เสียงตูมดังสนั่น ในเวลานี้เอง ทั่วทั้งสำนักเสินสิงเหมินได้พวยพุ่งประกายที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา แสงสว่างที่เจิดจ้าได้ส่องสว่างบนท้องฟ้า ครอบคลุมไปทั่วทั้งสำนักเสินสิงเหมิน
เมื่อประกายที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งออกมานั้น ทั่วสำนักเสินสิงเหมินเสมือนหนึ่งตลบอบอวลไปด้วยอานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ปราศจากผู้ต่อกร ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ภายในสำนักเสินสิงเหมินคล้ายดั่งมีราชันแท้จริงแต่ละองค์ที่ตื่นขึ้นมาอย่างนั้น เสมือนหนึ่งมีเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนที่ยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าของสำนักเสินสิงเหมิน
นาทีนี้เอง กลิ่นอายที่แกร่งและทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรได้ตลบอบอวลบนพื้นดินทั่วทุกตารางนิ้วของสำนักเสินสิงเหมิน พลังที่ปราศจากผู้ต่อกรอาละวาดไปทั่วฟ้าดิน สยบและปราบปรามไปทั่วทุกที่
ภายใต้กลิ่นอายที่แกร่ง ทรงพลังและน่ากลัวเช่นนี้ อย่าว่าแต่สิงสาราสัตว์เลย แม้แต่ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินเองยังถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา และมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ต้องหมอบอยู่กับพื้น ภายใต้กลิ่นอายที่น่ากลัวและปราศจากผู้ต่อกรสายนี้ในทันที
ธาตุแท้ภายในตื่นขึ้นมาแล้ว ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนไม่น้อยร้องเสียงแหลมขึ้นมา ทั้งดีใจและตื่นเต้น
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า มีศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่หลบหนีไปก่อนก้าวหนึ่งนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อเหล่าบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของสำนักเสินสิงเหมิน หลังจากที่บรรพบุรุษที่ยังคงเหลืออยู่ได้รับแจ้งข่าวนี้แล้วจึงได้รวมตัวกัน และอาศัยความรวดเร็วสูงสุดทำการเปิดและขับเคลื่อนสุดยอดค่ายกลของสำนักเสินสิงเหมิน โดยได้รวบรวมพลังที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเอาไว้
หลังจากที่มีการขับเคลื่อนสุดยอดค่ายกลแล้ว ทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ปราศจากผู้ต่อกรของสำนักเสินสิงเหมินพลันถูกขับเคลื่อนไปด้วย และธาตุแท้ภายในก็ฟื้นขึ้นมาเช่นกัน
สมควรทราบว่า ธาตุแท้ภายในและสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เคยเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกำลังกายและกำลังสมองเป็นอันมากจากปฐมบรรพบุรุษราชันแท้จริงเสินสิง ในยุคหลังๆ ต่อมาก็ได้ผ่านการปลุกเสกโดยราชันแท้จริง และระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะของสำนักเสินสิงเหมินในแต่ละยุคสมัย ทำให้ธาตุแท้ภายในของสำนักเสินสิงเหมินมีพลังที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุดในครอบครอง เมื่อใดที่พลังสายนี้ประทุขึ้นมา สามารถสยบทั่วหล้า
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา ประกายแสงเจิดจ้า อานุภาพราชันที่บ้าคลั่ง นาทีนี้เองปรากฏมีการรวมตัวกันจนกลายเป็นรอยเท้าที่ขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นมา โดยที่รอยเท้าดังกล่าวมีขนาดใหญ่โตมากกว่าภูเขาลูกหนึ่งเสียอีก เหมือนเป็นรอยเท้าที่ถูกแกะสลักเอาไว้บนท้องฟ้าอย่างนั้น อีกทั้งรอยเท้าดังกล่าวยังมีสีทองแวบวับ พวยพุ่งเป็นประกายสีทองออกมาอย่างไม่ขาดสาย มองจากระยะห่างไกล รอยเท้ายักษ์ประกายทองเหมือนเป็นพระบาทพุทธะอย่างนั้น
