แม้จะกล่าวว่า มู่เส้าเฉินนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่ง แต่ว่าอย่าลืมไปสิ มียอดฝีมือกล่าวว่า ยังมีเทพสงครามมังกรคชาธารนะ เทพสงครามมังกรคชาธารจะต้องออกหน้าแทนมู่เส้าเฉินอยู่แล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้คนโหดอันดับหนึ่งมาทำลายการเกี่ยวดองสมรสระหว่างจูเซียงหวู่ถิงกับตระกูลมู่อย่างเด็ดขาด
ถูกต้อง ยังมีเทพสงครามมังกรคชาธาร ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ ซึ่งหาใช่ชื่อเสียงจอมปลอมอยู่แล้ว ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิถึงกับวิเคราะห์ว่า ต่อให้คนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งจนช่วยไม่ได้ กระทั่งสามารถใช้ความสามารถเต็มที่เอาชนะเทพสงครามมังกรคชาธารได้ แต่ว่า อย่าลืมไปว่างานแต่งถูกจัดขึ้นที่จูเซียงหวู่ถิง เมื่อไรที่คนโหดอันดับหนึ่งเหยียบเข้าไปในจูเซียงหวู่ถิง เท่ากับเข้าไปยังถิ่นของคนอื่น เมื่ออยู่ตรงนี้เทพสงครามมังกรคชาธารย่อมมีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด
เป็นดังนี้จริง เกรงว่าเทพสงครามมังกรคชาธารจะเป็นผู้ที่สามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงได้ดีที่สุดแล้ว แม้ว่าเทพสงครามมังกรคชาธารไม่สามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมได้ทั้งหมด แต่นั่นมันก็น่ากลัวเพียงพอแล้ว ไม่แน่นักตัวเขาที่ได้ควบคุมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมของจูเซียงหวู่ถิงแล้วนั้น ก็จะมีพลังเท่ากับเทพสงครามมังกรคชาธารสองคน ไม่แน่นักอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก
ทุกคนต่างรู้ว่าต้นกำเนิดสัจธรรมของจูเซียงหวู่ถิงนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก จูเซียงหวู่ถิงใช่ว่าจะก่อตั้งขึ้นโดยบรรพบุรุษหวู่จู่เท่านั้น ในภายหลังยังได้ผ่านการปลุกเสกจากราชันแท้จริงกับอมตะแต่ละคนอีกด้วย พลังทั้งหมดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจึงแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร
กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ธาตุแท้ภายในของจูเซียงหวู่ถิงไม่เห็นจะด้อยไปกว่าพรรคหยางหมิงตรงไหน
ความแข็งแกร่งของเทพสงครามมังกรคชาธารเป็นที่ทราบกันทั่วของแดนลัทธิพรรษ ในฐานะที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ เขาไม่ใช่ประเภทชื่อเสียงจอมปลอมเด็ดขาด ตัวของเทพสงครามมังกรคชาธารเองนับว่ามีความแข็งแกร่งอย่างเพียงพอแล้ว หากว่าเขาลงมือที่จูเซียงหวู่ถิง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ตัวเขาที่ได้ควบคุมพลังของจูเซียงหวู่ถิง ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด เกรงว่าราชันแท้จริงระดับสูงมาด้วยตนเองก็มีความเป็นไปได้ถูกเทพสงครามมังกรคชาธารสยบเอาไว้แน่นอน
การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างยอดฝีมืออันดับหนึ่งกับคนโหดอันดับหนึ่ง เป็นการต่อสู้ชี้ขาดของยุคใหม่กับยุคเก่าสองยุค ไม่ดูไม่ได้ เวลานี้ ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษเดือดพล่าน ไม่ว่าจะมีเรื่องสำคัญในมือเช่นใดก็ตาม แขกผู้มีเกียรติที่ถูกเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานต่างยอมละทิ้งทั้งหมดไว้ก่อน พวกเขาต่างทยอยกันไปร่วมงานแต่งที่จูเซียงหวู่ถิง
สมควรทราบว่า งานแต่งที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อาจมีขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ทว่า การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งเกรงว่าจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันคือการต่อสู้ชี้ขาดของคนยุคใหม่กับยุคเก่าสองยุค มันจะเป็นการต่อสู่ที่คลาสสิคอย่างยิ่ง และจะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ถ้าหากไม่ได้มาเห็นการต่อสู้ที่สะเทือนเลื่อนลั่นเช่นนี้กับตาตนเอง มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องเสียใจอย่างยิ่ง
