ข้าเป็นตัวอะไร? หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะได้ตามอารมณ์ยิ่งนัก ยิ้มกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ว่า ข้าก็คือฮ่องเต้ที่พวกเจ้าคุกเข่าเลียเอาอกเอาใจคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักเสินสิงเหมิน หรือห้าแกร่งอะไรก็แค่มดปลวกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้าเท่านั้นเอง แม้แต่เทพวายุของพวกเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ต้องคุกเข่าก้มกราบ สำหรับพวกเจ้าน่ะหรือ แค่มดปลวกตัวน้อยๆ ที่แม้แต่คุกเข่าเลียรองเท้าก็ยังไม่มีโอกาส ฐานะอย่างพวกเจ้า คิดจะก้มลงกราบและเลียให้กับข้าล่ะก็ เกรงว่าคงต้องเข้าแถวยาวไปถึงนอกเมืองกัวชางเฉิงราวแปดพันลี้กระมัง
สีหน้าของบรรดาศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์พลันเปลี่ยนไป เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา คำพูดลักษณะเช่นนี้เป็นการสร้างความอับอายแก่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาอย่างโจ๋งครึ่ม เป็นการทำให้ศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต้องอัปยศอดสู
พวกเขากลายเป็นไร้ค่าเมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่ แล้วจะไม่ให้พวกเขาบังเกิดเพลิงแห่งความโกรธที่สุมเต็มอกได้อย่างไร
พูดจาโอ้อวดไม่รู้จักอาย…ในเวลานี้ บรรดาศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันด่าขึ้นมา และตวาดเสียงดังว่า ลบหลู่สำนักเสินสิงเหมินพวกเรา โทษสมควรตายหมื่นครั้ง
ผู้กล้าไม่เอ่ยถึงวีรกรรมในอดีต! สีหน้าคุณชายเฮ่อเฟยในเวลานี้เยือกเย็น ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวหยามเหยียดว่า ในครั้งนั้น ที่ผู้คนใต้หล้ายกย่องเป็นเพียงราชวงศ์โต่วเซิ่นเท่านั้น ที่ยกย่องเป็นเพียงฮ่องแต้ไท่ชิงเท่านั้น เจ้าที่เป็นฮ่องเต้ชั่วไร้ความสามารถ ใครเขาจะให้ความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น มาถึงวันนี้แล้วราชวงศ์โต่วเซิ่นของพวกเจ้าจบสิ้นไปแล้ว เจ้าก็แค่ฮ่องเต้สิ้นชาติที่มาอาศัยชายคาผู้อื่นเท่านั้น เป็นเพียงผู้หมดที่พึ่ง ไร้ญาติขาดมิตรคนหนึ่งเท่านั้น
ขอโทษ ต่อให้ข้าเป็นเพียงฮ่องเต้สิ้นชาติคนหนึ่ง เป็นผู้หมดที่พึ่ง ไร้ญาติขาดมิตรคนหนึ่ง ก็ยังคงเป็นคนที่ให้สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าต้องคุกเข่าเลีย หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า สำหรับพวกเจ้าน่ะหรือ แม้แต่มาคุกเข่าเลียยังไม่มีโอกาสเลย เป็นได้แค่ฝุ่นใต้ตีนเท่านั้นเอง
เจ้า…คุณชายเฮ่อเฟยพลันถูกยั่วโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน
ในฐานะเป็นบุรุษ อย่าได้อาศัยปากเก่ง เวลานี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า เก่งจริงก็แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา มัวแต่เอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต นับเป็นผู้ชายแบบไหนกัน!
แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมา กล่าวเอ้อระเหยว่า เจ้ายังจะให้ความสำคัญในตัวเองจริงๆ แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น คู่ควรให้ข้าแสดงฝีมือจริงรึ? แค่ยกเท้าขึ้นมาก็สามารถบดขยี้พวกเจ้าแล้ว
อวดดียกตนข่มท่าน…เวลานี้ ศิษย์จำนวนไม่น้อยของสำนักเสินสิงเหมินต่างทยอยกันออกปากด่าว่า กระทั่งมีศิษย์ที่กระโดดตัวลอยและถลกแขนเสื้อขึ้น ร้องตวาดเสียงดังว่า ศิษย์พี่สาว กับฮ่องเต้ชั่วแบบนี้ไหนเลยต้องให้ท่านลงมือด้วยตนเอง เป็นการทำให้ท่านเปื้อนมือเปล่าๆ ให้ศิษย์น้องสั่งสอนแทนก็พอแล้ว
บรรดาศิษย์เหล่านี้ยังไม่ทันลงมือก็ถูกคุณชายเฮ่อเฟยโบกมือห้ามพวกเขาเอาไว้ ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า ในเมื่อเจ้ามีฝีมือเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าได้ขอคำชี้แนะสักหน่อย! กล่าวพลางก้าวเดินไปข้างหน้า ดวงตาทั้งสองฉายแววปณิธานการฆ่า ประกายเยือกเย็นคุกคามผู้คน
ศิษย์พี่ ไม่ได้นะ จางเจี้ยนชวนรีบเข้าขวางเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าคุณชายเฮ่อเฟยจะลงมือต่อหลี่ชิเย่
จางเจี้ยนชวนคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง เขาเองรู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าเขาเองก็จนปัญญา เขาได้รับคำสั่งมาจะต้องรับผิดชอบในความปลอดภัยของหลี่ชิเย่
ศิษย์น้อง เจ้าถอยไปอยู่ข้างๆ เสีย ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาข้าก็จะรับผิดชอบเอง คุณชายเฮ่อเฟยพูดเสียงเย็นชาขึ้นมา
จางเจี้ยนชวนส่ายหน้า และกล่าวด้วยท่าทีที่แน่วแน่มั่นคงว่า ศิษย์พี่ ใช่ว่าน้องจงใจเป็นศัตรูกับท่าน เพียงแต่ท่านปรมาจารย์ก่อนไปจากได้สั่งเป็นมั่นเป็นเหมาะ จะต้องดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นอย่างดี ดังนั้น ขอศิษย์พี่โปรดอภัย มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถอธิบายต่อท่านปรมาจารย์ได้
ศิษย์พี่ เร็วๆ นี้น้องได้ฝึกเคล็ดวิชามาแขนงหนึ่ง น้องใคร่อยากศึกษากับศิษย์พี่สักหน่อย ขอศิษย์พี่ได้ชี้แนะให้บ้าง ในเวลานี้เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็ก้าวออกมาทันที และเข้าขวางจางเจี้ยนชวนเอาไว้
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ไม่ว่าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาหรือว่าคุณชายเฮ่อเฟย และหรือบรรดาศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนี้ก็จะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เด็ดขาด
ศิษย์น้อง ใยจะต้องทำเช่นนี้เล่า เมื่อจางเจี้ยนชวนเห็นว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาต้องการขวางตนเอาไว้ และรู้จุดประสงค์ของจาง ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ขึ้นมา
ข้าไม่หาเรื่องเขาก็ได้ ให้เขาส่งมอบสัญญาแต่งงานออกมา และหรือปฏิเสธเรื่องแต่งงานในวันนั้นเสีย ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่าเทพวายุจนด้วยเกล้าอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ เขาเป็นผู้รับปากเรื่องแต่งงานนี้กับฮ่องแต้ไท่ชิงด้วยตนเอง ดังนั้น ด้วยตำแหน่งฐานะ และนิสัยของเขาแล้ว ไม่สามารถกลับคำเรื่องแต่งงานในครั้งนี้ได้
แต่ทว่า สำหรับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวานั้นต่างกัน นางย่อมไม่ยินยอมแต่งงานกับฮ่องเต้ชั่วที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม บ้ากามและไร้ความสามารถเช่นนี้ ดังนั้น เวลานี้สถานการณ์ของหลี่ชิเย่ได้เปลี่ยนไป นางที่อยู่ในฐานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเสินสิงเหมิน ย่อมมีศักยภาพที่จะไปบีบบังคับหลี่ชิเย่ให้ยกเลิกงานแต่งนี้เสีย นางต้องการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตน
ดังนั้น กล่าวสำหรับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาแล้ว วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางก็ต้องอาศัยกำลังบีบบังคับหลี่ชิเย่ให้ยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ไปเสีย
จังหวะที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาขวางจางเจี้ยนชวนเอาไว้นั้น คุณชายเฮ่อเฟยได้บีบคั้นหลี่ชิเย่เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง กล่าวต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขามว่า ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ให้เจ้าได้ลงมือก่อนสามกระบวนท่า! หลังจากสามกระบวนท่าแล้ว ระวังข้าเอาชีวิตสุนัขอย่างเจ้า
