ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น มองเห็นโล่ขนาดยักษ์ที่แปลงมาจากมังกรแท้จริงปรากฎเป็นรอยร้าวขึ้นเป็นริ้วๆ เหมือนว่าโล่ยักษ์พร้อมที่จะแตกละเอียดได้อย่างนั้น
ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ขณะมองดูภาพนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าถ้าหากกระบวนท่านี้ของเทพสงครามมังกรคชาธารสามารถทำลายแนวป้องกันของใจมารหวู่จู่ได้ล่ะก็ อาศัยความเป็นแกร่งและร้อนแรงสุดขั้วของ ‘พยัคฆ์ขาวสะบั้นหยก’ ไม่แน่นักอาจสามารถสยบความมืดมนได้ และตัดศีรษะของใจมารหวู่จู่ออกมาได้
ทุกคนต่างรู้สึกว่า กล่าวสำหรับ เทพสงครามมังกรคชาธารแล้ว แพ้ชนะล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับหนึ่งกระบวนท่านี้ เทพสงครามมังกรคชาธารเวลานี้ได้เผาผลาญเลือดวัฒนะ เผาผลาญชะตาแท้ของตน เท่ากับต้องการแลกชีวิตตายไปพร้อมกับใจมารหวู่จู่แล้ว
กระบวนท่านี้เรียกได้ว่าคือกระบวนท่าที่แกร่งและพาลอย่างที่สุดของเทพสงครามมังกรคชาธารแล้ว ถ้าหากกระบวนท่านี้ยังทำลายใจมารหวู่จู่ไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเทพสงครามมังกรคชาธารต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงเทพสงครามมังกรคชาธารเองต้องเสียชีวิตจากการพ่ายแพ้ เกรงว่าทั่วทั้งจูเซียงหวู่ถิงก็ต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว
ฮือออ…ในขณะนี้ใจมารหวู่จู่คำรามเสียงดังขึ้นมา และอ้าปากต้องการจะกลืนกิน ตัวเขาในเวลานี้ต้องการกลืนกินจูเซียงหวู่ถิงต่อไปเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
ตูม ตูม ตูมในขณะนี้ มองเห็นจูเซียงหวู่ถิงได้พวยพุ่งประกายที่ไม่สิ้นสุดออกมา ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น บนผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิงปรากฏหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมจำนวนนับไม่ถ้วน กฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละข้อได้ถักทอเข้าด้วยกัน กลายเป็นโซ่เหล็กขนาดยักษ์แต่ละเส้น ท่ามกลางเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมาเป็นระลอก โซ่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเส้นได้ทำการพันธนาการผืนแผ่นดินเอาไว้
ในเวลานี้ ระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของจูเซียงหวู่ถิงทำการขับเคลื่อนพลังของจูเซียงหวู่ถิง สำแดงและวิวัฒนาการกฎเกณฑ์ของต้นกำเนิดสัจธรรม หวังพันธนาการจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้ ไม่ให้ใจมารหวู่จู่ได้กลืนกินพลังแก่นฟ้าดินได้อีกต่อไป
เสียงดังตูมตามดังตูม ตูม ตูม…ขึ้นมาไม่ขาดสาย โซ่ศักดิ์สิทธิ์ได้พันธนาการฟ้าดินเอาไว้ ขณะที่ใจมารหวู่จู่พยายามกลืนกินฟ้าดิน ในขณะนี้ พลังสองสายเกิดการยื้อยุดกันขึ้นมา
แต่ทว่า จะอย่างไรเสียใจมารหวู่จู่ก็คือส่วนหนึ่งของหวู่จู่ ได้ยินเสียงดังปัง สุดท้ายแล้วโซ่ศักดิ์สิทธิ์ยังคงพันธนาการเอาไว้ไม่อยู่ โซ่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเส้นพลันขาดสะบั้น ได้ยินเสียงดังฟืดดด พลังแก่นฟ้าดิน ชีวิตประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนพลันถูกใจมารหวู่จู่กลืนกินเข้าไป เพียงพริบตาเดียวพื้นที่นับล้านลี้ได้กลับกลายเป็นพื้นดินแห้งผาก
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ย่อมไม่ต้องสงสัย จากการที่ใจมารหวู่จู่มีความแกร่งมากยิ่งขึ้น การกลืนกินของเขาก็มากขึ้นตามไปด้วย เวลานี้อ้าปากครั้งหนึ่งก็สามารถกลืนกินพื้นดินได้นับล้านลี้
ปังเสียงดังสนั่น ใจมารหวู่จู่ในเวลานี้ส่งประกายความมืดมนวูบวาบ โล่ยักษ์ที่มังกรแท้จริงขดตัวพลันกระแทกจนพยัคฆ์ขาวกระเด็นออกไป ในพริบตาเดียวนี้ใจมารหวู่จู่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่รู้ว่ากี่เท่าตัว
