เป็นการสยบ สยบโดยตรง พลังลักษณะเช่นนี้ต่อให้เป็นราชันแท้จริงก็ยากจะต้านทานได้
ในเวลานี้ ทุกคนที่มองดูเทพสงครามมังกรคชาธารต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจจนขนลุกซู่ ความแข็งแกร่งของเทพสงครามมังกรคชาธารนั้นหาใช่ได้มาด้วยการอาศัยคุยโตโอ้อวด
ไม่เสียทีที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ใช่เป็นชื่อเสียงจอมปลอม ไม่รู้มีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องเลื่อมใสศรัทธา
ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกทุกคนที่มีต่อเทพสงครามมังกรคชาธารยังไม่ร้อนแรงขนาดนี้ ใช่ว่าเทพสงครามมังกรคชาธารฝีมืออ่อนเกินไป แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมากเหลือเกิน
ขณะที่เทพสงครามมังกรคชาธารต่อสู้ชี้ขาดกับคนโหดอันดับหนึ่งนั้น คนโหดอันดับหนึ่งมักครองความได้เปรียบอยู่เสมอๆ ทำให้บุคลิกลักษณะอันมีเสน่ห์ของเทพสงครามมังกรคชาธารไม่สามารถสำแดงออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีคนบางคนรู้สึกในใจว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษก็อย่างนั้นเอง ไม่ได้แข็งแกร่งมากอย่างที่จินตนาการ
แต่ว่า เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารลงมือสยบโดยตรง คราวนี้จึงดูไม่เหมือนเดิมทันที และยกฐานะของเทพสงครามมังกรคชาธารที่อยู่ภายในใจของผู้คนจำนวนมากให้สูงขึ้น ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากจึงตระหนักได้ว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนดั่งที่ทุกคนจินตนาการเมื่อครู่ ความจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือจินตนาการของทุกคน
เท้าข้างหนึ่งของคชสารหอมที่เหยียบลงไปานั้น ได้เหยียบลงบนหางปลาไนโดยตรง พลังที่ปราศจากผู้ต่อกรได้สยบปลาไนเอาไว้โดยตรง ยากที่ปลาไนจะก่อให้เกิดคลื่นลมได้อีก ไม่สามารถทำให้บังเกิดเป็นคลื่นขึ้นมาได้อีกต่อไป ปลาไนที่ไม่สามารถก่อให้เกิดคลื่นได้ก็ไม่ต่างอะไรกับปลาเค็มตัวหนึ่ง
ขอเชิญท่านชี้แนะด้วย เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า เริ่มปรากฏกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษที่ตลบอบอวลบนตัวของเขา กลิ่นอายลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นเทา อย่าว่าแต่เทพแท้จริงเลย แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในขั้นอมตะก็ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่
ภายใต้กลิ่นอายเช่นนี้ ระดับเทพแท้จริงทำได้แค่คุกเข่าลงกราบเท่านั้น ไม่สามารถต้านกับกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ได้อยู่แล้ว กระทั่งกล่าวอย่างไม่เป็นการโอ้อวดได้ว่า กลิ่นอายแต่ละสายเช่นนี้ของเทพสงครามมังกรคชาธารก็สามารถสยบบดขยี้เทพแท้จริงได้โดยตรง
ชี้แนะคงไม่ต้อง หลี่ชิเย่มองดูเทพสงครามมังกรคชาธารที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษ ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า แค่กระบวนท่า ‘ปลาไนก่อคลื่น’ ก็เพียงพอแล้ว ดูให้ดีล่ะ การควบคุมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมไม่เพียงเจ้าเท่านั้นที่มี ขาดคำ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้เปล่งรัศมีออกมาทั่วทั้งตัว รัศมีที่เหมือนใยไหมแต่ละสายที่ทิ้งตัวห้อยลงมานั้นได้มุดลงใต้ดินในชั่วพริบตาเดียว
เสียงตูมดังสนั่น ทันใดนั้นเอง ทั่งทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงได้พวยพุ่งประกายที่ไม่สิ้นสุดออกมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงมีพื้นที่กว้างขวางนับล้านล้านลี้ พื้นที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ประชาชนและผู้บำเพ็ญตนมีจำนวนนับไม่ถ้วน ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงปรากฎลวดลายเต๋าขึ้นมา ลวดลายเต๋าจำนวนมากมายได้ครอบคลุมทุกๆ ตรารางนิ้วของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงในพริบตา
ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ลวดลายเต๋าสลับกันไปมา เพียงชั่วพริบตาก็กลับกลายเป็นกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละข้อ ทุกๆ ข้อได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น กฎเกณฑ์สัจธรรมพลันถักทอกลายเป็นบทคัมภีร์บทหนึ่ง กลายเป็นกฎระเบียบสัจธรรม
แว้งค์เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น กฎระเบียบสัจธรรมของคัมภีร์พลันบินเข้าหาหลี่ชิเย่ และประทับสลักเข้าไปภายในร่างกายของหลี่ชิเย่
ตูม ตูม ตูมพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงสั่นไหวโคลงเคลงทีหนึ่ง เหมือนว่าพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกๆ ตารางนิ้วทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงล้วนแล้วแต่พวยพุ่งพลังที่แข็งแกร่งและไม่สิ้นสุดออกมา สัจธรรมที่เป็นธาตุแท้ภายในได้ทะลักออกมาในพริบตา
เวลานี้ พลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ไม่สิ้นสุดได้มารวมตัวกันบนตัวของหลี่ชิเย่ ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้น บทคัมภีร์สัจธรรมบทนั้นที่บริเวณอกของหลี่ชิเย่ได้กลับกลายเป็นวังวน และพริบตาเดียวนั้นได้นำเอาพลังที่ไม่สิ้นสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเข้าไปอยู่ภายใน
เสียงตูมดังสนั่น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง แผ่นหลังของหลี่ชิเย่เหมือนได้กางปีกแห่งสัจธรรมขึ้นมาคู่หนึ่งอย่างนั้น เมื่อปีกทั้งสองข้างสะบัด ลม ฟ้าร้อง ไฟ และสายฟ้าจะเผาผลาญทุกสิ่งให้กลายเป็นจุณ
นาทีนี้ แม้ว่าร่างกายของหลี่ชิเย่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ว่า ดูไปแล้วตัวเขาสูงใหญ่ขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ศีรษะค้ำยันฟ้า เท้าเหยียบปฐพี อานุภาพปฐมบรรพบุรุษตลบอบอวลไปทั่วร่าง
นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้… สีหน้าของเทพสงครามมังกรคชาธารเปลี่ยนไปก่อนใครเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว กล่าวด้วยความหวาดผวา ในฐานะที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษ นาทีนี้เขาเองก็ดูจะเซ่อไปแล้ว ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างจ้องมองหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้า
นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร หลังจากผ่านครู่ใหญ่ ผู้ที่ตะลึงได้สติกลับมา ก็ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเช่นกัน กระทั่งเข้าใจว่าตัวเองนั้นตาฝาดไป
เวลานี้ กล่าวได้ว่าผู้คนทั่วหล้าต่างสะเทือนหวั่นไหวกับสิ่งนี้ กระทั่งศิษย์และยอดฝีมือของจูเซียงหวู่ถิง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตะลึงตาค้าง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
ทุกคนต่างสะเทือนหวั่นไหวกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ยากที่จะได้สติกลับมาเป็นเวลานาน
ครั้นระดับบรรพบุรุษได้สติกลับมาแล้ว ต่างเสียวสันหลังวาบ เมื่อมั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ตาฝาด กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร นี่ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขา เขา เขาเป็นบุคคลภายนอกคนหนึ่ง จะควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงได้อย่างไรกัน นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพสงครามมังกรคชาธารเลยมิใช่รึ?
