แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์สำหรับท่าทีที่ร้อนรนของจางเจี๋ยตี้
ฝ่าบาท เมื่อผู้เฒ่าซุนจากไปต้องทำให้แผ่นดินเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ในราชสำนักหากไม่มีผู้เฒ่าซุนก็ไม่สามารถสยบกองทัพต่างๆ ได้ เกรงว่าทัพแรกที่ไม่ยอมรับการบัญชาก็คือกองทัพหยินมี่ จากนั้นก็เป็นกองทัพส่วนกลาง กองกำลังรักษาพระนคร และกองทัพภาคทั้งสี่ก็จะมีความผันผวน เมื่อใดที่สูญเสียกองทัพทั้งเจ็ดไป ไม่เพียงเหล่าผู้อาวุโสของราชสำนักจะไม่เชื่อฟังคำบัญชาของฝ่าบาท…
…เกรงว่าสำนักต่างๆ เช่นหอหลินไห่เก๋อที่เป็นห้าสำนักใหญ่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสอดส่องอำนาจและแผ่นดินที่อยู่ในมือของฝ่าบาท ถึงเวลานั้นแล้วไม่แน่นักพวกเขาจะส่งทหารโจมตีฝ่าบาท ถึงตอนนั้นเกรงว่ากองทัพทั่วหล้าก็จะไม่ฟังคำบัญชาของฝ่าบาทอีก ฝ่าบาท ทรงเลอะเลือนแล้ว จางเจี๋ยตี้นั้นเรียกว่าตั้งความหวังจะให้ได้ดิบได้ดี ด้วยการหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้า
แล้วอย่างไรล่ะ? หลี่ชิเย่ตามอารมณ์ยิ่งนัก ยิ้มกล่าวว่า อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่างไรเสียฟ้าคงไม่ถล่มลงมา แผ่นดินท้ายที่สุดแล้วก็คือนำมาถลุงกันอยู่แล้ว ให้ใครถลุงก็คือถลุง เช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นผู้ถลุงก็แล้วกัน
จางเจี๋ยตี้ทอดถอนใจออกมาคำหนึ่งอย่างจนด้วยเก้า สถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้วเมื่อซุนหลึ่งหยิ่งจากไป ถึงจะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เวลานี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็คือ หลี่ชิเย่จะเป็นผู้ใหญ่อีกสักนิด อย่าได้ทำอะไรดื้อรั้นอีก
ฝ่าบาท แม้ว่าฟ้าคงไม่ถล่มลงมา แต่ว่า เกรงจะรักษาแผ่นดินเอาไว้ไม่ได้ อีกทั้งยังจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ จางเจี๋ยตี้ก็นับว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น จึงได้เอ่ยวาจาที่ล่วงเกินต่อเบื้องสูงออกมา
นี่มันคือแผ่นดินของข้าไม่มีปัญหาอะไร เล่นจบเกมก็จบไป หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า สำหรับชีวิตน่ะหรือ? ในโลกนี้ข้ารอผู้ที่จะมาเอาชีวิตช้าจริงๆ นะเนี่ย ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับหัวเราะขึ้นมา
จางเจี๋ยตี้ยังจะพูดอะไรได้อีก ในเวลานี้เขาได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ ภายในใจ ในขณะนี้ เขาก็สงสัยอยู่บ้างเหมือนกันว่า การแต่งตั้งรัชทายาทของฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นการตัดสินใจเลือกที่ผิดพลาดหรือไม่ แต่ เรื่องที่ฮ่องเต้ไท่ชิงตัดสินใจแล้ว เขาได้แต่ปฏิบัติตามอย่างจงรักภักดี
ใต้หล้าไม่มีกำแพงที่ไม่มีหู แม้ว่าการลาออกของซุนหลึ่งหยิ่งไม่ได้มีการประกาศออกไป แต่ว่ามีผู้คนรับรู้ได้รวดเร็วมาก อีกทั้งยังส่งไปถึงหูของผู้ที่ตั้งใจกับเรื่องนี้
ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกตัดจากโลกภายนอกแล้ว? ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
ฮ่องเต้องค์ใหม่เห็นด้วยกับการลาออกของซุนหลึ่งหยิ่งได้อย่างไร? แวบแรกที่ได้ยินข่าวนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างไม่อยากจะเชื่อ ขอเพียงไม่ใช่คนที่โง่เกินไปต่างก็รู้ว่า เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยซุนหลึ่งหยิ่งมาควบคุมสถานการณ์โดยสิ้นเชิง ถ้าหากซุนหลึ่งหยิ่งไม่อยู่แล้ว ลำพังอาศัยฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่สามารถควบคุมกองทัพต่างๆ ได้อยู่แล้ว
