความตายนี้ได้
นาทีนี้ กล่าวสำหรับเทพสงครามมังกรคชาธารแล้วขอเพียงสามารถรักษาจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้ได้ ผลประโยชน์ส่วนตัว และเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเองนับเป็นอะไรได้
ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจมองไปที่หลี่ชิเย่ เมื่อเห็นเทพสงครามมังกรคชาธารร้องขอความช่วยเหลือจากคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกคนไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อมองเห็นเทพสงครามมังกรคชาธารขอความช่วยเหลือจากคนโหดอันดับหนึ่ง จะอย่างไรเสียเวลานี้ยังจะมีใครสามารถเอาชนะใจมารหวู่จู่ที่อยู่ตรงหน้าได้ มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น
ความเป็นเทพสงครามมังกรคชาธาร เมื่อก้าวมาถึงตรงนี้แล้ว การจะร้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูของตนก็ไม่ได้มีอะไรต้องตกใจระคนกับความแปลกใจอยู่แล้ว
“แต่ว่า มีข้อหนึ่งที่เจ้าหนูตระกูลมู่พูดถูก” สำหรับการขอความช่วยเหลือของเทพสงครามมังกรคชาธาร หลี่ชิเย่เพียงยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “จะฆ่าใจมารหวู่จู่ให้ตายใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เวลานี้ตัวเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงไปแล้ว การฆ่าเขาให้ตายเป็นการบ่งบอกว่าจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าจะได้พบกับความเสื่อมถอยในไม่ช้านี้”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ในใจของเทพสงครามมังกรคชาธารถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออก เขาย่อมรู้ว่าการที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่งเสื่อมถอยบ่งบอกถึงสิ่งใด
มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากเมื่อเสื่อมถอยลง เป็นไปได้ที่ไม่มีโอกาสได้พลิกกลับอีกเลย เสื่อมโทรมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิล่มสลายมาถึงในวันนั้น จากนี้เป็นต้นไป บนโลกนี้จะไม่มีจูเซียงหวู่ถิงอีกต่อไป
“เสื่อมถอยย่อมดีกว่าล่มสลาย” เทพสงครามมังกรคชาธารกัดฟัน และกล่าวว่า “ขอวิงวอนให้ท่านผู้อาวุโสลงมือด้วยความจริงใจ”
เวลานี้เพื่อรักษาจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้ เรียกได้ว่าเทพสงครามมังกรคชาธารสามารถทุ่มทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงเรื่องค่าตอบแทน ต่อให้ต้องคุกเข่าและโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ เขาก็ยินดีจะทำ
“แต่ว่า ใช่จะไม่มีวิธี” สำหรับการวิงวอนของเทพสงครามมังกรคชาธารนั้น หลี่ชิเย่เพียงกล่าวเฉยเมยว่า “มาจากที่ใด ให้กลับไปที่นั่น เจ้าคิดจะให้เขากลับคืนสู่จูเซียงหวู่ถิงพวกเจ้า กล่าวสำหรับข้าแล้วก็ใช่เป็นเรื่องที่ยากเย็นมากนัก เพียงแต่ยังขาดตัวล่อ จำเป็นต้องอาศัยตัวล่อนำเขากลับไปยังผืนแผ่นดินผืนนี้ หลอมรวมเข้าไปกับแผ่นดินผืนนี้”
เทพสงครามมังกรคชาธารมองดูผืนแผ่นดินที่แห้งผากจำนวนนับล้านลี้ที่อยู่ตรงหน้า มีแต่ความเงียบสงัดไปทั่ว และเศร้ารันทดแล้ว รู้สึกปวดจี๊ดในใจ กัดฟันและกล่าวว่า “ข้ายินดีเป็นตัวล่อ ขอวิงวอนให้ท่านผู้อาวุโสด้วยความจริงใจ ได้ฌปรดลงมือด้วยเถอะ” กล่าวพลางเทพสงครามมังกรคชาธารได้คุกเข่าลงด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
เพื่อจูเซียงหวู่ถิงแล้วเขายินดีเสียสละตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นภัยพิบัติในครั้งนี้เขาเป็นต้นเหตุ สมควรให้เขาเป็นผู้ทำให้มันจบลง เขาคือคนบาปของจูเซียงหวู่ถิง ขอเพียงจูเซียงหวู่ถิงสามารถรอดไปได้ ชีวิตของเขานับเป็นอะไรได้
“ส่งกระบองหวู่เต้ามา” หลี่ชิเย่ยื่นมือออกไปและกล่าวขึ้นช้าๆ
เทพสงครามมังกรคชาธารโยนกระบองหวู่เต้าในมือไปให้หลี่ชิเย่โดยไม่ลังเลเลย หลังจากหลี่ชิเย่ได้รับกระบองหวู่เต้มาแล้วสะบัดเบาๆ ทีหนึ่ง
“กระบองหวู่เต้านี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสยบ ใช่จะเพียงเพราะมีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสิบสองกระบวนท่าเท่านั้นเองเล่า” มือของหลี่ชิเย่กำกระบองหวู่เต้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ
ขณะที่หลี่ชิเย่กำกระบองหวู่เต้าในมือนั้น ใจมารหวู่จู่ได้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนหน้านั้น ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารก็กำกระบองหวู่เต้าเอาไว้เช่นกัน แต่ว่า ใจมารหวู่จู่กลับไม่ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว กระทั่งสามารถใช้แขนไปต้านกับการโจมตีด้วยกระบองหวู่เต้า
เนื่องจากเทพสงครามมังกรคชาธารไม่รู้ถึงความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมของกระบองหวู่เต้า ยิ่งไปกว่านั้น เทพสงครามมังกรคชาธารก็ไม่สามารถสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของมัน แต่ทว่า ขณะกระบองหวู่เต้าอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ทุกอย่างกลับกลายเป็นไม่เหมือนเดิมแล้ว ใจมารหวู่จู่รับรู้ได้ถึงการสังหารที่น่ากลัวขึ้นทันที ปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวเหมือนว่าแทงทะลุหัวใจของเขาโดยพลันอย่างนั้น
สมควรทราบว่า การหลอมสร้างกระบองหวู่เต้าในครั้งนั้นก็เพื่อต้องการควบคุมและสยบใจมารหวู่จู่ แน่นอน มีเพียงผู้ที่สามารถสำแดงอานุภาพของมันได้อย่างแท้จริงเท่านั้น จึงสามารถสยบและควบคุมใจมารหวู่จู่ได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ ผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงระดับเทพสงครามมังกรคชาธารแม้ว่าจะมีกระบองหวู่เต้าในมือ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้
ในมือของหลี่ชิเย่กำกระบองหวู่เต้าเอาไว้ด้วยท่าทางที่ตามอารมณ์ยิ่งนัก ชี้ไปที่ใจมารหวู่จู่ ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เจ้าจะยอมสยบแต่โดยดีหรือจะให้ข้าลงมือด้วยตนเองกันเล่า?”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน คนโหดอันดับหนึ่งนับว่าพาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่จริงๆ ถึงกับบอกให้ใจมารหวู่จู่ยอมสยบแต่โดยดี ช่างเป็นความพาลเช่นใดจริงๆ
โฮ่วววนาทีนี้ ใจมารหวู่จู่คำรามเสียงดังขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาเดียวความมืดมนของเขาวูบวาบขึ้นมา และร่างกายของเขาสูงขึ้น ความมืดมนที่ไม่มีสิ้นสุดได้รวมตัวอยู่บนตัวของเขา ทำให้ตัวเขากลับกลายเป็นสูงใหญ่อย่างยิ่ง
นาทีนี้ใจมารหวู่จู่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คล้ายเป็นมนุษย์ยักษ์ตนหนึ่งอย่างนั้น สามารถก้มมองฟ้าดิน เหมือนว่าเพียงพลิกฝ่ามือก็เพียงพอที่จะทำให้จูเซียงหวู่ถิงถูกทำลายย่อยยับ
“การดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์เท่านั้น เจ้าไม่ได้ทรงพลังเหมือนครั้งนั้น หรือต่อให้แข็งแกร่งดั่งครั้งนั้นเมื่อเจอะเจอกับข้าก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นใจมารหวู่จู่ที่ได้รวบรวมความมืดมนไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ยืนอยู่บนท้องฟ้านั่นเหมือนเช่นมนุษย์ยักษ์ตนหนึ่ง หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะทีหนึ่งส่ายหน้าเบาๆ เป็นท่าทีที่อย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง
แม้ว่าหลี่ชิเย่เผชิญหน้ากับใจมารหวู่จู่ยังคงมีท่าทีที่ตามอารมณ์อย่างยิ่ง เหมือนว่ากำลังเผชิญหน้ากับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น ทำให้ทุกคนตาค้างและพูดไม่ออก
“คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง” ทุกคนต่างมีคำๆ เดียวคือ ‘ยอม’ เท่านั้น เมื่อมองเห็นท่าทีที่ตามอารมณ์เช่นนี้ สามารถทำถึงขนาดนี้ได้ ทอดสายตาไปทั่วหล้าคงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น
โฮ่วววใจมารหวู่จู่ในเวลานี้คำรามเสียงดังขึ้นมา อ้าปากขนาดใหญ่ของมันและดูดไปที่จูเซียงหวู่ถิง ที่เข้าอ้าปากและดูดก็เพื่อต้องการกลืนกินจูเซียงหวู่ถิง
“ระวัง เขาต้องการกลืนกินฟ้าดินแล้ว” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้ และรู้สึกหวาดผวา