หวู่ปิงหนิงที่อยู่ภายในจูเซียงหวู่ถิงรู้สึกร้อนรนอย่างยิ่ง แม้ว่านางยังคงนับว่ามีอิสระขณะอยู่ที่จูเซียงหวู่ถิง แต่นางไม่สามารถไปจากจูเซียงหวู่ถิงได้
นังหนู เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลานั้น ตาเฒ่าอย่างพวกเราแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จะช่วยเจ้าอีกแรงหนึ่ง ให้เจ้าได้หนีออกไปอย่างแน่นอน แม้ว่าบรรพบุรุษต้องการทำงานแต่งครั้งนี้ให้สำเร็จ แต่ว่า เจ้าไม่ยินดีจริงๆ พวกเราก็ต้องคิดหาทางให้กับเจ้าอยู่แล้ว แม้ว่าคำพูดของตาเฒ่าอย่างพวกเราจะไม่มีน้ำหนักเช่นบรรพบุรุษ แต่ อย่างน้อยที่สุดก็มีผลกระทบอยู่บ้าง เวลานี้บรรพบุรุษคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้เอ่ยขึ้น
บรรพบุรุษผู้นี้ก็คือบรรพบุรุษผู้ร่วมในการโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ภายหลังภายใต้การเป็นตัวประกันของหวู่ปิงหนิง พวกเขาจึงได้ถอนตัวกลับออกมาจาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้อย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านั้น หวู่ปิงหนิงคือไข่มุกเม็ดงามบนมือของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขา ได้รับความรักใคร่เอ็ดดูจากเหล่าบรรพบุรุษยิ่งนัก แม้จะกล่าวว่า เหล่าบรรพบุรุษไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเทพสงครามมังกรคชาธารได้ แต่ว่า ถ้าหากหวู่ปิงหนิงไม่ต้องการแต่งเข้าบ้านตระกูลมู่จริงๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการบังคับฝืนใจหวู่ปิงหนิง
ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับบรรพบุรุษผู้นี้แล้ว มันก็เป็นสิ่งที่เขาได้ติดค้างหวู่ปิงหนิงเอาไว้
ท่านบรรพบุรุษ ข้าไม่ได้กังวลตัวข้าเอง หวู่ปิงหนิงส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า วันพิธีแต่งงานคุณชายหลี่ต้องมาแน่นอน ที่ข้ากังวลคือจูเซียงหวู่ถิงของพวกเรา ข้าหวังว่าก่อนที่ภัยพิบัติยังไม่ได้เกิดขึ้น ท่านบรรพบุรุษสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดนี้
ความจริงแล้ว หวู่ปิงหนิงไม่ได้กังวลตนเอง จะอย่างไรเสียนางก็คือผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง เหล่าผู้อาวุโสยังนับว่าโปรดปรานนางมากทีเดียว อีกทั้งนางก็มั่นใจว่าก่อนพิธีแต่งงานเริ่มขึ้นหลี่ชิเย่ต้องปรากฎตัวอย่างแน่นอน สำหรับมู่เส้าเฉินนั้นมันก็แค่รนหาที่ตายเองเท่านั้น
หนึ่งเดียวที่นางเป็นกังวลก็คือจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา นางเข้าใจดี เมื่อไรที่ทำให้หลี่ชิเย่โกรธไม่ว่าใครก็ต้องตาย ผู้ที่ขวางทางของเขาจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปทั้งหมด กระทั่งจูเซียงหวู่ถิงก็ต้องสลายไปภายใต้เงื้อมมือของเขาก็เป็นได้
สิ่งนี้คือสิ่งที่หวู่ปิงหนิงเป็นกังวลมากที่สุด แม้จะกล่าวว่านางได้ออกจากจูเซียงหวู่ถิงไปแล้ว แต่ในใจของนางจูเซียงหวู่ถิงยังคงเป็นบ้านที่เลี้ยงดูนางมา นางย่อมไม่คาดหวังให้จูเซียงหวู่ถิงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปเช่นนี้
วางใจเถอะ จูเซียงหวู่ถิงพวกเรายืนหยัดมาจนถึงวันนี้ ยังจะมีอุปสรรคใดๆ ไม่เคยประสบผ่านมา จูเซียงหวู่ถิงของพวกเรายังควรรับมือเอาไว้ได้ ต่อให้หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากไปกว่านี้ เกรงว่าก็ต้องมีขีดจำกัด บรรพบุรุษผู้นี้ส่ายหน้าและยิ้มกล่าว
ไม่ ท่านบรรพบุรุษ ท่านไม่เข้าใจในตัวของคุณชายหลี่ ท่าทีหวู่ปิงหนิงดูหนักแน่นจริงจัง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า บางที หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่แน่ว่าสามารถทำลายจูเซียงหวู่ถิงพวกเราได้ แต่ ข้าเข้าใจในตัวเขา ต่อให้จูเซียงหวู่ถิงพวกเราแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ขวางการย่างก้าวของเขาไม่ได้ จูเซียงหวู่ถิงพวกเราจะถูกทำลายหรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเขาเท่านั้น ถ้าหากเขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะทำลายจูเซียงหวู่ถิงพวกเรา เช่นนั้นแล้วจูเซียงหวู่ถิงพวกเราต้องมลายหายไป ใครมาก็ไม่มีประโยชน์!
