เมื่อจางเจี๋ยตี้ได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วพลันตะลึงตาค้างจนพูดอะไรไม่ออก เขายังเขาใจว่าหลี่ชิเย่แค่ต้องการเป็นฮ่องเต้ที่เสพสุข มั่วโลกีย์องค์หนึ่งเท่านั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หลี่ชิเย่ถึงกับคิดจะโจมตีหอหลินไห่เก๋อ และตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ
จางเจี๋ยตี้พลันรู้สึกงงงัน รู้สึกว่าหลี่ชิเย่เสียสติไปแล้ว เนื่องจากเรื่องเช่นนี้แม้แต่ฮ่องแต้ไท่ชิงก็ไม่เคยทำมาก่อน แม้ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวมาสามยุคสมัย เกรียงไกรไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่ทว่า เป็นความจริงที่เขาไม่เคยส่งกองทัพไปจัดการทำลายล้างหอหลินไห่เก๋อที่เป็นห้าผู้ยิ่งใหญ่ และหรือบางทีในใจของฮ่องแต้ไท่ชิงเคยคิด แต่ไม่เคยไปทำให้เป็นความจริง
ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด จางเจี๋ยตี้ตกใจอย่างยิ่ง รีบหล่าวว่า ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก่อตั้งขึ้นโดยอาศัยกำลังทหาร กำลังการสู้รบแข็งแกร่งยิ่ง เกรงว่ากองทัพส่วนกลางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ
อ้อ แค่กองทัพส่วนกลางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นก็ส่งกองทัพบูรพา ทักษิณ ประจิม และอุดรสี่กองทัพใหญ่ติดตามกองทัพส่วนกลางไปด้วย จัดการทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเสีย
ว่าอะไรนะ… จางเจี๋ยตี้ยิ่งงงงันหนักขึ้นกว่าเดิมอีก การโยกกำลังกองทัพส่วนกลางก็เพียงพอที่จะสร้างคามฮือฮาให้กับราชวงศ์โต่วเซิ่นแล้ว โยกกระทั่งกองทัททั้งสี่ภาค โยกรวดเดียวห้ากองทัพนี่มันคือเสียสติแล้วชัดๆ ซึ่งจะส่งผลให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นพลันตกอยู่ท่ามกลางกระเพื่อมที่น่ากลัว กระทั่งอาจทำให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นพังครืนลงในชั่วข้ามคืน
การโยกหลายกองทัพเช่นนี้ เว้นแต่ฮ่องแต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นแล้วหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น จะไม่กล้าเล่นใหญ่เช่นนี้อยู่แล้ว
ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ไม่ได้นะ จางเจี๋ยตี้พยายามอย่างยิ่งที่จะเตือนว่า เมื่อไรที่กองทัพส่วนกลางกับกองทัพภาคทั้งสี่ถูกส่งไปยังสมรภูมิรบล่ะก็ จะส่งผลกระเพื่อมต่อราชวงศ์โต่วเซิ่นโดยรวมแน่ และเปิดโอกาสให้ศัตรูได้ฉกฉวยโอกาสนี้ได้ ถึงเวลานั้น ราชวงศ์โต่วเซิ่นโดยรวมทั้งหมดก็จะง่อนแง่นเต็มที่ มันอันตรายมากนะ
มีอะไรจะไม่ได้ หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ราชวงศ์โต่วเซิ่นจะล่มสลายก็ล่มสลายไป ไม่เห็นจะมีอะไร เป็นสั่งการให้ห้ากองทัพยกทัพไปพร้อมกัน บอกตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือว่า ถ้าไม่อยากให้ถูกทำลายล้างล่ะก็ ให้ส่งตัวปิงฉือหานยวี่อะไรนั่นออกมาทันที อีกทั้ง ยังต้องมีสาวงามที่แต่งมาพร้อมกันอีกหนึ่งร้อย ไม่ หนึ่งหมื่นคน ต้องงดงาม อกโตแบบนั้น
ฝ่าบาท ถ้าหากฝ่าบาทต้องการสาวงาม ขอเพียงฝ่าบาทรับสั่งมาคำหนึ่งก็พอ กระหม่อมจะส่งคนไปคัดเลือกให้ฝ่าบาท ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีสาวงามเป็นหมื่นเป็นพัน พร้อมที่จะให้ฝ่าบาทได้คัดเลือก ฝ่าบาทต้องการแบบไหนก็มีทั้งนั้น ก้นอวบ อกโตมีทั้งนั้น จางเจี๋ยตี้รีบกล่าวว่า มันไม่มีความจำเป็นต้องส่งกองทัพไปยังตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ
เจี๋ยตี้เอ๋ย เจ้าคิดอกุศลแล้ว หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้า และกล่าวว่า ถ้าหากข้าต้องการผู้หญิงจริงๆ ล่ะก็ จำเป็นต้องอาศัยวิธีการแบบนี้รึ? ขอเพียงข้าหลี่ชิเย่กวักมือ ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดา ธิดาศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นไม่โผเข้าอ้อมกอดเหมือนกันรึ ต่อให้ฮ่องเต้อย่างข้าเลอะเทอะมากกว่านี้ก็ตาม ก็รู้ว่าลำพังอาศัยตำแหน่งฮ่องเต้หากต้องการผู้หญิง ตรงไหนบ้างที่ไม่มีให้? ต้องการแบบไหนก็มีทั้งนั้น เรื่องผู้หญิงมันก็แค่พูดขึ้นมาเล่นๆ เท่านั้นเอง