ตูมเสียงกึกก้องดังขึ้นเสียงหนึ่ง ใจมารหวู่จู่ได้ลงมือกะทันหัน กลับกลายเป็นปากที่มีขนาดยักษ์ เป็นสัตว์ประหลาดที่อ้วนตุ๊ต๊ะ มีแต่เนื้อทั้งตัว ขณะที่มันอ้าปากขนาดยักษ์ของมันนั้น เหมือนว่าสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมนุษย์ได้อย่างนั้น
‘เฝยหยีกลืนจันทร์[1]!’ เทพสงครามมังกรคชาธารถึงกับหวาดผวาเมื่อได้เห็นกระบวนท่านี้แล้ว เนื่องจากกระบวนท่านี้ก็คือหนึ่งใน ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ที่หายสาบสูญไปของพวกเขานั่นเอง
ปังเสียงหนึ่งดังสนั่น มองเห็นปากขนาดใหญ่พลันกลืนกินพยัคฆ์ขาวเข้าไป เมื่อเทพสงครามมังกรคชาธารถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าที่น่ากลัวเช่นนี้ ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างของเขาระเบิดจนเลือดและเนื้อปลิวกระจัดกระจาย
ชะตาแท้ของเขาได้กลับกลายเป็นเสมือนดาวตกที่พุ่งกระแทกพื้นดินอย่างแรง ได้ยินเสียงดังปังเกิดขึ้น ภายใต้เสียงที่ดังกึกก้องเสียงนี้ พื้นดินคล้ายถูกโจมตีจนทะลุอย่างนั้น
เฝยหยีกลืนจันทร์…ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
‘เฝยหยีกลืนจันทร์’ เวลานี้มู่เส้าเฉินหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า ข้าได้ช่วยให้จูเซียงหวู่ถิงพวกเจ้าได้ ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ กลับคืนมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าจะมีบุญวาสนาได้เสพหรือไม่เท่านั้น
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ มาคราวนี้จูเซียงหวู่ถิงคือชักศึกเข้าบ้าน หาเรื่องให้ตนเองต้องพินาศย่อยยับ
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่ง่ายนักที่ชะตาแท้ของเทพสงครามมังกรคชาธารจะบินออกมาจากหลุมลึกนั่น แม้ว่าชะตาแท้ของเทพสงครามมังกรคชาธารในเวลานี้ยังคงเห็นเป็นประกายวูบวาบ แต่ว่าดูมืดสลัวลงมากแล้ว
ได้ยินเสียงจี๊ดที่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายในระยะเวลาอันสั้น เทพสงครามมังกรคชาธารได้สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่ทว่า นาทีนี้กลิ่นอายของเทพสงครามมังกรคชาธารลดลงไปมากทีเดียว เทียบกับเมื่อครู่ไม่รู้ว่าอ่อนด้อยกว่ากันเท่าไร
สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารในเวลานี้ขาวซีด มือทั้งสองที่กำกระบองหวู่เต้าของเขายังสั่นเทาทีหนึ่ง ในใจของเขารู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เนื่องจากเขายากที่จะมีกำลังต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อครู่เขาได้เผาผลาญเลือดวัฒนะและชีพแท้ของตนไปแล้ว ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของใจมารหวู่จู่ กระทั่งถูกใจมารหวู่จู่โจมตีจนร่างกายของตนระเบิดไป
เวลานี้ลมปราณของเขาอ่อนมาก ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังความสามารถถูกลดทอนไปเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถกลับคืนสู่ระดับสูงสุดได้อีก จากการที่ใจมารหวู่จู่มีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้กลับสู่จุดสูงสุดได้เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของใจมารหวู่จู่
เวลานี้ภายในใจของเทพสงครามมังกรคชาธารสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ความเป็นความตายของเขาเองสามารถไม่คำนึงถึงได้ แต่ว่า เขาไม่สามารถมองเห็นจูเซียงหวู่ถิงต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการล่มสลายของจูเซียงหวู่ถิงภายใต้น้ำมือของเขา แล้วเขาจะมีหน้าไปพบกับบรรพชนของตนได้อย่างไรกัน
จบสิ้นแล้ว เทพสงครามมังกรคชาธารยากจะมีกำลังสู้ต่อไปได้อีก ระดับบรรพบุรุษจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาดเสียแล้ว ไม่ว่าจะกล่าวสำหรับ จูเซียงหวู่ถิง หรือสำหรับแดนลัทธิพรรษ หากวันนี้เทพสงครามมังกรคชาธารต้องพ่ายแพ้จนตัวตาย ย่อมบ่งชี้ว่าจูเซียงหวู่ถิงต้องล่มสลาย และเป็นการประกาศว่าภัยพิบัติกำลังจะมาเยือนแดนลัทธิพรรษแล้ว
ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อความแข็งแกร่งของใจมารหวู่จู่ถึงขั้นสามารถเทียบเคียงได้กับหวู่จู่แล้วนั้น มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเช่นใด กล่าวสำหรับแดนลัทธิพรรษโดยรวมแล้วล้วนแล้วแต่เป็นภัยพิบัติที่น่ากลัวยิ่งนัก
แต่ว่า ในเวลานี้ทุกคนต่างจนด้วยเกล้า ไม่มีใครยินดีไปช่วยเหลือเทพสงครามมังกรคชาธารอีกแรง ไปช่วยจูเซียงหวู่ถิงอีกแรง เนื่องจากบุกเข้าไปเวลานี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายเอง เป็นการไปตายเปล่า
แม้แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างเทพสงครามมังกรคชาธารยังไม่ไหว คนอื่นๆ เข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน ได้แต่ไปรนหาที่ตาย ก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ช่วงความห่างตรงนั้นไม่สามารถชดเชยได้ด้วยจำนวนคน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับใจมารหวู่จู่ ต่อให้บุกเข้าไปมากกว่านั้นผลที่ออกมาก็เหมือนกัน ล้วนแล้วแต่ไปรนหาที่ตาย
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มีเพียงหลี่ชิเย่ที่เอ้อระเหยไม่สะทกสะท้าน มองดูภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉยอย่างยิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ดูอิสระเสรีและตามอารมณ์ยิ่งนัก
คุณชาย ท่านได้โปรดช่วยจูเซียงหวู่ถิงของพวกเราด้วย ในเวลานี้เอง ข้างหูของหลี่ชิเย่ปรากฎเสียงร้องขอเบาๆ ขึ้นมา ในขณะนี้หวู่ปิงหนิงได้มายืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว
เมื่อจูเซียงหวู่ถิงประสบภัยพิบัติมาเยือน ระดับบรรพบุรุษของพวกเขาได้ปล่อยตัวหวู่ปิงหนิงออกมาแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูหวู่ปิงหนิงแล้วแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง หวู่ปิงหนิงได้กุมมือของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น วิงวอนว่า คุณชาย เวลานี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้ ได้โปรดช่วยระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพวกเราด้วยเถอะ
เด็กโง่ หลี่ชิเย่ปัดผมของนางเบาๆ ยิ้มและกล่าวว่า ในเมื่อเจ้าออกปากแล้ว ข้ายังจะไม่ลงมือได้รึ?
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ปล่อยมือหวู่ปิงหนิง เดินเข้าหาใจมารหวู่จู่
คนโหดอันดับหนึ่ง คนโหดอันดับหนึ่งจะลงมือแล้ว ขณะที่ทุกคนมองเห็นหลี่ชิเย่ขยับตัวแต่ไกล ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ร้องเสียงหลงขึ้นมา
ในเวลานี้ ท่าทางของผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ดูแปลกไป ดูสลับซับซ้อนยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ คนโหดอันดับหนึ่งกับเทพสงครามมังกรคชาธารต่อสู้กันจะเป็นจะตาย เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งจะลงมือแล้ว เท่ากับเป็นการช่วยเหลือเทพสงครามมังกรคชาธารเอาไว้ ช่วยเหลือจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้
การเปลี่ยนบทบาทกะทันหัน ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่ได้สติกลับมา
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกโล่งอก เมื่อมองเห็นคนโหดอันดับหนึ่งเดินเข้าหาใจมารหวู่จู่ ในแดนลัทธิพรรษวันนี้หากจะถามว่ายังจะมีใครสามารถเอาชนะใจมารหวู่จู่ได้ บางทีอาจมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงแล้วจริงๆ
ทันใดนั้น เหมือนว่าทุกคนต่างรู้สึกว่าคนโหดอันดับหนึ่งหาใช่คนโหดอันดับหนึ่งต่อไป ดูเหมือนนาทีนี้เขาได้กลายเป็นพระเจ้าที่ช่วยโลกอย่างนั้น
คนโหดอันดับหนึ่งต้องไหวนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ แดนลัทธิพรรษคงจบเกมแล้วจริงๆ มีผู้ที่ถึงกับยกมือขึ้นพนมและอธิฐานเงียบๆ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้าหาใจมารหวู่จู่