หวู่ปิงหนิงรั้งอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่มาระยะหนึ่ง นางรับรู้ถึงนิสัยของหลี่ชิเย่ได้แล้ว และรับรู้ถึงความน่ากลัวของหลี่ชิเย่ เมื่อไรที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วไม่ว่าใครก็ขวางไม่อยู่ ทุกอย่างจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ออกจะโอ้อวดมากเกินไปแล้วกระมัง บรรพบุรุษผู้นี้ส่ายหน้า และยิ้มกล่าวว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก ต่อให้เขาเข็งแกร่งถึงขั้นเท่ากับบรรพบุรุษเกรงว่าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าหากอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ช้าเชื่อว่าหลี่ชิเย่คือผู้ปราศจากผู้ต่อกร แต่ ที่นี่คือจูเซียงหวู่ถิง ข้าเชื่อว่าบรรพบุรุษของพวกเราคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร จะอย่างไรเสียพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิถูกควบคุมอยู่ในมือของบรรพบุรุษ
ไม่ ต่อให้ท่านบรรพบุรุษควบคุมพลังทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเอาไว้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เกรงว่าก็ไม่สามารถขวางการก้าวเดินของคุณชายหลี่ได้ เว้นแต่เขาคือหวู่จู่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ท่าทีของหวู่ปิงหนิงหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ข้าเชื่อว่า คุณชายหลี่คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดน่ากลัวที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมาอย่างแน่นอน ตามความเห็นของข้า อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับปฐมบรรพบุรุษ ดังนั้น อยากจะถามว่า ท่านบรรพบุรุษมีพลังชั้นปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครองหรือไม่?
ท่าทางที่หนักแน่นเช่นนี้ของหวู่ปิงหนิงทำให้ท่าทีของบรรพบุรุษผู้นี้ต้องหนักแน่น และจริงจังขึ้นมา การที่หวู่ปิงหนิงสามารถกลายเป็นผู้สืบทอดจองจูเซียงหวู่ถิงได้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์คนหนึ่ง
ท่าทางของบรรพบุรุษผู้นี้กลับกลายเป็นหนักแน่นยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดของหวู่ปิงหนิง แม้จะกล่าวว่าเทพสงครามมังกรคชาธารของพวกเขาแข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่หากเทียบกับปฐมบรรพบุรุษแล้ว เกรงว่ายังคงมีช่วงห่างอยู่ไม่น้อนทีเดียว จะอย่างไรเสียเทพสงครามมังกรคชาธารยังไม่ถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาล
มีเพียงก้าวไปถึงชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลแล้ว จึงมีสิทธิ์ท้าสู้กับปฐมบรรพบุรุษได้ หาไม่แล้วขั้นอมตะอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำได้!