ถูกต้อง นาทีนี้พลังที่หลี่ชิเย่ควบคุมคือพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิง อีกทั้งพลังที่เขาควบคุมอยู่นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพสงครามมังกรคชาธารแม้แต่น้อย
หากจะกล่าวว่า เทพสงครามมังกรคชาธารสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก จะอย่างไรเสียเทพสงครามมังกรคชาธารคือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง เรียกได้ว่าเขาได้บรรลุระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดของจูเซียงหวู่ถิงได้แล้ว
แต่ว่า หลี่ชิเย่เป็นเพียงบุคคลภายนอกคนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งกล่าวได้ว่าเขาเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่คุ้นเคยกับจูเซียงหวู่ถิงเลย และไม่เคยได้อาศัยอยู่ภายในจูเซียงหวู่ถิงมาก่อน อีกทั้งเกรงว่านี่จะเป็นการมาที่จูเซียงหวู่ถิงเป็นครั้งแรกของเขา
แต่ ด้วยบุคคลภายนอกคนหนึ่งเช่นนี้แหละ ถึงกับสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิง แล้วจะไม่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้อย่างไรเล่า
ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดๆ ก็ตาม มีเพียงบรรลุกฎเกณฑ์ของปฐมบรรพบุรุษ บรรลุต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว จึงสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนได้ ส่วนจะควบคุมได้เท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละบุคคล
แต่แล้วหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงบุคคลภายนอกคนหนึ่ง กระทั่งเป็นบุคคลภายนอกที่เพิ่งจะได้มาจูเซียงหวู่ถิงเป็นครั้งแรก ถึงกับสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงได้ แล้วจะไม่ให้ผู้คนทั่วหล้าหวั่นไหวได้อย่างไรเล่า
ถ้าหากว่าคนโหดอันดับหนึ่งสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่งได้ตามอารมณ์ ลองคิดดู มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเช่นใด เขาเสมือนหนึ่งปราศจากผู้ต่อกรไม่ว่าจะก้าวไปถึงที่ใดก็ตาม ก็สามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่งได้ เท่ากับเป็นการบดขยี้ศิษย์และยอดฝีมือทั้งหมดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ ได้โดยตรง
เจ้า เจ้ารู้วิธีควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพวกเราได้อย่างไร? เทพสงครามมังกรคชาธารยังต้องตกตะลึง ตัวเขาที่มีความหนักแน่นถึงกับเสียบุคลิก กล่าวสำหรับเขาแล้วมันก็เป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวเช่นกัน
แม้จะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มู่เส้าเฉินก็เคยควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขามาก่อน แต่ นั้นเป็นเพราะมู่เส้าเฉินเคยบรรลุระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา และการกระทำในลักษณะเช่นนี้ก็ได้รับการอนุญาตและเห็นด้วยจากจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา
อีกทั้งแม้ว่ามู่เส้าเฉินสามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงก็ตาม แต่อยู่ในวงจำกัดมาก ยังห่างชั้นไม่สามารถเทียบได้กับการควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของเทพสงครามมังกรคชาธารอยู่แล้ว
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่เพียงควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ พลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพสงครามมังกรคชาธารแม้แต่น้อย นี่แหละคือเรื่องที่น่ากลัวมากที่สุด
สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่า หลี่ชิเย่ลำพังอาศัยพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาก็สามารถบดขยี้จูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดของพวกเขาได้ เขาแทบไม่ต้องเปลืองแรงของตนเองเลยแม้แต่น้อย ลองนึกภาพดู คนๆ หนึ่งสามารถหยิบยืมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน โดยที่ตัวเขาเองไม่ต้องอาศัยพลังของตนแม้แต่น้อย ก็สามรถบดขยี้กระทั่งทำลายระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนจนพินาศย่อยยับ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเหลือเกิน
จะไปโทษผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นเทพสงครามมังกรคชาธารที่ยังคงต้องผวาดผวาจนหน้าถอดสีก็ไม่ถูก
นี่เป็นเพียงไล่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดเท่านั้นเอง หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า หวู่จู่ของพวกเจ้าอาศัยสิ่งใดเป็นต้นกำเนิด ข้าก็อาศัยสิ่งนั้นเป็นต้นกำเนิดเพียงเท่านี้เอง ในเมื่อสามารถไล่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดได้ การที่จะควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของพวกเข้าจะไปยากอะไร?