อย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ขี้คร้านจะไปมองหน้าเขาอีกสักครั้งหนึ่ง และกล่าวว่า แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยต้องให้ข้าลงมือเองเล่า ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้บนฝ่ามือของเขาได้รองรับลูกบอลไม้เล็กๆ เอาไว้ลูกหนึ่งแล้ว
คร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกทันใดนั้นเอง ลูกบอลไม้ลูกนี้ได้บินออกจากฝ่ามือของหลี่ชิเย่ แล้วมีการประติดประต่อกันอย่างบ้าคลั่งกลายเป็นลูกบอลไม้ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นในทันที
ตูม…เสียงดังสนั่นดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ลูกบอลไม้ที่เสมือนดั่งภูเขาขนาดยักษ์พลันลงมาจากฟ้า และหอบเอาน้ำหนักหนึ่งหมื่นห้าพันล้านตันพุ่งเข้าใส่คุณชายเฮ่อเฟย
ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันคือของวิเศษที่หลอมสร้างขึ้นมาจากปรมาจารย์พฤกษาสามต้น มีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมของพฤกษาจารย์ทั้งสาม โดยลูกบอลไม้ทีมีสามสีสลับกันไป
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์พลันมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองเห็นลูกบอลไม้ที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้พุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า แววตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตรร้องคำรามเสียงดังออกไป เปิด…มือทั้งสองอยู่ในท่าเหมือนโลกบาลหลี่ผู้ถือเจดีย์ รับมือกับลูกบอลไม้สามสีที่ลงมาจากท้องฟ้าตรงๆ
ถึงตอนนี้ คุณชายเฮ่อเฟยได้ลืมคำสัญญาที่พูดเอาไว้ก่อนหน้าว่าจะต่อให้สามกระบวนท่าจนสิ้น
เสียงปังดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว มือทั้งสองข้างของคุณชายเฮ่อเฟยที่เสมือนดั่งโลกบาลหลี่ผู้ถือเจดีย์ต้านรับกับลูกบอลไม้ที่พุ่งลงมา แต่แล้ว เขาได้ประเมินพลังอำนาจของไม้บรรพจารย์สิบแปดผันต่ำไปมากทีเดียว
หลังจากเสียงปังผ่านไป ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น เป็นเสียงกระดูกแตกละเอียดที่ดังแสบแก้วหูดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเลือดสดๆ ที่สาดกระจาย มือทั้งคู่ของคุณชายเฮ่อเฟยถูกพุ่งชนจนแหลกละเอียดไป
ตูม…เสียงดังสนั่นดังขึ้นมาอีกครั้ง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ลูกบอลไม้ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ติดตามด้วยเสียงดังตูม ตูม ตูมที่ดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย มันกลิ้งด้วยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียม และอาศัยพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งเข้าชนคุณชายเฮ่อเฟย
อย่างไรก็ตาม ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันยิ่งกลิ้งไปด้วยความเร็วมาก และกลิ้งไปได้ระยะที่ไกลมากขึ้น ขั้นตอนระหว่างที่กลิ้งเคลื่อนที่ไปก็จะมีการประติดประต่อบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น ในชั่วพริบตาเดียวก็กลับกลายเป็นมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าเดิมกว่าสิบเท่า
ตูม…เสียงดังกึกก้อง ในเวลานี้เอง ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ในขณะนี้มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขาขนาดสูงใหญ่ลูกหนึ่งเสียอีก มันหอบเอาท่าทีที่ทำลายฟ้าดินพุ่งชนลงมา พลันทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมีสีหน้าเปลี่ยนไป ถึงกับหวาดผวาจนหน้าถอดสี
อิ๊ววว…เสียงร้องนกกระเรียนดังขึ้น จังหวะที่ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์พุ่งชนลงมานั้น คุณชายเฮ่อเฟยคล้ายดั่งเป็นนกกระเรียนยักษ์ตัวหนึ่งที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างฉับพลัน เสมือนเป็นสายฟ้าแลบที่พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าและหลบเลี่ยงลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ที่พุ่งชนเข้ามาไปได้