บางทีนี่คือฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องการกวาดล้างเส้นทางให้ราบเรียบ จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งคือคนของฮ่องเต้องค์ก่อน อีกทั้งวันหนึ่งหากซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ ฮ่องเต้องค์ใหม่จะไปรวบอำนาจกไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน? หากซุนหลึ่งหยิ่งไปแล้ว เขาก็สามารถรวบอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้ว มีคนพูดด้วยความลังเลขึ้นมา
ปราศจากซุนหลึ่งหยิ่งแล้ว อาศัยเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่อย่าหวังจะสยบเจ็ดกองทัพใหญ่ได้ อย่าคิดจะสะกดสถานการณ์โดยรวมให้มั่นคงได้ ถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่การรวบอำนาจไว้เพียงคนเดียวเลย เกรงว่าแม้แต่บัลลังก์ก็คงรั้งเอาไว้ไม่ได้ แม้แต่ชีวิตก็รักษาไม่ได้ ยังจะรวบอำนาจไว้คนเดียวอะไรได้ เจ้าสำนักกล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา
จะอย่างไรเสียฮ่องเต้ไท่ชิงมีเพียงองค์เดียว และมีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่เฉกเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้นที่สามารถกำจัดทุกคนไปแล้วยังคงสามารถค้ำระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เอาไว้ได้
ฮ่องเต้องค์ใหม่องค์นี้น่ะ เลอะเทอะมาก มีกษัตริย์ที่รู้สึกว่าการที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อนุญาตให้ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกจากราชการ นับว่าไร้เหตุผลจริงๆ
มีระดับบรรพบุรุษหัวเราะและกล่าวว่า การที่เขาสามารถทำเรื่องเหลวไหลออกมาก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก ลำพังแค่พิธีขึ้นครองราชย์ก็เหลวไหลมากพอแล้ว
พลันที่ขึ้นครองราชย์ก็สั่งให้ห้าสำนักใหญ่ส่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ คุณหนูเป็นเครื่องบรรณาการให้เขาได้เสพสุข ฮ่องเต้ที่มั่วโลกีย์เช่นนี้ สามารถทำเรื่องเหลวไหลอะไรมากกว่านี้ทุกคนก็ไม่รู้สึกแปลกแล้ว
ซุนหลึ่งหยิ่งจากไป โอกาสมาถึงแล้ว สถานการณ์อุบัติขึ้นแล้ว ตึกกำลังจะพังทลายลง มีระดับปรมาจารย์ที่ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร เผยประกายเยือกเย็นออกมา
สำหรับกองทัพใหญ่ทั้งเจ็ดของราชวงศ์โต่วเซิ่น บรรดาผู้นำเหล่าทัพเมื่อได้ยินว่าซุนหลึ่งหยิ่งไปจาก พลันบรรยากาศก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่วางแผนอะไรอยู่ในใจ
ขณะที่ซุนหลึ่งหยิ่งไปจาก ผู้คนจำนวนมากต่างให้ความสนใจว่าเขาไปยังที่ใด จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งมีผลกระทบเด็ดขาดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่ทว่าทุกคนพบว่า หลังจากซุนหลึ่งหยิ่งไปจากพระราชวังแล้วก็ได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ เหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้ใครมาพบเขาและรบกวนเข้าอีก
หลังจากที่ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกจากราชการได้ไม่ถึงสองวัน ทุกคนพบว่ากองทัพหยินมี่ได้ถอนกำลังออกไปจากเมืองหลวง
กองทัพหยินมี่จะไปแล้ว…ขณะที่กองทัพหยินมี่ยกทัพจากไปนั้น พลันสร้างความสนใจให้กับกองกำลังทุกๆ ที่
จังหวะที่กองทัพหยินมี่ถอนกำลังออกไปนั้น หลี่ชิเย่กำลังนอนอยู่ในอุทยานหลวงด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย กับสายลมที่พัดมาแผ่วเบา เพลิดเพลินอยู่การการปรนนิบัติของสาวใช้
ฝ่าบาท ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เวลานี้จางเจี๋ยตี้บุกเข้ามาดั่งเกิดไฟไหม้อย่างนั้น
