การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงแต่งตั้งคนอย่างหลี่ชิเย่เป็นรัชทายาท ทำให้ภายในใจของปรมาจารย์ห้าสำนักใหญ่ต่างแอบดีใจอยู่เงียบๆ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับห้าสำนักใหญ่เช่นพวกเขาแล้ว ถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย มีอำนาจเด็ดขาดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด อำนาจที่อยู่ในมือของเขานั้นเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ภายใต้การกุมอำนาจของฮ่องเต้ไท่ชิง ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดๆ ก็ตามล้วนแล้วแต่เสมือนดั่งเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ มีโอกาสได้รับอันตรายได้ทุกเมื่อ
แม้แต่หอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งเช่นพวกเขา ล้วนแล้วแต่ต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่งภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ไท่ชิง ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการทำลายล้างพวกเขา เป็นความจริงที่พวกเขาไม่แน่ว่าจะต้านรับได้ไหว
ดังนั้น ฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานี้ต้องการแต่งตั้งหลี่ชิเย่ที่เป็นคนไม่เอาไหนขึ้นเป็นรัชทายาท มันเป็นการบ่งบอกว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นกำลังก้าวสู่การเสื่อมโทรมแล้ว
ในเวลานี้ ห้าปรมาจารย์ที่มีตำแหน่งสูงสุดอดที่จะดีใจลึกๆ ไม่ได้ และโชคดีที่ฮ่องเต้ไท่ชิงกุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจและยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว มีเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงที่เผด็จการเช่นนี้จึงสามารถแต่งตั้งคนที่ไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ขึ้นมาเป็นรัชทายาทได้
ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงไม่ใช่ประเภทเผด็จการที่รวบอำนาจไว้คนเดียวล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นจะแต่งตั้งคนไร้ความสามารถเช่นนี้มาเป็นรัชทายาทได้ ต่อให้ฮ่องเต้ไท่ชิงเห็นด้วย บรรพบุรุษคนอื่นๆ ของราชวงศ์โต่วเซิ่นก็จะไม่เห็นชอบด้วย
แต่ว่า เวลานี้ภายใต้อำนาจที่เด็ดขาดของฮ่องเต้ไท่ชิง แม้ว่าระดับบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปฏิบัติตามเท่านั้น
ลูกเอ๊ย ต่อไปต้องคบค้าสมาคมกับห้าปรมาจารย์ให้ดี คบหากับหอหลินไห่เก๋อห้าสำนักใหญ่ให้ดี เวลานี้ท่าทางของฮ่องเต้ไท่ชิงดูอ่อนโยนมีเมตตา และพยายามอย่างยิ่ง เหมือนหนึ่งเป็นบิดาที่มีเมตตาและอ่อนโยนและหลงรักมากเป็นพิเศษ
ข้ารู้แล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ท่าทางอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง กระทั่งออกจะไม่ค่อยสบอารมณ์นิดๆ ด้วยซ้ำ
เมื่อห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้เห็นท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว ทำให้พวกเขาอดที่จะมองตากันและกัน ลองคิดดู ฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าเป็นผู้ที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นใด และโหดเหี้ยมเพียงใด ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องตัวสั่นงันงกเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา และขาสั่นทั้งสองข้าง
เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงที่โอหังอย่างยิ่งนับว่าถูกผู้ไร้ความสามารถคนหนึ่งเอาอยู่ ถ้าหากว่าบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้ไท่ชิงเหมือนเช่นบุตรีที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง สำนักต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็จะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก โชคดีที่บุตรนอกสมรสของเขาคนนี้ถึงกับไร้ความสามารถถึงเพียงนี้