ดูท่าต้องให้ความสำคัญแล้ว บรรพบุรุษผู้นี้มีท่าทีหนักแน่น และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า แต่ว่า คิดจะเปลี่ยนความคิดของท่านบรรพบุรุษเกรงว่าคงยาก ยากมากเลย
ข้าอยากพบกับท่านบรรพบุรุษอีกสักครั้ง หวู่ปิงหนิงกล่าวว่า ข้าจะเกลี้ยกล่อมท่านอีก ให้เลิกล้มความตั้งใจนี้เสีย
เกรงว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว บรรพบุรุษผู้นี้ส่ายหน้าและกล่าวว่า อคติในใจท่านบรรพบุรุษสูงมาก จะไม่เปลี่ยนใจอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเข้าต้องการได้สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ที่อยู่ในมือของมู่เส้าเฉิน กล่าวสำหรับท่านบรรพบุรุษแล้วสิ่งนี้มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ในมือของมู่เส้าเฉินไม่แน่ว่ามีสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่อยู่จริง หวู่ปิงหนิงกล่าวว่า แต่ ในมือของคุณชายหลี่มีสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่แน่นอน
เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้ได้มองหน้าหวู่ปิงหนิง เมื่อยินคำกล่าวเช่นนี้แล้ว ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า เกรงว่าจะใช้การไม่ได้ พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนับว่ายอดเยี่ยมดีแท้ ท่านบรรพบุรุษเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของเขามาก คิดว่าเขาต้องสามารถบรรลุและค้นหาสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ที่สูญหายกลับคืนมาได้…
…ต่อให้หลี่ชิเย่เป็นจริงตามที่เจ้าว่า และมีสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่อยู่ในครอบครองจริง เกรงว่าท่านบรรพบุรุษก็ไม่เชื่อ บรรพบุรุษผู้นี้หยุดนิดหนึ่ง และกล่าวว่า หลี่ชิเย่คือบุคคลภายนอกคนหนึ่ง กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่เคยเข้ามาในจูเซียงหวู่ถิงเลยสักครั้ง เขาจะไปมีสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ได้อย่างไรกัน? ท่านบรรพบุรุษไม่เชื่ออยู่แล้ว แตกต่างจากมู่เส้าเฉิน พวกเขาเคยขลุกอยู่ในเจดีย์นั้นนานมาก และเห็นเป็นเค้าโครงมานานแล้ว ท่านบรรพบุรุษเองก็เคยเห็นการสำแดงของมู่เส้าเฉิน อาศัยสายตาของเขามองไม่ผิดอย่างแน่นอน ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นความจริงที่มู่เส้าเฉินได้บรรลุความลึกลับจริง มีโอกาสที่จะค้นสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่กลับคืนมาได้
เรื่องนี้… เวลานี้หวู่ปิงหนิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จะอย่างไรเสียนางเคยเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าเทพสงครามมังกรคชาธารมาก่อน แต่เทพสงครามมังกรคชาธารไม่เชื่อคำพูดเช่นนี้
เว้นเสียแต่เจ้าสามารถให้หลี่ชิเย่สำแดงสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ต่อหน้าท่านบรรพบุรุษสักครั้ง มีเพียงทำเช่นนี้ ท่านจึงจะยอมเชื่อ บรรพบุรุษผู้นี้เอ่ยขึ้น
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หวู่ปิงหนิงหัวเราะเจื่อนๆ แม้ว่าดูไปแล้วหลี่ชิเย่เป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วโลกนี้จะมีใครสามารถเข้าตาของเขาได้?
เกรงว่าแม้แต่เทพสงครามมังกรคชาธารที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็คงไม่เข้าตาของเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อาศัยอะไรไปให้หลี่ชิเย่ต้องไปสำแดงสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ต่อหน้าเทพสงครามมังกรคชาธาร กระทั่งกล่าวได้ว่า เขาขี้คร้านจะไปสนใจความคิดเห็นของเทพสงครามมังกรคชาธารอยู่แล้ว และไม่ใส่ใจในท่าทีของเทพสงครามมังกรคชาธารอยู่แล้ว
ขอเพียงเทพสงครามมังกรคชาธารกล้าขวางทางของเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะจัดการสังหารเทพสงครามมังกรคชาธารเสีย
นี่แหละคือตัวตนของหลี่ชิเย่ที่นางเข้าใจ ดังนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ขอให้เข้าสำแดงสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ต่อหน้าเทพสงครามมังกรคชาธารสักครั้งหนึ่ง
ถ้าเช่นนั้นก็จนด้วยเกล้าแล้ว บรรพบุรุษผู้นี้ส่ายหน้า เขาเองก็จนปัญญา
หวู่ปิงหนิงทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง สุดท้ายกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า ข้าอยากจะไหว้วานท่านบรรพบุษเรื่องหนึ่ง
พูดมาเถอะนังหนู ไม่ใช่คนนอกสักหน่อยจะเกรงใจไปทำไม ข้าเฝ้าดูเจ้าจนเติบใหญ่ยังไม่เข้าใจนิสัยของเจ้ารึ? บรรพบุรุษผู้นี้ยิ้มกล่าว
ข้าอยากให้ท่านไปพบคุณชายหลี่ ทางที่ดีที่สุดให้พบหน้าเขาสักครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะเข้ามายังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเรา มอบจดหมายที่เป็นลายมือข้าให้กับเขา หวู่ปิงหนิงกล่าวด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง
ก้าวมาถึงจุดนี้ในวันนี้ สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ก็คือพยายามทำสุดความสามารถ ส่วนจะรักษาจูเซียงหวู่ถิงเอาไว้ได้หรือไม่นั้น นางเองก็ไม่มีความมั่นใจ
……………………………………..