ตูม…จังหวะที่คุณชายเฮ่อเฟยหลบจากการพุ่งโจมตีของลูกบอลไม้ไปได้นั้น ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมาและสั่นไหวทีหนึ่ง และกลับกลายเป็นมีขนาดใหญ่โตมากยิ่งขึ้นไปอีก
นาทีนี้ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ส่งเสียงดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย และอาศัยความเร็วที่เหนือความเร็วของสายฟ้าแลบพุ่งเข้าใส่คุณชายเฮ่อเฟยที่บินขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์อาศัยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งชนเข้ามา ช่องว่างมีการกระเพื่อมสั่นไหวทีหนึ่ง หลังของคุณชายเฮ่อเฟยคล้ายมีปีกงอกออกมาคุ่หนึ่งอย่างนั้น พลันมองเห็นท่าร่างของเขาที่พริ้วไหว คล้ายเป็นกระเรียนที่เต้นระบำอย่างนั้น อาศัยท่าร่างที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วหลบพ้นการพุ่งชนเข้ามาของลูกบอลไม้ขนาดยักษ์
ตูม…ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์มีการสั่นไหวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่พลาดเป้าไป มันได้เพิ่มความเร็วขึ้นมาอีกครั้ง ขนาดและความเร็วของมันก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ บนท้องฟ้าปรากฏเสียงดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอก ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์กลิ้งไล่กวดพุ่งชนเข้าใส่คุณชายเฮ่อเฟยอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ท่าร่างของคุณชายเฮ่อเฟยถือเป็นหนึ่งในสุดยอดเคล็ดวิชา เขาได้ฝึกท่าร่างที่ปราศจากผู้ต่อกรของสำนักเสินสิงเหมิน ร่ายรำดั่งนกกระเรียน หลบหลีกจากการพุ่งโจมตีของไม้บรรพจารย์สิบแปดผันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่า ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันนั้นมีการเพิ่มความเร็วขึ้นทุกครั้งที่กลิ้งเคลื่อนที่ไป และขนาดของมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งการเพิ่มขึ้นทุกครั้งล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดังนั้น ต่อให้ท่าร่างของคุณชายเฮ่อเฟยสุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้าก็ตาม เมื่อขนาดและความเร็วของไม้บรรพจารย์สิบแปดผันเพิ่มขึ้นจนได้ระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกการพุ่งโจมตีของไม้บรรพจารย์สิบแปดผันได้อีกแล้ว
เปิด…จากการที่ได้ปรับความเร็วท่าร่างของตนขึ้นไปจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ยังคงไม่สามารถสลัดหนีการตามล่าจากไม้บรรพจารย์สิบแปดผันทางด้านหลังไปได้ คุณชายเฮ่อเฟยได้คำรามเสียงดังขึ้น ปรากฏเป็นโล่ขนาดยักษ์อยู่ในมือ หวังอาศัยสิ่งนี้รับมือโดยตรงกับไม้บรรพจารย์สิบแปดผันที่พุ่งชนเข้ามา
ตูม…เสียงดั่งสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน ภายใต้ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ที่มีขนาดและความเร็วปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งชนเข้ามานั้น ได้ยินเสียงปังดังขึ้น มองเห็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ในมือของคุณชายเฮ่อเฟยพลันแตกละเอียด เศษชิ้นส่วนปลิวกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
คร๊ากกกเสียงหนึ่งดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย เสียงกระดูกแตกละเอียดดังแสบแก้วหู ได้ยินเสียงน่าเวทนาดังอ๊ากกกขึ้นมา ร่างของคุณชายเฮ่อเฟยถูกลูกบอลไม้ขนาดยักษ์พุ่งชนเข้าให้อย่างแรงจนเลือดไหลโทรมกาย ภายใต้การพุ่งชนลักษณะเช่นนี้ ไม่รู้ว่ากระดูกของคุณชายเฮ่อเฟยถูกชนจนแตกละเอียดไปเท่าไร เรียกว่าร่างนั้นยับเยินมาก
ภายใต้การพุ่งชนอย่างรุนแรง ทำให้ร่างของคุณชายเฮ่อเฟยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสูง
แต่ทว่า ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันไม่ยอมละเว้นคุณชายเฮ่อเฟย ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา ลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ได้กลิ้งเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง และท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวครั้งนี้ มันได้อาศัยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งชนลงมา พุ่งตรงเข้าโจมตีคุณชายเฮ่อเฟย มันต้องการพุ่งชนคุณชายเฮ่อเฟยให้กลายเป็นหมอกเลือด
………………………………………………………………….