แต่งตั้งองค์รัชทายาทหลี่ชิเย่ ขึ้นครองราชย์!
เมื่อราชโองการนี้ถูกประกาศออกไปแล้ว ทุกคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่งงงันไปสิ้น ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่คนนี้คือใครกันแน่
ที่ไม่ได้รู้สึกตกใจระคนความแปลกใจก็คือปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าของหอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ วัดจิ้งเหลียนกวาน แคว้นว่านเจิ้น และสำนักเสินสิงเหมินที่เป็นห้าผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เนื่องจากพวกเขาถูกฮ่องเต้ไท่ชิงเรียกให้เข้าเฝ้าตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว ให้พวกเขาจังรักภักดีต่อรัชทายาท จงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่
อย่าว่าแต่สำนักต่างๆ จำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่ราชวงศ์โต่วเซิ่นเองก็งงงันเช่นกัน ราชนิกูลจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน
ไม่ได้แต่งตั้งทังเฮ่อเสียงเป็นรัชทายาทรึ? มีราชนิกูลที่เป็นผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกเมื่อได้ยินราชโองการต่างก็งุนงงกันและเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
หลี่ชิเย่คนนี้เป็นใครกันนะ ทำไมถึงถูกฝ่าบาทกำหนดให้เป็นองค์รัชทายาทได้เล่า? ในขณะนี้แม้แต่ภายในของราชวงศ์โต่วเซิ่นก็มียอดฝีมือรุ่นบุกเบิกต่างทยอยกันแสดงความไม่พอใจ
แม้จะกล่าวว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจต่อการแต่งตั้งคนที่ชื่อหลี่ชิเย่เป็นองค์รัชทายาท แต่ว่า ยังไม่มีใครกล้าแสดงตัวออกมาคัดค้านเป็นการชั่วคราว
จะอย่างไรเสีย ฮ่องแต้ไท่ชิงเพิ่งจะสวรรคตใหม่ๆ อำนาจบารมียังคงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ซุนหลึ่งหยิ่งยังคงอยู่ และกองทัพหยินมี่ก็ยังคงอยู่
ซุนหลึ่งหยิ่งนั้นจงรักภักดีต่อฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นที่ทราบกันทั่วหล้า ความภักดีของกองทัพหยินมี่นั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ ในเมื่อฮ่องแต้ไท่ชิงแต่งตั้งหลี่ชิเย่เป็นรัชทายาท ซุนหลึ่งหยิ่งและกองทัพหยินมี่จะต้องปฏิบัติตามราชโองการของฮ่องแต้ไท่ชิงด้วยความจงรักภักดี
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามคิดจะกระโดดออกมาแสดงตนคัดค้านการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างหลี่ชิเย่ จะต้องประเมินกำลังของตนเสียก่อน
หลี่ชิเย่คนนี้เป็นใครนะเนี่ย? เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กำลังสืบเสาะประวัติความเป็นมากของรัชทายาทองค์ใหม่ ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เหมือนบ้าไปแล้วอย่างนั้น ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างขุดหาประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ ขุดหาร่องรอยเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลี่ชิเย่ แต่ทว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีอภินิหารยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม ก็ไม่สามารถาขุดหาเรื่องราว หรือเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับหลี่ชิเย่ออกมาได้
หลี่ชิเย่ผู้นี้เสมือนหนึ่งโผล่ออกมาด้วยการเสกจากอากาศธาตุ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่บังเกิดรัชทายาทเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งจากอากาศธาตุเช่นนี้แหละ
ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ประกาศใต้หล้า หอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ สำนักเสินสิงเหมิน… ขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นผู้ใดนั้น ราชโองการขึ้นครองราชย์ได้ประกาศลงมาแล้ว พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ มีราชโองการให้สำนักที่แข็งแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เข้าเฝ้า
นี่เป็นหนึ่งพิธียิ่งใหญ่ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สถาปนาฐานะตนเองที่ขาดเสียมิได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ทำการสยบสถานการณ์ให้มั่นคง
ปัง ปัง ปังหลังจากที่ราชโองการเพิ่งจะถูกประกาศออกมาแล้วนั้น ภายในเมืองกัวชางเฉิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบยิ่งดังขึ้นเป็นระลอก พริบตาเดียวนั่นเอง ไอเย็นดั่งน้ำขึ้นที่ไหลรินอยู่ท่ามกลางเมืองกัวชางเฉิง เมืองกัวชางเฉิงที่เดิมอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนอบอ้าวพลันปรากฏอากาศเย็นขึ้นมา
กองทัพหยินมี่พลันถูกโยกเข้าไปยังเมืองหลวง ทำให้เมืองหลวงเข้าสู่การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากจะเข้าออกเมืองก็ต้องผ่านการสอบสวนจากกองทัพหยินมี่
ในเวลานี้ ปรากฏด่านตรวจที่ถี่ยิบขึ้นภายในเมืองหลวง ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงเปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินอยู่บนถนนล้วนแล้วแต่ต้องร่างสั่นเทาขึ้นมา
การที่กองทัพหยินมี่พลันเข้ารักษาการณ์เมืองหลวงอย่างเข้มงวด จุดประสงค์นั้นชัดเจนยิ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็จะมาทำการบุ่มบ่ามไม่ได้กับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ มิฉะนั้นล่ะก็ฆ่าไม่มีละเว้น
กองทัพหยินมี่นั้นคือกองทัพที่จัดตั้งขึ้นด้วยมือของฮ่องแต้ไท่ชิงโดยตรง เป็นกองทัพที่น่ากลัวที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เคยเกรียงไกรไร้เทียมทานทั่วหล้า ดังนั้น เมื่อกองทัพหยินมี่ถูกโยกมาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว สำนักใดๆ และกองทัพใดๆ ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดแล้ว ขอเพียงซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ กองทัพหยินมี่ยังอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ราชโองการฮ่องแต้ไท่ชิงก่อนสวรรคตยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้
หอหลินไห่เก๋อขอเข้าเฝ้า… หลังจากที่ราชโองการการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ถูกถ่ายทอดไปแล้ว คนแรกที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คือหอหลินไห่เก๋อ หนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
สำนักเสินสิงเหมินขอเข้าเฝ้า… จังหวะที่หอหลินไห่เก๋อเพิ่งจะมาถึง ตามติดด้วยสำนักเสินสิงเหมินทันที
ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือขอเข้าเฝ้า…
……
ภายในระยะเวลาอันสั้น ห้าสำนักที่มีกำลังกล้าแข็งมากที่สุด และมีผลกระทบมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ต่างเข้าวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั้งยังเป็นการมาด้วยตนเองของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด พลันเป็นการยืนยันฐานะของฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว
ในขณะที่ห้าสำนักใหญ่ต่างทยอยกันเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่นั้น แคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ และนิกายต่างๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็ทยอยกันเข้าเมืองหลวง เพื่อร่วมในพิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่
