แค่อ้าปากพลันกลืนกินผืนแผ่นดินนับแสนลี้ ทุกชีวิต และพลังทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่แสนลี้นั่นถูกดูดจนแห้ง ผืนแผ่นดินนับแสนลี้พลันกลายเป็นพื้นดินแห้งผาก
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้วล้วนแล้วแต่หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ที่ทำให้ผู้ตนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงมากไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ได้กลืนกินผืนแผ่นดินเป็นแสนลี้ไปแล้วนั้น ใจมารของหวู่จู่ดูแกร่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดิมแขนข้างที่ถูกเทพสงครามมังกรคชาธารฟาดจนแหลกละเอียดไปพลันกลับคืนสู่ปรกติ เหมือนว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนแม้แต่น้อย
ขณะที่ตราประทับสลักที่อยู่บนหน้าอกของเขานั้น ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ตราประทับสลักนี้ไม่สามารถสลักอยู่บนตัวของเขาได้อีกต่อไป ถูกทำให้กระเด็นไปอยู่บนพื้น
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ใจมารของหวู่จู่หลังจากกลืนกินผืนแผ่นดินนับแสนลี้ไปแล้วนั้น พลังของเขาได้เพิ่มสูงขึ้นมากมาย
เฉกเช่นที่มู่เส้าเฉินได้กล่าวเอาไว้อย่างนั้น ขอเพียงใจมารของหวู่จู่กลืนกินได้ยิ่งมากเท่าไร เขาก็จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น กระทั่งอาจเทียบเคียงได้กับหวู่จู่ในครั้งกระนั้น
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงนั้น หลอมสร้างขึ้นด้วยมือของหวู่จู่เอง ขณะที่เขาก็คือส่วนหนึ่งของหวู่จู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ กล่าวสำหรับเขาแล้วจูเซียงหวู่ถิงคือสิ่งบำรุงชั้นเลิศ ยิ่งกลืนกินไปได้มากเท่าไรก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น” ระดับบรรพบุรุษพึมพำขึ้นมาว่า “เมื่อไรที่ปล่อยให้เขากลืนกินจูเซียงหวู่ถิงจนสิ้น ยังจะมีใครสามารถต่อกรกับเขาได้รึ?” ถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่งเมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอื่นๆ ก็ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเช่นกัน ถ้าหากมีมารร้ายที่เทียบเคียงกับหวู่จู่ได้ล่ะก็ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด เกรงว่าเขาคงสามารถเกรียงไกรไปทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษได้อย่างง่ายดาย หากไม่มีระดับปฐมบรรพบุรุษปรากฎล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครขวางเขาได้อีกแล้ว ไม่แน่นักอาจจะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากต้องถูกเขาทำลายไป
หากถึงขั้นนั้นจริงๆ การที่มู่เส้าเฉินจะยึดครองแดนลัทธิพรรษนับว่าสามารถทำได้ง่ายดายจริงๆ
เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา เมื่อกระบองที่สองฟาดเข้ามาถึง ในพริบตาเดียวนี้เอง เทพสงครามมังกรคชาธารได้ลงมืออีกครั้ง หนึ่งกระบองที่แหวกอากาศ พลังและกำลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมอยุ่ในหนึ่งกระบองนี้ พริบตาเดียวนี้เอง กระบองหวู่จู่อันนี้ดูเจิดจรัสยิ่งนัก ร้อนแผดเผาดั่งดวงตะวันที่ฟาดเข้ามาอย่างแรง
เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารควบคุมพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง ขณะที่กระบองหวู่จู่ก็มีความฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้เทียบเทียม เมื่อหนึ่งกระบองลักษณะเช่นนี้ฟาดลงมา ทรงอานุภาพจนยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม
เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว สั่นคลอนหมื่นแดน มองเห็นใจมารของหวู่จู่เวลานี้ยังคงอาศัยแขนข้างหนึ่งต้านรับกับกระบองนี้ ได้ยินเสียงดังคร๊ากกกขึ้นมาเสียงหนึ่ง แม้ว่ามีเสียงของกระดูกที่แตกละเอียด แต่ว่า แขนของเขายังคงอยู่ เพียงแต่ถูกฟาดจนบุ๋มลึกลงไปเท่านั้น ไม่สามารถฟาดจนแขนของเขาแตกละเอียดไป
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า นาทีนี้ใจมารของหวู่จู่ไม่รู้ว่าได้แกร่งมากขึ้นกว่าเดิมไปเท่าไร อาศัยแขนรับมือกับกระบองนี้ของเทพสงครามมังกรคชาธารแล้ว แขนถึงกับไม่ได้ถูกฟาดจนละเอียด
สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อเห็นใจมารของหวู่จู่สามารถอาศัยแขนต้านกับกระบองของตนได้ ขืนยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าใจมารของหวู่จู่จะต้องปราศจากผู้ต่อกรแล้วจริงๆ
ตูมเสียงดังสนั่นขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างกายของเทพสงครามมังกรคชาธารเปล่งประกายเจิดจ้าทั้งตัว ปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นมา เสมือนดั่งลำแสงมหาประลัยที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน กระบองหวู่จู่ที่อยู่ในมือของเขาก็พวยพุ่งแสงที่เจิดจ้าและร้อนแผดเผายิ่งกว่าเดิมออกมา
ในเวลานี้ เทพสงครามมังกรคชาธารก็คล้ายดั่งดวงตะวันที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารดวงหนึ่ง ส่องสว่างฟ้าดินจนผู้คนยากจะลืมตาขึ้นมาได้
เปรียะเสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง สายฟ้าวิ่งพล่าน ในเวลานี้กระบองหวู่จู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารได้พุ่งโจมตีออกไป
‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ จากการที่เทพสงครามมังกรคชาธารคำรามเสียงดังออกมา หนึ่งกระบองในมือได้โจมตีด้วย ‘ซวนหนีไฟฟ้าลงเขา’ ที่เป็นหนึ่งในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่!
