แย่แล้ว…บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นลูกบอลไม้ขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้าหาคุณชายเฮ่อเฟยอย่างรุนแรง อีกทั้งเวลานี้คุณชายเฮ่อเฟยไม่สามารถต่อต้านได้อีกแล้ว
ข้าตายแน่…คุณชายเฮ่อเฟยเองอดที่จะร้องเสียงหลงขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นลูกบอลไม้ขนาดยักษ์หอบเอาท่วงท่าที่สะเทือนฟ้าพุ่งโจมตีเข้ามา ถึงกับหลับตาลง
ชั่วพริบตาเดียวระหว่างความเป็นความตาย พลันปรากฏร่างเงาคนผู้หนึ่งที่เหินฟ้าเข้ามา ก้าวข้ามท้องฟ้าที่ว่างเปล่าในพริบตา เสมือนดั่งเป็นมังกรเจียวหลงที่โจนทะยานในเก้าชั้นฟ้า ดุจดั่งหงส์ร่อนมังกรเยื้องย่าง
ฝ่าบาท โปรดยั้งมือด้วย ผู้ที่เหินฟ้าดั่งมังกรเจียวหลงเข้ามา คำรามเสียงยาวขึ้นมา
หนึ่งที่เหินฟ้าเข้ามานี้อาศัยมือขนาดใหญ่ปิดบังฟ้าและตบเข้าไปยังไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน เสียงปังดังสนั่น คนผู้นี้เข้าปะทะซึ่งหน้ากับการโจมตีของไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน เสียงที่เกิดจากการปะทะที่น่ากลัวส่งผลให้ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงไปมา ขณะที่คนผู้นี้ก็ต้องก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว
ภายใต้การโจมตีของไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน พลันพุ่งกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นไม้บรรพจารย์สิบแปดผันที่หมุนเคลื่อนไปอย่างบ้าคลั่งรุนแรง
ไป…พริบตาเดียวนั่นเอง คนผู้นี้ได้ช่วยเหลือคุณชายเฮ่อเฟยออกจากที่ตรงนั้น ดั่งกระเรียนเหินกระโดดเข้าไปยังศาลาพักร้อนในพริบตาเดียว รีบแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า ฝ่าบาท ศิษย์ข้าโง่เขลา ขอฝ่าบาทโปรดยั้งมือ ไว้ชีวิตเขาสักครั้ง
คนผู้นี้เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผมขาวเสื้อกระเรียน มีท่าทีที่ดุดันรุนแรงไม่น้อย ดวงตาคู่นั้นของเขาแหลมคมอย่างยิ่ง เหมือนว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางแววตาที่ร้ายกาจของเขาแล้ว ทำให้ผู้คนไม่อาจหลบหนีไปได้
หลี่ชิเย่เพียงเลิกหนังตาทีหนึ่ง และไม่ได้มองดูเขาสักครั้ง เพียงกวักมือทีหนึ่ง ได้ยินเสียงดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกดังขึ้นเป็นระลอก พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นไม้บรรพจารย์สิบแปดผันพลันหดตัวลงและมีการประติดประต่อขึ้นใหม่ เพียงพริบตาเดียวก็กลับกลายเป็นลูกบอลไม้ขนาดเล็ก และไปอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ลูกบอลไม้ลูกนั้นที่อยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่า ลูกบอลไม้ขนาดเล็กลูกนั้นที่อยู่บนฝ่ามือถึงกับมีอนุภาพเช่นนี้
นาทีนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่า ลูกบอลไม้ขนาดเล็กที่ดูธรรมดาบนฝ่ามือหลี่ชิเย่นั้นคือของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง
แน่นอน ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจกับการที่หลี่ชิเย่จะมีของวิเศษเช่นนี้ จะอย่างไรเสียเขาก็เคยเป็นฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่น เคยเป็นผู้ที่มีอำนาจบารมีสูงสุดอยู่ในครอบครอง การที่จะมีของวิเศษที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรบ้างก็นับเป็นเรื่องปรกติ
อาจารย์…จางเจี้ยนชวนรีบเขาไปแสดงคารวะและกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า
ท่านพ่อ…ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็เรียออกมาคำหนึ่ง มีลักษณะท่าทางที่ออดอ้อนอยู่บ้าง และท่าทีก็ดูจะมีอารมณ์ที่แค้นเคืองอยู่ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าภายในใจของนางไม่สบอารมณ์นัก
ผู้เฒ่าผู้นี้ก็คือเจ้าสำนักของสำนักเสินสิงเหมินนั่นเอง นามว่าเทียนเฮ่อเจินเหริน ถือเป็นสุดยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
