การที่หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง อีกทั้งยังพูดจาฉะฉานไม่สะทกสะท้านอีกด้วยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันแท้จริงปาเจิ้น สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องมองตากันและกัน
ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แม้ว่าในสายตาของยอดฝีมือทุกคนจะเป็นแค่ไก่อ่อนที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้บำเพ็ญตนก็ดี แต่ว่า ท่ามกลางกองทัพกบฏนับสิบล้านที่บุกมาถึงถิ่น ราชันแท้จริงมาด้วยตนเอง เขายังคงสามารถสงบนิ่งได้อย่างหน้าตาเฉย จุดนี้นับว่าเป็นที่นับถือของผู้คน อย่างน้อยที่สุดความกล้าเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถทำได้
ไม่เสียทีที่เป็นลูกหลานของฮ่องเต้ไท่ชิง อย่างน้อยข้อนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้ไท่ชิงต้องเสียชื่อ ระดับปรมาจารย์ที่เห็นภาพนี้แล้วถึงกับพึมพำขึ้นมา
จนกระทั่งบัดนี้ ยังคงมีผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่องค์นี้คือลูกนอกสมรสของฮ่องเต้ไท่ชิง หาไม่แล้วฮ่องเต้ไท่ชิงก็จะไม่มอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับเขา
ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงปาเจิ้นดูไม่เป็นมิตร เผยปณิธานการฆ่าออกมา เมื่อถูกผู้บำเพ็ญตนน้อยที่อ่อนแอจนไม่รู้ว่าอ่อนแออย่างไรมาพูดวิจารณ์ไปเรื่อยเช่นนี้ ยามที่ราชันแท้จริงคนหนึ่งเผยปณิธานการฆ่าออกมานั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง ทุกๆ ปณิธานการฆ่าก็คล้ายดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
พูดจบหรือยัง? เวลานี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นพูดน้ำเสียงน่าเกรงขามขึ้นมา
พูดจบแล้ว หลี่ชิเย่ทำท่าผายมือและดูตามอารมณ์ กล่าวว่า แคว้นว่านเจิ้นพวกเจ้าคิดจะส่งตัวองค์หญิงมาให้เมื่อไหร่ล่ะ พอดีข้างกายของข้ายังขาดนังหนูที่จะมาล้างเท้าและอุ่นเตียงคนหนึ่ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับใจหายใจคว่ำมองหน้ากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
นี่มันคนบ้าชัดๆ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องพึมพำขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ มันจบสิ้นไปแล้ว วังที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้เหลือตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงกล้าพูดจาไม่รู้จักละอาย พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องใจหายใจคว่ำ ฮ่องเต้องค์ใหม่นับเป็นคนบ้าคนหนึ่งโดยแท้ มิฉะนั้นล่ะก็คงไม่ส่งกองทัพทั้งห้าไปโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
ไม่รู้จักคำว่าตาย! พริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฎปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวเบ่งบานขึ้นมา ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้น ฝ่ามือที่กางออกพลันทำลายอากาศและฟาดใส่หลี่ชิเย่ทันที
จบแล้ว…ทุกคนที่มองเห็นราชันแท้จริงปาเจิ้นพลันลงมือฟาดใส่หลี่ชิเย่กะทันหัน ไม่ต้องดูต่อไปก็รู้แล้วว่าผลจะลงเอยอย่างไร ฮ่องเต้องค์ใหม่มีทักษะอ่อนด้อยจนสามารถมองข้ามไปได้ แค่นิ้วมือนิ้วเดียวของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็สามารถทำให้เขาต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว เวลานี้หนึ่งฝ่ามือที่ฟาดลงไปนั้น ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องถูกฟาดจนกลายเป็นเนื้อบดแน่นอน
จังหวะที่ฝ่ามือของราชันแท้จริงปาเจิ้นกำลังจะฟาดถึงตัวหลี่ชิเย่แล้วนั้น ทันใดนั้น ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่แผ่วเบามาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยิน จังหวะที่เสียงแผ่วเบามากเสียงนี้ดังขึ้น ช่องว่างได้มีการกระเพื่อมสั่นไหวทีหนึ่ง
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพลันหายตัวไปทันที
ปังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งฝ่ามือของราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ฟาดลงมา บัลลังก์มังกรถูกฟาดจนแหลกละเอียด แต่หลี่ชิเย่ได้หายตัวไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย เหมือนระเหยไปจากโลกใบนี้อย่างนั้น
คนล่ะ…มองเห็นบัลลังก์มังกรที่ถูกฟาดจนแหลกละเอียด ขณะที่หลี่ชิเย่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนระเหยไปอย่างนั้น
หรือว่าถูกฟาดจนกลายเป็นเนื้อบด และหรือกลายเป็นหมอกเลือดแล้วระเหยไปแล้ว? มีผู้ที่อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นเพียงบัลลังก์มังกรที่แหลกละเอียด แต่ไม่เห็นซากศพของหลี่ชิเย่
ไม่ มีคนลงมือช่วยเขาไปแล้ว ระดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งยิ่งเพ่งสายตาออกไป เอ่ยขึ้นช้าๆ ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
ถูกคนเขาช่วยเหลือไปแล้ว? ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ ผู้ที่ลงมือช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่มีความไวที่รวดเร็วมาก ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถมองเห็นได้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถช่วยฮ่องเต้องค์ใหม่ไปจากมือของราชันแท้จริงปาเจิ้นได้นั้น รับรองว่าจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดเปรียบเปรย มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นคงสกัดเอาไว้นานแล้ว
เป็นใครกันนะที่ช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่ไป? ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างผุดคำถามเช่นนี้ในใจขึ้นมาทันที เป็นใครกันนะที่ช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่ไป? เป็นซุนหลึ่งหยิ่งที่ได้ปลีกตัวไม่ยุ่งเกี่ยวโลกภายนอก และหรือเป็นคนอื่นๆ? ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสะท้านในใจ เมื่อนึกถึงซุนหลึ่งหยิ่ง
จะอย่างไรเสีย อำนาจบารมีของซุนหลึ่งหยิ่งยังคงเหมือนเดิม เงาทมิฬของเขายังคงสามารถปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้
สีหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้นเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อหลี่ชิเย่ถูกคนเขาช่วยเหลือไปโดยฉับพลัน จะอย่างไรเสีย ผู้ที่สามารถช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่ไปจากมือเข้าได้ในพริบตาย่อมแข็งแกร่งกว่าเขามากเลยทีเดียว ทั้งยังสามารถไปมาอย่างอิสระเสรีต่อหน้าเขาโดยไม่ต้องเผยโฉมหน้าที่แท้จริง บุคคลเช่นนี้ย่อมน่ากลัวเหลือเกิน
แม่ทัพใหญ่ของกองทัพทั้งหกก็พลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากเช่นกัน เมื่อหลี่ชิเย่ถูกคนเขาช่วยเหลือไปโดยฉับพลัน พวกเขาต่างจ้องมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นใครกันนะที่ช่วยเหลือหลี่ชิเย่ไป
ค้น ค้นให้ทั่ว สุดท้าย พวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นสั่งการออกไป กองทัพและม้าหมื่นพันเริ่มค้นหาร่องรอยของหลี่ชิเย่ทันที
ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อมองเห็นจุดจบในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าพวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นจะตีวังหลวงจนแตก แต่ ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับถูกคนเขาช่วยเหลือไปได้
การที่หลี่ชิเย่ถูกคนอื่นช่วยเหลือไปได้ พวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นมีสีหน้าที่ดูไม่จืดเลย โดยเฉพาะสีหน้าของพวกของทังเฮ่อเสียงยิ่งดูไม่จืดมากกว่า
ขอเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไม่สงบสุขยากที่จะหลับตาได้ลง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็จะกลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขาสักวัน
ในอนาคต ไม่ว่าใครก็ตามขึ้นนั่งบัลลังก์ ไม่ว่าใครก็ตามที่กุมอำนาจ แต่ว่า ขอเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีชีวิตอยู่ ตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาก็จะไม่ชอบด้วยหลักธรรมนองคลองธรรม ต้องถูกกล่าวหาว่าชิงบัลลังก์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาก็จะเป็นฮ่องเต้ที่ถูกต้องตามกฎหมายวันยังค่ำ ใครจะรับประกันได้ว่าวันหนึ่งเขาจะไม่กลายเป็นเบี้ยในมือของคนอื่นหวนคืนกลับมาอีกครั้ง