หลี่ชิเย่พูดได้เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับทำให้ภายในใจของเทพสงครามมังกรคชาธารต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่าหวู่จู่ของพวกเขาอาศัยสิ่งใดเป็นต้นกำเนิด อีกทั้งในหมื่นยุคผ่านมาไม่เคยมีใครในจูเซียงหวู่ถิงที่สามารถไล่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดปฐมบรรพบุรุษของตนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคคลภายนอกแล้ว แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับไล่ย้อนไปยังต้นกำเนิดของหวู่จู่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครในจูเซียงหวู่ถิงสามารถทำได้ตลอดมา มาวันนี้หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว
เมื่อเทพสงครามมังกรคชาธารนึกถึงข้อนี้แล้ว ถึงกับต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่
เทพสงครามมังกรคชาธารไม่รู้ว่าปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยสิ่งใดเป็นต้นกำเนิด กระทั่งกล่าวได้ว่าปรัชญาเมธีของจูเซียงหวู่ถิงแต่ละยุคที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่าหวู่จู่อาศัยสิ่งใดเป็นต้นกำเนิด
แต่หลี่ชิเย่กลับรู้ ด้วยเหตุนี้เอง หลี่ชิเย่จึงสามารถลงมือสำแดง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ขึ้นมาได้โดยพลัน สามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิง
เกี่ยวกับตำนานที่ว่าหวู่จู่เคยได้รับบทคัมภีร์แผ่นหนึ่งของคัมภีร์สวรรค์ มันไม่ใช่ตำนานแต่เป็นความจริง
เป็นความจริงที่ในยุคสมัยนั้นหวู่จู่เคยได้บทคัมภีร์แผ่นหนึ่งของตำราสวรรค์เล่มหนึ่ง ขณะที่ตำราสวรรค์เล่มนั้นก็คือ ‘ตำรากาย’ แน่นอน ยุคสมัยนั้นตำราสวรรค์เล่มนี้ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องมีชื่อว่า ‘ตำรากาย’
เนื่องเพราะหวู่จู่ได้รับบทคัมภีร์แผ่นนี้นี่เอง ทำให้เขาได้สร้างสัจธรรมของตนเองขึ้น สร้าง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ขึ้นมา และด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่หวู่จู่กลั่นบูชาระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง จึงได้อาศัยบทนำของบทคัมภีร์แผ่นนี้มาเป็นโครงร่าง และหลอมกลั่นผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ
สมควรทราบว่า ไม่ว่าตำราสวรรค์เล่มนี้จะมีชื่อว่า ‘ตำรากาย’ หรือชื่อว่า ‘กระบี่สิ้นสุด’ และหรือมีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น แต่ว่าก็ยากที่จะหลุดพ้นจากเนื้อแท้ของมัน มันเกิดจากหนึ่งในเก้าตัวอักษรที่มีการสลักบันทึกหรือจดจำ
ขณะที่ตำราสวรรค์เล่มนี้อยู่ในมือของหลี่ชิเย่เอง กระทั่งหลี่ชิเย่ได้ทำการพลิกเปิดหน้าที่ใหม่ทั้งหมดของตำราสวรรค์เล่มนี้ และตั้งชื่อให้มันว่า ‘กระบี่สิ้นสุด’
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง หลี่ชิเย่จึงสามารถไล่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของหวู่จู่ สามารถสำแดง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ สามารถควบคุมพลังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หาใช่เป็นเรื่องแปลก
………………………………………………