เจี๋ยตี้ ฟ้าไม่ได้ถล่มลงมาสักหน่อย รีบร้อนทำไมเล่า หลี่ชิเย่ยังคงแอนนอนอยู่ตรงนั้น ยิ้มท่าทางเหนื่อยหน่าย กินผลไม้ที่สาวใช้ป้อนเข้าไปถึงปาก
ฟ้าเกือบจะถล่มลงมาแล้วล่ะ จางเจี๋ยตี้ ยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ ท่าทางหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นท่าทีร้อนรน
อ๋อ เรื่องอะไร ไหนว่ามาซิ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรอย่างสิ้นเชิง
กองทัพหยินมี่จะถอนกำลังออกไปแล้ว ไม่มีบัญชาของฝ่าบาท พวกเขาจะถอนกำลังออกไปแล้ว จางเจี๋ยตี้รีบเอ่ยขึ้น
ถอน ถอนไปไหน หลี่ชิเย่ยังคงไม่รู้สึกหวั่นไหว ยิ้มกล่าวขึ้นมา
ไม่ทราบ แต่ ฝ่าบาท ตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ฝ่าบาทสมควรรั้งกองทัพหยินมี่ไว้ในเมืองหลวง รั้งอยู่ข้างกาย ขอเพียงกองทัพหยินมี่ยังคงอยู่ ฝ่าบาทยังคงมีโอกาสควบคุมสถานการณ์ได้ จางเจี๋ยตี้รีบเอ่ยขึ้น
อย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า ในเมื่อคนเขาจะไป จะรั้งคงรั้งไม่อยู่
ฝ่าบาท พระองค์สมควรไปที่กองทัพหยินมี่สักครั้ง เพื่อรั้งกองทัพหยินมี่เอาไว้ หว่านล้อมแม่ทัพแต่ละคนของกองทัพหยินมี่เอาไว้ จางเจี๋ยตี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า กระหม่อมมีความสัมพันธ์อยู่บ้างกับแม่ทัพหลายๆ คน บางทีอาจสามารถรั้งเอาไว้ได้
เจ้าคิดว่าจะสำเร็จรึ? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า เจ้าคิดว่าอาศัยหน้าของข้ากับหน้าของเจ้า มีความมั่นใจกี่ส่วนว่าสามารถรั้งพวกเขาเอาไว้ได้
สามส่วน จางเจี๋ยตี้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นรีบกล่าวว่า แต่ ฝ่าบาทไม่ไปลองสักครั้ง ไหนเลยจะรู้ว่าสำเร็จหรือไม่?
สุดแล้วแต่พวกเขาเถอะ หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า ฝนจะตก ขึ้จะแตก ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่จนด้วยเกล้า ช่างพวกเขาเถอะ
แต่ว่า ฝ่าบาท… จางเจี๋ยตี้รีบกล่าวขึ้น
เจี๋ยตี้ ข้ารู้ความหมายของเจ้า ไม่เป็นไรหรอก หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า แผ่นดินจะสิ้นก็ให้มันสิ้นไปเหอะ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องหนักหนาอะไร
จางเจี๋ยตี้อยากจะพูดอะไร แต่ เวลานี้พูดไม่ออก ในที่สุดได้แต่ทอดถอนใจภายในใจเบาๆ
ติดตามนายที่เหลวไหลเพียงนี้เขายังจะพูดอะไรได้ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว
สุดท้าย กองทัพหยินมี่ได้ถอนทัพออกจากเมืองหลวง ไม่มีแม่ทัพคนใดจากกองทัพหยินมี่ไปรายงานต่อฮ่องเต้องค์ใหม่สักคน กระทั่งไม่ได้ส่งทหารไปรายงานสักคำก็ไม่มี
เรียกได้ว่า กองทัพหยินมี่ได้กระทำการโดยพละการ เคลื่อนพลออกจากเมืองหลวงโดยไม่ได้รับคำสั่งใดๆ นี่เท่ากับไม่เห็นหลี่ชิเย่ในฐานะฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ในสายตาแล้ว
เมื่อปราศจากซุนหลึ่งหยิ่งคอยควบคุมบัญชาการ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยังจะมีใครสามารถควบคุมผู้ยิ่งใหญ่อย่างกองทัพหยินมี่ได้ มีผู้กล่าวทอดถอนใจขึ้นมา เมื่อเห็นกองทัพหยินมี่ภายใต้ไร้คำสั่งใดๆ กระทำการโดยพละการ ด้วยการถอนทัพออกจากเมืองหลวง
กองทัพหยินมี่จะถอนทัพไปอยู่ที่ใด? จังหวะที่กองทัพหยินมี่ถอนทัพออกจากเมืองหลวงนั้น ได้เป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก จะอย่างไรเสียผู้ยิ่งใหญ่เช่นกองทัพหยินมี่ไม่ว่าจะไปตั้งทัพที่ใดก็ตาม ล้วนเพียงพอที่จะเป็นเจ้าถิ่นได้
ขอเพียงกองทัพหยินมี่ลงมือ สามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ทันที อย่าว่าแต่แคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ เลย แม้แต่หอหลินไห่เก๋อ สำนักเสินสิงเหมินที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็ให้ความสนใจอย่างยิ่งในทุกๆ ความเคลื่อนไหวของกองทัพหยินมี่
จังหวะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ให้ความสนใจว่ากองทัพหยินมี่จะเคลือนทัพไปที่ใดนั้น หลังจากที่กองทัพหยินมี่ได้เคลื่อนพลออกจากเมืองหลวงไปได้ไม่นาน กองทัพทั้งกองพลันหายสาบสูญไปอย่างนั้น ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ เหมือนว่ากองทัพหยินมี่มีการเตรียมการมาก่อนหน้านานแล้ว การถอนทัพครั้งนี้หาใช่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน
ว่าอย่างไรนะ กองทัพหยินมี่หายสาบสูญไปแล้ว? เป็นไปได้อย่างไรที่กองทัพที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้จะหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนได้อย่างไรกัน? ระดับปรมาจารย์ถึงกับตกใจยิ่งและรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ เมื่อได้ข่าวการหายตัวไปของกองทัพหยินมี่
แต่ว่า มันก็เป็นเช่นนี้ หลังจากที่กองทัพหยินมี่ถอนทัพออกจากเมืองหลวงก็ได้หายสาบสูญไปโดยพลัน กองทัพที่จำนวนไพรพลเป็นล้านก็ได้หายไปในอากาศธาตุเช่นนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาของทุกคน ไม่มีผู้ใดทราบว่ากองทัพหยินมี่หายไปไหน
หลังจากที่ข่าวนี้ได้รับการยืนยันแล้ว ระดับปรมาจารย์ได้พึมพำขึ้นมาว่า ดูท่ากองทัพหยินมี่ได้เตรียมการไว้แล้วแต่แรก พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าฮ่องเต้องค์ก่อนได้แต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่เช่นใด พวกเขาไม่มั่นใจใจฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่แล้ว ดังนั้น แรกเริ่มทีเดียวพวกเขาก็ได้คิดหาทางหนีไว้แล้ว การสนับสนุนองค์รัชทายาทก้าวขึ้นครองราชย์เป็นเพียงการภักดีต่อฮ่องเต้องค์ก่อน และทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้กับฮ่องเต้องค์ก่อนเท่านั้น
ในเวลานี้เอง ทุกคนจึงได้ตระหนักว่า มีผู้ไม่มั่นใจในตัวฮ่องเต้องค์ใหม่ตั้งแต่แรกเริ่มมาแล้ว
จะอย่างไรเสีย ทั้งซุนหลึ่งหยิ่งก็ดี กองทัพหยินมี่ก็ช่าง พวกเขาต่างเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ไท่ชิง พวกเขารู้ว่ารัชทายาทที่ฮ่องเต้องค์ก่อนแต่งตั้งเป็นผู้มีบทบาทเช่นใด
กองทัพหยินมี่ถอนทัพไปแล้ว พวกเราล่ะ? หลังจากที่กองทัพหยินมี่ถอนทัพไปแล้ว ศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์โต่วเซิ่นอย่างกองทัพส่วนกลาง กองกำลังรักษาพระนคร และกองทัพภาคที่เฝ้ารักษาทั้งสี่ทิศพลันไม่สงบขึ้นมา
ทั้งหกกองทัพใหญ่ไม่เหมือนเช่นกองทัพหยินมี่ พวกเขาต่างมีที่มั่นของตนเอง พวกเขาย่อมไม่สามารถเหมือนเช่นกองทัพหยินมี่ที่หายตัวไปอย่างกะทันหันได้
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นใหญ่ในถิ่นๆ หนึ่ง มีพื้นที่นับหมื่นลี้ พวกเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องต้องถอนทัพไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นก็หายไปอย่างไร้เงา
เวลานี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหากหกกองทัพใหญ่ก็คือ ไม่ก็สนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ต่อไป หรือว่าเตรียมตัวให้พร้อมหย่างลับๆ เพื่อเตียมการสำหรับอย่างอื่น
จะอย่างไรเสีย ในเวลานี้ทุกคนต่างมองออกว่า ราชวงศ์โต่วเซิ่นง่อนแง่นเต็มทีแล้ว เมื่อไม่มีซุนหลึ่งหยิ่ง ไม่มีกองทัพหยินมี่ ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น ถ้าหากหกทัพใหญ่ล้วนไม่ฟังคำสั่งของฮ่องเต่องค์ใหม่ เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องเปลี่ยนราชวงศ์แล้วล่ะ