เวลานี้ ภายในเมืองกัวชางเฉิงนอกจากแขวนผ้าขาวและคำไว้อาลัยแล้ว ก็เริ่มมีการแขวนโคมไฟขึ้นมาบ้างแล้ว เพื่อประดับประดางานมงคลต้อนรับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่
ท่ามกลางบรรยากาศที่บีบเค้นได้ปนบรรยากาศมงคลขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ประชาชนภายในเมืองหลวงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์… ในวันที่มีพิธีการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่นั้น ปรากฎเสียงฆ้องดังก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวง และเสียงดังกล่าวยังได้ดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกด้วย
การขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ในวันนี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงดูจะเดือดพล่านขึ้นมา โดยเฉพาะภายในพระราชวัง เหล่าบรรพบุรุษ เจ้าสำนักที่มาจากทั่วทุกสารทิศของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่คุกเข่าอยู่ที่ตรงนั้น
ท่ามกลางพิธีขึ้นครองราชย์นี้ หนึ่งเดียวที่สามารถยืนอยู่ที่ตรงนั้นมีเพียงปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าเท่านั้น จะอย่างไรเสีย ฐานะของพวกเขานั้นสูงส่งยิ่งนัก ทั้งยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร เว้นแต่ฮ่องแต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ คนอื่นก็จะไม่สามารถให้พวกเขาคุกเข่ากับพื้นได้อีกแล้ว
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปัง มองเห็นทหารของกองทัพหยินมี่สองแถววิ่งตรงเข้ามาทำการคุ้มครองอยู่ซ้ายขวา เรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้าราชบัลลังก์ เพื่อกวาดล้างสิ่งกีดขวางให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ในการขึ้นครองราชย์
ฝ่าบาทเสด็จแล้ว… ในเวลานี้เอง เสียงหนึ่งดังขึ้นดังก้องไปทั่วพระราชวัง บรรดาระดับบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่คุกเข่าอยู่ต่างทยอยกันเงยหน้าขึ้น ทุกคนต่างต้องการมองดูว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นคนแบบไหนกัน
ในเวลานี้ ภายในพระราชวังมีคนสามคนก้าวเดินออกมา ผู้ที่เดินอยู่ด้านหน้าก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ด้านหลังหลี่ชิเย่ก็คือซุนหลึ่งหยิ่ง กับจางเจี๋ยตี้ พวกเขาสองคนติดตามอยู่ซ้ายขวา ก้าวเดินตามจังหวะดั่งเงาที่ไม่ยอมห่าง
ทุกคนถึงกับมองตากันและกันเมื่อเห็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เสด็จออกมา
มองเห็นหลี่ชิเย่ที่สวมชุดมังกร ทั้งยังสวมใส่ได้ตามอารมณ์ยิ่ง มงกุฎบนศีรษะถูกสวมเอาไว้ในลักษณะเอียงกระเท่เร่ ไม่มีกลิ่นอายของความเข้มงวดและหนักแน่น ที่เอาเรื่องมากกว่านั้นก็คือท่าเดินของหลี่ชิเย่ ส่ายหัวสะบัดมือไม่ได้เหมือนเป็นฮ่องเต้ เหมือนเป็นนักเลงคนหนึ่งมากกว่า ท่าเดินเรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ลักษณะประมาทและมีนิสัยไม่ดี ไม่ได้มีพลังความเป็นฮ่องเต้เอาเสียเลย
ที่ทำให้ผู้คนต้องงงงันยิ่งกว่านั้นก็คือ ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ พลันที่มองเห็นก็รู่ว่าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนน้อยที่เพิ่งจะเข้าสำนัก และได้ฝึกยุทธมาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง หาใช่เป็นยอดฝีมืออะไรนั่น
มาคราวนี้พลันทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่คุกเข่าอยู่ทยอยกันตะลึงงัน