ถ้าเช่นนั้น ฝ่าบาท… จางเจี๋ยตี้ที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะยังต้องตะลึงอยู่นิดหนึ่ง
ก็เล่นน่ะสิ หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ในเมื่อข้าคือฮ่องเต้มีอะไรที่เล่นไม่ได้ เล่นผู้หญิงได้ก็ต้องเล่นแผ่นดินได้สิ ส่งทหารรบไปทั่วหล้า ใครที่ขัดหูขัดตาก็ต้องโจมตีคนนั้น! อย่างไรเสียข้ามีกองทัพในมือเป็นสิบล้าน ไม่ใช่หรือ?
ฝ่าบาท พระองค์ยังไม่สามารถกุมอำนาจในมือได้มั่นคง หากพ่ายแพ้การศึกล่ะก็ เกรงว่าราชวงศ์ต้องล่มสลายน่ะ จางเจี๋ยตี้อดที่จะกล่าวขึ้นมาไม่ได้
ล่มสลายก็ล่มสลายไปสิ ถูกทำลายล้างก็ไม่มีปัญหา จะอย่างไรเสียแผ่นดินนี้ใช่ว่าข้าเป็นคนบุกเบิกขึ้นมา ถูกทำลายก็ทำลายไปสิ เกี่ยวอะไรกับข้า หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้น
จางเจี๋ยตี้ถึงกับเซ่อไปเลยเมื่อต้องเจอะเจอกับฮ่องเต้ที่บ้าระห่ำเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้องค์อื่นๆ มีใครบ้างล่ะที่ยินดีให้แผ่นดินของตนถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม ท่าทางของหลี่ชิเย่คือท่าทีที่อย่างไรก็ได้ สมควรทราบว่า นี่คืออำนาจที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่น่ะเนี่ย หลี่ชิเย่แค่เอามาล้อเล่นเท่านั้นเอง
ฝ่าบาท เมื่อไรที่เกิดศึกสงครามขึ้นย่อมเป็นไฟสงครามที่ลามไปทั่ว สรรพชีวิตต้องสิ้นสลาย ไม่รู้ว่ามีประชาชนจำนวนเท่าไรที่ต้องเสียชีวิต ไม่รู้ว่ามีผู้ที่ปราศจากความผิดต้องตายในสนามรบ ขอฝ่าบาทได้เห็นแก่อาณาประชาราษฎร์ใต้หล้า ได้โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบสร้างความสงบสุขให้กับใต้หล้า จางเจี๋ยตี้กล่าวด้วยความพยายามอย่างยิ่ง
อาณาประชาราษฎร์ ความสงบสุขใต้หล้า หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า เจี๋ยตี้ เจ้ารู้สึกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นอย่างไร?
จางเจี๋ยตี้งงงันนิดหนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลี่ชิเย่จึงได้โยงไปถึงฮ่องเต้ไท่ชิงกะทันหันขึ้นมา
ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงพระปรีชาเฉลียวฉลาดทรงกำลังอำนาจมาก เมื่อได้สติกลับมา จางเจี๋ยตี้ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ สิ่งนี้หาใช่เป็นคำพูดที่ประจบสอพรอ เป็นความจริงที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสามารถได้รับการยกย่องว่าทรงพระปรีชาเฉลียวฉลาดทรงกำลังอำนาจมากได้อย่างแท้จริง
ฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาเฉลียวฉลาดทรงกำลังอำนาจมากคนหนึ่ง เจ้าคิดว่าเขาจะแก่แล้วเลอะเลือนหรือไม่? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้น
ไม่เป็น จางเจี๋ยตี้ส่ายหัวและตอบโดยไม่ต้องคิด จะอย่างไรเสียเขาก็คือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งแก่ตัวแล้วจะกลายเป็นตาแก่เลอะเลือน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในเมื่อเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาเฉลียวฉลาดทรงกำลังอำนาจมากคนหนึ่ง ทั้งยังไม่แก่แล้วเลอะเลือน ทันใดนั้น ถึงกับยกเอาบัลลังก์ให้กับข้าที่เป็นสารเลวคนหนึ่งเช่นนี้ แทนที่จะยกตำแหน่งให้กับซุนหลึ่งหยิ่ง และหรือผู้ที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่นของราชวงศ์โต่วเซิ่น ไหนเจ้าลองบอกมาซิว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้จางเจี๋ยตี้ตอบไม่ถูก ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย ทรงพระปรีชาฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล และเขาก็จะไม่เป็นตาแก่เลอะเลือนยามแก่ตัว แต่ว่า เขากลับยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับหลี่ชิเย่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าใจได้ หนึ่งเดียวที่จะอธิบายก็คือ หลี่ชิเย่นั้นเป็นบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้ไท่ชิง!