ในเวลานี้เอง รอยเท้าที่เปล่งประกายสีทองได้พวยพุ่งอานุภาพราชันที่พลุ่งพล่านไม่มีสิ้นสุดออกมา ทันใดนั้นเอง บนท้องฟ้าปรากฏราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรยืนอยู่องค์หนึ่งอย่างนั้น โดยราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรดังกล่าวอยู่เหนือกว่าเก้าชั้นฟ้า เกรียงไกรหมือนอาณาจักร แค่เคลื่อนไหวก็สามารถสยบหมื่นยุค ไม่ไม่ผู้ใดเทียมในหล้า
ไม่เจียมตัว…หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพที่อยู่บนท้องฟ้า และกล่าวว่า ต่อให้เป็นราชันแท้จริงเสินสิง ปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้ามาด้วยตนเอง ข้าก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลำพังแค่สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เท่านั้น
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง รอยเท้าที่มีขนาดใหญ่โตนี้ก็คล้ายดั่งเป็นเท้าขนาดยักษ์ที่เหยียบลงไปยังหลี่ชิเย่
ภายใต้เสียงตูมดังสนั่น มองเห็นเท้าขนาดยักษ์ที่เหยียบลงมานั้น เสมือนดั่งช่องว่างทั้งหมดถูกเหยียบจนแตกละเอียดไปอย่างนั้น เท้าข้างหนึ่งที่เหยียบลงมาคล้ายดั่งสยบและปราบปรามเทพมารและภูตผีปีศาจทั้งหมดบนโลกได้อย่างนั้น ขณะที่เท้าข้างนี้เหยียบย่ำลงมา เหมือนว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกบดขยี้จนหายวับไปกับตาอย่างนั้น
เท้าข้างที่มีลักษณะเช่นนี้และเหยียบลงมา มันได้รวบรวมเอาพลังที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้าเอาไว้ และได้รวบรวมเอาสุดยอดพลังยิ่งใหญ่ทั้งหมดของสำนักเสินสิงเหมินเอาไว้ รวบรวมเอาการปลุกเสกจากคนแต่ละรุ่นแต่ละยุคสมัยของสำนักเสินสิงเหมิน ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดแล้ว
ตูม…ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวเช่นนี้ เสมือนดั่งโลกทั้งโลกถูกเหยียบจนแหลกละเอียดไปอย่างนั้น ภูเขาแม่น้ำแตกสลาย แม้แต่ดวงตะวันจันทราและดวงดาวก็ยังกลายเป็นผุยผงไปในพริบตาทันทีที่เท้าข้างนี้เหยียบลงมา
ทำลาย…หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังโดยไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ขณะเผชิญหน้ากับการเหยียบลงมาของเท้ายักษ์ มือขนาดใหญ่ได้คว้าเอาศิลาจารึกไร้อักษรขึ้นมาทันที
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้ บริเวณกึ่งกลางของศิลาจารึกไร้อักษรคล้ายปรากฏเป็นวังวนขึ้นมาอย่างนั้น เหมือนว่าในพริบตาเดียวนั่นเอง ศิลาจารึกแผ่นนี้ได้รวบรวมเอาพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกเอาไว้อย่างนั้น พลังทั้งหมดที่มีอยู่ในฟ้าดินคล้ายถูกรวบรวมเอาไว้ท่ามกลางศิลาจารึกแผ่นนี้ในทันที
ได้ยินเสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองเรื่องที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นมาแล้ว ท่ามกลางเสียงนี้มองเห็นศิลาจารึกไร้อักษรแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงขึ้นมา หลังจากที่ศิลาจารึกไร้อักษรแตกละเอียดไปแล้วนั้น เห็นเพียงโล่ขนาดยักษ์ที่ปรากฏโฉมขึ้นมา
โล่ขนาดยักษ์อันนี้เสมือนดั่งแกะสลักขึ้นมาจากหินอย่างนั้น สภาพของโล่ยักษ์ดูโบราณเรียบง่าย บนโล่ได้สลักอักขระยันต์ที่เรียบง่ายและแลดูสะอาดเรียบร้อย อักขระยันต์เช่นนี้ที่สลักลงบนโล่นี้ดูน่าเกรงขามและทรงพลัง เมื่อถือโล่นี้อยู่ในมือ เสมือนดั่งโลกทั้งโลกถูกถืออยู่ในมืออย่างนั้น
เสียงตูม…ดังสนั่นดังขึ้น โล่หินในมือของหลี่ชิเย่ได้ทุบลงไปยังเท้ายักษ์ข้างนั้นที่เหยียบลงมาอย่างแรง
จังหวะที่โล่หินทุบเข้าไปนั้น มันได้แผ่ประกายออกมาเป็นสายๆ โดยที่ประกายแต่ละสายเหล่านี้พร่างพราวแสบตา และประกายแต่ละสายเสมือนหนึ่งได้ผ่าโลกแต่ละโลกออกมาอย่างนั้น น่าเกรงขามและมีพลัง
เสียงตูม…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เสมือนหนึ่งหมื่นแดนที่แตกละเอียด ภายใต้โล่หินที่ทุบเข้าไปอย่างแรง เห็นเพียงเท้าขนาดยักษ์ที่เหยียบลงมานั้นถึงกับถูกโล่หินทุบจนแหลกละเอียด ภายใต้พลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนนี้ ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ทำให้ทั่วทั้งสำนักเสินสิงเหมินโคลงเคลงไม่หยุด เหมือนหนึ่งภูเขาแต่ละลูกจะร่วงลงจากท้องฟ้าสูงอย่างนั้น
