เสียงซ่าาา ซ่าาา ซ่าาาดังขึ้น ในเวลานี้ ต้นอมตะทั้งสองต้นได้ผสานกลมกลืนเข้าด้วยกัน ในเวลานี้เองจึงสังเกตเห็นว่าส่วนที่ขาดหายแหว่งไปของแต่ละฝ่ายมันช่างเข้ากันได้เหมาะเจาะดีเหลือเกิน
ที่แท้มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์จริงๆ นะเนี่ย นักพรตฉางเซินถึงกับสะเทือนหวั่นไหว และมองดูภาพนี้อย่างเหม่อลอย
ก่อนหน้านี้เนิ่นนานมาก ปฐมบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะพวกเขาเคยคาดเดาว่า ต้นอมตะที่หุบเขาอมตะพวกเขาครอบครองอยู่นั้นอาจเป็นไปได้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของต้นไม้ใหญ่ต้นไหนสักต้นหนึ่งเท่านั้น
เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ปฐมบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะไม่มีโอกาสได้เห็นต้นหลักของต้นไม้ต้นนี้ ดังนั้น จึงหยุดอยู่เพียงแค่ขั้นตอนของการคาดเดาเท่านั้น ไม่สามารถไปยืนยันได้
มาวันนี้เมื่อนักพรตฉางเซินได้เห็นภาพนี้ตรงหน้าแล้ว จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง เสียดาย ที่ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขากลับไม่สามารถมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยตาของตนเอง
สุดท้าย เมื่อต้นอมตะทั้งสองต้นได้ประกบรวมตัวซึ่งกันและกันแล้ว ปรากฏต้นไม้ที่สมบูรณ์แบบต้นหนึ่งขึ้นมาอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่และนักพรตฉางเซิน
ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เองต้นอมตะที่สมบูรณ์แบบต้นนี้ไม่เพียงแผ่ประกายเซียนแต่ละสายออกมา กฎเกณฑ์สัจธรรมเซียนแต่ละสายที่ทิ้งตัวห้อยลงมา โดยที่กฎเกณฑ์สัจธรรมเซียนแต่ละสายมีขนาดเล็กจิ๋วดังใยไหม แต่ว่า ทุกๆ กฎเกณฑ์สัจธรรมเซียนแต่ละสายกลับมีประกายเคลื่อนไหวที่มีสีสันเอ่อล้น เมื่อสังเกตมองให้ละเอียดกว่านี้ พบว่าทุกๆ กฎเกณฑ์สัจธรรมเซียนแต่ละสายเหมือนนำเอาโลกธาตุที่เล็กจิ๋วจนไม่รู้ว่าจะเล็กมากไปกว่านี้ได้อย่างไรมาร้อยเข้าด้วยกันอย่างนั้น เหมือนหนึ่งฝุ่นผงทุกๆ เม็ดก็คือหนึ่งโลกธาตุ
ครั้นต้นอมตะต้นนี้ได้ทิ้งกฎเกณฑ์สัจธรรมเซียนลงมานั้น ได้ยินเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาเสียงหนึ่ง ปรากฎตราสัญลักษณ์ดวงหนึ่งลอยขึ้นมา ณ ที่ตรงนั้นเสมือนหนึ่งได้เปิดโลกธาตุที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดขึ้นมาโลกหนึ่ง ที่ตรงนั้นสรรพสิ่งมีการขยายเพิ่มจำนวนขึ้น ฟ้าดินไร้ขอบเขต เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่ไม่มีสิ้นสุด กาลเวลานับล้านล้านปีได้ผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางโลกธาตุลักษณะเช่นนี้
แม้ว่าเวลานี้ต้นอมตะต้นนี้ไม่ได้เปล่งท่าทีที่สะเทือนเลื่อนลั่นออกมา แต่มองจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เพียงพอที่จะสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจให้กับผู้คนได้แล้ว ดูเหมือนโลกนี้ไม่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ใดๆ สามารถเทียบเคียงกับมันได้อีกแล้ว
นี่ก็คือต้นอมตะที่แท้จริงรึ? นักพรตฉางเซินมองดูต้นอมตะต้นนี้ที่อยู่ตรงหน้าก็ให้รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน พึมพำขึ้นเมื่อได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่
มันไม่ได้ชื่อว่าต้นอมตะ ชื่อที่แท้จริงของมันคือต้นสามเซียน หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยขึ้นมา
ก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่ก็เคยเรียกมันว่าต้นอมตะ แต่ทว่า หลังจากที่เขาได้เดินไปจนทั่วทุกๆ ตำหนักภายในตำหนักหมีเซียนแล้ว เขาจึงได้รู้อย่างถ่องแท้ถึงความยอดเยี่ยมลึกซึ้งที่อยู่ภายใน ดังนั้นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของต้นสามเซียนต้นนี้เขาก็เขาใจแล้วทั้งหมด
มันหาใช่ต้นอมตะตามที่มีการตั้งชื่อเอาไว้ในอดีต ชื่อที่แท้จริงของมันคือ ‘ต้นสามเซียน’
‘ต้นสามเซียน’…นักพรตฉางเซินพึมพำชื่อนี้ขึ้นมาเบาๆ จากนั้นเขามองดูสัญลักษณ์ที่ปรากฎขึ้นมาจากต้นสามเซียนที่เสมือนหนึ่งได้เปิดโลกธาตุโลกหนึ่งขึ้นมา นางถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความตระหนกว่า หรือว่านี่ก็คือแดนสามเซียน?