ฮ่องแต้ไท่ชิงปราศจากผู้ต่อกรชั่วชีวิต ถึงกับแต่งตั้งคนหนุ่มที่ประมาทและนิสัยไม่ดีมาเป็นฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีทักษะยุทธอ่อนจนไม่รู้จะอ่อนอย่างไรอีกแล้ว ฮ่องเต้คนใหม่ลักษณะเช่นนี้นับว่าไร้เหตุผลเกินไปแล้วกระมัง
ลุกขึ้น หลี่ชิเย่ที่ประทับอยู่กับบัลลังก์มังกร ท่าทางเหนื่อยหน่าย เหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้น อีกทั้งเพียงมองดูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทีหนึ่งแล้วก็ขี้คร้านจะมองอีก
ในเวลานี้เอง เจ้าสำนักและระดับบรรพบุรุษต่างทยอยกันลุกขึ้น ภายในระยะเวลาอันสั้นไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แลกสายตากันทีหนึ่ง เวลานี้บรรยากาศที่แปลกประหลาดยิ่งได้ตลบอบอวลไปทั่วพระราชวัง
ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่มีอำนาจบารมีอยู่บ้าง อีกทั้งฮ่องแต้ไท่ชิงเพิ่งจะสวรรคตไปไม่นาน จะมากหรือน้อยก็ต้องยังคงอำนาจบารมีอยู่บ้าง ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในเหตุการณ์ชั่วดีอย่างไรก็ต้องร้องกล่าวว่า ‘ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี’
เวลานี้ปรากฏฮ่องเต้ที่ไม่เหมือนฮ่องเต้โผล่ขึ้นมาคนหนึ่ง ภายใต้หลี่ชิเย่คำหนึ่ง ‘ลุกขึ้น’ ทุกคนต่างลุกขึ้น และไม่มีใครร้องกล่าวว่าทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปีอีกแล้ว
เนื่องจากภายในใจของทุกคนต่างรู้สึกงงงัน และส่วนใหญ่จะบังเกิดความสบประมาทในใจ คนแบบนี้น่ะหรือสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ สามารถปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ นี่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นท่าทางหลี่ชิเย่ที่ลักษณะประมาทและมีนิสัยไม่ดี เหมือนคนจรจัดในเมืองอย่างนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยดูแคลนฮ่องเต้องค์ใหม่มากขึ้น คนจรจัดเช่นนี้ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงด้วยซ้ำ
สมควรทราบว่า บรรดาระดับบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่เจ้าถิ่นคนหนึ่ง? คนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่หนึ่ง มาวันนี้ถึงกับต้องให้พวกเขามาคุกเข่าให้กับคนจรจัดเช่นนี้ ย่อมทำให้ในใจของพวกเขารู้สึกไม่สบอารมณ์
เอาล่ะ ขุนนางทั้งหลาย เหล่าบรรพบุรุษและเจ้าสำนักมีอะไรจะรายงานหรือไม่? หลี่ชิเย่ที่ท่าทางมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร
ทุกคนที่เห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ต่างไม่มองเขาอยู่ในสายตา ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี?
ผู้อาวุโสซุน นี่ นี่เป็นการแต่งตั้งของฮ่องเต้องค์ก่อนจริงหรือ? ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเหล่าขุนนางได้มีชายฉกรรจ์ก้าวออกมาคนหนึ่ง ชายฉกรรจ์ผู้นี้มีท่าทีที่สร้างความกดดันให้กับผู้คน พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าเป็นระดับเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งเป็นผู้ที่ก้าวสู่ขั้นอมตะแล้ว แม้ว่าเพิ่งจะก้าวเข้าไปขั้นดังกล่าวแต่ก็นับว่ามีความแข็งแกร่งยิ่งแล้ว
ถูกต้อง ซุนหลึ่งหยิ่งที่กอดกระบี่แนบอก ประหยัดคำพูดดั่งทอง
พวก พวกเราต้องการดูพระราชโองการของฮ่องเต้องค์ก่อน เวลานี้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า จะอย่างไรเสีย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรม เกี่ยวพันถึงการความอยู่รอดของราชวงศ์โต่วเซิ่นของพวกเรา
ทำไมรึ สงสัยข้าเป็นฮ่องเต้ตัวปลอมอย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว และยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