ข้าเองคงมีเวลาไม่มากแล้ว เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงได้กล่าวกับห้าปรมาจารย์ช้าๆ ว่า ข้าคิดจะจัดการเรื่องแต่งงานของเด็กให้เรียบร้อยก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
ครั้นบรรดาห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ต่างมองตากันและกัน และมีปรมาจารย์ผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นทันทีว่า ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย นังหนูตระกูลปิงฉือสุดแต่องค์ชายจะเลือก
แคว้นว่านเจิ้นพวกเรามีสาวงามเป็นหมื่นพัน สุดแต่องค์รัชทายาทจะเลือกเป็นสนม ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแค้วนว่านเจิ้นรับกล่าวตาม
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสที่ฟ้าประทาน ถ้าหากพวกเขาเอาศิษย์สาวของสำนักส่งเข้าวังและกลายเป็นสนมของรัชทายาท ย่อมไม่ต้องสงสับว่าเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้ควบคุมรัชทายาทเอาไว้
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา เมื่อเห็นห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดต่างแย่งกันส่งตัวศิษย์สาวภายในสำนักของตนมาเป็นสนมรัชทายาท
ไม่ใช่คัดเลือกสนม ฮ่องเต้ไท่ชิงกล่าวช้าๆ ว่า ข้าหมายถึงนังหนูของห้าตระกูล นังหนูห้าตระกูลของพวกเจ้าเอาตามนี้ก็แล้วกัน ให้รับเลือกเป็นสนมรัชทายาท ซึ่งจะทำให้พวกท่านห้าตระกูลกับราชวงศ์โต่วเซิ่นได้เสพสุขความร่ำรวยมั่งคังและเกียรติยศร่วมกัน
สีหน้าของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดพลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงพูดคำๆ นี้ออกมา ก่อนหน้านี้ภายในใจของพวกเขาต่างคิดแผนการเล็กๆ เอาไว้ ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการคัดเลือกสนมรัชทายาทล่ะก็ พวกเขาก็จะคิดเลือกศิษย์สาวที่มีความเหมาะสมจากแคว้นหรือสำนักของตนเพื่อส่งตัวเข้าวัง
แต่ว่า เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงหาใช่ต้องการคัดเลือกจากสำนักหรือแคว้นของพวกเขา แต่เป็นการเจาะจงเลือกสนมรัชทายาทโดยตรงจากห้าสำนักของพวกเขา อีกทั้งห้าสนมรัชทายาทที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเลือกไว้นั้น กล่าวสำหรับห้าสำนักพวกเขาแล้ว ล้วนแล้วแต่มีสายเลือดที่สูงส่งทั้งสิ้น
การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงทำเช่นนี้ เท่ากับจับเอาห้าสำนักใหญ่ของพวกเขาผูกกับหลี่ชิเย่ด้วยกัน เพื่อต้องการเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้หลี่ชิเย่ในอนาคต
แม้จะกล่าวว่า ทุกสิ่งย่อมสามารถเสียสละได้ภายใต้อำนาจ แต่ทว่าสนมรัชทายาทที่ฮ่องเต้ไท่ชิงชี้เฉพาะเจาะจงนั้น เกรงว่าเหล่าบรรพบุรุษบางส่วนในสำนักของพวกเขาจะไม่เห็นด้วย เกรงว่าคงไม่ยอมให้พวกนางแต่งงานกับคนไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ ยิ่งไม่ต้องการให้สายเลือดที่ใกล้ชิดเช่นนี้ผูกอยู่กับราชวงศ์โต่วเซิ่น
จะอย่างไรเสีย หากฮ่องเต้ไท่ชิงสิ้นพระชนม์และคนไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ก้าวขึ้นมา ใครจะรู้ได้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นจะล่มสลายลงเมื่อไร ภายในใจของพวกเขาย่อมไม่ต้องการให้สายเลือดที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของสำนักมาผูกติดกับราชวงศ์โต่วเซิ่นที่ใกล้จะล่มสลายเช่นนี้
เรื่องนี้ ฝ่าบาทก็ทราบดีอยู่แล้วว่า นังหนูหานยวี่ตระกูลข้า… เวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดตระกูลขุนนางโบราณลังเลนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้น
ฮ่องเต้ไท่ชิงคือใคร? เขาคือฮ่องเต้ที่เผด็จการ เมื่อไรที่เขาออกปากใครกล้าพูดคำว่า ไม่ ออกมา?
ดังนั้น เมื่อแววตาของฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานี้ส่งประกายเยือกเย็น และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า ทำไมรึ? เกรงว่าสายเลือดของรัชทายาทไม่คู่ควรสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลปิงฉือรึ?