เหมือนดั่งที่ผู้คนจำนวนมากคิดเอาไว้อย่างนั้น ต่อให้ข้าเป็นลูกนอกสมรสของเขา หรือเจ้าไม่คิดว่าการเอาบัลลังก์มอบให้กับสวะอย่างข้า คนที่เหลวไหลอย่างข้านั้น เป็นเรื่องที่ขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่งรึ?
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ปรากฏรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา และกล่าวว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย แผ่นดินนี้เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยกำลังกายและสมองมาชั่วชีวิต แต่ มาวันนี้เขากลับมอบแผ่นดินนี้แก่ข้าตามอารมณ์? เจ้าคิดว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงเคยคำนึงถึงความสงบสุขใต้หล้ารึ? เคยคำนึงเพื่ออาณาประชาราษฎร์อย่างนั้นรึ? ไม่มี!
ในเมื่อเขาไม่แคร์กระทั่งแผ่นดินที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยกำลังกายและสมองมาชั่วชีวิต ข้าซึ่งเป็นฮ่องเต้ที่ได้มาง่ายๆ ทำไมข้าจะต้องไปรักษาแผ่นดินนี้ให้กับเขา ทำไมข้าจะต้องไปตรากตำเพื่อเขา เพื่ออาณาประชาราษฎร์อะไรนั่นมันกงการอะไรของข้า หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ดังนั้น เวลานี้ควรเล่นอย่างไรให้สนุกก็จะเล่นอย่างนั้น
จางเจี๋ยตี้พลันนิ่งเงียบขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงยกบัลลังก์ให้กับหลี่ชิเย่เป็นเรื่องที่ทำให้คนทั่วหล้าคิดไม่ตกมากที่สุด
แม้แต่ตัวเขาที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้ไท่ชิงมาอย่างยาวนาน เขาเองก็คิดไม่ตกว่าเพราะอะไรฮ่องเต้ไท่ชิงถึงได้มอบบัลลังก์ให้กับหลี่ชิเย่ เขาหาใช่เป็นตัวเลือกที่ดีมากคนหนึ่ง
อีกอย่าง เจี่ยตี้ สมมุติว่าข้าเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่ง มีจิตใจที่ระมัดระวังและมีความรับผิดชอบสูง จัดการราชกิจของราชวงศ์โต่วเซิ่นนี้เป็นอย่างดี เจ้าคิดว่าในด้านการสร้างและการบุกเบิกกิจการข้าสามารถแซงล้ำหน้าฮ่องเต้ไท่ชิงได้หรือไม่? สามารถเฉกเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นฮ่องเต้ประเภทเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวมาสามยุคสมัยและถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เป็นอย่างดีได้หรือไม่?
จางเจี๋ยตี้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวด้วยความสัตย์ว่า ทำไม่ได้
ราชวงศ์โต่วเซิ่นในมือของฮ่องเต้ไท่ชิงได้ก้าวถึงช่วงเจริญรุ่งเรืองขีดสุด และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็ได้กลายเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งมากที่สุดของแดนลัทธิราชัน ดังนั้น ในฐานะผู้มาทีหลัง ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะเพียรพยายามเท่าไรก็ตามเกรงว่าก็คงล้ำหน้าฮ่องเต้ไท่ชิงไปไม่ได้ ในสายตาของบุคคลภายนอก หลี่ชิเย่เป็นเพียงผู้ที่สืบทอดกิจการอันยิ่งใหญ่ต่อไปของฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้น เป็นฮ่องเต้ไท่ชิงที่ได้วางรากฐานแผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองให้เขาเอาไว้เท่านั้น
กล่าวได้ว่า ภายใต้รัศมีอันเจิดจ้าของฮ่องเต้ไท่ชิง ต่อให้ผลงานของหลี่ชิเย่ยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้ก็ดูจะไร้พลังอะไรอย่างนั้น
ถ้าหากว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นในเวลานี้ถูกทำลายไปล่ะ? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ข้าสร้างราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ เกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทำลายล้างหอหลินไห่เก๋อ สำนักเสินสิงเหมินที่เป็นห้าสำนักใหญ่เป็นต้น ทำให้ใต้หล้าหมอบคลานอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเข้า เจ้าคิดว่าผลงานนี้เทียบกับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วเป็นอย่างไร?