ฝ่าบาทพักอาศัยอยู่ที่สำนักเสินสิงเหมินเป็นเวลานาน ข้ามีเรื่องหยุมหยิมรัดตัวไม่ได้มาเยี่ยมคารวะด้วยตนเอง ขอฝ่าบาทได้โปรดอภัย เทียนเฮ่อเจินเหรินได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีที่ไม่หยิ่งยโสและไม่ถ่อมตน สมฐานะที่เขาเป็นถึงเจ้าสำนัก
หลี่ชิเย่รับคำตามอารมณ์คำหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงจิบน้ำชาในมือต่อไป
สำหรับท่าทีหลี่ชิเย่ที่เหยียดผู้อื่นเช่นนี้ พลันทำให้ศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับทยอยจ้องมองด้วยความโกรธ ทุกคนต่างไม่พอใจในตัวหลี่ชิเย่ กระทั่งมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ดวงตาทั้งสองแสดงความโกรธออกมา
กล่าวสำหรับศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินแล้ว เทียนเฮ่อเจินเหรินก็คือสัญลักษณ์สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา เวลานี้หลี่ชิเย่แสดงท่าทีเหยียดผู้อื่นเช่นนี้เท่ากับเป็นการดูถูกสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา เป็นการทำให้สำนักเสินสิงเหมินพวกเขาต้องอับอายขายหน้า แล้วจะไม่ให้ดวงตาทั้งสองของพวกเขาต้องพ่นเป็นความโกรธออกมาได้อย่างไร
ฝ่าบาท การพักอาศัยอยู่ที่สำนักเสินสิงเหมินไม่ทราบคุ้นเคยหรือไม่? เปรียบเทียบกับศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินที่โกรธแค้นนั้น เทียนเฮ่อเจินเหรินนับว่ายังสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้
พอจะแก้ขัดไปได้ หลี่ชิเย่มองหน้าเทียนเฮ่อเจินเหรินทีหนึ่ง ลุกขึ้นยืนและกล่าวเฉยเมยว่า อย่าลืมคำมั่นของสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าที่ได้ให้เอาไว้ คืนนี้ให้คุณหนูของพวกเจ้ามาอุ่นเตียงให้กับข้า พูดจบ หันหลังเดินจากไปทันที
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของเทียนเฮ่อเจินเหรินดูไม่จืดถึงขีดสุด เดิมทีเขาเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี แต่ว่า ในเวลานี้เขาก็ไม่สามารถระงับเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชน พลันบังเกิดอารมณ์โกรธอย่างรุนแรง เพียงแต่เขาในฐานะเจ้าสำนัก ไม่แสดงอารมณ์ออกทางใบหน้า เพียงส่งเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง
สำหรับศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินนั้น เมื่อได้ยินคำพูดที่อวดดีและสร้างความอับอายให้กับสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา พลันปรากฏเพลิงแห่งความโกรธออกจากดวงตาทั้งสอง กระทั่งขบขึ้ยวเคี้ยวฟัน
เช่อะ…ในเวลานี้เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็มีสีหน้าที่ปั้นยากสุดๆ ดูถูกและเชิดใส่ว่า คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า ไม่รู้จักเอาคันฉ่องส่องหน้าตนเอง!
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจนาง ล่องลอยจากไป จางเจี้ยนชวนจนปัญญา ได้แต่ติดตามไปให้ทันหลี่ชิเย่
อาจารย์ เจ้าเดรัจฉานน้อยนี่ทำเกินไปแล้ว…ครั้นหลี่ชิเย่จากไปแล้ว มีศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อดที่เอ่ยด้วยความเคียดแค้นขึ้นมา
นั่นสิ ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์คนอื่นๆ ต่างทยอยกันแสดงความเห็น กล่าวอย่างเคียดแค้นว่า เขาก็แค่ฮ่องเต้สิ้นชาติคนหนึ่งเท่านั้น มั่วโลกีย์ไร้ความสามารถ ปล่อยให้คนอย่างเขามาทำตามอำเภอใจในสำนักเสินสิงเหมินพวกเราได้อย่างไรกัน สำนักเสินสิงเหมินพวกเราไหนเลยยอมให้ฮ่องเต้ชั่วเช่นนี้มาทำกำเริบเสิบสาน มาสร้างความอัปยศแก่พวกเราได้
ดวงตาทั้งสองของเทียนเฮ่อเจินเหรินดูเย็นชา แววตาที่ลึกเข้าไปเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เรื่องราวจะจบลงอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
ท่านพ่อ เรื่องนี้สมควรจัดการให้จบ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า อาศัยเขา คิดจะแต่งงานกับข้า ฝันไปเถอะ!