ราชวงศ์โต่วเซิ่นจบสิ้นไปแล้ว ต่อให้ไม่จบก็ไม่สามารถกลับไปรุ่งเรื่องเหมือนดั่งเช่นยุคสมัยของฮ่องเต้ไท่ชิงได้อีกแล้ว ระดับบรรพบุรุษอดที่จะทอดถอนใจด้วยความหดหู่ เมื่อมองเห็นสภาพของพระราชวังที่ยับเยินเช่นนี้
หวนนึกถึงอดีต ฮ่องเต้ไท่ชิงบัญชาการใต้หล้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่ ราชโองการออกไป ใครกล้าขัดขืน แต่ทว่า จากการที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต อำนาจสูงสุดทุกอย่างก็ติดตามหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มาวันนี้ แม้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นยังคงสามารถดำเนินการสืบทอดต่อไปได้ แต่ว่า ก็จะไม่สามารถฟื้นกลับไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนดั่งครั้งก่อนอีกแล้ว
โต่วเซิ่นหมดอำนาจ ใต้หล้าต่างช่วงชิง มีผู้ที่ทอดถอนใจและกล่าวว่า ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้น หาใช่เป็นการปิดฉาก
แม้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะพ่ายแพ้สงคราม แต่ทว่า ทุกคนต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นเอง ไม่ใช่การสิ้นสุด
ในยุคสมัยของฮ่องเต้ไท่ชิง เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ต้องเดินตามรอยของฮ่องเต้ไท่ชิง โดยมีราชวงศ์โต่วเซิ่นเป็นสายเลือดตรง
แต่ว่า มาวันนี้ราชวงศ์โต่วเซิ่นพังครืนลง ผู้คนใต้หล้าย่อมจะต้องแย่งชิงสำหรับอำนาจนั้น ในเวลานี้ ไม่ว่าใครก็ตามหากขึ้นนั่งในตำแหน่งของฮ่องเต้ไท่ชิงก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใครที่มาปกครองใต้หล้า ก็จะไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้
ในเวลานี้ไม่ว่าใครก้าวขึ้นเวทีก็ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ แม้แต่ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือที่ร่วมมือกับแคว้นว่านเจิ้น ก็ไม่สามารถทำให้หอหลินไห่เก๋อ วัดจิ้งเหลียนกวาน หรือสำนักเสินสิงเหมินยอมศิโรราบได้ พวกเขาต่างก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าหากพวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นกล้าก้าวขึ้นตำแหน่งฮ่องเต้ พวกเขาไม่ยอมรับอยู่แล้ว
ตรงกันข้าม หากฮ่องเต้องค์ใหม่ยังอยู่ ทุกฝ่ายต่างให้การยอมรับในฐานะของเขา จะอย่างไรเสียเขาก็คือฮ่องเต้ที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
บรรดาพวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็รู้แก่ใจดีสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่ยังมีชีวิตอยู่ คนอื่นๆ คิดจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ ต้องการเป็นใหญ่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เกรงว่าจะยากมากเพราะไม่สามารถสยบผู้อื่นได้ ไม่สามารถได้รับการยอมรับจากผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ กระทั่งแม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ของแดนลัทธิราชันก็จะไม่ให้การยอมรับฐานะการเป็นสายเลือดตรงก็เป็นได้
เวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกปวดหัว เมื่อนึกถึงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีชีวิตอยู่
เกรงว่าอนาคตไฟสงครามจะต้องลามไปทั่วนะเนี่ย ระดับบรรพบุรุษอดที่จะพึมพำออกมา ไม่มั่นใจกับสถานการณ์ในอนาคต
ขณะหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดลงมานั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับตัวสักนิด และไม่ได้คิดจะลงมือตอบโต้ด้วยซ้ำ แต่ว่า ในพริบตาเดียวนั่นเองเขาก็ถูกช่วยให้หนีไปได้
เมื่อหลี่ชิเย่รู้สึกสว่างขึ้นมาตรงหน้าอีกครั้ง สภาพข้างหน้าได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เวลานี้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่วังหลวงอีกแล้ว แต่เป็นทะเลเมฆที่สุดลูกหูลูกตา นาทีนี้เขายืนอยู่บนยอดเขาที่ตั้งอยู่เดียวดาย โดยภูเขาลูกนี้สูงเสียดฟ้า ทะเลเมฆล่องลอยอยู่ใต้เท้าของเขา