ถูกต้อง มันก็คือแดนสามเซียน หลี่ชิเย่มองดูโลกธาตุที่ปรากฏขึ้นมาจากต้นสามเซียน สายตาดูลึกล้ำ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า แม้มองเห็นเพียงแค่ส่วนเดียว มองผ่านมันก็สามารถแอบมองเห็นทั่วทั้งแดนสามเซียนได้
มันมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับแดนสามเซียนพวกเราอย่างนั้นรึ? นักพรตฉางเซินถึงกับพึมพำขึ้นมาเมื่อมองเห็นโลกธาตุที่ปรากฎขึ้นมาจากตราสัญลักษณ์ดวงนั้นที่ออกมาจากต้นสามเซียน
มันไหนเลยแค่มีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับแดนสามเซียน หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ต้นสามเซียนต้นนี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวพันถึงความเป็นอมตะเท่านั้น บอกได้แต่เพียงความเป็นอมตะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมันเท่านั้น มันมีความสำคัญยิ่งกว่าก็คือสืบทอดถึงตัวของแดนสามเซียน เจ้าเองก็สามารถยกย่องว่าเกี่ยวพันถึงต้นกำเนิดบางส่วนของแดนสามเซียน ดังนั้น มันคือสุดยอดที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ทั่วทั้งแดนสามเซียนมีเพียงต้นเดียวเท่านั้น ไม่มีดับสูญตลอดกาล
‘ต้นสามเซียน’ นักพรตฉางเซินในเวลานี้ถึงกับพึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่าต้นที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของต้นสามเซียนต้นนี้อยู่ในหุบเขาอมตะพวกเขามาเนิ่นนานมากแล้ว มันอยู่ที่นี่มาโดยตลอดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งหุบเขาอมตะขึ้นแล้ว แต่ทว่า หุบเขาอมตะ ของพวกเขาไม่เคยได้บรรลุถึงความยอดเยี่ยมลึกซึ้งที่อยู่ด้านหลังของมันเลย แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาก็ไม่สามารถบรรลุได้
อาจกล่าวได้ในระดับหนึ่งว่า ประโยชน์มากที่สุดของต้นที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของต้นสามเซียนต้นนี้สำหรับหุบเขาอมตะพวกเขาก็คือ บางครั้งอาจเด็ดเอาใบไม้ไม่กี่ใบนำมาใช้ในการปรุงกลั่นยาเม็ดเท่านั้น แน่นอนที่สุด แม้จะเป็นเพียงแค่ใบไม้ไม่กี่ใบ แต่ฤทธิ์ยาที่ได้นั้นไม่สามารถประเมินได้เลย
เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ยื่นมือออกไปช้าๆ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ต้นสามเซียนหลุดพ้นจากพื้นดินและลอยขึ้นมาอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่
มองดูต้นสามเซียนที่อยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่แล้ว ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักอะไรเลย เมื่อได้เห็นก็รู้ได้ว่ามันคือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นต้นหนึ่ง
เจ้าคิดจะปลูกมันไว้ที่ไหนรึ? นักพรตฉางเซินถึงกับพึมพำขึ้นมาขณะมองดูต้นสามเซียนที่อยู่ตรงหน้า
ทั่วทั้งแดนสามเซียนคิดจะหาที่ที่สามารถปลูกมันได้นั้นเกรงว่าคงยากมาก หลี่ชิเย่มองออกไปยังที่ที่ห่างไกล สายตาดูลึกล้ำยิ่งนักเสมือนดั่งทะลุผ่านกาลเวลา จิตใจของเขาคล้ายดั่งบินร่อนอยู่ท่ามกลางมิติที่ห่างไกล
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่จึงดะสายตากลับมา และก้าวเดินไปด้านนอกช้าๆ
นักพรตฉางเซินเดินอยู่เคียงข้างเขา พวกเขาทั้งสองก้าวเดินไปไม่เร็วนัก เป็นการเดินทอดน่องท่ามกลางหุบเหวลึกแห่งนี้ เสพสุขกับช่วงเวลาที่หาได้ยากยิ่งนี้
พวกเขาทั้งสองก้าวเดินไปช้าๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว นักพรตฉางเซินจ้องมองดูหลี่ชิเย่และกล่าวว่า ข้ารู้ว่ามีคนผู้หนึ่งมีวิธีที่จะขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันได้
กล่าวสำหรับยอดฝีมือของแดนลัทธิพรรษแล้ว การที่จะขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก โดยทั่วไปแล้วต้องเริ่มต้นจากขั้นอมตะ และหรือเริ่มต้นจากระดับราชันแท้จริง