ปิงเอ๋อร์ พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้ เทียนเฮ่อเจินเหรินกล่าวขึ้นช้าๆ ส่งเสียงฮึเย็นชา ท่าทีเย็นยะเยือก กล่าวสำหรับเขาแล้ว เขาย่อมไม่ปล่อยให้ลูกสาวของตนไปแต่งงานกับฮ่องเต้ที่สิ้นชาติคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฮ่องเต้ชั่วที่เหมือนหนึ่งคางคกตัวหนึ่งอย่างนั้น
หลังจากกลับถึงที่พักแล้ว จางเจี้ยนชวนที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่อ้าปากทำท่าจะพูดแต่ก็หุบปากเงียบ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา ความจริงแล้ว ภายในใจของเขาแบกรับความกดดันเอาไว้สูงมาก จะอย่างไรเสีย ในขณะนี้เขาก็ยังคงปกป้องหลี่ชิเย่อยู่ ในสายตาของศิษย์ร่วมสำนัก ตัวของเขากระทั่งถูกพวกเขามองว่าเป็นศิษย์ทรยศ
รู้สึกว่าข้าทำเกินไปแล้วใช่หรือไม่ จังหวะที่จางเจี้ยนชวนทำท่าจะพูด หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและเอ่ยขึ้น
จางเจี้ยนชวนหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า ฝ่าบาท ฝ่าบาทสามารถวางตัวเป็นมิตรกับทุกคนได้มากกว่านี้ เท่าที่เขาได้ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เขาเข้าใจว่าหลี่ชิเย่หาใช่เป็นคนประเภทโหดร้าย
อะไรเรียกว่าเป็นมิตร หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวแบบสบายๆ ว่า ถ้าหากเวลานี้ข้ายังคงเป็นฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีกองทัพใหญ่ทั้งเจ็ดอยู่ในมือ ข้ามาอยู่ที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเจ้าจะมีสภาพเช่นดใ? จางเจี้ยนชวน อ้าปากทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เกรงว่าทุกระดับชั้นของสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าคงได้แต่คุกเข่าเลีย หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า ขอเพียงข้าโกรธ ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าก็ต้องตัวสั่นงันงก อย่าหาว่านี่เป็นคำพูดที่ฟังไม่เข้าหูเลย ขอเพียงข้าสั่งการออกไปคำหนึ่ง ศิษย์เหล่านี้ของพวกเจ้ายังคงต้องหัวหลุดจากบ่ามิใช่รึ
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้มองหน้าจางเจี้ยนชวนทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า สิ่งที่เรียกว่าเป็นความอัปยศ สิ่งที่เรียกว่าเป็นศักดิ์ศรี มันก็แค่ใช้กับคนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น ต่อหน้าฮ่องแต้ไท่ชิง อย่าว่าแต่ศิษย์อย่างพวกเจ้าเลย แม้แต่ปรมาจารย์ของสำนักเสินสิงเหมินก็ต้องตัวสั่นงันงก เป็นเพียงเนื้อบนเขียงเท่านั้น สุดแต่คนเขาจะเชือดเฉือน เอาอะไรมาพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรี!
แต่ว่า…จางเจี้ยนชวนอ้าปากจะพูด แต่ว่า ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน และควรจะไปแก้ต่างอย่างไร
แต่ว่า เวลานี้ข้าคือฮ่องแต้สิ้นชาติคนหนึ่ง หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ยิ้มกล่าวว่า ถูกต้อง เวลานี้ข้าเป็นเพียงฮ่องแต้สิ้นชาติ ในสายตาของพวกเจ้า มันก็แค่พวกไร้ญาติขาดมิตร ความจริงแล้ว ในสายตาของข้าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเจ้า มันก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง เหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องแต้ไท่ชิงแทบอยากจะได้คุกเข่าเลียให้รู้แล้วรู้รอดไปด้วยซ้ำ ขณะที่ข้าพูดออกไปตามใจไม่กี่คำก็รู้สึกว่าเป็นความอัปยศ นั่นเป็นเพราะพวกเจ้ายังไม่เคยได้พบกับปณิธานที่แข็งกร้าวและจิตวิญญาณที่ไม่อ่อนข้อให้กับใครของข้าเท่านั้น!