ระวัง…สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน เมื่อครู่พลันที่ใจมารหวู่จู่อ้าปากก็ได้กลืนกินผืนแผ่นดินนับล้านลี้ เวลานี้เขามีความแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่ไม่รู้เท่าไร ดีไม่ดีพลันที่ปล่อยให้เขาอ้าปากก็สามารถกลืนกินผืนแผ่นดินได้สิบล้านลี้ทีเดียว หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เพียงไม่กี่คำเท่านั้นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดก็คงถูกเขากลืนกินจนสิ้น
“เสียดายเจ้าเจอะเจอกับข้า” จังหวะที่ใจมารหวู่จู่อ้าปากจะกลืนกินนั้น หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มือขนาดใหญ่กางออก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ ในพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่คล้ายทำลายระเบียบทุกอย่างบนโลกอย่างนั้น
เสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่เหมือนมีต้นกำเนิดมาจากดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ก่อนฟ้าดินจะแยกเป็นสอง มือขนาดใหญ่ของเขาก็ได้อยู่ที่นั่นมาแล้ว
มือขนาดใหญ่พลันก้าวข้ามมิติมาถึง ฉับพลันที่มือใหญ่กางออกความขมุกขมัวไม่มีสิ้นสุดถูกเทราดลงมา ความขมุกขมัวได้วิวัฒนาการสุดยอดกฎเกณฑ์สูงสุด กฎเกณฑ์ตัดสลับกัน กลายเป็นบทคัมภีร์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน สุดยอดสัจธรรมสูงสุดหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง บทคัมภีร์ที่สูงสุดนับแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ประทับสลักลงบนผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิง ประทับสลักลงบนผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล ช่างสุกใสเป็นประกาย ช่างละลานตายิ่งนัก
ในพริบตาเดียวนั่นเอง เมื่อบทคัมภีร์ได้ประทับสลักลงตรงนั้นแล้ว ทำให้ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงเหมือนถูกตรึงเอาไว้อย่างนั้นไม่สามารถขยับได้
ฟิววว ฟิววว ฟิวววเสียงลมพายุที่พัดมาอย่างแรง พัดผ่านพื้นที่แห่งนี้ไป เสมือนต้องการพัดกระหน่ำจนภูเขาขาดเป็นสองท่อนอย่างนั้น
แต่ว่า พริบตาเดียวนั่นเอง สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้ว สุดแต่ใจมารหวู่จู่จะกลืนกินอย่างไร สุดแต่ใจมารหวู่จู่จะดูดอย่างไรก็ตาม แต่ว่า ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดก็ไม่ขยับ
ก่อนหน้านั้น ขอเพียงใจมารหวู่จู่อ้าปากดูดเข้าไป พลังแก่นฟ้าดิน สรรพชีวิตก็ต้องถูกดูดจนแห้ง ถูกกลืนกินไปโดยพลัน เนื่องจากเขากับจูเซียงหวู่ถิงมีต้นกำเนิดเดียวกันแต่เดิมอยู่แล้ว ขณะที่เขาต้องการกลืนกินจูเซียงหวู่ถิงจึงไม่มีสิ่งใดสามารถพันธนาการพลังแก่นฟ้าดินและชีวิตบนพื้นที่แห่งนี้ได้อยู่แล้ว
แต่ว่า เวลานี้ทั่วทั้งจูเซียงหวู่ถิงกลับไม่ขยับเขยื้อน ไม่ได้รับผลกระทบจากการกลืนกินของใจมารหวู่จู่
แม้จะกล่าวว่า ใจมารหวู่จู่กับจูเซียงหวู่ถิงมีแหล่งกำเนิดเดียวกัน แต่ว่า พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็คือบทคัมภีร์ของ ‘กระบี่สิ้นสุด’ ซึ่งก็คือสุดยอดบทคัมภีร์ของ ‘ตำราสวรรค์’ ในอดีต นี่แหละจึงเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของหวู่จู่ มันมีความเก่าแก่ยิ่งกว่า โบราณยิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสัจธรรมของหวู่จู่ เปรียบกับต้นกำเนิดสัจธรรมของจูเซียงหวู่ถิง เปรียบกับใจมารหวู่จู่ มันจึงเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริง มันจึงเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่อบทคัมภีร์ของตำราสวรรค์สยบและพันธนาการจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้โดยตรง เป็นไปได้อย่างไรที่ใจมารหวู่จู่จะดูดเอาพลังแก่นฟ้าดินไปจากที่ตรงนี้ไปได้เล่า?
“นี่ นี่ นี่ นี่มันไม่น่าเป็นไปได้กระมัง” ทุกคนต่างอ้าปากตาค้างเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ทุกคนอ้าปากกว้างมาก และยากจะเชื่อในทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ก่อนหน้านั้น พลันที่ใจมารหวู่จู่อ้าปากก็คือพื้นดินแห้งผากนับล้านลี้ แต่ว่า เวลานี้กลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องสะเทือนหวั่นไหวได้อย่างไรเล่า
………………………………………..