มีเพียงผู้ที่มีศักยภาพระดับนี้เท่านั้นจึงสามารถหักหาญก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิราชันได้ แน่นอน ถ้าหากมีคนคอยให้การสนับสนุนที่แดนลัทธิราชันก็จะง่ายดายยิ่ง่ขึ้น
เฉกเช่นมู่เส้าเฉินอย่างนั้น เขามีตระกูลมู่ที่แข็งแกร่งมากคอยให้การสนับสนุนในแดนลัทธิราชัน ดังนั้น การที่มู่เส้าเฉินจะกลับไปยังแดนลัทธิราชันอีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นมากเป็นพิเศษ
นอกเหนือจากสองวิธีนี้แล้วยังมีอีกวิธีหนึ่ง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งยิ่งบางแห่ง ระดับปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาเคยอาศัยกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งไปมาระหว่างแดนสามเซียนมาก่อน ดังนั้น ปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้ทิ้งช่องทางเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ จึงมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางแห่งยังคงสงวนช่องทางบางส่วนเอาไว้ ดังนั้น จึงทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางแห่งสามารถส่งคนที่ยังไม่ได้สำเร็จขั้นอมตะหรือราชันแท้จริงขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันได้ แน่นอน ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ไปเพื่อการนี้ก็เป็นจำนวนมโหฬาร หากไม่มีความจำเป็นขั้นเด็ดขาดพวกเขาก็จะไม่ส่งใครขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันง่ายดาย
แน่นอน ด้วยศักยภาพของหลี่ชิเย่แล้ว หากเขาต้องการหักหาญขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอนสำหรับเขา เพียงแต่เสียเวลามากขึ้นนิดหนึ่งเท่านั้นเอง
ถ้าหากมีช่องทางให้หลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิราชันล่ะก็ ย่อมรวดเร็วมากยิ่งกว่า ทำให้สามารถกระโดดข้ามขั้นต้อนการเตรียมตัวก่อนหน้านั้นไปทั้งหมด
ถ้าเช่นนั้นก็ไปดูสักหน่อย หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เขาจะขึ้นโดยอาศัยกำลังหักหาญขึ้นไป หรือจะขึ้นไปตามช่องทางอื่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากมายนัก
ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปทักทายปราศรัยสักหน่อย นักพรตฉางเซินหัวเราะเสียงน่ารักขึ้นมา
ในขณะนี้ นักพรตฉางเซินคล้ายลังเลนิดหนึ่ง นางได้เกาะกุมมือของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น สุดท้ายจึงได้ค่อยๆ คลายออก โดยขั้นตอนนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นเสมือนดั่งเวลาได้ผ่านไปเป็นศตวรรษอย่างนั้น
สุดท้ายหลี่ชิเย่ก็จะไปจากหุบเขาอมตะแล้ว พวกของฝานเมี่ยวเจินไม่อยากให้มีการจากไป ก่อนจากแม่นางทั้งสามต่างมีนัยน์ตาที่แดงก่ำ หลี่ชิเย่ได้กอดร่ำลาพวกนางทีละคน
ในวาระสุดท้ายก่อนจากลา ฝานเมี่ยวเจินที่ปรกติเจ้าเล่ห์กลับควบคุมตัวเองไม่ได้มากที่สุด นางกอดหลี่ชิเย่เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ข้าจะคิดถึงเจ้า ฝานเมี่ยวเจินที่กอดหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น น้ำตาเอ่อท่วมนัยน์ตาทั้งสองโดยไม่รู้ตัว ด้วยน้ำเสียงที่สะอื้นอยู่บ้าง
เด็กโง่ หลี่ชิเย่สวมกอดนางอย่างลึกซึ้งทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า อนาคตย่อมต้องได้พบกันอยู่แล้ว ฟ้าดินไม่แตกสลาย ย่อมมีโอกาส
แม้จะไม่อยากจากลามากเพียงใดก็ตาม สุดท้ายยังคงต้องลาจาก ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ได้โบกมือร่ำลาพวกของฝานเมี่ยวเจินสามพี่น้องและออกเดินทาง
พวกของฝานเมี่ยวเจินสามพี่น้องมองด้วยสายตาส่งหลี่ชิเย่จากไปและโบกมือตลอดเวลา สุดท้าย หลี่ชิเย่กับนักพรตฉางเซินได้หายไปแล้ว พวกนางจึงละสายตากลับมาด้วยความเสียดาย