เมื่อพวกเจ้าได้พบเห็นกลิ่นคาวเลือดที่ข้านำมาให้ล่ะก็ เวลานั้นก็ย่อมจะเข้าใจได้ว่า การได้คุกเข่าเลียเมื่ออยู่ต่อหน้าข้ามันนับเป็นคุณวุฒิอย่างหนึ่ง และเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่ง เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมา
จางเจี้ยนชวนถึงกับนิ่งเงียบ และสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือทอดถอนใจออกมาคำหนึ่ง จะอย่างไรเสียเขาก็คือศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมิน นาทีนี้เขาก็ไม่ต้องการจะพูดอะไรอีก
ออกไปเถอะ หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจ โบกมือเบาๆ จางเจี้ยนชวนแสดงคารวะแล้วก็ล่าถอยออกไปเงียบๆ
หลังจากที่จางเจี้ยนชวนได้กลับออกไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้นั่งสมาธิเข้าฌาน เพื่อบรรลุสัจธรรม และปล่อยจิตให้ล่องลอยไป
ในขณะนี้ ต้นโลกดึกดำบรรพ์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา แผ่ประกายที่จางๆ ออกมา ขณะที่ประกายแต่ละสายแผ่ลงมานั้น เสมือนดั่งได้บุกเบิกโลกธาตุโลกแล้วโลกเล่าขึ้นมา ประกายแต่ละสายคล้ายดั่งสัญลักษณ์ของการถือกำเนิดโลกธาตุที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมดใบแล้วใบเล่า
ทุกๆ โลกธาตุที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมดล้วนขมุกขมัวเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา ทุกสิ่งล้วนใหม่เอี่ยมแรกเริ่ม เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาที่ไร้ขีดจำกัด เปี่ยมด้วยความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขต ภายใต้ต้นโลกดึกดำบรรพ์ลักษณะเช่นนี้ เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างของโลกธาตุได้มีการถือกำเนิดขึ้น ฟ้าดินถือกำเนิดขึ้นที่นี่ แม้แต่สวรรค์ที่ดึกดำบรรพ์ก็ถือกำเนิดขึ้นมาใต้ต้นโลกดึกดำบรรพ์นี้เช่นกัน
บนต้นโลกดึกดำบรรพ์ ผลสัจธรรมผลแรกนับวันมีความสมบูรณ์ ผลสัจธรรมลูกสนเมื่อเอิบอิ่มสุกงอม ภายในผลสัจธรรมจะมีเมล็ดสัจธรรมขนาดจิ๋วนับล้านล้านเม็ด เมล็ดสัจธรรมทุกๆ เม็ดก็คือสุดยอดสัจธรรมสูงสุดที่สมบูรณ์แบบบทหนึ่ง ลำพังแค่ผลสัจธรรมลูกสนลูกหนึ่งก็มีการวิวัฒนาการความน่าจะเป็นที่ไร้ขอบเขตกำหนด
บนต้นโลกดึกดำบรรพ์ นอกเหนือจากผลสัจธรรมลูกสนที่กำลังสมบูรณ์แบบขึ้นอย่างมุ่งมั่นทุกวัน ผลสัจธรรมผลที่สองก็อิ่มเอิบสุกงอมได้ที่แล้ว
ผลสัจธรรมผลที่สองจะคล้ายเป็นลูกข่างเล็กๆ อันหนึ่ง ส่วนหัวของผลสัจธรรมจะมีเปลือกสัจธรรมที่หนามากอยู่ชั้นหนึ่ง เหมือนว่านี่คือเปลือกที่ลอกออกมาขณะสัจธรรมดึกดำบรรพ์ได้ถือกำเนิดขึ้นมา เสมือนหนึ่งเป็นการปิดประกาศถึงจุดเริ่มต้นของสัจธรรมทั้งหมดอย่างนั้น
ผลสัจธรรมนี้แข็งมาก มันมีเปลือกแข็งมาก เหมือนว่าผลสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้มันแตกได้ ลักษณะของผลสัจธรรมออกเป็นสีเหลืองหม่นทั้งลูก แลดูเหมือนหนักอึ้งอย่างยิ่ง คล้ายดั่งผลสัจธรรมขนาดเล็กผลนี้มีน้ำหนักถึงหนึ่งแสนตันอย่างนั้น
ส่วนปลายของผลสัจธรรมมีขนาดเล็กและแหลม คล้ายเป็นลูกข่างที่สามารถหมุนได้ตลอดเวลา และสามารถยืนหยัดอยู่อย่างนั้นไม่มีวันล้มลง
เหมือนว่าผลสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าเวลาใดก็ตามก็สามารถตั้งและหมุนอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าเวลาใดก็ตามก็สามารถโจมตีเข้าไปยังส่วนที่เป็นแกนหลักที่สำคัญที่สุดของเป้าหมาย ทั้งยังเกิดระเบิดขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัดจากการโจมตีครั้งเดียว เหมือนว่าไม่ว่าเวลาใดก็ตามมันก็สามารถระเบิดเป็นพลังที่ทำลายล้างรุนแรงออกมา สามารถทำให้ทุกอย่างแตกสลายได้ในทันที