การได้มายืนอยู่บนยอดเขาที่เดียวดายนั้น ยามเมื่อสายลมพัดโชยมาทำให้เสื้อที่สวมใส่ดังพรึบพรึบ เสมือนดั่งล่องไปตามลมอย่างนั้น
ผู้ที่ยืนอยู่บนยอดภูเดียวดายไม่ได้มีเพียงหลี่ชิเย่คนเดียวเท่านั้น ยังมีผู้เฒ่าอีกคนหนึ่ง และผู้เฒ่าคนนี้แหละที่เป็นผู้ลงมือช่วยหลี่ชิเย่เอาไว้
ตาเฒ่าฟง…หลี่ชิเย่มองดูผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวว่า เจ้าช่วยข้าทำไม? ข้ายังต้องการดูฉากเด็ดต่อนะเนี่ย
ผู้ที่ลงมือช่วยหลี่ชิเย่ก็คือหนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสำนักเสินสิงเหมิน นามเทพวายุนั่นเอง
ดวงตาคู่นั้นของเทพวายุถึงกับจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ เขาไม่นึกเลยว่า การที่เขาลงมือช่วยหลี่ชิเย่เอาไว้ เจ้าหนูคนนี้กลับไม่ยอมรับไมตรีของเขา ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เจ้าหนูผู้นี้ยังวางมาดของฮ่องเต้ โดยที่ไม่ได้มองตัวเขาที่เป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอยู่ในสายตาเลย
สมควรทราบว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดมีเพียงห้าคนเท่านั้นในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ พวกเขาคือปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาห้าผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นหอหลินไห่เก๋อเป็นต้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกร อย่าว่าแต่ภายในสำนักของพวกเขาเองเลย ต่อให้ทอดสายตาไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ก็ยังคงดำรงอยู่ในฐานะที่สูงเด่นยิ่งนัก
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร เหมือนว่ายังคงเป็นยุคสมัยของฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างนั้น มองเขาเป็นขุนนางคนหนึ่งโดยตรง
เทพวายุ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสำนักเสินสิงเหมิน เขาถูกยกย่องว่าเป็นเทพวายุ หมายความว่าเขานั้นเหมือนลมอย่างนั้น สามารถไปถึงยังสถานที่ทุกแห่ง
เจ้าหนู วางท่าทีให้มันมีสัมมาคารวะนิดหนึ่ง เทพวายุมองหน้าเขาด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่ง และกล่าวว่า หากไม่เพราะผู้เฒ่าอย่างข้าลงมือช่วยเจ้า เกรงว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว
เจ้าคิดมากไปแล้ว หลี่ชิเย่ไปนั่งอยู่ริมหน้าผาโดยตรง ห้อยขาลงสองข้างและแกว่งขาสองข้างไปมา มองดูทะเลเมฆที่อยู่ใต้ขา หัวเราะและกล่าวว่า เจ้าไม่ช่วยข้า คนที่จะช่วยข้ามีมากมาย การมีฮ่องเต้หุ่นเชิดสักคน เพียงพอที่จะบัญชาการใต้หล้า
เจ้าหนูเจ้าไม่โง่นี่ เทพวายุอดที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่อีกสักครั้งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในทัศนะคติเขามองว่าหลี่ชิเย่คือผู้ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่ง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เป็นผู้ที่ผลาญสมบัติพ่อแม่ เป็นลูกหลานผู้ลากมากดีคนหนึ่งเท่านั้น
คนโง่ก็คิดได้ หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์และกล่าวว่า เจ้าไม่อยากช่วยข้า ไม่แน่นักสำนักเจ้าลัทธิอื่นๆ อยากช่วยข้าให้รู้แล้วรู้รอดไป
ฮึเทพวายุส่งเสียงฮึออกมาและกล่าวว่า ผู้เฒ่าอย่างข้าช่วยเจ้าใช่เป็นเพราะต้องการฮ่องเต้หุ่นเชิดอย่างเจ้า! ที่ผู้เฒ่าอย่างข้าช่วยเจ้าเป็นเพราะเห็นแก่ฮ่องเต้องค์ก่อน
เปรียบกับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดคนอื่นๆ แล้ว เทพวายุใกล้ชิดกับฮ่องเต้ไท่ชิงมากกว่า จะอย่างไรเสียครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงมีบุญคุณที่สนับสนุนเขา ด้วยเหตุนี้เอง วันนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่ตอบตกลงเรื่องการแต่งงาน
ดังนั้น การลงมือกะทันหันของเทพวายุในครั้งนี้ แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้ต้องการควบคุมหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิด เพียงต้องการคงสายเลือดให้กับฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้น
………………………………………