เดิมทีกระบองหวู่จู่ก็ได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของ ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ เอาไว้อยู่แล้ว เมื่อเทพสงครามมังกรคชาธารโจมตีด้วยกระบอกนี้ออกไป ทันใดนั้น มองเห็นสายฟ้าดั่งน้ำหลากที่เทลงมาข้างล่างอย่างนั้น ไฟฟ้าที่น่ากลัวพลันท่วมโลกธาตุจนจมมิด
ขณะที่ไฟฟ้าที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงคำรามเสียงยาวที่แหลมคมยิ่งเสียงหนึ่ง มองเห็นซวนหนียักษ์ตัวหนึ่งที่วิ่งห้อออกมา เหยียบท้องฟ้าจนแหลกละเอียด กรงเล็บที่แหลมคมพลันฉีกทุกอย่างจนขาด ฉีกทุกอย่างจนกระจุย
เปรียะ เปรียะ เปรียะจากการที่ไฟฟ้าที่น่ากลัวพุ่งโจมตีเข้าใส่ตัวใจมารของหวู่จู่ พลันปรากฎเสียงไฟฟ้าดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันได้ยินเสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว ซวนหนีไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่โตพลันเข้าฉีกร่างของใจมารหวู่จู่
พริบตาเดียวนั่นเอง เลือดสดๆ สาดกระจาย มองเห็นร่างกายใจมารหวู่จู่ถูกกระแสไฟฟ้าสปาร์คและกัดเซาะ และจาการฉีกร่างของซวนหนีไฟฟ้า พลันทำให้ร่างกายทะลุ และฝากรอยเล็บที่น่าสยดสยองบนหน้าอก เหมือนหนึ่งหน้าอกถูกฉีกจนแยกออกมาอย่างนั้น
โฮ่วววในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ใจมารหวู่จู่ก็โกรธจนถึงขีดสุดเช่นกัน ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ อ้าปากทำการกลืนกิน ได้ยินเสียงดังตูมเสียงหนึ่ง พื้นที่สามแสนลี้ถูกันกลืนกินเข้าไป ทำให้พื้นที่สามแสนลี้กลับกลายเป็นพื้นดินแห้งผากไปในทันที
ไม่รู้ว่ากี่ชีวิตที่หายวับไปกับตาในชั่วพริบตาทันที ทำให้ผู้คนทั้งหมดต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่มองเห็น
เสียงตูมดังสนั่น เวลานี้มือขนาดใหญ่ของใจมารหวู่จู่กางออก ทุกสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ปรากฏช้างขนาดยักษ์เชือกหนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามา
คชสารหอมข้ามแม่น้ำ พลันที่ใจมารหวู่จู่ลงมือก็คือหนึ่งในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ สมควรทราบว่า เขาก็คือใจมารของหวู่จู่ เคยเป็นส่วนหนึ่งของหวู่จู่มาก่อน การที่เขาสามารถสำแดง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย
อีกทั้ง ‘คชสารหอมข้ามแม่น้ำ’ ที่สำแดงโดยใจมารหวู่จู่นั้น ยิ่งมีจังหวะจะโคนของสัจธรรมที่เก่าแก่โบราณและเรียบง่ายมากกว่า เหมือนว่าจะดูบริสุทธิ์ มีความแม่นยำ และมีจังหวะจะโคนยิ่งกว่า ‘คชสารหอมข้ามแม่น้ำ’ ที่สำแดงโดยเทพสงครามมังกรคชาธารเสียอีก
ปังเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ภายใต้หนึ่งกระบวนท่า ‘คชสารหอมข้ามแม่น้ำ’ ช้างยักษ์ได้เตะซวนหนีไฟฟ้าจนกระเด็น และยกเท้าข้างนั้นเหยียบไปที่เทพสงครามมังกรคชาธาร
ฮือออเสียงร้องคำรามดังขึ้นเสียงหนึ่ง กระบองหวู่เต้าที่อยู่ในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารพุ่งออกไป และร้องคำรามเสียงดังว่า ‘มังกรซ่อนน้ำลึก! ’
ภายใต้เสียงคำรามเสียงนี้ มังกรแท้จริงทะยานขึ้นไปและวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ตัดขาดทุกทิศทุกทาง ขวางเท้าของคชสารหอมที่เหยียบลงมา