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่คิดเช่นนี้ จะอย่างไรเสียเวลานี้ไม่สามารถหาผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนโหดอันดับหนึ่งได้อีกแล้ว ถ้าหากแม้แต่คนโหดอันดับหนึ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของใจมารหวู่จู่ เมื่อเป็นเช่นนั้น แดนลัทธิพรรษคงจบสิ้นกันแล้ว ไม่มีใครสามารถขัดขวางใจมารหวู่จู่ได้อีกแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าใจมารหวู่จู่คงต้องกวาดล้างไปทั่วแดนลัทธิพรรษ ไม่รู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรจะต้องพินาศย่อยยับภายใต้ฝีมือของเขา
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินเข้าไปนั้น ใจมารหวู่จู่พลันหันขวับกลับมา และแววตาที่หดลงทันที แม้ว่าจะมองเห็นท่าทีของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่ก็ดูออกว่าเขามีท่าทางที่ประหวั่นพรั่นพรึงเช่นกัน
จะอย่างไรเสียใจมารหวู่จู่ย่อมเป็นใจมารหวู่จู่ แม้ว่าเขาจะเทียบไม่ได้กับหวู่จู่ในครั้งครานั้น แต่ตัวเขาจะอย่างไรเสียก็คือมารบ้าระห่ำที่เป็นส่วนหนึ่งภายในใจของหวู่จู่ เรียกได้ว่าเขาดำรงอยู่ในระดับเดียวกันกับหวู่จู่
ในฐานะที่เคยมีศักยภาพของปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง สัญชาตญาณย่อมแข็งแกร่งกว่าใครก็ตามไม่รู้เท่าไร ดังนั้น ทันใดที่หลี่ชิเย่เดินเข้ามาใกล้ แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มีกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่น แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า หลี่ชิเย่ได้ก่อให้เกิดความกดดันที่น่ากลัวแก่เขา
เวลานี้กล่าวสำหรับใจมารหวู่จู่แล้ว อันตรายมากที่สุดนั้นมาจากตัวของหลี่ชิเย่ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้มีท่าทางที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้น
มีท่าทางเช่นนี้น่ะถูกต้องแล้ว อย่างนี้สิจึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นใจมารปฐมบรรพบุรุษ มิฉะนั้นล่ะก็ท่วงทำนองจะต่ำเกินไปแล้วล่ะ หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มกล่าวเฉยเมย
ใจมารหวู่จู่เพ่งสมาธิไปที่หลี่ชิเย่ เหมือนว่าต้องการมองดูหลี่ชิเย่ให้ทะลุปรุโปร่งอย่างนั้น แต่ เขาไม่สามารถมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าได้ทะลุ เนื่องจากผู้ที่อยู่ตรงหน้าลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง เขาได้ซ่อนเร้นทุกอย่าง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองเห็นตัวเขาได้
หลี่ชิเย่…มู่เส้าเฉินถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อเห็นหลี่ชิเย่เข้ามาก้าวก่ายอีกแล้ว ร้องเสียงดังออกมาและกล่าวว่า เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าจะมาทำเสียเรื่องนายน้อยอย่างข้าอีกแล้ว
ข้าไหนเลยแค่ทำเจ้าเสียเรื่องเท่านั้น หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ข้ายังจะเอาชีวิตสุนัขของเจ้า แต่ว่า เจ้าวางใจเถอะ ไม่ตายเร็วขนาดนั้นหรอก ข้าเชื่อว่าคนตระกูลมู่ของเจ้าสามารถได้ยินเสียงร้องที่โหยหวนของเจ้าได้ อีกไม่นานนัก ตระกูลมู่ของเจ้าก็ต้องสั่นเทาแล้ว เนื่องจากข้าหลี่ชิเย่จะไปที่แดนลัทธิราชัน ผู้ที่เป็นศัตรูกับข้าสมควรได้เวลาต้องสั่นเทาแล้วล่ะ
สีหน้าของมู่เส้าเฉินดูปั้นยากจนถึงขีดสุด เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่
…………………………………………
[1] 肥遺食月féi yí shí yuè เฝยหยีกลืนจันทร์ เฝยหยีคือสัตว์ในเทพนิยายโบราณ ตามตำนานเล่าว่ามีอยู่ด้วยกันสามชนิด เป็นงูสองตัวและนกตัวหนึ่ง งูตัวแรกมีหกขาสี่ปีก การปรากฏตัวของมันทำให้เกิดภัยแล้ง งูตัวที่สองจะมีหนึ่งหัวสองร่าง ปรากฏตัวขึ้นที่ใดก็จะทำให้ที่นั้นๆ แล้งจัด สำหรับอีกตัวที่เป็นนก ลักษณะของมันคล้ายนกกระทา ลำตัวสีเหลือง ปากสีแดง เนื้อของมันทานแล้วรักษาโรคเรื้อนได้ และกำจัดปรสิตภายในร่างกายได้