ที่นักพรตฉางเซินพูดว่ามีช่องทางนั้นคือพรรคหยางหมิงนั่นเอง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิพรรษ ผู้กุมอำนาจปกครองในแดนลัทธิพรรษนั่นเอง
แม้จะกล่าวว่า ระหว่างนักพรตฉางเซินกับนักพรตพเนจรหยางหมิงมีการงัดข้อกันต่างๆ นานา แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พรรคหยางหมิงและหุบเขาอมตะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากในทางลับ เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อบุคคลภายนอกเท่านั้นเอง
ขณะที่หลี่ชิเย่ไปเยือนพรรคหยางหมิงนั้น ร่อยรอยการเดินทางของเขาค่อมต่ำมากไม่เป็นที่ทราบของบุคคลภายนอก แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงเป็นนักพรตพเนจรหยางหมิงที่มาให้การต้อนรับด้วยตนเอง
แม้จะกล่าวว่าก่อนหน้านั้นระหว่างหลี่ชิเย่กับนักพรตพเนจรหยางหมิงมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ต่างๆ นานา แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงนักพรตพเนจรหยางหมิงยังคงให้เกียรติหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ ออกมาต้อนรับด้วยตนเองและให้การรับรองอย่างดี
กล่าวได้ว่า นักพรตพเนจรหยางหมิงไม่ได้มีการชักช้ากับแขกอย่างหลี่ชิเย่แม้แต่น้อย แน่นอน ด้วยตำแหน่งและฐานะของหลี่ชิเย่ในวันนี้ การได้รับการปฏิบัติดูแลลักษณะเช่นนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสมเหตุสมผลทั้งสิ้น
นักพรตพเนจร ที่พวกเรามาเยือนถึงที่ในวันนี้ คือต้องการมาสู่ขอต่อพรรคหยางหมิงของพวกเจ้า หลังจากที่นักพรตฉางเซินได้พบหน้านักพรตพเนจรหยางหมิงแล้วได้กล่าวท่าทีเอ้อระเหยขึ้นว่า ศิษย์ของข้าคนนี้มีใจต่อนักพรตพเนจร สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นเพราะนักพรตพเนจรงดงามไร้ขีดจำกัด เป็นที่ดึงดูดใจมากเหลือเกิน ดังนั้น หุบเขาอมตะพวกเราคิดจะเกี่ยวดองสมรสกับพรรคหยางหมิงของเจ้า ศิษย์ของข้าต้องการแต่งเจ้ากลับไป
กล่าวได้ว่า ในข้อนี้นักพรตฉางเซิน กับฝานเมี่ยวเจินเหมือนกันมากเหลือเกิน พวกนางที่เป็นศิษย์และอาจารย์ต่างก็มีนิสัยของนางมารน้อยเช่นเดียวกัน มิน่าเล่านักพรตฉางเซินจึงได้เลือกฝานเมี่ยวเจินเป็นศิษย์คนโต สืบทอดตำแหน่งต่อ
เจ้ายังนอนไม่ตื่นรึ? นักพรตพเนจรหยางหมิงเพียงจ้องมองนักพรตฉางเซินด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่ง ยังคงมีท่าทางที่สูงส่งบริสุทธิ์ และเงียบเหงาเย็นชา
ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักพรตพเนจรหยางหมิง หรือว่านักพรตฉางเซิน ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดสาวงามอันดับต้นๆ ของแดนลัทธิพรรษแน่นอน ความงดงามของพวกนางทำให้ผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วนต้องสลดและอับแสงได้แน่นอน เพียงแต่ด้วยฐานะของพวกนางในวันนี้ สิ่งที่สะดุดตาของพวกนางโดยแท้จริงใช่เพียงความงดงามของพวกนางเท่านั้น
ทำไมรึ? ไม่ได้หรือไร? นักพรตฉางเซินหัวเราะและกล่าวหยอกล้อว่า หรือศิษย์ของข้าไม่คู่ควรกับเจ้า? ศิษย์ของข้าในวันนี้คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษในปัจจุบัน แต่งกับเจ้าได้เหลือเฟือ เจ้ามาเป็นสะใภ้ของหุบเขาอมตะพวกเรานับว่าไม่ทำให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม แน่นอน ข้ออาจได้เปรียบเจ้านิดหนึ่ง เจ้าต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ ไม่สิ ควรเป็นเจ้าที่ได้เปรียบข้า ข้าถูกเจ้าเรียกจนดูแก่ไปเชียว ข้าน่ะสวยและอ่อนกว่าเจ้า
นิสัยของนักพรตฉางเซินก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ และก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดใจผู้คนได้มากที่สุดของนางอย่างหนึ่ง
………………………………………………