เสียงปังดังสนั่นกึกก้อง สุริยันจันทราและดวงดาวร่วงหล่น ท้าวข้างหนึ่งได้เหยียบลงบนโล่ยักษ์ที่เกิดจากการขดตัวของมังกรแท้จริง เกิดการสั่นไหวโคลงเคลงของท้องฟ้าที่คราคร่ำด้วยดวงดาว เทพสงครามมังกรคชาธารก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขาก็สามารถต้านกระบวนท่า ‘คชสารหอมข้ามแม่น้ำ’ ของใจมารหวู่จู่เอาไว้ได้ในที่สุด
โฮ่วววเวลานี้ใจมารของหวู่จู่ได้โกรธจัดขึ้นมาแล้ว อ้าปากขึ้นกลืนกินอีกครั้ง กลืนกินพลังแก่นฟ้าดิน กลืนกินอายุขัยของสรรพสิ่งมีชีวิต
โอ้แม่เจ้า…ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน กระทั่งระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงจำนวนเท่าไรที่หันหลังออกวิ่งหนีในทันที อยากจะหลบหนีออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่ว่า เวลานี้ไหนเลยจะหนีไปได้ เมื่อใจมารหวู่จู่อ้าปากกลืนกิน ปรากฏพื้นที่อีกสามแสนลี้ได้กลายเป็นพื้นดินแห้งผาก ประชาชนทั้งหมดหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว ชีวิต ลมปราณ พลังของพวกเขาทั้งหมดกลับกลายเป็นพลังแก่นที่บริสุทธิ์ที่สุดเข้าไปในปากของใจมารหวู่จู่
เสียงปังดังกึกก้องขึ้นเสียงหนึ่ง ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ความมืดมนที่ดั่งคลื่นยักษ์ ความมืดมนที่ไม่สิ้นสุดได้ปกคลุมบดบังฟ้าดินและตะวันจันทรา แต่ว่า เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ความมืดมนทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นงูยักษ์ที่ใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่ง
งูยักษ์ตัวนี้มีหยินและหยางที่วูบวาบออกมา แผ่กลิ่นอายที่เยือกเย็นสุดขั้วออกมาทั่วร่าง ขณะที่กลิ่นอายของมันตลบอบอวลนั้น ความเยือกเย็นที่น่ากลัวสามารถทำให้ดวงตะวันแต่ละดวงดับมอดลงทันที มันคือสิ่งที่เยือกเย็นสุดขั้วมากที่สุดในโลก
‘งูฮว่าเสอ[1] คืนปรโลก’ สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารเปลี่ยนไปมากทีเดียว ร้องเสียงดังขึ้นมา
งูฮว่าเสอคืนปรโลกคือหนึ่งใน ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขาที่หายสาบสูญไป! เวลานี้หนึ่งในกระบวนท่าที่หายสาบสูญไปกลับถูกสำแดงออกมาโดยใจมารหวู่จู่
“ผู้อาวุโสหวู่ จูเซียงหวู่ถิงของพวกท่านตามหา ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ อย่างสุดความสามารถอยู่มิใช่รึ? เวลานี้ข้าก็ได้ส่งมอบ ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ คืนให้พวกท่านแล้ว ไม่ต้องขอบคุณข้า มันเป็นสิ่งที่ข้าสมควรจะทำอยู่แล้ว” เวลานี้มู่เส้าเฉินได้กล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา
ขณะที่สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารดูไม่จืดถึงขีดสุด จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ เดิมทีคิดจะอาศัยพรสวรรค์ที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสองช่วยตามหา ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ กลับคืน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า กลับกลายเป็นนำภัยพิบัติถึงชีวิตมาสู่จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา
แม้ว่าภายในใจของเทพสงครามมังกรคชาธารในเวลานี้จะโกรธแค้นเพียงใด ก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจมู่เส้าเฉินอีกแล้ว
เสียงปังดังสนั่น กระบวนท่างูฮว่าเสอคืนปรโลกในเสี้ยววินาทีนี้เอง ตัวฮว่าเสอได้กลายเป็นเสมือนดั่งรูปกรวยที่แหลมคมพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว ยิงทะลุท้องฟ้าในทันที
ปังเสียงดังกึกก้อง แม้ว่าเวลานี้ลมปราณ และพลังทั้งหมดของเทพสงครามมังกรคชาธารล้วนแล้วแต่รวมอยู่ที่ ‘มังกรซ่อนน้ำลึก’ ยังคงไม่อาจต้านกระบวนท่า ‘งูฮว่าเสอคืนปรโลก’ เอาไว้ได้ ท่ามกลางเสียงดังปัง โล่ยักษ์แตกละเอียด ร่างของเทพสงครามมังกรคชาธารถูกกระแทกจนตัวลอยออกไป กระอักเลือดออกมาอย่างแรง
“เปิด…” เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารไม่มีทางเลือก คำรามเสียงดังออกมา ทันใดนั้นบริเวณอกของเขาดูเจิดจ้ายิ่งนัก เสมือนหนึงได้กลับกลายเป็นวังวนขนาดยักษ์ และพวยพุ่งเป็นประกายเลือดออกมาทั่วตัว มองเห็นเปลวไฟที่วูบวาบทั่วทั้งตัว กระทั่งได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา เหมือนกำลังเผาไหม้อะไรบางอย่างอยู่
ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น เมื่อดวงตาทั้งสองของเทพสงครามมังกรคชาธารลืมตาขึ้นมา ดุจดั่งเป็นลืมตาที่เป็นนัยน์ตาเลือดทั้งสองขึ้น เป็นการเปิดโลกแห่งสีเลือดโลกหนึ่งขึ้นมา
นาทีนี้ ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่า เวลานี้ทั่วหล้าเปี่ยมด้วยพลังที่บ้าระห่ำของเทพสงครามมังกรคชาธาร เสมือนหนึ่งเทพสงครามมังกรคชาธารจะบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างนั้น
“เผาผลาญเลือดวัฒนะ ชะตาแท้ของตน” ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่มองเห็นภาพของเทพสงครามมังกรคชาธารแล้ว พึมพำขึ้นมาว่า “เขาต้องการตายไปด้วยกันแล้ว ต่อให้สามารถสังหารใจมารหวู่จู่ได้ เกรงว่าก็ต้องสูญเสียอายุขัยมากทีเดียว”
ตูมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระบองหวู่เต้าในมือของเทพสงครามมังกรคชาธารฟาดออกไปอีกครั้ง ได้ยินเสียงตูมที่ดังกึกก้อง ทุกสิ่งถูกโจมตีจนกลับสู่จุดเดิม คำรามเสียงดังขึ้นว่า “พยัคฆ์ขาวสะบั้นหยก!”
พยัคฆ์ขาวสะบั้นหยก คือหนึ่งในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ กระบวนท่านี้สุดแกร่งและสุดร้อนแรง
โฮ่วววได้ยินเสียงพยัคฆ์คำราม พยัคฆ์ขาวกระโจนเข้าสังหาร กรงเล็บที่แหลมคมตะปบลงมาตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่าง แกร่งและร้อนแรงที่สุด ปราศจากสิ่งใดสามารถต้านทานได้ พานพบเทพสังหารเทพ พบเจอมารสังหารมาร
โฮ่วววใจมารหวู่จู่ก็ส่งเสียงคำรามขึ้นเช่นกัน ลงมือด้วยมังกรแท้จริงที่ทะยานขึ้นท้องฟ้า สำแดงกระบวนท่า ‘มังกรซ่อนน้ำลึก’ มองเห็นมังกรแท้จริงที่ขดตัวตัดขาดทุกอาณาจักร ขวางอยู่ที่ตรงนั้นดั่งโล่ยักษ์
เสียงปังดั่งสนั่น ท้องฟ้าถูกทำลายแหลกละเอียดจนสิ้น กรงเล็บแหลมคมของพยัคฆ์ขาดตะปบลงบนโล่ขนาดยักษ์นั่น
………………………………….
[1] 化蛇 huà shé งูฮว่าเสอ เป็นสัตว์ในเทพนิยายโบราณ หน้าเป็นคน ตัวเป็นหมาไน มีปีกและเคลื่อนไหวดั่งงู เสียงร้องคล้ายเด็กทารกกำลังร้องไห้ และก็เหมือนสตรีที่ส่งเสียงตวาดด่าทอ น้อยครั้งที่งูฮว่าเสอจะส่งเสียงขึ้นมา เพราะการส่งเสียงแต่ละครั้งจะนำมาซึ่งน้ำหลาก