เรื่องนี้… พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมา ได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับจางเจี๋ยตี้อย่างสิ้นเชิง
ฮ่องเต้ที่เป็นปฐมกษัตริย์ ทั้งยังทำลายล้างแคว้นหลินไห่ สำนักเสินสิงเหมินที่เป็นห้าสำนักใหญ่ จากนั้นเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า เช่นนั้นแล้วผลงานเช่นนี้เป็นความจริงที่จะอยู่เหนือฮ่องเต้ไท่ชิง
ฝ่าบาท นี่ นี่… เวลานี้ จางเจี๋ยตี้ที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็พูดอะไรไม่ถูกแล้ว เขาเข้าใจได้ทันทีแล้วว่าหลี่ชิเย่ต้องการจะทำอะไร นี่เป็นการทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ เขาตั้งใจจะให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นถูกทำลาย
ข้าพูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า ทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่อะไรนั่นแค่เล่นไปตามอารมณ์เท่านั้น ขอเพียงข้ายินดีปรีดา แผ่นดินนี้ก็จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ หากข้าไม่ปลื้มก็จะหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา บางทีหากข้าอารมณ์ดีอาจจะทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ หากอารมณ์ไม่ดีก็ปล่อยให้มันกลายเป็นซากปรักหักพังตลอดกาล นี่ไม่ใช่การเลือกของข้า แต่เป็นการเลือกของฮ่องเต้ไท่ชิง เข้าใจหรือไม่?
จางเจี๋ยตี้พลันนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
เอาล่ะ ถ่ายทอดคำสั่งข้า ระดมกำลังกองทัพส่วนกลาง กองทัพบูรพา ทักษิณ ประจิม อุดรที่เป็นกองทัพทั้งสี่ภาค ยกทัพตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ หากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือไม่ส่งมอบตัวปิงฉือหานยวี่ ไม่บรรณาการสาวงามหนึ่งหมื่นคน ราชวงศ์โต่วเซิ่นก็จะทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเสีย! ท่าทีของหลี่ชิเย่อย่างไรก็ได้อย่างสิ้นเชิง โบกมือสั่งการออกไป
กระหม่อมน้อมรับคำบัญชา สุดท้าย จางเจี๋ยตี้ยังจะพูดอะไรได้อีก ได้แต่ปฎิบัติตามคำสั่งของหลี่ชิเย่
ก่อนเดินจากไป จางเจี๋ยตี้ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ ก่อนหน้านั้น เขารู้สึกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้าทำอะไรมักเหนือความคาดคิดอยู่เสมอ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าบ้าระห่ำ
แต่ว่า มาวันนี้เมื่อได้เข้าใจในสิ่งที่หลี่ชิเย่ทำ นั่นแหละจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรที่เรียกว่าบ้าระห่ำ! สิ่งที่หลี่ชิเย่ต้องการจะทำในวันนี้แหละเป็นสิ่งที่เรียกว่าบ้าระห่ำอย่างแท้จริง!
บางที จางเจี๋ยตี้ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรฮ่องเต้ไท่ชิงจึงได้มอบบัลลังก์ให้กับหลี่ชิเย่ แต่ว่า ในที่สุดมาวันนี้เขาจึงได้รู้แล้วว่าระหว่างฮ่องเต้ไท่ชิงกับหลี่ชิเย่ทั้งสองคนต่างมีจุดที่เหมือนกัน นั่นก็คือทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เป็นคนเสียสติ!
เวลานี้ แม้ว่าจางเจี๋ยตี้จะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง เขาก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว เว้นแต่เขาจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของฮ่องเต้ไท่ชิง แต่ว่า กล่าวสำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขาจะไม่มีวันทรยศฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างเด็ดขาด และจะไม่ฝ่าฝืนภารกิจที่ฮ่องเต้ไท่ชิงมอบให้กับเขาอย่างเด็ดขาด
หลังจากจางเจี๋ยตี้เดินจากไปแล้ว หลี่ชิเย่นอนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย และยิ้มกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า ละครฉากเด็ดเริ่มแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นเบี้ย คอยดูต่อไปก็แล้วกัน
………………………………………………….