แม่ทัพใหญ่ผู้นี้นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง หันหลังมองไปที่บรรดารองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังทีหนึ่ง รองแม่ทัพสิบกว่านายที่อยู่ด้านหลังเขาต่างพยักหน้าแข็งขันต่อเขา
แต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวพันถึงระยะยาวจะคลุมเครือไม่ได้ ดังนั้น ราชสำนักควรหารือร่วมกัน แม่ทัพใหญ่ผู้นี้กัดฟันกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
ถูกต้อง พวกเราก็เห็นด้วยกับคำพูดแม่ทัพใหญ่อุดร หลังจากที่แม่ทัพใหญ่ผู้นี้พูดจบ บรรดารองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังเขาทยอยกันพูดขึ้น เพื่อทำให้คำพูดมีความหนักแน่นยิ่งขึ้น
แม่ทัพใหญ่ผู้นี้มีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่น ตระกูลของเขามีอิทธิพลสูงมาก เป็นผู้บัญชาการกองทัพอุดร
ในราชวงศ์โต่วเซิ่นนั้น นอกเหนือจากกองทัพหยินมี่ที่สร้างขึ้นมากับมือของฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ยังมีกองทัพส่วนกลาง กองทหารองรักษ์ราชวงศ์ และกองทัพบูรพา ทักษิณ ประจิม และอุดรที่เป็นสี่กองทัพใหญ่ มีกำลังที่แข็งแกร่งมาก บัญชาการรักษาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
อ้อ คิดจะรื้อบัลลังก์ฮ่องเต้ของข้าน่ะสิ หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ประหารเสีย สังหารพวกเขาให้หมด
ท่านกล้ารึ… แม่ทัพใหญ่ผู้นี้พลันตวาดเสียงดังขึ้นมา ข้าตามเสด็จฮ่องเต้องค์ก่อนยกทัพปราบปรามด้วยพระองค์เองมาสามครั้ง กวาดล้างชนเผ่าภาคเหนือ ผลงานการสู้รบเป็นที่ประจักษ์ ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานบัตรเหล็ก…
อ้อ นั่นเป็นเรื่องฮ่องเต้องค์ก่อน มันเกี่ยวอะไรกับข้า หลี่ชิเย่หัวเราะและเอ่ยขึ้น โบกมือสั่งการไปว่า ซุนหลึ่งหยิ่ง ประหารเสีย
ตึง…ซุนหลึ่งหยิ่งไม่กล่าวมากความ กระบี่ออกจากฝัก พลันปรากฎกลิ่นอายการฆ่ารุนแรง
พลันที่ซุนหลึ่งหยิ่งลงมือ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าก็ต้องหวั่นไหวในใจ นี้คือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
เจ้ากล้ารึ… สีหน้าของแม่ทัพใหญ่อุดรเปลี่ยนไปมากทีเดียว คำรามเสียงยาวขึ้นมา กลายร่างเป็นจิ้งจอกเผือก บรรดารองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ลงมือพร้อมกัน กลายเป็นค่ายกลขึ้นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือแม่ทัพใหญ่อุดร
ปัง…เสียงดังสนั่นขึ้นมา หนึ่งกระบี่ของซุนหลึ่งหยิ่งดั่งไล่ดวงดาราต้อนจันทรา โจมตีทะลุผ่านตลอดกาล ฉับพลันก็ทำลายค่ายกลนั้นลง ซึ่งไม่อาจต้านรับได้อยู่แล้ว
ได้ยินเสียงปุ ปุ ปุแต่ละเสียงที่ดังขึ้น เลือดสดๆ กระเซ็นเปื้อนเสื้อ มองเห็นศีรษะแต่ละหัวที่กลิ้งอยู่บนพื้น แม่ทัพใหญ่อุดรพร้อมด้วยรองแม่ทัพที่อยู่ข้างกายของเขาถูกซุนหลึ่งหยิ่งสังหารจนสิ้น
เวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วตำหนัก ทุกคนต่างอดที่จะสั่นเทิ้มไม่ได้เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดนี้แล้ว
นาทีนี้ ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจแล้วว่า แม้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะเป็นสวะคนหนึ่ง แต่ว่า ซุนหลึ่งหยิ่งนั้นคือเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างแท้จริง ทอดสายตามองออกไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต้านเข้าได้
ต่อให้เป็นห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดหากคิดจะสู้กับซุนหลึ่งหยิ่ง ก็ต้องคิดให้รอบคอบ
………………………………….