มิกล้า มิกล้า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลปิงฉือผู้นี้พลันรู้สึกสะท้านภายในใจ เมื่อแววตาที่เยือกเย็นของฮ่องเต้ไท่ชิงมองมา รีบเร่งโค้งคำนับและกล่าวว่า สายเลือดราชสำนัก สูงส่งดั่งมังกร เป็นตระกูลปิงฉือของข้าที่อาจเอื้อมไปแล้ว อาจเอื้อมแล้ว
แม้จะกล่าวว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงที่นอนอยู่บนเตียงจะหายใจรวยรินแล้ว แต่จะอย่างไรเสียเขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวที่สุดของแดนลัทธิราชัน เมื่อไรที่เขาลงมือก็สามารถสังหารปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นพวกเขาได้ กล่าวได้ว่าอาศัยศักยภาพของฮ่องเต้ไท่ชิง แทบจะหาคู่ต่อสู้ในแดนลัทธิราชันได้ไม่กี่คนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้ยังมีซุนหลึ่งหยิ่งที่ยืนอยู่ในที่มืด และจับตาพวกเขาอยู่เสมือนดั่งเป็นอสรพิษตัวหนึ่ง
พวกท่านยังมีคำพูดอะไรอีกหรือไม่? เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงมองหน้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าที่อยู่ในเหตุการณ์
ในเวลานี้ห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออกทันที พวกเขาต่างมองตากันและกัน เวลานี้พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพูดอะไรออกมา
แต่ว่า ในใจของพวกเขาต่างก็เข้าใจ พวกเขาไม่อาจต่อต้านฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานี้ ขอเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงยังไม่ตายเงาทมิฬของเขาก็ยังคงปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของคนทุกคน
สำนักเสินสิงเหมินพวกเรายินดี เป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของสำนักเสินสิงเหมินที่แสดงท่าทีออกมาก่อน และก็คือเทพวายุที่มีชื่อเสียงโด่งดัง!
เมื่อเทียบกับสำนักอื่นๆ แล้ว สำนักเสินสิงเหมินมีความใกล้ชิดกับราชวงศ์โต่วเซิ่นมากกว่า กล่าวได้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงก็เคยให้การสนับสนุนเทพวายุ ดังนั้น เทพวายุจึงแสดงท่าทีเป็นคนแรกภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ ยินดีให้นังหนูสำนักเสินสิงเหมินของตนเองแต่งงานเป็นสนมของรัชทายาท
พวกเราก็ยินดี เมื่อเทพวายุก็แสดงท่าทีไปแล้ว ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอีกสี่คนได้แต่ทยอยกันแสดงท่าทีออกมา
ในขณะนี้หากมีคนใดคนหนึ่งไม่ยอมล่ะก็ รับรองได้ว่าจะต้องเป็นคนแรกที่ถูกโจมตีและสยบ ไม่แน่นักก่อนที่ฮ่องเต้ไท่ชิงจะสวรรคตก็จะส่งกองทัพทำลายสำนักของพวกเขาก่อน
ดังนั้น ในเวลานี้สี่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดต่างทยอยกันแสดงท่าทีออกมา ได้แต่ยอมรับเรื่องการคัดเลือกสนมที่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน
ความจริงแล้วนี่ใช่เป็นการคัดเลือกสนมที่ไหนกัน มันคือการบังคับให้ผู้สืบทอดของตนแต่งงานกับหลี่ชิเย่ของฮ่องเต้ไท่ชิงโดยตรง บังคับให้ผู้สืบทอดของพวกเขาให้กลายเป็นสนมรัชทายาท เป็นการอาศัยกำลังจับห้าสำนักใหญ่ของพวกเขามัดรวมด้วยกันกับราชวงศ์โต่วเซิ่น
ดีมาก ฮ่องเต้ไท่ชิงพยักหน้า และกล่าวช้าๆ ขึ้นว่า เช่นนั้นแล้วก็ลงนามในสัญญาก็แล้วกัน
พลันที่ฮ่องเต้ไท่ชิงพูดขาดคำ ซุนหลึ่งหยิ่งที่ยืนอยู่ในที่มืดได้ก้าวเดินออกมาช้าๆ ในเวลานี้เองในมือของเขาได้ถือถาดหยกอยู่ใบหนึ่ง ในถาดหยกได้จัดวางสัญญาแต่งงานไว้ห้าฉบับ
เวลานี้ซุนหลึ่งหยิ่งได้ก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ทั้งห้าท่าน เชิญ