หลังจากที่โล่หินได้ทุบจนเท้ายักษ์แหลกละเอียดไปแล้ว พลังที่ยังคงเหลืออยู่ไม่ได้จางหายไปไหน ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นขึ้นมา มองเห็นโล่ยักษ์ที่ทุบลงไปอย่างแรง เหมือนว่าต้องการทุบสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมินให้แหลกละเอียดอย่างนั้น
แย่แล้ว…ระดับบรรพบุรุษแต่ละคนของสำนักเสินสิงเหมินต่างหวาดผวาจนหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นภาพนี้ และร้องเสียงแหลมขึ้นมา
พวกเขาล้วนแล้วแต่รู้ดีว่า ถ้าหากโล่ยักษ์พลันทุบกระทั่งสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่แหลกละเอียดไปล่ะก็ เช่นนั้นแล้วสำนักเสินสิงเหมินก็จะหนีไม่พ้นชะตาต้องล่มสลาย เกรงว่าจากนี้เป็นต้นไปสำนักเสินสิงเหมินก็จะหายวับไปกับตาในพริบตา
ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยต่างขับเคลื่อนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมินอย่างเต็มที่ กำลังและพลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกถ่ายทอดเข้าไปยังสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั้นทั้งหมด ทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมินกลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง และพลังที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดได้พุ่งทะลักขึ้นมา หวังต่อต้านการทุบลงมาของโล่หินของหลี่ชิเย่เอาไว้
ปุ…ภายใต้โล่หินที่กระแทกเข้าไป ปรากฏระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยต้านไม่ไหว พลันถูกทุบจนกลายเป็นหมอกเลือดในพริบตาภายใต้พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาออกมาด้วยซ้ำ
ฝ่าบาท โปรดยั้งมือด้วย ในเวลานี้เอง เสียงคำรามเสียงยาวดังขึ้น ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น ปรากฎพลังที่ยิ่งใหญ่ดั่งทะเลดวงดาราสายหนึ่งพุ่งทะลักเข้ามา ทำการกรอกเพิ่มเติมเข้าไปยังสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมิน ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่น สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมินได้ต้านรับซึ่งหน้ากับการโจมตีของโล่ยักษ์นี้
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงแตกละเอียดตูม ตูม ตูมดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นภูเขาจำนวนหลายลูกของสำนักเสินสิงเหมินพลันแตกละเอียดและตกลงมา
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ได้มีคนผู้หนึ่งบุกเข้ามายังสำนักเสินสิงเหมินเสมือนดั่งเป็นพายุร้าย ด้วยลักษณะท่าทางที่รุนแรงอย่างยิ่ง คล้ายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดองค์หนึ่งอย่างนั้น แค่ขยับตัวก็เปี่ยมด้วยพลังที่ทำลายฟ้าดินให้พินาศย่อยยับลงได้อย่างนั้น
ท่านปรมาจารย์…ระดับบรรพบุรุษและศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นผู้เฒ่าที่บุกเข้ามาดุจดั่งพายุร้าย อดที่จะร้องเสียงดังขึ้นมาไม่ได้
ตาเฒ่าฟง รับมือกับโล่ของข้าเสียก่อน เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นเทพวายุรีบเร่งกลับมาถึง หัวเราะเสียงดังออกมาตามอารมณ์ ขณะที่โล่หินก็ได้ทุบออกไปตามอารมณ์
ไม่ง่ายนักกว่าเทพวายุจะเร่งรุดกลับมาจากด้านนอก การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของสำนักเสินสิงเหมินทำเอาเขาตระหนกยิ่งนัก เวลานี้ได้เห็นโล่หินที่ทุบเข้าหาโดยตรง ถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว
เปิด…เทพวายถคำรามเสียงดังขึ้นมา ทำการวิวัฒนาการกระบวนท่าการโจมตีที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรที่สุดของตน ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง เทพวายุคล้ายดั่งได้กลับกลายเป็นพายุที่น่ากลัวที่สุดในโลก ท่ามกลางเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอก เทพวายุได้กลับกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่น่ากลัวยิ่ง ชั่วพริบตาเดียวขณะที่พายุฝนฟ้าคะนองที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมพัดถล่มเข้ามานั้น เสมือนดั่งสามารถฉีกโลกทั้งโลกจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ ได้อย่างนั้น
เสียงปัง…ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา แม้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองจะทรงพลังมากไปกว่านี้ แม้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะน่ากลัวมากกว่านี้ ภายใต้การทุบลงมาอย่างแรงของโล่หินนั้น พายุฝนฟ้าคะนองถูกกระแทกจนแหลกละเอียดในทันที และพายุฝนฟ้าคะนองดังกล่าวก็พลันถูกทำให้แตกสลายไป ประดุจดั่งเป็นสายลมแต่ละสายที่ถูกพัดขนาดยักษ์พัดจนหายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างนั้น
เมื่อพายุฝนฟ้าคะนองถูกทำให้แตกละเอียดไป ร่างของเทพวายุจึงร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าเสมือนดั่งดาวตก สุดท้ายได้ยินเสียงปังดังสนั่น ร่างของเขาได้พุ่งกระแทกเข้าไปยังภูเขาลูกหนึ่ง ทำเอาภูเขาลูกนั้นถูกชนกระแทกจนแหลกไม่มีชิ้นดี
บรรดาระดับบรรพบุรุษ และศิษย์ทั้งหมดของสำนักเสินสิงเหมินต่างหวาดผวาจนหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นภาพนี้ เทพวายุคือปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาแล้ว คือหนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสุงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เว้นแต่ฮ่องเต้ไท่ชิง ซุนเหลิ่งหยิ่งแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว แต่ว่า ตัวเขาที่มีความแข็งแกร่งยิ่งเวลานี้ถึงกับรับมือการโจมตีของโล่ยักษ์ไม่ได้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ถ้าหากเรื่องนี้ได้แพร่งพรายออกไปข้างนอกเมื่อใด เกรงว่าคงสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และทั่วทั้งแดนลัทธิราชันด้วย
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นเศษหินดินทรายที่แตกกระจาย ไม่ง่ายนักกว่าเทพวายุจะพาตัวเองขึ้นมาจากกองหินดินทรายที่แตกละเอียดนั้นมาได้ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือด ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง
ระดับบรรพบุรุษ และศิษย์จำนวนไม่น้อยของสำนักเสินสิงเหมินจึงได้รู้สึกโล่งอกอย่างลับๆ เมื่อเห็นเทพวายุยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าหากแม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุดของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขายังถูกสังหารในกระบวนท่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวล่ะก็ นับว่าสร้างความสิ้นหวังยิ่งเหลือเกิน
ฝ่าบาท โปรดยั้งมือด้วย เวลานี้เทพวายุได้ก้มกราบลงกับพื้น กล่าวด้วยความประหม่าเป็นอย่างยิ่งว่า ศิษย์ในสำนักโง่เขลาเบาปัญญา ขอฝ่าบาทเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน เห็นแก่เหล่าบรรพชนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ โปรดให้อภัยสำนักเสินสิงเหมิน ศิษย์ทุกระดับชั้นของสำนักเสินสิงเหมินยินดีรับการลงทัณฑ์จากฝ่าบาท
ในเวลานี้ เทพวายุเองก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ชั่วพริบตาเดียวนี้เองเขาจึงได้ตระหนักว่า หลี่ชิเย่จึงเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ไท่ชิง แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงในครั้งนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้
………………………………..