สีหน้าของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดพลันเปลี่ยนไป เมื่อเห็นซุนหลึ่งหยิ่งได้ยกเอาสัญญาแต่งงานก้าวเดินออกมา พวกเขาเข้าใจว่าแค่ตอบตกลงด้วยปากเปล่าก็ได้แล้ว ไม่นึกเลยว่าฮ่องเต้ไท่ชิงจะให้พวกเขาลงนามในสัญญาโดยตรง เมื่อไรที่ลงนามในสัญญานี้แล้วเท่ากับเป็นหลักฐานที่แน่ชัดเป็นลายลักษณ์อักษร อาศัยฐานะของพวกเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว
เวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าอดที่จะมองตากันและกัน ต่างลังเลอยู่นิดหนึ่ง เนื่องจากสัญญานี้หากมีการลงนามเมื่อไรใช่เป็นเรื่องเล็กแล้ว
ข้าก่อน สุดท้ายแล้วคนแรกที่ก้าวออกมายังคงเป็นเทพวายุ เมื่อเขาก้าวออกมาดั่งเป็นลมที่พัดผ่านไป ได้ยินเสียงจี๊ดดังขึ้น ตราประทับลับได้ทำการพิมพ์สลักลงบนสัญญาแต่งงานฉบับนั้น
เมื่อไรที่ตราประทับลับของเขาได้สลักพิมพ์ลงบนสัญญาแต่งงานนี้แล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว มีผลตลอดไป
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอีกสี่คนจนด้วยเกล้า ต่างทยอยกันพิมพ์ตราประทับลับของตระกูลหรือสำนักลงไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเอาเสียเลย แต่ก็ได้แต่ลงนามในสัญญาแต่งงานฉบับนี้
ในเวลานี้เอง ฮ่องเต้ไท่ชิงไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาได้เลือกเลยแม้แต่น้อย ไม่ก็ลงนามเสีย ไม่ก็สำนักพวกเขาถูกทำลายก่อนที่เขาจะตาย
เมื่อปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าล้วนแล้วแต่ลงนามในสัญญาแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ซุนหลึ่งหยิ่งได้ถือถาดหยกก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ โค้งคำนับและกล่าวว่า องค์ชาย ท่านเก็บสัญญาแต่งงานนี้ให้ดี
หลี่ชิเย่เองก็หัวเราะขึ้นมาเมื่ออยู่ๆ ก็มีคู่หมั้นเพิ่มขึ้นมาถึงห้าคน ช่างน่าสนใจเหลือเกิน กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า ห้าคนดูเหมือนจะน้อยไปนิดหนึ่งนะ ถึงเวลาใช่จะมีพี่สาวน้องสาวที่งดงามและดึงดูดใจสักหลายๆ คนติดตามเจ้าสาวมาด้วยเล่า
คำพูดที่หลงระเริงของหลี่ชิเย่พลันทำให้ห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ถ้าเป็นปรกติแล้วหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้ที่ไร้ความสามารถไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาอยู่แล้ว เวลานี้ถึงกับได้ผู้สืบทอดของพวกเขาไป ทั้งยังพูดจาไม่ละอายว่าต้องการพี่สาวน้องสาวแต่งงานตามมาด้วยสักหลายๆ คน นี่เป็นการได้คืบเอาศอกชัดๆ หากไม่เป็นเพราะฮ่องเต้ไท่ชิงล่ะก็ พวกเขาจะต้องสังหารเจ้าเดรัจฉานน้อยนี้ให้ได้
ถึงเวลานั้น เจ้าถูกใจคนไหน ชอบคนไหนก็เลือกเอาตามใจชอบก็แล้วกัน ข้าเชื่อว่าทั้งห้าท่านคงไม่มีปัญหาอะไรกระมัง ท่าทางฮ่องเต้ไท่ชิงดูหลงรักมาก พยักหน้า และยิ้มกล่าวด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและมีเมตตา
ไม่มีปัญหา ขอเพียงรัชทายาททรงโปรด เวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มกล่าวขึ้น ผู้มีสายเลือดสูงสุดของสำนักก็ยังแต่งด้วยแล้ว แล้วพวกเขายังจะต้องใส่ใจกับศิษย์สาวทั่วไปคนอื่นๆ แต่งตามมาด้วยอีกสักหลายคนรึ?
เช่นนั้นก็ดี ก็ดี หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ข้าจะไปที่สำนักพวกท่านสักหน่อย เพื่อเลือกสาวงามอีกสักหลายๆ นางมาอุ่นเตียง แต่ว่า คนอย่างข้าชมชอบภรรยาของผู้อื่น หรือหญิงสาวที่เพิ่งแต่งานอะไรทำนองนั้นมากกว่า กล่าวพลาง หัวเราะขึ้นมาด้วยท่าทีที่แฝงด้วยความชั่วร้าย
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว พลันมีใบหน้าที่ดูไม่จืดอย่างยิ่ง
……………………………………………….